บทที่ 6

1313 Words
บทที่ 6 เมธัตยิ้มตอบเพื่อนคนสนิทของลูกชายพลางบอก “โยเก่งหลายเรื่อง ไม่เคยบกพร่องเรื่องงานบ้านงานเรือน คนรู้จักของลุงยังเคยยืมตัวไปช่วยจัดงานเลี้ยงที่บ้านพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง เจ้าตัวเองก็เคยขอออกไปทำงานข้างนอกเหมือนกัน แต่ลุงเป็นห่วง อีกอย่างทำที่นี่ก็เหมือนกัน ก็เลยยังไม่อยากให้ออกไปไหน นอกจากอยู่ที่นี่” สายตาของท่านมองไปยังบุตรชายยิ้มๆ มารุตสบตาบิดาแวบหนึ่งก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ แล้วมองตรงไปยังจอทีวีขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้ให้ความสนใจอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด “เก่งจังเลยนะคะ แล้วมีแฟนหรือยังคะ สวยแบบนี้คงต้องมีแล้วแน่ๆ ใช่ไหมคะ” คำถามของณิชาทำให้คุณเมธัตหัวเราะออกมาเบาๆ จนหญิงสาวต้องขมวดคิ้วมุ่น “มีอะไรหรือคะ หรือว่าณิพูดผิด” เอ่ยถามด้วยสีหน้าเจือยิ้ม หากแววตากลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย มองตามสายตาของท่านไปหยุดที่มารุต ที่ทำหน้าเรียบเฉย ทว่ามุมปากข้างหนึ่งยกยิ้ม “โยยังไม่มีแฟนอย่างที่หนูคิดหรอก” คนฟังทำหน้าเหลือเชื่อ จนคนตอบหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่สายตาเหลือบมองลูกชายที่ทำหน้านิ่งอย่างหมั่นไส้ “โยน่ะ สวยจนมีแมวมองติดต่อให้ไปเป็นดาราด้วยซ้ำ แต่มีคนหวง เลยไม่ยอมอนุญาตให้เปิดตัวบ่อยนัก ส่วนหนุ่มๆ ที่มาจีบ ก็ถูกแกล้งจนเตลิดเปิดเปิงไปคนละทิศละทาง” คำตอบของคุณเมธัตทำให้ณิชารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงหันไปมองคนข้างกายที่ทำหน้าเรียบเฉย ทว่ามุมปากแต้มยิ้มแปลกๆ จนหัวใจหล่อนกระตุก หรือว่าคนที่หวงคือ… “ดึกแล้ว คืนนี้ลุงขอตัวก่อนแล้วกันนะหนู พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัท ตามสบายนะ” คุณเมธัตลุกขึ้นยืน วารุณีจำต้องลุกตาม ท่านอ้อมแขนมา กอดเอวภรรยา ยิ้มให้หล่อนแล้วพาก้าวออกจากห้องนั่งเล่น ณิชามองทั้งสองจนลับสายตาก่อนหันมามองผู้ชายที่ตนหมายตาเอาไว้อีกครั้ง “ไม่ยักรู้ว่าคุณวาแต่งงานกับคุณพ่อของคุณ” ณิชาได้โอกาสจึงเอ่ยถามเขา ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม พลางหลุบตามองคนข้างกายที่เวลานี้เบียดเข้าหาจนแนบสนิทไปข้างหนึ่ง “สามปีแล้ว” ณิชาทำตาโต ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างไม่อยากเชื่อว่าตนตกข่าว “จริงเหรอคะ ทำไมเงียบจัง ณิไม่ยักจะรู้” บอกพลางยกมือขึ้นลูบอกเขาเบาๆ ดวงตาคู่งามมองใบหน้าคมคายไม่คลาด พยายามมองหาความผิดปกติบนใบหน้าคมคายของเขา แต่ไม่พบสักวินาทีเดียว “คุณพ่อกับคุณวาตกลงใช้ชีวิตด้วยกันเงียบๆ มีเลี้ยงกันเล็กๆ ภายในครอบครัวเท่านั้น ก็เลยไม่มีข่าวอะไร เพราะท่านต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้มีข่าวอะไรออกไปให้อึกทึกคึกโครม ที่สำคัญท่านไม่เคยคิดเอาใครมาแทนที่คุณแม่ผม...” บอกเสียงเรียบ สายตาไม่ละจากจอทีวี ขณะที่ณิชาขมวดคิ้วนิ่วหน้า “แล้วคุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง” แม้จะรู้ว่าสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ ทว่าจำเป็นต้องรู้ว่าเขายังมีเยื่อเหลือใยกับผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยคบหากับเขาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนาอยู่หรือไม่ และอยากรู้เหลือเกินว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงหันเหไปจับคนเป็นพ่อแทนลูกชายแบบนี้ เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ “ทำไมผมต้องรู้สึก” เขาหลุบตามองคนถาม ริมฝีปากติดยิ้มนิดๆ จนณิชาต้องมองเขานิ่งนาน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ พลางตอบ “ก็คุณกับคุณวาเคย…” “แค่คนเคยรู้จัก เคยคบหากัน ใช่ว่าผมกับเขาจะต้องลงเอยกัน จริงไหม แล้วต่อจากนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่จะคบหาหรือใช้ชีวิตกับใครก็ได้” เขาสบตาหล่อนนิ่ง ให้รู้ว่าคิดแบบนั้นจริงๆ ทำให้หญิงสาวยิ้มหวานออกมาอย่างพอใจ ขยับตัวขึ้นจูบปลายคางบึกบึนของเขาหนักๆ หนึ่งครั้ง ขณะที่มารุตเบือนหน้ามองตรงไปทางทีวีอีกหน “ได้ยินคุณพูดออกมาแบบนี้แล้วณิก็สบายใจ แล้วคุณโยล่ะคะ ใครกันที่หวงเธอจนไม่มีใครกล้าจีบ อย่าบอกนะว่าเป็นคุณ” หญิงสาวขยับตัวออกห่างเขาเล็กน้อย มองหน้าของเขาอย่างจับผิด แต่มารุตไม่ได้ร้อนใจกับสายตาคู่นั้นเลยสักนิด นอกจากจะยิ้มออกมา “คุณคิดงั้น?” สายตาที่มองหล่อนราวกับจะต่อว่าหล่อนว่าถามอะไรไม่ได้ความทำให้ณิชาถอนหายใจโล่งอก เพราะหากจริงดังว่า หล่อนคงมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อและได้เปรียบในทุกทางเพราะทั้งสองอยู่ใกล้ขนาดนี้ แล้วคนไกลอย่างหล่อนจะสมหวังไปได้อย่างไรกัน “ค่อยยังชั่ว ณิหลงกลัวคิดว่าคุณชอบเด็กโยนั่นเสียอีก” “หึ…” เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตามองคนข้างกายอย่างขบขัน “แล้วทำไมถึงคิดว่าผมไม่ชอบล่ะ” รอยยิ้มที่แต้มใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงโดยฉับพลัน คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ขยับตัวห่างออกไปอีก มองเขาอย่างค้นคว้า ชักประสาทกับคนตรงหน้าเต็มที “ตงลงยังไงกันแน่คะ” น้ำเสียงเริ่มแข็ง แววตาเริ่มขุ่น ทำให้คนที่ถูกซักฟอกถอนหายใจเสียงดัง พร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวเบาๆ พลางบอก “ดึกแล้ว พรุ่งนี้ผมมีประชุมด้วย ขอตัวไปนอนก่อนนะ คุณเองก็เหมือนกัน มาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ห้อง” เขาดึงมือเรียวของณิชาขึ้นมา ทำให้คนที่กำลังจะโกรธเขาค่อยๆ ใจเย็นลง รอยยิ้มผุดขึ้นแทนความหงุดหงิดอยากรู้ทันที “ตกลงค่ะ คุณไปส่งณิที่ห้อง” หญิงสาวกอดแขนเขาแน่น แล้วก้าวออกจากห้องนั่งเล่นตามคุณเมธัตและภรรยาไปอีกคู่หนึ่ง สี่ทุ่มแล้ว แต่คืนนี้ไม่มีคำสั่งหรือเสียงโทรศัพท์จากมารุตเช่นทุกวัน ซึ่งโยษิตาพอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดเขาจึงไม่เรียกหล่อนไปพบเหมือนเช่นทุกคืน นั่นคงเป็นเพราะเขามีแขกพิเศษที่ต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิดนั่นเอง “ฮื้ม…” เสียงถอนหายใจดังบางเบา บอกตัวเองว่าควรหลับได้แล้วในเมื่อไม่มีใครมาคอยกวนใจ แต่เอาเข้าจริงหญิงสาวกลับนอนไม่หลับคล้ายกับว่าความคุ้นเคยได้ขาดหายไป ร่างบางพลิกนอนตะแคงบนเตียงนอนของตัวเอง ดวงตามองออกไปที่หน้าต่างซึ่งมีม่านเปิดแง้มไว้เพียงครึ่ง พอให้เห็นแสงไฟจากด้านนอกรำไร แววตาหม่นลงเมื่อคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นในคืนนี้ เมื่อคิดก็รู้สึกเจ็บปวด เกิดคำถามซ้ำๆ ว่าทนเพื่ออะไร อยู่ไปทำไม… “คงต้องได้ไปสักวันหนึ่ง” แม้จะบอกตัวเองแบบนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ไปจากที่แห่งนี้ ไปจากผู้ชายที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับหล่อน แค่คิดว่าต้องจากกัน หัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมาอีก แต่หากจะยอมให้เขาย่ำยีหัวใจแบบนี้ต่อไป คงไม่แคล้วต้องพบกับสภาพเดิมๆ “สักวันฉันจะไป” บอกตนเองเช่นนั้น แล้วข่มตาหลับ แต่กว่าจะหลับลงได้ ก็ล่วงเข้าไปวันใหม่แล้ว…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD