“เอ่อ… เฮียมานั่งตรงนี้ก่อนนะ ดะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้”
เพราะเราสองคนมัวแต่ยืนจ้องตากันนานมาก พันไมล์ไม่ยอมพูดอะไรเลย เขาเอาแต่ยืนมองฉันเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น ฉันจึงต้องเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
“…” ร่างสูงเดินมานั่งลงตามที่ฉันบอก บาดแผลบริเวณเอวของเขามีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ฉันย่อตัวลงบนพื้นด้านข้างเขาแล้วหันไปเปิดกล่องพยาบาลเพื่อหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา “ทำเป็นเหรอ”
มือที่กำลังหยิบขวดแอลกอฮอล์ชะงักเล็กน้อยกับคำถามเรียบ ๆ ของพันไมล์ ฉันเม้มปากแน่นพยายามไม่สนใจในคำถามนั้นของเขาแล้วหันกลับมาจัดการเช็ดบาดแผลให้เขาอย่างทะมัดทะแมงโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเขาเลย
“กลัวเลือดไม่ใช่เหรอ หายกลัวแล้วหรือไง”
คราวนี้มือที่กำลังซับเลือดออกจากบาดแผลชะงักกึก ฉันช้อนตาขึ้นสบกับดวงตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยความสงสัย ถ้าหากจะถามหาใครสักคนที่รู้จักตัวตนฉันอย่างดี ผู้ชายคนนี้คงจะเป็นหนึ่งในนั้น…
และใช่… ฉันเคยกลัวเลือดจริง ๆ!
เมื่อก่อนฉันเคยกลัวเลือดมาก ถึงขนาดเห็นแล้วแทบจะเป็นลมเลยล่ะ แต่ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างมันทำให้ฉันโตขึ้นและมีภูมิต้านทานเกี่ยวกับเลือดมากขึ้น ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ นั่นก็คือ… จินหลง
อย่างที่เห็น… จินหลงมักจะมีบาดแผลกลับบ้านมาเสมอ เขามักถูกทำร้ายร่างกายบ่อย ๆ ฉันจึงต้องมีกล่องพยาบาลติดห้องไว้เพื่อทำแผลให้กับเขา และเพราะการต้องคอยทำแผลให้จินหลงบ่อย ๆ มันเลยทำให้ฉันมีภูมิต้านทานเกี่ยวกับเลือดมากขึ้นนั่นเอง
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ… บางครั้งฉันก็ต้องทำแผลให้ตัวเองเช่นกัน คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าบาดแผลพวกนั้นมันมาจากไหน…
“แผลไม่ลึกมาก แค่เฉียด ๆ แต่ก็ประมาทไม่ได้” ฉันเลี่ยงตอบคำถามพันไมล์ด้วยการสนใจทำแผลให้เขาต่อ หลังจากปิดบาดแผลจนเสร็จฉันก็หยิบยาแก้ปวดมาส่งให้เขาพร้อมแก้วน้ำ “ทานยาแก้ปวดกันไว้ก่อนสักสองเม็ดนะเฮีย”
พันไมล์รับยาและแก้วน้ำไปจากมือฉัน เขายอมทำตามอย่างว่าง่าย ฉันรีบเบือนหน้าหนีเมื่อสบตากับสายตาคม ๆ ที่มองมาอย่างสื่อความหมายบางอย่าง สองมือเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องแล้วนำกลับไปเก็บในตู้เช่นเดิม
แล้วยังไงต่อดีล่ะ?
ฉันถามตัวเองในใจขณะที่ยังยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ครัว ยอมรับเลยว่าตอนนี้ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำยังไงหรือพูดอะไรกับพันไมล์ดี มันเกือบห้าปีแล้วนะที่ฉันกับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องแบบนี้
“หิว”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยตอนได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ดังมาจากอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ พอหันกลับมามองก็พบกับผู้ชายตัวสูงกำลังเปลือยท่อนบนโดยมีผ้าพันแผลปิดบริเวณเอว เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน เรือนผมสีเฮเซลนัทยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงหน่อย ๆ เพราะเปียกจากการอาบน้ำเมื่อครู่ลู่ลงเล็กน้อย ดูรวม ๆ แล้วพูดเลยว่าพันไมล์ในลุคนี้ทำฉันหัวใจสั่นมาก
อึก…
ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา ยิ่งถูกดวงตาคมเข้มแสนมีเสน่ห์จ้องมองฉันยิ่งต้องมีสติมาก ๆ อย่าเผลอทำอะไรน่าอายออกมาเด็ดขาดเลยนะไกอา
“เฮียหิวเหรอ…” ฉันหาเสียงตัวเองเจอในที่สุด ตอนถามไม่เงยหน้ามองเขาเลยสักนิด “งั้นรอแป๊ปนะ เดี๋ยวฉันทำบะหมี่ให้”
“อยู่ที่นี่กินแต่ของแบบนี้หรือไง” ฉันชะงักนิด ๆ กับน้ำเสียงจริงจังของเขาจนต้องหันไปมอง ใบหน้าหล่อติดหวานนั่นทำหน้าเหมือนกำลังไม่พอใจกัน ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจ “ทำไมไม่ซื้อของสดมาเก็บไว้บ้าง วัน ๆ จะกินแต่บะหมี่เหรอ”
แล้วพันไมล์ก็เริ่มบ่นฉันเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด บ้าจริง… ไปคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนทำไมนะ ไม่รู้สิ… ทำไมจู่ ๆ ฉันถึงอยากจะยิ้มนะ แต่ก็ต้องฝืนทำหน้านิ่งใส่เขา เพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าฉันกำลังหวั่นไหว
ฉันหันกลับมาสนใจบะหมี่ตรงหน้าต่อ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แม้ว่าบรรยากาศตอนนี้มันจะโคตรไม่ปกติเลยก็ตาม
กึก
ชามบะหมี่ร้อน ๆ วางลงบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าพันไมล์ เขาหลุบตามองเล็กน้อยก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองฉันที่กำลังรินนมสดใส่แก้ว พอเห็นว่าเขาเอาแต่เงียบ ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“มีอะไรเหรอเฮีย ทำไมไม่กินล่ะ”
“บะหมี่เธอล่ะ”
ฉันหลุบตามองชามบะหมี่ตรงหน้าพันไมล์เล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบ “เฮียทานเถอะ ฉันยังไม่หิวน่ะ ปกติฉันดื่มแค่นมแก้วเดียวก็พอแล้ว”
จริง ๆ ฉันโกหกน่ะ ฉันกินเก่งแค่ไหนใคร ๆ ก็รู้ แค่นมแก้วเดียวไม่พอยาไส้ฉันหรอก แต่เพราะฉันซื้อบะหมี่มาแค่ห่อเดียวไง ก็ไม่คิดว่าจะมีแขกมาที่ห้องด้วยนี่นา แถมอาหารสดอาหารคาวในตู้ก็หมดเกลี้ยงเลยด้วย ฉันตั้งใจว่าเย็นนี้ทานง่าย ๆ ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาซื้อของสดที่ตลาดมาตุนทีหลัง
ครืด…
ฉันมองชามบะหมี่ที่ถูกมือหนาเลื่อนมาไว้กลางโต๊ะด้วยความงุนงง พันไมล์จัดแจงหยิบตะเกียบมาสองคู่โดยส่งให้ฉันหนึ่งคู่ ฉันกะพริบตาปริบ ๆ มองเขา
“กินด้วยกัน”
“เอ่อ…” ฉันอ้ำอึ้งชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยทำแบบนี้กับเขาหรอกนะ แต่เพราะเคยทำไง เคยทานบะหมี่จากถ้วยเดียวกันแบบนี้เมื่อในอดีตกับเขา มันจึงทำให้ฉันไม่กล้าที่จะรับตะเกียบคู่นั้นมา
“ถ้าเธอไม่กิน เฮียก็ไม่กิน”
ดะ เดี๋ยวสิ… นี่มันมัดมือชกกันชัด ๆ เลยนะ!
ฉันมองตะเกียบในมือพันไมล์ด้วยความชั่งใจสุด ๆ ภายในหัวมันยุ่งเหยิงไปหมด ฉันไม่ควรทำอะไรแบบนี้ ไม่ควรใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้อีก เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว…
แต่ทว่า… ไม่รู้ทำไมหัวใจของฉันมันกลับเรียกร้องแปลก ๆ ราวกับว่ามันต้องการให้ฉันยื่นมือออกไปรับตะเกียบจากมือเขา
จนสุดท้าย… ฉันก็ยอมทำตามความรู้สึกมากกว่าสมองอีกแล้ว
“…” รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นมุมปากหนา ฉันไม่กล้าสบตากับพันไมล์เลย แววตาของเขามีอิทธิพลกับฉันมากเกินไป
มันเกิน… ที่ฉันจะต้านทานไหว