บทที่ 3

1838 Words
   บทที่ 3        บนโต๊ะข้างเตียงนอนของโยษิตาคือรูปภาพของบิดาที่กำลังอุ้มหล่อนเอาไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวแตะปลายนิ้วลงบนภาพบานนั้นด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้มละมุน แต่ไม่นานนัก รอยยิ้มอ่อนหวานกลับจางลง เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าคนในรูปภาพนั้นไม่ได้อยู่บนโลกใบอีกต่อไปแล้ว       หญิงสาวถอนหายใจบางเบา คิดถึงอดีตเด็กหญิงโยษิตาเมื่อยี่สิบปีก่อน เวลานั้นหล่อนอายุเพียงห้าขวบ เป็นลูกสาวของพ่อมนัส ท่านเคยเป็นคนสนิทของคุณเมธัตเมื่อวัยหนุ่ม หลังเลิกราจากมารดาของหล่อน ท่านรับหล่อนมาดูแลด้วยตัวเอง หญิงสาวยังจำได้ว่าตนวิ่งเล่นภายใต้คฤหาสน์แห่งนี้ทุกเมื่อเชื่อวันเมื่อบิดาต้องติดตามคุณเมธัตออกไปทำงาน หล่อนจะอยู่ในความดูแลของแม่บ้านคนเก่า ซึ่งถือเป็นคนสนิทของคุณผู้หญิงที่เสียชีวิตไป ส่วนมารุต…      โยษิตาหยุดชะงัก ไม่อยากคิดถึงเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึง เวลานั้นมารุตเป็นเด็กชายร่างสูงเก้งก้าง อายุห่างกว่าหล่อนเจ็ดปี เขาค่อนข้างถือตัวเพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างคุณหนู และไม่เคยมาสุงสิงกับหล่อนซึ่งเป็นเพียงลูกสาวตัวน้อยของคนสนิทของบิดา แต่เมื่อมารดาของเขาเสียชีวิต มารุตถูกส่งตัวไปเรียนต่างประเทศทันทีหลังจากจบชั้นประถมศึกษาจากเมืองไทย       วันเวลาผ่านไป ต่างคนต่างเติบใหญ่เป็นหนุ่มสาว เมื่อมารุตกลับมานั้น หล่อนอายุยี่สิบเอ็ดปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่สาม ส่วนเขาอายุยี่สิบแปด เรียนจบนานแล้วแต่ไม่ยอมกลับเมืองไทยให้เป็นเรื่องเป็นราว เทียวไปเทียวมาจนคุณเมธัตเอ่ยปาก มารุตจึงตัดสินใจกลับบ้านในที่สุด พอกลับมาก็กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว รูปหล่อ หอมฟุ้ง และเจิดจรัสพราวพร่าง ได้รับความสนใจในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของคุณเมธัต อย่างล้นหลาม เพราะส่อแววนักธุรกิจอนาคตไกลไม่แพ้บิดา รอบกายมีสาวสวยล้อมรอบคอยเอาใจ เพื่อนฝูงมากมาย แต่ละคนดูหรูหราฟู่ฟ่า      แต่ที่ทำให้หล่อนจดจำได้ขึ้นใจก็คือวันที่ได้สบตากันเป็นครั้งแรกในห้องครัว นอกจากมีงานเลี้ยงต้อนรับแล้ว วันนั้นยังเป็นวันเกิดของเขาอีกด้วย  มารุตมองหล่อนอย่างพินิจ นิ่งนาน คล้ายแปลกใจว่าหล่อนเป็นใคร หน้าไม่คุ้น แต่ยังไม่ทันได้ทักทายหรือพูดคุย เพื่อนสาวคนสวยของเขาก็ตามเข้ามากอดแล้วดึงตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงร้องเพลงที่ดังขึ้น      “เฮ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจยาว เหลือบตามองนาฬิกาแล้วขบเม้มริมฝีปาก บางทีก็อยากนอนหลับลงไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ในความเป็นจริง ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด      ติ๊ง!      นาฬิการ้องเตือนบอกเวลาสามทุ่มตรง       เกลียดเขาเหลือเกิน คนร้ายกาจ เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว ไม่เคยรักใคร!      หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมา แล้วผุดลุก พยายามปั้นหน้าให้เย็นชาเข้าไว้ อย่าให้ใครรู้ว่าหล่อนก็มีความรู้สึก รักเป็น เจ็บเป็น…      ร่างบางก้าวออกมาจากห้องนอนส่วนตัวชั้นล่าง มุ่งหน้าตรงไปยังบันไดสู่ชั้นบน แต่เท้ายังไม่ทันแตะบันไดขั้นแรก ร่างระหงในชุดนอนแสนเซ็กซี่ก็ก้าวมาขวางหน้าเอาไว้อีกหน      “ได้เวลาเสิร์ฟของคาวกลางดึกหรือจ๊ะ คุณแม่บ้าน”      รอยยิ้มดูถูกของวารุณีทำให้โยษิตาเปิดยิ้มตอบ      “จะของหวานหรือของคาวก็ไม่เห็นจะสำคัญเลยจริงไหมคะ เพราะที่สำคัญคือถ้าฉันไปช้ากว่านี้อีกนิด คืนนี้คงไม่ได้หลับได้นอน”      คำตอบของหญิงสาวทำให้วารุณีเม้มปาก ดวงตาวาววับขึ้นด้วยความโกรธเกลียดและริษยาคนตรงหน้าเต็มที! ก่อนกระซิบออกมาว่า      “หน้าด้าน!”      โยษิตาตวัดสายตามองคนพูด ริมฝีปากเม้มสนิทหักยิ้ม แต่ดวงตานั้นวาววับ      “ขอตัวนะคะ”      พูดจบร่างบางก็ก้าวผ่านหน้าวารุณีขึ้นบันไดไปอย่างไม่ยอมเสียเวลา ทำให้ภรรยาสาวของประมุขคฤหาสน์จิรประทีปต์มองตามด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มดั่งไฟสุมใจ      “อย่าคิดว่าแน่ สักวันฉันจะเขี่ยเธอให้พ้นทาง โยษิตา!”      คนที่หันหลังให้ชะงักลงเพียงนิด ก่อนจะก้าวต่อไปอย่างไม่คิดสนใจอีก จากนั้นผู้หญิงสองคนในฐานะที่แตกต่างจึงแยกจากกันคนละทาง       โยษิตาปิดประตูห้องของมารุตลงด้วยมือที่สั่นนิดๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มก้าวออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงชะงักมือที่กำลังถือผ้าขนหนูเช็ดศีรษะ ดวงตากคมกริบสบตาคู่สวยของคนที่หันกลับมายังเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม      โยษิตาไม่ได้ตอบคำถามจากสายตาคู่นั้น แต่ก้าวเข้าไปหาพร้อมกับยื้อผ้าขนหนูในมือของชายหนุ่มมาถือเอาไว้เสียเอง ร่างสูงหันหน้าเข้าหาคนตัวบาง มองตาหล่อนนิ่งราวค้นคว้าขณะที่หญิงสาวเช็ดศีรษะให้เขาไปพลาง      “นั่งลงดีกว่าไหมคะ” ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบของหญิงสาวไม่ช่วยอะไรเมื่อเทียบกับคนที่สูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบอย่างมารุต แต่เขากลับยืนนิ่ง เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับรวบเอวคอดเอาไว้แล้วอุ้มหล่อนขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน      “แบบนี้ดีกว่า” พูดจบก็จูบปากหล่อนหนักๆ อย่างจะแกล้งเสียมากกว่า แววตาพราวพร่างอย่างคนอารมณ์ดีขณะถอยหลังไปจนชนเข้ากับเตียงกว้างแล้วทิ้งตัวนั่งลงโดยมีร่างบางอยู่ตักของเขา      หัวใจของโยษิตาค่อยๆ เต้นแรงขึ้น เมื่อใบหน้าคมคายซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องของตน ทำให้มือที่ถือผ้าเช็ดผมให้นั้นเริ่มสั่น      “คุณรุต! อยู่เฉยๆ ก่อนจะได้ไหมคะ” ขึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด ทำให้คนที่ชอบกวนกายกวนใจเลิกคิ้ว ทำหน้าเหลอหลาแล้วก้มลงซบหน้ากับทรวงอกนุ่ม ไซ้ริมฝีปากหนักหน่วงไปอีก ทำให้คนที่ตั้งใจเช็ดผมให้แห้งหมดอารมณ์ หล่อนไม่น่าลืม ว่าเขามันประเภทยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ!       ผ้าขนหนูผืนเล็กหลุดมือ พร้อมกับร่างบางที่ถูกผ่อนลงบนเตียงกว้าง แล้วผ้าขนหนูอีกผืนที่พันรอบสะโพกสอบของมารุตก็หลุดตามไป หญิงสาวหลุบตามองแผงอกกำยำอย่างคนที่หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลื่อนสายตาลงต่ำหยุดลงแค่หน้าท้องแกร่งรีบตวัดสายตาขึ้นมองใบหน้าของเขา จึงได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนเจ้าเล่ห์ที่ทาบทับลงมา ดวงตาคู่งามสบตาคมกริบอีกครั้ง เมื่อเขาเคลื่อนเข้าหาจนเกือบชิด ริมฝีปากที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้จึงเผยอออก รับปลายลิ้นร้อนรุ่มและช่ำชอง สองแขนขยับโอบกอดลำตัวแข็งแกร่ง      หล่อนเกลียดเขา…แต่      เกลียดตัวเองมากกว่า เกลียดที่โหยหา รอคอยสัมผัส รสจูบและอ้อมแขนคู่นี้ทุกคืน ทุกวัน…       เวลา 15.10 น. ที่อาคารจิรประทีปต์ กรุ๊ป ภายในห้องทำงานของมารุต      เสียงเครื่องติดต่อภายในดังขึ้น ทำให้คนที่ก้มหน้าอ่านเอกสารเอื้อมมือไปกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป สายตายังคงไล่อ่านเอกสารไม่หยุด      “ว่าไงคุณปัด”      “คุณณิชาขอพบค่ะ เธอบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของคุณรุต”      ดวงตาสีเข้มตวัดมองไปที่นาฬิกาตั้งโต๊ะ คิ้วหนาย่นเข้าหากันอย่างแปลกใจวันนี้ไม่ใช่วันนัด แต่ครู่เดียวเท่านั้นน้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยออกมาว่า      “เชิญคุณณิชาเข้ามาได้เลยคุณปัด”      สิ้นสียงห้าวทุ้มไม่กี่วินาที ประตูถูกเคาะพร้อมกับร่างระหงของสาวสวยที่ก้าวเข้ามาพร้อมปัทมา      “รุต” ร่างสูงโปร่งไม่ต่างจากนางแบบก้าวตรงไปหาคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ปัทมามองหน้าเจ้านายแวบหนึ่งก่อนหมุนตัวออกจากห้อง เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืน      “สวัสดีณิ”      สาวสวยยกมือขึ้นคล้องไปรอบลำคอของชายหนุ่ม โน้มศีรษะเขาลงมาหา ประทับเรียวปากสีพีชเข้มกับริมฝีปากได้รูปของมารุตอย่างรวดเร็วแต่เนิ่นนาน จนกระทั่งชายหนุ่มดันหล่อนออกเบาๆ หญิงสาวจึงยิ้มหวาน เบียดกายกอดเขาเอาไว้      “คิดถึงรุตจังเลยค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน” ยกมือขึ้นลูบไล้แผงอกกำยำของเขาราวจะปลุกเร้า มารุตหลุบตามองสาวงามในอ้อมแขน ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มก่อนจะดันหล่อนออกพลางบอก      “ผมต้องทำงานอีกชั่วโมงหนึ่ง คุณรอผมได้ไหม หรืออยากพักผ่อน ผมจะได้ให้คนไปส่งที่บ้าน” เขาจูงมือหญิงสาวตรงไปยังโซฟาที่มุมห้อง กดบ่าไหล่ขาวผ่องที่โผล่พ้นเดรสสีสดให้นั่งลงบนโซฟาหนานุ่ม ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงาน       “ณิรอกลับพร้อมคุณดีกว่าค่ะ” ตอบขณะมองตามร่างสูงกำยำด้วยแววตาพอใจ      “ตามใจ” เขาตอบ เงียบไปอึดใจจึงถามออกมาอีก “ทำไมมาเร็วนักล่ะ ไหนคุณบอกว่าอีกสามสี่วัน”       เขาเอ่ยถามขณะพลิกหน้ากระดาษ คนถูกถามยิ้มหวาน ยกท่อนขาเรียวงามที่โผล่ออกมาจากเดรสสั้นเหนือเข่าไขว้ทับขาอีกข้างอย่างภาคภูมิใจในสรีระที่ไม่ด้อยไปกว่าใครเลย      “ณิเปลี่ยนใจน่ะค่ะ ก็เลยมาก่อนกำหนด รุตไม่โกรธใช่ไหม”      มารุตเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของเสียงหวานฉ่ำ ก่อนหลุบตาลงมองปลีน่องเรียวสวย นวลเนียน มุมปากหยักยิ้มๆ ก่อนตอบ      “ผมจะโกรธไปทำไม”      ณิชายิ้มหวานพลางไหวไหล่เบาๆ      “ก็นั่นน่ะสิคะ นอกจากไม่โกรธ ควรดีใจด้วยซ้ำไป จริงไหมคะ”      คนถูกถามไม่ตอบ มีเพียงรอยยิ้มติดอยู่ที่มุมปากของเขาเท่านั้น       ณิชามองใบหน้าคมคายที่ตนหมายปองเอาไว้ด้วยแววตาชื่นชม แล้วกวาดตามองไปรอบห้องทำงานของชายหนุ่ม ทุกอย่างประกาศรสนิยม ประกาศฐานะ อิทธิพลและอำนาจในมือ มารุตไม่เพียงรูปหล่อ แต่ฐานะมั่นคงเป็นปึกแผ่นจนหล่อนไม่อาจมองข้าม และการที่เขายอมให้เข้าพักที่บ้านของเขาก็ย่อมหมายถึงว่าหล่อนมีความสำคัญต่อเขาไม่น้อย มันคือความหวังที่เจิดจ้าขึ้นทันทีหลังจากเขาตอบรับตอนที่หล่อนโทร.ทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD