จากบ้าน

1477 Words
และฉันก็ต้องหยุดลงเมื่อ “ฮัลโหลครับนายพวกมันตายหมดแล้วครับ” ฉันรีบกลับไปซ่อนที่เดิมเมื่อได้ยินตำรวจคนนั้นคุยโทรศัพท์กับใครบางคนและฉันก็รีบหันกล้องถ่ายเอาไว้ “ครับนายผมจะจัดการให้เรียบร้อย พอศพของพวกมันถูกไฟคลอกอยู่ในนี้หลักฐานทั้งหมดก็จะถูกไหม้ไปด้วยครับ” “นายไม่ต้องเป็นห่วงครับตอนนี้พวกตำรวจยศสูงๆ ก็เป็นพวกของนายหมดแล้วครับ ต่อให้มีคนไปแจ้งตำรวจหรือเอาหลักฐานไปให้ตำรวจจริงๆ พวกเราจะทำลายหลักฐานทั้งหมดเองครับ” ฉันร้องไห้ออกมาน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเมื่อได้ยินแบบนั้น ‘ฉันไม่สามารถช่วยอะไรพ่อกับแม่ตัวเองได้เลยสักนิดเดียว’ ฉันพูดกับตัวเอง “ครับนายผมจะตามหาลูกสาวมันให้เจอ แล้วฆ่ามันทิ้งซะ นายจะได้ครอบครองธุรกิจของพวกมันทั้งหมด อย่างหมดห่วงแน่นอนครับ” พอฉันได้ยินแบบนั้นฉันจึงกำมือแน่นด้วยความแค้น คนที่ต้องการจะฮุบธุรกิจของพ่อไปเป็นของตัวเองมีคนเดียวก็คืออาของฉัน จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าตาฉันพร่าเบลอไปหมด ‘แย่แล้ว’ ฉันเพิ่งร้องไห้มาตอนนี้ฉันกำลังจะหลับ ฉันรีบหนีออกมาทางประตูหลังบ้าน ก่อนตัวเองจะหลับ ในขณะที่ฉันกำลังจะหนี ป้านงค์ก็วิ่งเข้ามาหาฉัน พร้อมเอากระเป๋าบางอย่างยื่นให้ฉัน “คุณหนูคะ ในนี้มี สมุดธนาคารบัตรเอทีเอ็มที่คุณท่านเก็บเอาไว้ให้คุณหนู พาสปอร์ต และไดอารี่ของคุณหนูป้าเก็บเอาไว้ให้คุณหนูหมดแล้วค่ะ นี้เป็นกุญแจตู้เซฟ ที่คุณท่านเปิดไว้เมืองนอกป้าก็ไม่รู้ว่าที่ไหน แต่คุณท่านบอกป้าว่าคุณหนูจะต้องรู้แน่ๆ เพราะมันเป็นที่ที่คุณหนูเคยขอให้คุณท่านพาไปทุกปี” ฉันได้แต่ยืนร้องไห้ฟังในสิ่งที่ป้านงค์บอกฉัน “ขอบคุณนะคะป้า ที่ไม่ทิ้งลีฟ ลีฟไม่เหลือใครแล้ว” “เฮ้ย ไปตามหาลูกสาวมันให้เจอ” เสียงของพวกมันกำลังตามหาฉัน “พวกมันมาแล้วค่ะ คุณหนูรีบหนีไปค่ะ” “แล้วป้าละคะ” “คุณหนูไม่ต้องห่วงป้าพวกมันไม่สนใจแม่บ้านอย่างป้าหรอก คุณหนูรีบไปเถอะค่ะ” “ป้าระวังตัวด้วยนะคะ” ฉันรีบปีนรั้วหนีออกมาข้างบ้าน เพื่อไปหาที่ซ้อนแต่ฉันก็ง่วงมากจนใกล้หลับเต็มทีแล้วฉันวิ่งหนีไปตามทางเรื่อยๆ “ปี้นนนนน ปี้นๆ” ฉันล้มลงกองกับพื้นเมื่อได้ยินเสียงรถที่กำลังบีบแตรไล่ฉันมา ‘ฉันคงต้องตายแล้วจริงๆ สินะ’ ฉันหลับตายอมรับกับโชคชะตา “นี่ยัยลีฟขึ้นรถมาเร็วเข้า” พอฉันลืมตาขึ้นเห็นว่าเป็นยัยมิ้นฉันก็ดีใจมาก ฉันรีบลุกขึ้นรถไปกับยัยมิ้นทันที “นี่ยัยลีฟ ถ้าแกไม่ไหวแกก็หลับได้เลยนะถึงแล้วฉันจะปลุกแกเอง” มิ้นหันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง “อืม ขอบใจแกมากนะมิ้น ถ้าไม่ได้แกฉันคงต้องตายอยู่ข้างถนนแน่ๆ” ฉันพูดกับมิ้น “พูดอะไรแบบนั้นแกเป็นเพื่อนฉันนะ” ฉันได้ยินมิ้นพูดแค่นั้นแล้วก็หลับไป “อืมมม” ฉันลืมตาตื่นขึ้นเพราะแสงของดวงอาทิตย์แยงตา พอมองไปรอบก็เห็นว่าฉันยังนอนอยู่บนรถ และมีมิ้นนอนอยู่เบาะคนขับ ฉันเลยปลุกมิ้น “มิ้น มิ้น ยัยมิ้นตื่นได้แล้วววว” “โอ๊ยยย แกจะตะโกนทำไมเนี่ยเดี๋ยวหูฉันก็หนวกพอดี” “ก็ฉันปลุกแกตั้งนานแกไม่ยอมตื่นนิ แล้วทำไมแกมานอนอยู่บนรถเนี่ย” ฉันถามเพราะสงสัยว่าทำไมยัยนี้ไม่ไปนอนในโรงแรม “ก็ฉันปลุกแกทั้งคืนปลุกยังไงแกก็ไม่ตื่นฉันก็เลยนอนเป็นเพื่อนแกบนรถนี้ไง ทำไมแกขี้เซาแบบนี้เนี่ย” ยัยมิ้นบ่นให้ฉัน “ก็ถ้าฉันหลับแบบปกติก็ไม่ขี้เซาแบบนี้หรอกยะ นี้ฉันหลับเพราะร้องไห้มาเลยไม่ตื่นนะสิ” ฉันอธิบาย “อืมฉันรู้ แล้วแกจะเอายังไงต่อคิดไว้หรือยัง” มิ้นถามฉันอย่างจริงจัง “ยังเลย ฉันคงต้องไปหาที่ซ้อนตัวสักพัก” ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดี ฉันมืดแปดด้านมองไปทางไหนก็เคว้งคว้างไปหมด “แกจะไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่ที่บ้านฉันก่อนก็ได้” มิ้นพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง “ขอบใจแกมากนะมิ้น แต่ฉันคงไม่ไปอยู่กับแก พวกนั้นมันเลวมากถ้ามันรู้ว่าแกช่วยฉันแกอาจจะต้องเดือดร้อนไปด้วย” ถ้าฉันไปอยู่ที่บ้านมิ้นครอบครัวมิ้นต้องโดนแบบที่ฉันโดนแน่ๆ ฉันจะไม่ยอมให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันหรอก “แล้วแกจะไปอยู่ไหน” “ฉันว่าจะไปที่ที่หนึ่ง แต่ฉันว่าแกไม่รู้น่าจะปลอดภัยกับตัวแกที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกที่นั่นปลอดภัย ฉันอาจจะต้องขาดการติดต่อไปสักพักแกสบายใจเถอะฉันไม่เป็นไร” ฉันว่าจะหลบไปอยู่ที่เกาหลีน่ะเพราะกุญแจเซฟที่ป้ามอบให้ฉันมันคือที่เกาหลี นึกถึงอดีต เพราะตอนเด็กๆ ฉันเคยบอกพ่อว่าฉันอยากไปเกาหลีแต่ตอนนั้นบ้านเรายังไม่มีฐานะ พ่อเลยพาฉันไปไม่ได้แต่พ่อก็สัญญาว่าจะพาฉันไปให้ได้ “ได้สิลูกพ่อสัญญาว่าสักวันหนึ่งพ่อจะพาลูกไปให้ได้” “จริงหรอคะพ่อ” “อื้มม จริงสิเพื่อนางฟ้าตัวน้อยของพ่อ พ่อจะพยายาม” “สัญญานะคะ ลีฟรักพ่อที่สุดเลย ฟอด ฟอด” ณ สนามบิน หลังจากที่บอกลากับมิ้นเสร็จฉันก็รีบมุ่งหน้ามาที่สนามบินทันที ฉันต้องรีบออกนอกประเทศให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกมันจะปิดทางเข้าออกประเทศฉัน ตำรวจยศใหญ่หลายคนเป็นพวกของมันถ้าจะสั่งห้ามฉันออกนอกประเทศก็ไม่น่ายากสำรับพวกมัน ในระหว่างที่รอเครื่องขึ้นและรอให้เครื่องลงจอดที่สนามบินปลายทาง ฉันก็เขียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดลงไดอารี่พร้อมระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจอันแสนเจ็บปวดและทรมานของตัวเองลงไป เพื่อข่มอารมณ์ของฉันไม่ให้ร้องไห้ออกมา และต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งให้มากที่สุด บันทึกไดอารี่ ฉันได้แต่นั่งกำล็อกเกตบนคอตัวเองเอาไว้เพื่อให้มันปลอบใจฉัน ‘แม่คะพ่อคะ ลีฟทำตามที่แม่บอกแล้ว เวลาที่คิดถึงพ่อกับแม่ให้ลีฟมองล็อกเกตนี้เพราะมันคือตัวแทนของพ่อกับแม่’ ‘แต่แม่คะสร้อยเส้นนี้มันเป็นตัวแทนของพ่อกับแม่ไม่ได้เลยค่ะ และคงไม่มีอะไรบนโลกนี้แทนพ่อกับแม่ได้ด้วย’ ‘พ่อคะตอนนี้ลีฟกำลังพยายามเข้มแข็งอยู่อย่างที่พ่อเคยบอก ว่าพ่อเชื่อในตัวลูกคนนี้ บอกว่าลูกของพ่อเข้มแข็งที่สุด’ ‘แต่พ่อคะ ตอนนี้ลีฟแทบจะเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวแล้ว แม้แต่แรงที่จะก้าวเดินตอนนี้ยังแทบไม่ไหวเลยค่ะ’ ‘ตอนนี้ลูกของพ่อไม่เข้มแข็งเหมือนที่พ่อเคยเชื่อในตัวลีฟแล้ว พ่อจะผิดหวังในตัวลูกคนนี้ไหมคะ ลูกที่ไม่เอาไหน ลูกที่ช่วยพ่อกับแม่ไม่ได้ ลูกที่แม้แต่จะทวงความยุติธรรมให้พ่อกับแม่ยังทำไม่ได้ พ่อกับแม่คงจะผิดหวังและโกรธลีฟมากเลยใช่ไหม’ ‘แม่คะ ตอนนี้ลีฟอยากร้องไห้มากๆ เลย แต่ลีฟคงทำไม่ได้อีกแล้วเพราะต่อไปนี้คงจะไม่มีใครมาคอยดูแลตอนที่ลีฟร้องไห้และหลับไปอีกแล้วค่ะแม่ และตอนนี้ลีฟต้องไปใช้ชีวิตเพียงลำพังในที่ที่ลีฟไม่คุ้นเคยแม้แต่เพื่อนหรือคนรู้จักสักคนลีฟก็ไม่มี ลีฟกลัวจังเลยค่ะแม่’ ณ สนาสนามบิน ในเกาหลี ตอนนี้ฉันมาถึงเกาหลีแล้ว ฉันต้องมาใช้ชีวิตในที่ที่ไม่ใช้ที่ของฉันในที่ที่ฉันไม่คุ้นเคยในที่ที่แม้แต่เพื่อนหรือคนรู้จักสักคนก็ไม่มีแบบนี้ฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้างนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD