บทที่ 03 แค่พี่ชายเพื่อน [3]

2334 Words
บทที่ 03 แค่พี่ชายเพื่อน [3] ร้านอาหารที่พิมพ์พัชรเลือกคือร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง ต้องนำรถไปจอดที่ปั๊มน้ำมันใกล้ๆ ก่อนจะพากันเดินออกมา “เกี๊ยวน้ำต้มยำครับ” เพียงคุณสั่งอะไรง่ายๆ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกหิวอย่างที่พูด เพียงแต่อยากจะหาโอกาสพูดคุยกับเธอสักหน่อยเท่านั้น “เบียร์สองขวดค่ะ” ถึงตาพิมพ์พัชรสั่งบ้าง และสิ่งที่เธอสั่งก็ทำให้เพียงคุณเลิกคิ้วใส่ในทันที “พิมพ์ยังไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ นั่งดื่มเป็นเพื่อนเฮียแล้วกัน” เห็นเขามองเธอจึงอธิบายพร้อมกับยิ้มให้ ไม่นานพนักงานก็ยกเบียร์และน้ำเปล่าของทั้งคู่มาเสิร์ฟ “พิมพ์เชื่อคำพูดเขาจริงๆ น่ะเหรอ” “ค่ะ” “เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ทำไมถึงได้เชื่อเขาง่ายดายนัก” เพียงคุณค่อยๆ เตือนเพราะเขาไม่อยากให้เธอชะล่าใจ แม้สีหน้าท่าทางของเปรมดิ์วุฒิจะดูเหมือนจริงใจ แต่ก็อยากจะให้ระวัง “จริงๆ พิมพ์ไม่ได้เชื่อเขาเสียทีเดียวหรอกค่ะ พิมพ์เชื่อสายตาของผู้หญิงที่มากับเขา ตอนที่เธอมองพิมพ์มากกว่า หากมีอะไรมากเกินกว่านั้น ผู้หญิงจะมองกันออกว่าต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ” พิมพ์พัชรอธิบายพลางรินเบียร์ใส่แก้วแล้วดื่มหมดไปอีกหนึ่งแก้วอย่างรวดเร็ว พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค เธอดื่มหมดไปแล้วสองแก้ว “แสดงว่ายังไงเสาร์นี้ก็จะพาเขาไปพบครอบครัวแน่ๆ แล้วสินะ” “ค่ะ” “แล้วคิดว่าคุณจิรภักดิ์อะไรนั้นเขาจะรู้หรือเปล่า” “รู้ก็ดีน่ะสิคะ พิมพ์อยากให้เขารู้ เขาจะได้เลิกวุ่นวายกับพิมพ์สักที” “พอ” แม้จะไม่อยากห้าม แต่เธอเล่นดื่มเอาๆ จนเขาต้องยกมือขึ้นกดข้อมือของเธอที่กำลังจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีกรอบเอาไว้เสียก่อน “ทำไมคะ พิมพ์ไม่ได้ให้เฮียจ่ายสักหน่อย” พิมพ์พัชรถามด้วยความหงุดหงิดที่ถูกขัดใจ เธอปล่อยแก้วเบียร์ออกจากมือขวาที่ถูกเขากดข้อมือเอาไว้ ก่อนจะใช้มือซ้ายหยิบขึ้นมากระดกแทน หมดไปอีกแก้วอย่างรวดเร็ว ทิ้งท้ายด้วยการยิ้มมุมปากและยักคิ้วใส่เพียงคุณไปหนึ่งที เห็นแล้วเขาอยากจะลุกขึ้นตีเธอสักเพียะ “เป็นอะไร ถ้าเชื่อเขาแล้ว มั่นใจว่าตัดสินใจถูกแล้วทำไมดื่มเอาๆ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” ในเมื่อห้ามไม่ได้ เขาจึงใช้วิธีตะล่อมถาม “ไม่มีอะไรนี่คะ พิมพ์อยากดื่มพิมพ์ก็ดื่ม ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย” “เฮียไม่ได้เพิ่งรู้จักเราเมื่อวันก่อนเหมือนหมอนั่นหรอกนะพิมพ์พัชร” น้ำเสียงและชื่อจริงที่เขาพูดออกมาทำให้เธอรู้สึกเกร็งขึ้นมาในทันที แต่ก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบเท่านั้น ยิ้มท้าทายเขาแล้วดื่มไปอีกแก้ว เผลอแวบเดียวเบียร์หมดไปหนึ่งขวดแล้ว เกี๊ยวน้ำต้มยำของเขายังไม่ยกมาเสิร์ฟเลย “พิมพ์” “คะ” “พอแล้ว” “ยังไม่หมดขวดค่ะ” “เฮียบอกให้พอ” เพียงคุณดุเสียงเข้มแล้วดึงขวดเบียร์ที่เธอกำลังยกรินใส่แก้วออกจากมือ เอามันกลับไปวางไว้ที่โต๊ะด้านหลังก่อนจะหันกลับมามองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ “น้องคะ” “ถ้าเราสั่งมาเพิ่ม เฮียจะเททิ้ง” เขาท้าทาย “ขอเบียร์เพิ่งสองขวดค่ะ” แต่เธอท้าทายกลับ เคยกลัวเสียที่ไหน นั่งรอไม่นานพนักงานก็ยกเกี๊ยวน้ำของเพียงคุณมาเสิร์ฟ แต่เขาไม่มีอารมณ์อยากจะกินมันอีกแล้ว สายตามองไปที่เบียร์สองขวดที่พนักงานกำลังหยิบออกมาจากตู้ “เฮียจะห้ามพิมพ์ทำไมคะ พิมพ์ก็ดื่มของพิมพ์ปกติ” “ไม่ปกติ” “พิมพ์...” “เป็นอะไร โกรธอะไรเฮีย” เพียงคุณถามตรงๆ น้ำเสียงเบาลงจนเธอไม่กล้าสบสายตา ความร้อนในอกตอนนี้ไม่รู้เป็นเพราะสายตาของเขาหรือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์กันแน่ ปกติแล้วเธอก็ไม่ใช่คนเมาง่ายๆ แต่ครั้งนี้คงดื่มเร็วไปหน่อยแถมท้องยังว่างเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่ช่วงบ่าย รู้สึกเหมือนจะเริ่มมึนหัว “หรือว่ามีอะไรไม่สบายใจ บอกเฮีย เดี๋ยวเฮีย...” “ไม่มีค่ะ” พิมพ์พัชรปฏิเสธแล้วฝืนยิ้ม ก่อนจะหยิบขวดเบียร์ที่พนักงานยกมาเสิร์ฟเมื่อครู่รินใส่แก้ว แต่เพียงคุณแย่งมันไปเทใส่ชามเกี๊ยวน้ำของเขาจนหมด ทั้งยังยกเบียร์ทั้งสองขวดของเธอไปตั้งไว้ที่โต๊ะด้านหลัง “เฮียบอกให้พอ” สายตาของเพียงคุณวาววับ แต่แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของเธอตอนนี้ก็ทำให้เธอมีความกล้ามากกว่าปกติ “น้องคะ ขอเบียร์เพิ่ม...” “คิดเงินครับ” เพียงคุณพูดแทรกก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาคิดเงิน แต่หันกลับมาอีกทีพิมพ์พัชรก็เดินออกไปเสียแล้ว เขาต้องรีบส่งแบงค์พันให้พนักงานก่อนจะเดินตามออกมา ถอนหายใจแล้วลดความเร็วของฝีเท้าลงเมื่อมั่นใจแล้วว่าเธอกำลังจะเดินกลับไปที่รถ ติ๊ดๆ กดปลดล็อกรถให้ทันทีเมื่อเธอเดินไปถึงประตูรถ เห็นเธอกระชากประตูรถออกโดยไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ ก้าวขึ้นไปนั่งหน้าคว่ำหน้างอ ปิดประตูรถลงเสียแรงบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดี พิมพ์พัชรถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะรถ ไม่สนใจจะหันไปมองเขาที่เพิ่งจะนั่งลงที่เบาะคนขับด้านข้าง ได้ยินเสียงเขาปิดประตูรถ สตาร์ตเครื่องยนต์ เปิดแอร์เย็นฉ่ำและออกรถทันที “ถ้าเฮียทำอะไรให้พิมพ์ไม่พอใจ เฮียขอโทษได้ไหม” “ไม่นี่คะ เฮียไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” “ถ้าอย่างนั้นพิมพ์โมโหอะไร” “พิมพ์แค่สับสนนิดหน่อยค่ะ ขออยู่เงียบๆ แล้วกันนะคะ” พิมพ์พัชรตัดสินใจตัดบทเพราะพูดไปเขาก็คงไม่รู้หรอกว่าคนที่กำลังทำให้เธอสับสนและไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองเอาเสียเลยไม่ใช่เปรมดิ์วุฒิ แต่เป็นเขานั่นแหละ ติ๊ด~ โทรศัพท์มือถือของเพียงคุณดังขึ้นพอดี “ว่าไงเฌอ” ชื่อของคนปลายสายทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบขึ้นมากลางหน้าอกอีกรอบ “ได้สิ เอาเป็นวันจันทร์ช่วงบ่ายก็แล้วกัน” น้ำเสียงที่อ่อนโยนลงของเขาทำให้ความร้อนลามมาจนถึงกระบอกตา ต้องรีบกะพริบตาถี่เพราะรู้สึกเหมือนน้ำในตามันกำลังจะไหลออกมา หนักเข้าก็ต้องยกหลังมือขึ้นปาดมันออกไปเพราะการกะพริบตาเหมือนจะไม่ทันใจ ทว่าท่าทีแปลกๆ ของเธอกลับทำให้เพียงคุณยิ่งสังเกต “แค่นี้ก่อนจะเฌอ เราขับรถอยู่น่ะ แล้วเจอกัน” จะคิดว่าเขากับเธอเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีก็ไม่ผิดหรอก เขาเป็นคนเก่ง ส่วนเฌอเอม แม้พิมพ์พัชรจะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่มองจากบุคลิกภายนอกแล้วอีกฝ่ายดูเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งคนหนึ่งจริงๆ ไม่นานเพียงคุณก็เลี้ยวรถเข้ามาภายในพื้นที่ของคอนโดที่พิมพ์พัชรพักอาศัย เขาขับวนไปที่ลานจอดรถใต้อาคารเพราะตั้งใจจะลองพูดคุยกับเธออีกสักครั้ง “ขอบคุณค่ะ” แต่พอเขาจอดรถปุ๊บ เธอก็หันกลับมายกมือไหว้แล้วพูดขอบคุณเขา ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวเท้าลงไปทันที “พิมพ์” วันนี้เป็นวันที่เขาเรียกชื่อพิมพ์พัชรเยอะที่สุด บ่อยที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา “ปล่อยค่ะ” “เป็นอะไร” “เปล่านี่คะ” “เราเดินหนีเฮียหลายครั้งแล้วนะ” “ถ้าเฮียรู้ว่าพิมพ์เดินหนี แล้วจะยังเดินตามพิมพ์มาอีกทำไม” พิมพ์พัชรตะโกนถามเสียงดัง น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาเป็นสายทำเอาเพียงคุณเบิกตาโพลง คลายมือออกจนเธอสะบัดข้อมือหลุดออกไป “เฮีย...” “ถ้าเฮียไม่ได้รู้สึกอะไรกับพิมพ์ ก็อย่ามาที่นี่อีก เลิกทำให้พิมพ์สับสนแบบนี้สักที!” เพียงคุณยืนอึ้งไปสักพัก ทั้งตกใจกับคำพูดของพิมพ์พัชร และตกใจกับท่าทีที่ดูโกรธเขาแต่กลับเป็นฝ่ายร้องไห้เสียเอง “พิมพ์ฟังเฮียก่อน” “พิมพ์รู้ค่ะว่าเฮียไม่ได้คิดอะไร ในสายตาเฮีย มองพิมพ์เป็นเพื่อนน้องสาวมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าพิมพ์จะขอให้มันหยุดอยู่แค่นั้นได้ไหมคะ” พิมพ์พัชรฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาไหลอาบแก้ม “ถ้าเฮียไม่มีใจ ก็อย่ามาทำให้พิมพ์คิดไปเอง” นัยน์ตาของพิมพ์พัชรแดงก่ำและสั่นระริก ในขณะที่เพียงคุณรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เปลี่ยนไปในทันที “พิมพ์เมารึเปล่า” “เหอะ!” พิมพ์พัชรแค่นหัวเราะ ใบหน้าร้อนวูบไปหมด เหยียดยิ้มอีกครั้งอย่างรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน จำต้องตัดสินใจเดินหนีเพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย แต่เขากลับยังวิ่งมาขวางทางไว้ “เฮียกลับไปเถอะค่ะ พิมพ์ก็แค่เมาน่ะ” “เฮียไปส่งที่ห้องก็แล้วกัน” “ไม่ต้อง!” พิมพ์พัชรยืนยันพลางยกมือขึ้นผลักหน้าอกของเพียงคุณออกสุดแรง แต่กลายเป็นถูกเขาดึงไปสวมกอด “ปล่อยพิมพ์นะ” “เด็กโง่เอ๊ย” “พิมพ์บอกให้ปล่อย!” พิมพ์พัชรโวยวายไม่หยุด ทั้งที่ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้กอดแน่นมาก แต่ดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับอ้อมกอดของเขา แพ้ให้กับฝ่ามือที่ลูบหัวเธอซ้ำๆ ไม่หยุด “ไม่มีพี่ชายเพื่อนที่ไหนเขาลูบหัวเพื่อนน้องสาวกันหรอกนะเฮีย” เสียงสะอื้นของเธอฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่เพียงคุณกลับเข้าใจได้โดยง่าย “ไม่มีพี่ชายเพื่อนที่ไหนตามรับตามส่งเพื่อนของน้องสาวแบบที่เฮียทำหรอกค่ะ แค่พี่ที่ไหนจะมาตามเป็นห่วงเป็นใย คอยโทรถามว่าอยู่ที่ไหน กินข้าวหรือยัง กลับถึงห้องหรือยัง ไม่มีพี่ที่ไหนเขาทำกันนะเฮีย” “แล้วต้องเป็นอะไรกันถึงทำแบบนั้นได้” เพียงคุณถามเบาๆ แต่คนในอ้อมแขนกลับสะอื้นหนักขึ้นกว่าเดิมจนเขาต้องดันตัวเธอออก ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้หนักหนาอย่างนี้มาก่อน “เฮียอยากทำแบบนั้นต่อไป พิมพ์ให้เฮียเป็นอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่แค่พี่ชายเพื่อน” “เฮีย” “อ้าว สรุปให้เป็นเฮียเหมือนเดิมเหรอ” เพียงคุณแสร้งถามทั้งที่เขาหุบยิ้มไม่ได้เลย พิมพ์พัชรเบิกตาโพลง น้ำตาเหมือนจะหยุดไหลโดยอัตโนมัติแต่ยังหยุดสะอื้นไม่ได้ “ไปคิดดูให้ดีก็แล้วกัน เผื่อพูดเพราะเมา” “พิมพ์...” เธออยากจะบอกเขาว่าไม่ได้เมา แต่ก็ดูจะหน้าไม่อายเกินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีเพียงคุณก็จูงมือเธอเดินมาถึงหน้าลิฟต์ สายตาของเขาทำให้เธอต้องรีบก้มหน้า เปิดกระเป๋าแล้วหยิบคีย์การ์ดออกมาแตะเพื่อใช้ลิฟต์ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็จูงมือเธอเดินเข้าลิฟต์มาด้วยกัน แถมยังกดลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่เธอพักอยู่ให้เสร็จสรรพ บรรยากาศในลิฟต์เงียบมากจนเธอนึกรำคาญและอายเสียงสะอื้นของตัวเองที่สุด ตื๊ง! พริบตาเดียวประตูลิฟต์ก็เปิดออก เพียงคุณยังคงจูงมือของเธอเดินออกจากลิฟต์ไปจนถึงหน้าประตูห้องพัก พอเขาหันมามองเธอจึงรีบแตะคีย์การ์ดที่หน้าประตูห้องอีกครั้ง แต่เป็นเขาที่เปิดประตูห้องแล้วเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปด้านใน “ขอคีย์การ์ดหน่อย” “คีย์การ์ด นะ นี่ค่ะ เฮียเอาไปทำไมคะ” เธอถามงงๆ ทั้งที่ส่งให้เขาไปแล้วเรียบร้อย สมองเหมือนจะประมวลผลได้ช้ากว่าปกติตั้งแต่ที่ถูกเขากอดปลอบเมื่อครู่ “วันนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว พักผ่อนซะ แล้วพรุ่งนี้เฮียจะแวะมาแต่เช้า” จะขอคีย์การ์ดคืนก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อไปต่อหน้าต่อตา “พิมพ์” “คะ” ขานรับด้วยความตกใจ ใบหน้าร้อนวูบไปหมด เมื่อครู่นี้เธอทำอะไรลงไปนะ! “เฮียก็ไม่ได้อยากจะเป็นแค่เฮียมาตั้งนานแล้ว” สองตาเบิกโพลงจนแทบถลนออกจากเบ้า เงยหน้าขึ้นมองเขาโดยอัตโนมัติแต่ทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขา เธอก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นกว่าเดิม หน้าร้อนขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก “ให้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจอีกคืน พรุ่งนี้จะแวะมาเลื่อนสถานะ” “ฮะ เฮีย” “เข้าห้องไปได้แล้วไป ล็อกห้องให้เรียบร้อยด้วย” พิมพ์พัชรงงไปหมด อาละวาดครั้งเดียวแต่ทุกอย่างดันเปลี่ยนไปแบบปุบปับ ยืนงงจนถูกเขาดีดหน้าผากมาหนึ่งที ก่อนจะผลักเธอเบาๆให้ถอยกลับเข้าไปในห้อง แล้วเป็นคนปิดประตูให้ แต่ก่อนที่บานประตูจะปิดสนิท เธอก็เหมือนจะเห็นรอยยิ้มของเขาเหมือนที่เขาเองก็น่าจะเห็นรอยยิ้มของเธอ “วันนี้ยังเป็นพี่ชายเพื่อนอยู่ แต่อยากบอกฝันดีได้ไหม” พิมพ์พัชรเลิ่กลั่กเสียอาการ เม้มริมฝีปากแน่นแล้วรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว “ฝันดีค่ะเฮีย” ก่อนจะบอกฝันดีกับเขาผ่านบานประตูที่กั้นเอาไว้ เพราะเธอไม่กล้าสู้หน้าเขาแล้วจริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD