บทที่ 03
แค่พี่ชายเพื่อน [3]
ร้านอาหารที่พิมพ์พัชรเลือกคือร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง ต้องนำรถไปจอดที่ปั๊มน้ำมันใกล้ๆ ก่อนจะพากันเดินออกมา
“เกี๊ยวน้ำต้มยำครับ” เพียงคุณสั่งอะไรง่ายๆ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกหิวอย่างที่พูด เพียงแต่อยากจะหาโอกาสพูดคุยกับเธอสักหน่อยเท่านั้น
“เบียร์สองขวดค่ะ”
ถึงตาพิมพ์พัชรสั่งบ้าง และสิ่งที่เธอสั่งก็ทำให้เพียงคุณเลิกคิ้วใส่ในทันที “พิมพ์ยังไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ นั่งดื่มเป็นเพื่อนเฮียแล้วกัน”
เห็นเขามองเธอจึงอธิบายพร้อมกับยิ้มให้ ไม่นานพนักงานก็ยกเบียร์และน้ำเปล่าของทั้งคู่มาเสิร์ฟ
“พิมพ์เชื่อคำพูดเขาจริงๆ น่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ทำไมถึงได้เชื่อเขาง่ายดายนัก” เพียงคุณค่อยๆ เตือนเพราะเขาไม่อยากให้เธอชะล่าใจ แม้สีหน้าท่าทางของเปรมดิ์วุฒิจะดูเหมือนจริงใจ แต่ก็อยากจะให้ระวัง
“จริงๆ พิมพ์ไม่ได้เชื่อเขาเสียทีเดียวหรอกค่ะ พิมพ์เชื่อสายตาของผู้หญิงที่มากับเขา ตอนที่เธอมองพิมพ์มากกว่า หากมีอะไรมากเกินกว่านั้น ผู้หญิงจะมองกันออกว่าต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ” พิมพ์พัชรอธิบายพลางรินเบียร์ใส่แก้วแล้วดื่มหมดไปอีกหนึ่งแก้วอย่างรวดเร็ว พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค เธอดื่มหมดไปแล้วสองแก้ว
“แสดงว่ายังไงเสาร์นี้ก็จะพาเขาไปพบครอบครัวแน่ๆ แล้วสินะ”
“ค่ะ”
“แล้วคิดว่าคุณจิรภักดิ์อะไรนั้นเขาจะรู้หรือเปล่า”
“รู้ก็ดีน่ะสิคะ พิมพ์อยากให้เขารู้ เขาจะได้เลิกวุ่นวายกับพิมพ์สักที”
“พอ”
แม้จะไม่อยากห้าม แต่เธอเล่นดื่มเอาๆ จนเขาต้องยกมือขึ้นกดข้อมือของเธอที่กำลังจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีกรอบเอาไว้เสียก่อน
“ทำไมคะ พิมพ์ไม่ได้ให้เฮียจ่ายสักหน่อย” พิมพ์พัชรถามด้วยความหงุดหงิดที่ถูกขัดใจ เธอปล่อยแก้วเบียร์ออกจากมือขวาที่ถูกเขากดข้อมือเอาไว้ ก่อนจะใช้มือซ้ายหยิบขึ้นมากระดกแทน
หมดไปอีกแก้วอย่างรวดเร็ว ทิ้งท้ายด้วยการยิ้มมุมปากและยักคิ้วใส่เพียงคุณไปหนึ่งที เห็นแล้วเขาอยากจะลุกขึ้นตีเธอสักเพียะ
“เป็นอะไร ถ้าเชื่อเขาแล้ว มั่นใจว่าตัดสินใจถูกแล้วทำไมดื่มเอาๆ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ”
ในเมื่อห้ามไม่ได้ เขาจึงใช้วิธีตะล่อมถาม
“ไม่มีอะไรนี่คะ พิมพ์อยากดื่มพิมพ์ก็ดื่ม ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย”
“เฮียไม่ได้เพิ่งรู้จักเราเมื่อวันก่อนเหมือนหมอนั่นหรอกนะพิมพ์พัชร”
น้ำเสียงและชื่อจริงที่เขาพูดออกมาทำให้เธอรู้สึกเกร็งขึ้นมาในทันที แต่ก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น
ยิ้มท้าทายเขาแล้วดื่มไปอีกแก้ว เผลอแวบเดียวเบียร์หมดไปหนึ่งขวดแล้ว เกี๊ยวน้ำต้มยำของเขายังไม่ยกมาเสิร์ฟเลย
“พิมพ์”
“คะ”
“พอแล้ว”
“ยังไม่หมดขวดค่ะ”
“เฮียบอกให้พอ” เพียงคุณดุเสียงเข้มแล้วดึงขวดเบียร์ที่เธอกำลังยกรินใส่แก้วออกจากมือ เอามันกลับไปวางไว้ที่โต๊ะด้านหลังก่อนจะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ
“น้องคะ”
“ถ้าเราสั่งมาเพิ่ม เฮียจะเททิ้ง” เขาท้าทาย
“ขอเบียร์เพิ่งสองขวดค่ะ”
แต่เธอท้าทายกลับ เคยกลัวเสียที่ไหน
นั่งรอไม่นานพนักงานก็ยกเกี๊ยวน้ำของเพียงคุณมาเสิร์ฟ แต่เขาไม่มีอารมณ์อยากจะกินมันอีกแล้ว สายตามองไปที่เบียร์สองขวดที่พนักงานกำลังหยิบออกมาจากตู้
“เฮียจะห้ามพิมพ์ทำไมคะ พิมพ์ก็ดื่มของพิมพ์ปกติ”
“ไม่ปกติ”
“พิมพ์...”
“เป็นอะไร โกรธอะไรเฮีย” เพียงคุณถามตรงๆ น้ำเสียงเบาลงจนเธอไม่กล้าสบสายตา ความร้อนในอกตอนนี้ไม่รู้เป็นเพราะสายตาของเขาหรือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์กันแน่
ปกติแล้วเธอก็ไม่ใช่คนเมาง่ายๆ แต่ครั้งนี้คงดื่มเร็วไปหน่อยแถมท้องยังว่างเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่ช่วงบ่าย รู้สึกเหมือนจะเริ่มมึนหัว
“หรือว่ามีอะไรไม่สบายใจ บอกเฮีย เดี๋ยวเฮีย...”
“ไม่มีค่ะ” พิมพ์พัชรปฏิเสธแล้วฝืนยิ้ม ก่อนจะหยิบขวดเบียร์ที่พนักงานยกมาเสิร์ฟเมื่อครู่รินใส่แก้ว แต่เพียงคุณแย่งมันไปเทใส่ชามเกี๊ยวน้ำของเขาจนหมด ทั้งยังยกเบียร์ทั้งสองขวดของเธอไปตั้งไว้ที่โต๊ะด้านหลัง
“เฮียบอกให้พอ” สายตาของเพียงคุณวาววับ แต่แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของเธอตอนนี้ก็ทำให้เธอมีความกล้ามากกว่าปกติ
“น้องคะ ขอเบียร์เพิ่ม...”
“คิดเงินครับ” เพียงคุณพูดแทรกก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาคิดเงิน แต่หันกลับมาอีกทีพิมพ์พัชรก็เดินออกไปเสียแล้ว เขาต้องรีบส่งแบงค์พันให้พนักงานก่อนจะเดินตามออกมา ถอนหายใจแล้วลดความเร็วของฝีเท้าลงเมื่อมั่นใจแล้วว่าเธอกำลังจะเดินกลับไปที่รถ
ติ๊ดๆ
กดปลดล็อกรถให้ทันทีเมื่อเธอเดินไปถึงประตูรถ เห็นเธอกระชากประตูรถออกโดยไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ ก้าวขึ้นไปนั่งหน้าคว่ำหน้างอ ปิดประตูรถลงเสียแรงบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดี
พิมพ์พัชรถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะรถ ไม่สนใจจะหันไปมองเขาที่เพิ่งจะนั่งลงที่เบาะคนขับด้านข้าง ได้ยินเสียงเขาปิดประตูรถ สตาร์ตเครื่องยนต์ เปิดแอร์เย็นฉ่ำและออกรถทันที
“ถ้าเฮียทำอะไรให้พิมพ์ไม่พอใจ เฮียขอโทษได้ไหม”
“ไม่นี่คะ เฮียไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นพิมพ์โมโหอะไร”
“พิมพ์แค่สับสนนิดหน่อยค่ะ ขออยู่เงียบๆ แล้วกันนะคะ” พิมพ์พัชรตัดสินใจตัดบทเพราะพูดไปเขาก็คงไม่รู้หรอกว่าคนที่กำลังทำให้เธอสับสนและไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองเอาเสียเลยไม่ใช่เปรมดิ์วุฒิ แต่เป็นเขานั่นแหละ
ติ๊ด~
โทรศัพท์มือถือของเพียงคุณดังขึ้นพอดี
“ว่าไงเฌอ”
ชื่อของคนปลายสายทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบขึ้นมากลางหน้าอกอีกรอบ
“ได้สิ เอาเป็นวันจันทร์ช่วงบ่ายก็แล้วกัน”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนลงของเขาทำให้ความร้อนลามมาจนถึงกระบอกตา ต้องรีบกะพริบตาถี่เพราะรู้สึกเหมือนน้ำในตามันกำลังจะไหลออกมา หนักเข้าก็ต้องยกหลังมือขึ้นปาดมันออกไปเพราะการกะพริบตาเหมือนจะไม่ทันใจ
ทว่าท่าทีแปลกๆ ของเธอกลับทำให้เพียงคุณยิ่งสังเกต
“แค่นี้ก่อนจะเฌอ เราขับรถอยู่น่ะ แล้วเจอกัน”
จะคิดว่าเขากับเธอเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีก็ไม่ผิดหรอก เขาเป็นคนเก่ง ส่วนเฌอเอม แม้พิมพ์พัชรจะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่มองจากบุคลิกภายนอกแล้วอีกฝ่ายดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งคนหนึ่งจริงๆ
ไม่นานเพียงคุณก็เลี้ยวรถเข้ามาภายในพื้นที่ของคอนโดที่พิมพ์พัชรพักอาศัย เขาขับวนไปที่ลานจอดรถใต้อาคารเพราะตั้งใจจะลองพูดคุยกับเธออีกสักครั้ง
“ขอบคุณค่ะ”
แต่พอเขาจอดรถปุ๊บ เธอก็หันกลับมายกมือไหว้แล้วพูดขอบคุณเขา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงไปทันที
“พิมพ์”
วันนี้เป็นวันที่เขาเรียกชื่อพิมพ์พัชรเยอะที่สุด บ่อยที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา
“ปล่อยค่ะ”
“เป็นอะไร”
“เปล่านี่คะ”
“เราเดินหนีเฮียหลายครั้งแล้วนะ”
“ถ้าเฮียรู้ว่าพิมพ์เดินหนี แล้วจะยังเดินตามพิมพ์มาอีกทำไม”
พิมพ์พัชรตะโกนถามเสียงดัง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาเป็นสายทำเอาเพียงคุณเบิกตาโพลง คลายมือออกจนเธอสะบัดข้อมือหลุดออกไป
“เฮีย...”
“ถ้าเฮียไม่ได้รู้สึกอะไรกับพิมพ์ ก็อย่ามาที่นี่อีก เลิกทำให้พิมพ์สับสนแบบนี้สักที!”
เพียงคุณยืนอึ้งไปสักพัก ทั้งตกใจกับคำพูดของพิมพ์พัชร และตกใจกับท่าทีที่ดูโกรธเขาแต่กลับเป็นฝ่ายร้องไห้เสียเอง
“พิมพ์ฟังเฮียก่อน”
“พิมพ์รู้ค่ะว่าเฮียไม่ได้คิดอะไร ในสายตาเฮีย มองพิมพ์เป็นเพื่อนน้องสาวมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าพิมพ์จะขอให้มันหยุดอยู่แค่นั้นได้ไหมคะ” พิมพ์พัชรฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ถ้าเฮียไม่มีใจ ก็อย่ามาทำให้พิมพ์คิดไปเอง”
นัยน์ตาของพิมพ์พัชรแดงก่ำและสั่นระริก ในขณะที่เพียงคุณรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนไปในทันที
“พิมพ์เมารึเปล่า”
“เหอะ!” พิมพ์พัชรแค่นหัวเราะ ใบหน้าร้อนวูบไปหมด เหยียดยิ้มอีกครั้งอย่างรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน จำต้องตัดสินใจเดินหนีเพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย แต่เขากลับยังวิ่งมาขวางทางไว้
“เฮียกลับไปเถอะค่ะ พิมพ์ก็แค่เมาน่ะ”
“เฮียไปส่งที่ห้องก็แล้วกัน”
“ไม่ต้อง!” พิมพ์พัชรยืนยันพลางยกมือขึ้นผลักหน้าอกของเพียงคุณออกสุดแรง แต่กลายเป็นถูกเขาดึงไปสวมกอด
“ปล่อยพิมพ์นะ”
“เด็กโง่เอ๊ย”
“พิมพ์บอกให้ปล่อย!” พิมพ์พัชรโวยวายไม่หยุด ทั้งที่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้กอดแน่นมาก แต่ดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับอ้อมกอดของเขา แพ้ให้กับฝ่ามือที่ลูบหัวเธอซ้ำๆ ไม่หยุด
“ไม่มีพี่ชายเพื่อนที่ไหนเขาลูบหัวเพื่อนน้องสาวกันหรอกนะเฮีย”
เสียงสะอื้นของเธอฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่เพียงคุณกลับเข้าใจได้โดยง่าย
“ไม่มีพี่ชายเพื่อนที่ไหนตามรับตามส่งเพื่อนของน้องสาวแบบที่เฮียทำหรอกค่ะ แค่พี่ที่ไหนจะมาตามเป็นห่วงเป็นใย คอยโทรถามว่าอยู่ที่ไหน กินข้าวหรือยัง กลับถึงห้องหรือยัง ไม่มีพี่ที่ไหนเขาทำกันนะเฮีย”
“แล้วต้องเป็นอะไรกันถึงทำแบบนั้นได้” เพียงคุณถามเบาๆ แต่คนในอ้อมแขนกลับสะอื้นหนักขึ้นกว่าเดิมจนเขาต้องดันตัวเธอออก ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้หนักหนาอย่างนี้มาก่อน
“เฮียอยากทำแบบนั้นต่อไป พิมพ์ให้เฮียเป็นอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่แค่พี่ชายเพื่อน”
“เฮีย”
“อ้าว สรุปให้เป็นเฮียเหมือนเดิมเหรอ” เพียงคุณแสร้งถามทั้งที่เขาหุบยิ้มไม่ได้เลย
พิมพ์พัชรเบิกตาโพลง น้ำตาเหมือนจะหยุดไหลโดยอัตโนมัติแต่ยังหยุดสะอื้นไม่ได้
“ไปคิดดูให้ดีก็แล้วกัน เผื่อพูดเพราะเมา”
“พิมพ์...” เธออยากจะบอกเขาว่าไม่ได้เมา แต่ก็ดูจะหน้าไม่อายเกินไปหน่อย
รู้ตัวอีกทีเพียงคุณก็จูงมือเธอเดินมาถึงหน้าลิฟต์ สายตาของเขาทำให้เธอต้องรีบก้มหน้า เปิดกระเป๋าแล้วหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะเพื่อใช้ลิฟต์
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็จูงมือเธอเดินเข้าลิฟต์มาด้วยกัน แถมยังกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่เธอพักอยู่ให้เสร็จสรรพ
บรรยากาศในลิฟต์เงียบมากจนเธอนึกรำคาญและอายเสียงสะอื้นของตัวเองที่สุด
ตื๊ง!
พริบตาเดียวประตูลิฟต์ก็เปิดออก เพียงคุณยังคงจูงมือของเธอเดินออกจากลิฟต์ไปจนถึงหน้าประตูห้องพัก
พอเขาหันมามองเธอจึงรีบแตะคีย์การ์ดที่หน้าประตูห้องอีกครั้ง แต่เป็นเขาที่เปิดประตูห้องแล้วเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปด้านใน
“ขอคีย์การ์ดหน่อย”
“คีย์การ์ด นะ นี่ค่ะ เฮียเอาไปทำไมคะ” เธอถามงงๆ ทั้งที่ส่งให้เขาไปแล้วเรียบร้อย สมองเหมือนจะประมวลผลได้ช้ากว่าปกติตั้งแต่ที่ถูกเขากอดปลอบเมื่อครู่
“วันนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว พักผ่อนซะ แล้วพรุ่งนี้เฮียจะแวะมาแต่เช้า”
จะขอคีย์การ์ดคืนก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อไปต่อหน้าต่อตา
“พิมพ์”
“คะ” ขานรับด้วยความตกใจ ใบหน้าร้อนวูบไปหมด เมื่อครู่นี้เธอทำอะไรลงไปนะ!
“เฮียก็ไม่ได้อยากจะเป็นแค่เฮียมาตั้งนานแล้ว”
สองตาเบิกโพลงจนแทบถลนออกจากเบ้า เงยหน้าขึ้นมองเขาโดยอัตโนมัติแต่ทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขา เธอก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นกว่าเดิม หน้าร้อนขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก
“ให้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจอีกคืน พรุ่งนี้จะแวะมาเลื่อนสถานะ”
“ฮะ เฮีย”
“เข้าห้องไปได้แล้วไป ล็อกห้องให้เรียบร้อยด้วย”
พิมพ์พัชรงงไปหมด อาละวาดครั้งเดียวแต่ทุกอย่างดันเปลี่ยนไปแบบปุบปับ ยืนงงจนถูกเขาดีดหน้าผากมาหนึ่งที ก่อนจะผลักเธอเบาๆให้ถอยกลับเข้าไปในห้อง แล้วเป็นคนปิดประตูให้
แต่ก่อนที่บานประตูจะปิดสนิท เธอก็เหมือนจะเห็นรอยยิ้มของเขาเหมือนที่เขาเองก็น่าจะเห็นรอยยิ้มของเธอ
“วันนี้ยังเป็นพี่ชายเพื่อนอยู่ แต่อยากบอกฝันดีได้ไหม”
พิมพ์พัชรเลิ่กลั่กเสียอาการ เม้มริมฝีปากแน่นแล้วรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว
“ฝันดีค่ะเฮีย”
ก่อนจะบอกฝันดีกับเขาผ่านบานประตูที่กั้นเอาไว้ เพราะเธอไม่กล้าสู้หน้าเขาแล้วจริงๆ