บทที่ 2

2000 Words
บทที่ 2       สามทุ่มตรง…        เจ้าของห้องหลุบตามองที่นาฬิกาครั้งที่หนึ่ง ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง จึงมองนาฬิกาเป็นครั้งที่สอง ริมฝีปากได้รูปเม้มสนิท แนวกรามเริ่มขยับเบาๆ จนเป็นสัน กระทั่งเวลาสี่ทุ่มตรง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสองสามทีแล้ววางลง ริมฝีปากที่เม้มเมื่อครู่กระตุกขึ้น มุมปากหักโค้งนิดๆ ดวงตาวาววับยามคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่เกินห้านาทีข้างหน้า      ห้านาทีต่อมา…      ก๊อก ก๊อก ก๊อก      เสียงประตูห้องถูกเคาะ ทำให้คนที่อยู่ในชุดนอนสวมเสื้อไม่ติดกระดุมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ แล้วมองตรงไปที่ประตูห้อง เพียงครู่เดียวประตูบานนั้นก็เปิดกว้างพร้อมกับร่างกลมกลึงที่ผ่านเข้ามา จากนั้นประตูจึงถูกปิดลงอีกครั้ง       มารุตวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง เขาเอนแผ่นหลังกับหมอนใบโต ดวงตาสีเข้มมองตรงไปยังร่างระหงที่กำลังก้าวเข้ามาหา       หญิงสาวในชุดคลุมสีน้ำเงินหยุดลงตรงหน้าเตียง ใบหน้างามเรียบเฉย ริมฝีปากเม้มนิดๆ ดวงตามองคนที่นอนสบายอยู่บนเตียงนั้นวาววับวูบหนึ่ง เพียงวูบเดียว เป็นวูบสั้นๆ แต่ทำให้คนที่กอดอกนิ่งๆ กระตุกยิ้ม แล้วละมือมากระตุกข้อมือเล็กของคนที่ยืนเป็นผีดิบเข้าไปหาตน      หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ เมื่อล้มลงไปทาบทับคนตัวโตหน้านิ่ง มือเรียวผลักแผ่นอกกว้างตึง ร่างกายเบียดบดร่างกำยำ ใบหน้าห่างกันแค่คืบ ดวงตาสองคู่สบกันอย่างเอาเชิง      “มาช้านะ” ไม่พูดเปล่า แต่คนบนเตียงขนาดคิงไซซ์ยกมือขึ้นบีบปลายคางมน ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นวูบหนึ่ง “คราวหน้า ถ้าช้าแบบนี้อีก เจอดี”      ริมฝีปากอิ่มเผยอออกจากกัน ก่อนจะสะบัดใบหน้าออกจากฝ่ามือใหญ่แต่เรียวยาวของคนร้ายกาจที่เรียกตนขึ้นมาหาด้วยความรู้สึกเจ็บใจเพราะทำอะไรไม่ได้เลย      “คิดว่าคุณต้องการพักผ่อนมากกว่า”      เมื่อได้ยินคำตอบจากเจ้าของร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นก็เลิกคิ้วสูง มุมปากข้างหนึ่งหยักยก ใบหน้าคมเข้มเจือยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่รู้ทันแกมหมั่นไส้!      “ฮึ!”       เขาทำเสียงไม่เชื่อ แต่หญิงสาวเหลือบตามองไปทางอื่น ช่างเขาสิ ไม่เชื่อก็ไม่สน!      “หันมา” เขาสั่งเสียงเรียบ แต่คนฟังรับรู้ทันทีว่าเขาจริงจังแค่ไหน จำต้องหันกลับไปหา ตาสบตาแล้วขบเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เมื่ออีกฝ่ายจับมือหล่อนวางลงบนอกที่ตึงแน่นเปลือยเปล่า หญิงสาวได้แต่มองตาเขาอย่างโกรธแค้น อยากเปลี่ยนจากอาการลูบไล้เบาๆ มาเป็นขีดข่วน ตะกุยให้สาแก่ใจ แต่ที่ทำได้นั้นคือ…      “อืม”       เสียงที่ออกมาจากลำคอของมารุตทำให้คนฟังรับรู้ได้ว่ากำลังทำให้เขาพอใจ หญิงสาวอยากเปลี่ยนจุมพิตบางเบาที่ปะพรมบนแผ่นอกหนาเป็นขย้ำกัดให้กระจุยแทนเสียจริง แต่กระนั้นหล่อนก็ยังคงทำ ‘หน้าที่พิเศษ’ ของตนอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ขณะที่เจ้าของร่างใหญ่โตหรี่ตาแคบ เฝ้ามองการกระทำของคนบนร่างตนอย่างรอคอย ก่อนครางออกมาเบาๆ เมื่อร่างแน่งน้อยสลัดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าน่าหลงใหลที่ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงไปอย่างช้าๆ แต่กลับทวีความหฤหรรษ์มากยิ่งขึ้นจนหัวใจเต้นแรง      “อืม ใช่ แบบนั้นแหละใช่แล้ว โยษิตา…”      เสียงกุกกักดังตามจังหวะการควบคุมของคนด้านหลัง ขณะที่ใบหน้าแดงก่ำของเจ้าของร่างอ้อนแอ้นแนบซบอยู่กับที่นอน สองมือขยำผืนผ้าจนยับย่น พยายามขบเม้มริมฝีปากเอาไว้ไม่ให้หลุดเสียงน่าละอายออกมา ทว่าแรงเสียดสีที่กระแทกกระทั้นไม่หยุดนั้นทำให้ไม่อาจทำได้ดั่งใจคิด      “อ๊ะ!”      แผ่นหลังนวลเนียนชื้นเหงื่อ ไม่ต่างจากร่างกำยำที่เคลื่อนไหวกายก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ต่อให้เปิดเครื่องทำความเย็นต่ำสุด ทั้งคู่ก็ยังคงฉ่ำไปด้วยหยดน้ำอยู่ดี      หญิงสาวสะดุ้ง เมื่อริมฝีปากอุ่นประทับลงมาบนลาดไหล่ แล้วเลื่อนจูบลงบนแก้มนุ่มพลางขบเม้มใบหูบอบบาง อกกว้างแนบแผ่นหลังเนียน สะโพกบดเบียดเสียดเสยไม่เว้นวรรค มือใหญ่รวบกุมทรวงอกอวบอิ่ม สะกิดเย้า คลึงเคล้นแล้วเลื่อนลงรั้งเอวกลม แผ่นหลังเย็นวาบเมื่อความอบอุ่นจากอกกว้างหายไป แต่ส่วนที่เชื่อมสัมพันธ์กันระหว่างความเป็นชายและความเป็นหญิงกลับยิ่งแนบชิด บดขยี้ โหมซัด…      “อ่าห์…”       ความหนักหน่วงที่แนบแน่นสร้างคลื่นความกระสันพุ่งพล่าน สิ่งเดียวที่จะสยบความทรมานนี้ได้คือเร่งรุดไปให้ถึงฝั่งสวรรค์       โยษิตาหลับตาลงอย่างยอมจำนนเมื่อร่างกายส่วนหนึ่งตอบรับเขาอย่างราบคาบ แม้ต้นทางจะเต็มไปด้วยความคับแค้น ขัดขืนและต่อต้านอยู่ในใจ แต่ระหว่างทางนั้นมีเพียงความยินยอม โอนอ่อนพร้อมไปกับเขาให้ถึงจุดหมายปลายทาง…      เมื่อร่างกำยำซวนซบลงมา หญิงสาวจึงทอดถอนลมหายใจด้วยอาการสั่นสะอื้น ร่างทั้งร่างยังสั่นระริก ขนกายยังชูชัน สิ้นไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง ปล่อยให้เขาซุกไซ้จูบซับไปทั้งซอกคอและผิวแก้ม ครู่ต่อมาเขาผละจากร่างหล่อน แล้วรั้งกายเปลือยเปล่าสีเรื่อให้พลิกกลับ ดวงตาสีเข้มกวาดตามองร่างงามที่เป็นเจ้าของสรีระอ่อนช้อยด้วยสายตาพอใจ ดึงหล่อนเข้ามาหาแล้วก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มสีแดงจัดเนิ่นนาน มือวางรวบขยำดอกบัว สะกิดส่วนยอดราวจะเย้า กลับทำให้บัวตูมผลิบานขึ้นอีกครั้งอย่างไม่อาจต้านทานพลังธรรมชาติ เช่นเดียวกับปลีน่องเรียวงามที่ขยับเปิดทางให้ลำตัวแข็งแกร่งเข้าประชิด เสียงกระเส่าเริ่มดังขึ้นอีกครั้งเมื่อส่วนสาวถูกเติมเต็ม ร่างน้อยแอ่นระแน้ป้อนยอดปทุมเข้าสู่อุ้งปากอุ่น ปล่อยให้เขาขบเม้มละเลียดชิมอย่างคนเอาแต่ใจ สองมือที่กระตุกผ้าขยุ้มดึงสะบัดออก แล้วเลื่อนขึ้นเกาะกดศีรษะได้รูปเอาไว้แน่น หายใจสะท้านเป็นห้วง ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยตัวปล่อยใจสู่โลกอีกใบที่คุ้นชิน…       อาหารบนโต๊ะถูกจัดวางอย่างสวยงามจนน่ารับประทานเฉกเช่นทุกวัน มารุตในเครื่องแต่งกายเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก้าวมาในห้องอาหารเป็นคนแรก ดวงตามองไปยังร่างระหงที่ก้าวเข้ามา       โยษิตาไม่ยอมสบตาคมกริบคู่นั้น มือเรียวตักข้าวใส่จานให้อีกฝ่าย แล้วกำลังจะถอยห่างแต่กลับถูกมือใหญ่ซุกซนบีบเบาๆ ที่บั้นท้ายงอนงาม จนเจ้าของบั้นท้ายอวบอุ่นหน้าร้อนซู่รีบถอยห่างออกไปทันที เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างงามพริ้งของวารุณีก้าวเข้ามาพร้อมสามีของหล่อน ดวงตาคู่สวยที่ถูกตกแต่งอย่างดีไหววูบเมื่อทันเห็นมือใหญ่ของมารุตเพิ่งละจากบั้นท้ายของแม่บ้านสาวสวย แต่ใบหน้าคมคายของเขาเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอารมณ์      “โทษทีพ่อตื่นสายไปนิด” เมธัตบอกกับลูกชายยิ้มๆ สายตาปรายมองไปที่ภรรยาสาว ผู้เป็นสาเหตุให้ตนต้องตื่นสายในเช้านี้ ทว่าลูกชายของเขาเพียงแค่ไหวไหล่เบาๆ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น นั่นทำให้วารุณียิ่งร้อนวูบวาบในช่องอก ดวงตาตวัดมองไปที่ร่างกลมกลึงของแม่บ้านสาวของสามี นึกเกลียดใบหน้าสวยที่มีแต่ความเย็นชาเป็นนิจนั้นขึ้นใจ…      “ผมก็เพิ่งตื่นเหมือนกันครับ” เขาบอกพ่อ ริมฝีปากมีรอยยิ้มนิดๆ สายตาเลื่อนไปหยุดยังร่างที่ยืนเยื้องบิดาของตนออกไป ทำให้เมธัตมองไปที่โยษิตาราวกับรู้ทัน ได้แต่อมยิ้มในขณะที่แม่บ้านสาวสวยกลับเม้มปาก รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้ากับสายตาราวจะประกาศของมารุต      วารุณีเม้มปากฉับ ตวัดตาค้อนสาวสวยที่มีฐานะเพียงแม่บ้านด้วยอารมณ์กรุ่นๆ ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดประชดประชันว่า      “ช่วยเติมข้าวให้หน่อยสิคะคุณแม่บ้าน อย่ามัวแต่ยืนเหม่อเหมือนคนที่ยังตื่นไม่เต็มตาแบบนั้นหน่อยเลย”      สิ้นเสียงหวานประชดประชันโยษิตาก็ก้าวเข้ามาพร้อมตักข้าวใส่จานให้ทันที ก่อนจะถอยออกไปยืนในที่ของตน รู้สึกขุ่นเคืองใจแต่ก็ทำได้เพียงแค่เก็บเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น      ใช้เวลาเพียงสิบห้านาที มารุตก็ลุกออกจากโต๊ะ เขาเหลือบตา มองโยษิตาแวบเดียว หญิงสาวจึงต้องก้าวตามอีกฝ่ายออกไปเหมือนทุกวัน      เมื่อร่างสูงเข้าไปนั่งภายในรถยนต์ หญิงสาวจึงส่งเอกสารสำคัญให้ เขาสบตาหล่อนนิ่ง ริมฝีปากมีรอยยิ้มจาง ขณะที่ร่างบางก้าวถอยออกมายืนส่งเขาที่ขั้นบันได จากนั้นรถยนต์คันโตที่มีคนขับรถประจำก็เคลื่อนตัวออกไป แม่บ้านสาวผ่อนลมหายใจยาวแล้วหมุนตัวกลับเข้าข้างใน ทว่าต้องชะงักเมื่อร่างระหงของวารุณีก้าวมาหยุดขวางหน้าเอาไว้ ภรรยาสาวสวยของคุณเมธัตยกมือขึ้นกอดอก สายตากวาดมองแม่บ้านสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากแสยะยิ้มอย่างดูแคลน       “ทำไมไม่ตามไปเสิร์ฟจนถึงบริษัทเลยล่ะ เสิร์ฟเช้า กลางวัน เย็น แล้วก็ก่อนนอน”       โยษิตาเหลือบตาขึ้นมองผู้หญิงรูปสวยแต่ปากเสียตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่ง มือทั้งสองกุมแนบที่บริเวณหน้าท้อง       “ไม่มีคำสั่งจากคุณรุตค่ะ”      ได้ยินดังนั้นคนฟังแสยะยิ้ม ก้าวช้าๆ เดินวนรอบตัวของโยษิตา      “อ้อ ถ้าเขาสั่ง เธอคงวิ่งแนบตามไปปรนเปรอ อุ๊ย!” ยกมือขึ้นป้องปากเมื่อแม่บ้านสาวตวัดสายตาขึ้นมอง ก่อนจะหัวเราะคิก “ขอโทษพูดผิด จะบอกว่า เธอคงจะรีบตามไปปรนนิบัติเขาทันทีสินะ ถ้าได้รับคำสั่งน่ะ”      หญิงสาวยังคงมองคนพูดจากระแนะกระแหนเสียดสีตนด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่ยอมให้คำพูดดูแคลนที่ถูกสาดเข้ามาทำให้เกิดความโกรธจนขาดสติ       “ดิฉันเป็นเพียงลูกจ้าง หากเจ้านายสั่ง ดิฉันก็ต้องทำตาม”      คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้มือที่กอดอกทิ้งลงแนบลำตัว ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวด้วยความโกรธขึ้ง แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรต่อ สาวใช้อีกคนก็ก้าวออกมาจากภายในบ้าน      “คุณวาคะ คุณท่านเรียกหาค่ะ”      วารุณีกำมือแน่น ตวัดสายตามองสาวใช้คนนั้นแวบหนึ่งก่อนหันกลับมามองโยษิตา คลายมือที่กำเอาไว้ออก ยิ้มเยาะก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าข้างในทันที      มาลีรอจนภรรยาเจ้านายเดินจากไปแล้วจึงขยับเข้าไปหาหัวหน้าแม่บ้านสาวสวยด้วยความเป็นห่วง      “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่โย”       โยษิตาสบตาของสาวใช้รุ่นน้องก่อนส่ายหน้ายิ้มๆ      “ไม่มีอะไรหรอกมาลี ว่าแต่ไหมเปลี่ยนผ้าม่านในห้องรับรองแขกแล้วหรือยัง” โยษิตาตัดบท ด้วยการเอ่ยถามเรื่องผ้าม่านแทน      “กำลังช่วยกันเปลี่ยนค่ะพี่โย”      หญิงสาวพยักหน้า      “งั้นพี่ไปดูพวกนั้นก่อน ฝากข้างล่างด้วยนะมาลี”      “ได้ค่ะ”      “ขอบใจ” ว่าแล้วโยษิตาก็เดินตรงไปยังห้องรับรองแขก เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อนของมารุตจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้าพักที่คฤหาสน์จิรประทีปต์      “เฮ้อ!” มาลีถอนหายใจดัง มองตามร่างเพรียวงามของโยษิตาด้วยความเห็นใจ แต่ก็นึกชื่นชมในความอดทนของหญิงสาวรุ่นพี่คนนี้อย่างเต็มหัวใจเช่นกัน        
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD