บทที่ 03
แค่พี่ชายเพื่อน [2]
“พาเขามาให้เฮียดูหน่อย”
“หา?”
“ทำไม มีปัญหาอะไร เฮียจะช่วยดูๆ ให้ว่าเขาเป็นยังไง ผู้ชายด้วยกัน ยังไงก็มองกันออกมากกว่า”
“แต่ว่า...”
“หรือเราไม่ไว้ใจเฮีย”
โดนถามแบบนี้เธอก็ได้ยิ้มแห้ง รู้สึกว่าวันนี้เขาทำตัวแปลกๆ แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่เหมือนกัน
“ก็ได้ค่ะ แต่พิมพ์ไม่แน่ใจนะคะว่าเขาสะดวกไหม”
“วันนี้วันพุธ ยังมีเวลาอีกสองวัน”
หมายความว่าก่อนพาไปพบพ่อกับแม่ เธอต้องพามาให้เขาดูก่อนหรือไง นี่ตกลงเขารับบทเป็นพี่ชายจอมหวงน้องสาวอย่างเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ตอนที่ยัยนรินจะแต่งงานกับคุณภพ เฮียหวงมันแบบนี้ไหมคะ”
“ไม่” เพียงคุณตอบโดยไม่เสียเวลาคิด ทำเอาพิมพ์พัชรหันไปมองตาโต “เฮียกับไอ้ภพรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ว่ามันนิสัยยังไง ไว้ใจได้ไหม ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าต้องหวงหรือห่วงยัยนริน ตรงกันข้าม ตอนนั้นคนที่น่าห่วงคือไอ้ภพต่างหาก”
“อ้อ จริงด้วยสินะคะ”
ได้ฟังคำตอบของเขาแล้วเธอก็ได้แต่ยิ้มแห้งกว่าเดิม หัวใจคล้ายจะพองโตได้เพียงแค่ไม่นานก็ต้องฟีบแบนลงอีกรอบ
“งั้นเอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่เดี๋ยวพิมพ์ขอดูเสื้อตัวนี้แป๊บหนึ่งนะคะ แล้วจะลองโทรถามคุณเปรมดิ์ว่าช่วงนี้เขาสะดวกหรือเปล่า” พิมพ์พัชรที่เหลือบไปเห็นป้ายเซลล์พุ่งตัวไปด้วยความเร็ว
“ชุดนี้สวยไหมคะเฮีย”
“เฉยๆ”
คนถามถึงกับหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน
“เสื้อตัวนี้ล่ะคะ”
“เฮียว่าไม่เข้ากับเราเท่าไร แต่ถ้าชอบก็ได้อยู่”
“ได้อยู่เท่ากับไม่ได้สินะคะ แล้วตัวนี้ล่ะคะเฮีย สีพาสเทลน่ารักดี”
“เราสายหวานตั้งแต่เมื่อไร” เพียงคุณย้อนถาม สรุปว่าสามสี่ตัวแรกที่พิมพ์พัชรมองว่าดี เขาไม่สนับสนุนสักตัว
“เบลเซอร์ตัวนี้ดีไหมเฮีย”
“แก่”
“เฮียอะ!”
“พูดความจริงก็ผิดหรือไง”
“ไม่ผิดค่ะ หึ่ย พิมพ์ไม่เลือกแล้วก็ได้” พิมพ์พัชรทำหน้างอก่อนจะแขวนเสื้อคืนที่เดิมแล้วเดินนำเพียงคุณออกมาทันที เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ ตั้งใจจะโทรหาเปรมดิ์วุฒิตามที่ตกลงกับเพียงคุณเอาไว้เพราะเธอไม่มีอารมณ์จะเลือกเสื้อผ้าแล้ว
ตุ้บ!
“โอ๊ย”
เพราะเดินทะเล่อทะล่าเดินออกมาจึงไม่ทันระวัง ก็เลยชนเข้ากับคนที่กำลังจะเดินผ่านไปพอดี โทรศัพท์มือถือในมือกระเด็นไปไกล ส่วนตัวเธอถูกเพียงคุณคว้าเอาไว้จึงไม่ล้ม
“ขอโทษครับ อ้าว คุณพิมพ์”
“คุณเปรมดิ์”
กลายเป็นเจอกันโดยบังเอิญ
เพียงคุณประคองพิมพ์พัชรเอาไว้ก่อนจะเดินไปเก็บโทรศัพท์มือถือมาคืนให้ สายตามองไปยังผู้ชายตรงหน้าแล้วพิจารณาในทันที
หน้าตาจัดว่าดูดี แต่งตัวสมาร์ตดูภูมิฐานแต่ก็ไม่เท่าเขา อายุก็อาจจะน้อยกว่าเขาอยู่นิดหน่อย แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับข้างกายของอีกฝ่ายมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยยืนอยู่
พิมพ์พัชรยิ้มแห้งเพราะไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร หน้าชายิบเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและดูสุภาพเพราะมันทำให้เธอดูออกได้ทันทีว่าพวกเขามาด้วยกัน
“คุณพิมพ์เป็นอะไรไหมครับ ขอโทษครับ เมื่อครู่นี้ผม...”
“ไปกันเถอะ” เพียงคุณถือวิสาสะจูงมือพิมพ์พัชรเดินออกมาซึ่งเธอก็ยอมที่จะเดินตามเขาออกมาเรื่อยๆ หันกลับไปมองด้านหลังอีกทีก็ไม่เห็นเปรมดิ์วุฒิเสียแล้ว
“เฮียคุณคะ”
“เห็นแบบนี้แล้วเรายังจะพาเขาไปเจอพ่อเจอแม่อีกไหม” เพียงคุณหันกลับมาถามเสียงเข้ม เสียงถอนหายใจของเขาทำให้เธอรู้สึกหนักใจขึ้นทันที
“คนนี้เฮียไม่ให้ผ่าน”
พิมพ์พัชรเข้าใจได้ว่าเพราะอะไรจึงไม่เอ่ยถาม
“คุณพิมพ์ครับ”
แต่ไม่คิดว่าเปรมดิ์วุฒิจะวิ่งตามมา เพียงแต่ไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าถึงตัวของเธอ เพียงคุณก็ก้าวมาบังด้านหน้าเอาไว้เสียก่อน
“อย่ายุ่งกับน้องสาวผม” เพียงคุณประกาศเสียงเรียบ
พิมพ์พัชรกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง ทั้งที่มือข้างหนึ่งของเธอยังอยู่ในมือของเขาที่จับเอาไว้ไม่ปล่อย
“น้องสาว?”
“ครับ ถ้าคุณคิดจะมาหลอกน้องผม ก็ไสหัวไปให้ไกล”
“เฮียคะ”
“ผมเข้าใจแล้วครับ” เปรมดิ์วุฒิยิ้มบางแล้วมองมาที่พิมพ์พัชรที่ยังทำอะไรไม่ถูก “ผมไม่ได้คิดจะหลอกคุณนะครับคุณพิมพ์”
“เหอะ!”
“ขอโทษครับ ผู้หญิงที่เห็นเมื่อครู่ เป็นผู้หญิงที่ผมเองก็รู้จักเธอผ่านแอปฯ เดียวกับที่รู้จักคุณพิมพ์ครับ ตอนนี้เราตกลงเป็นแค่เพื่อนกัน วันนี้แค่บังเอิญเจอกันน่ะครับ” เปรมดิ์วุฒิอธิบายชัดถ้อยชัดคำ สบสายตากับเพียงคุณตลอดเวลาที่พูด เมื่อพูดจบแล้วเขาจึงมองไปที่พิมพ์พัชรเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
“ผมจะเชื่อคุณได้ยังไง”
“พิมพ์เชื่อค่ะ” พิมพ์พัชรพูดแทรก เธอมองเห็นความจริงใจจากในสายตาและรอยยิ้มที่ดูเกรงๆ เพียงคุณของเขาชัดเจน
“คุณพิมพ์ไม่โกรธผมนะครับ”
“ไม่โกรธค่ะ” พิมพ์พัชรยืนยันยิ้มๆ
แม้จะยังตั้งสติไม่ค่อยได้สักเท่าไร แต่นั่นเป็นเพราะเธอไม่เคยเห็นเพียงคุณหุนหันพลันแล่นอย่างนี้มาก่อน
ตั้งแต่ที่เขาดึงเธอออกมาเมื่อครู่จนถึงตอนที่หันไปเอาเรื่องเปรมดิ์วุฒิ เขาดูเอาเรื่องผิดหูผิดตาไปจากที่เธอคุ้นเคย ไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงคนนั้น
เมื่อครู่หากเพียงคุณไม่รีบดึงเธอออกมา เธอก็อาจจะถามตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ซึ่งเท่าที่เธอสังเกต ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้จับมือถือแขนเปปรมดิ์วุฒิสักหน่อย หนำซ้ำยังไม่ได้มองเธอด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ จะเรียกว่าเธอเชื่อเปรมดิ์วุฒิเสียทีเดียวก็ไม่ถูกนัก แต่เธอเชื่อในเซ้นส์ของผู้หญิงที่มองกันออกเสียมากกว่า
“พิมพ์แนะนำให้รู้จักบ้างนะคะ”
“ครับ”
“นี่เฮียเพียงคุณค่ะ เขาเป็น...พี่ชายที่พิมพ์นับถือ”
แนะนำเขาด้วยรอยยิ้มทั้งที่ในอกร้อนวูบ
“เฮียคุณคะ นี่คุณเปรมดิ์วุฒิ ผู้ชายที่พิมพ์เล่าให้ฟังค่ะ”
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับเฮีย”
เพียงคุณไม่เคยรู้สึกขัดใจกับสถานะพี่ชายของเธออย่างนี้มาก่อน แล้วก็ไม่ค่อยชอบใจนักที่อยู่ๆ ก็มีใครไม่รู้ มาเรียกเขาว่าเฮียง่ายๆ
“เฮียคุณอยากรู้จักคุณเปรมดิ์พอดีค่ะ”
“ยินดีครับ ถ้าเฮียยังไม่หายแคลงใจเรื่องเจนนี่ ถามผมได้นะครับ ผมตอบได้ทุกคำถาม ผมจริงใจกับคุณพิมพ์จริงๆ” เปรมดิ์วุฒิยิ้มสุภาพ แม้เพียงคุณจะไม่ค่อยพอใจนักแต่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ามอง
“แล้วนี่คุณพิมพ์มาซื้อของเหรอครับ”
“ค่ะ แต่ไม่ถูกใจก็เลยว่าจะกลับ แล้วคุณเปรมดิ์ล่ะคะ”
“ผมแวะมาเช็กราคาของน่ะ ครับช่วงนี้ที่ร้านต้องสต๊อกของเยอะ จริงๆ มีพาร์ทเนอร์เจ้าประจำอยู่แล้วแต่มาดูไว้ เผื่อฉุกเฉินครับ”
พิมพ์พัชรยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะมองไปที่เพียงคุณที่ยังยืนหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเพราะเขากำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน
“งั้นกลับเลยก็แล้วกัน วันหลังค่อยแวะมาดูใหม่”
แต่จะยอมแพ้ไม่ได้ เขารู้สึกไม่ไว้ใจเปรมดิ์วุฒิสักเท่าไร
“ครับ แล้วเจอกันวันเสาร์นะครับคุณพิมพ์ ผมแวะไปรับที่คอนโดนะ”
แม้จะงงๆ แต่เปรมดิ์วุฒิก็ยินดี
“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” พิมพ์พัชรตอบตกลงยิ้มๆ โบกมือลาเปรมดิ์วุฒิก่อนจะเดินตามเพียงคุณออกมา รู้สึกเหมือนแอบนัดเจอแฟนแล้วพี่ชายตามมาจับได้ ก็เลยถูกพาตัวกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“เฮียคุณคะ”
“อะไร”
น้ำเสียงไม่ปกติ แถมยังไม่หันมามองหน้าเธออีกต่างหาก
“เฮียโกรธอะไรพิมพ์หรือเปล่าคะ”
“เปล่านี่”
“แต่เฮียจับมือพิมพ์แน่นเลยนะคะ”
เพียงคุณชะงักฝีเท้าลงในทันที
พิมพ์พัชรยิ้มอย่างเสียไม่ได้เมื่อสายตาของเพียงคุณมองไปที่ข้อมือของเธอที่ตัวเขายังจับเอาไว้แน่นตลอดทาง ก่อนจะปล่อยออกราวกับเพิ่งรู้ตัว
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่เฮียไม่ได้โกรธอะไรพิมพ์แน่นะคะ”
“ขึ้นรถเถอะ” เพียงคุณตัดบทสั้นๆ แล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถ ทิ้งให้พิมพ์พัชรยืนงงอีกตามเคย
เธอทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยหัวใจว้าวุ่น ก่อนจะก้มหน้ายิ้มให้ปลายเท้าตัวเอง ยืนสงบจิตสงบใจสักพักแล้วถึงเดินตามเขามาขึ้นรถ
บรรยากาศในการเดินทางกลับเงียบลงตั้งแต่เพียงคุณขับรถออกมา พิมพ์พัชรหันหน้าออกไปอีกทางเพราะรู้สึกวางตัวไม่ถูก ส่วนเพียงคุณก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดอย่างไร
“ถ้าเฮียรีบ ส่งพิมพ์ข้างหน้าก็ได้นะคะ”
“ทำไมเราถึงชอบลงจากรถกลางทางนัก” เพียงคุณถามแทรก และตั้งใจเร่งเครื่องเป็นการบอกเธอว่าเขาจะไม่จอดส่งเด็ดขาด
“เฮียหิว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนเฮียก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยกลับ”
“แล้วเฮียไม่ต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านเหรอคะ”
“เราจะไปกับเฮียไหมล่ะ เดี๋ยวเฮียมาส่ง” น้ำเสียงของเพียงคุณอ่อนลง แต่กลับยิ่งให้พิมพ์พัชรสับสนมากขึ้นไปอีก
“พิมพ์”
“เอาเป็นร้านใกล้ๆ แถวๆ นี้ดีกว่าค่ะ เฮียจะได้ไม่ต้องขับรถอ้อมไปอ้อมมาค่ะ” พิมพ์พัชรตัดสินใจเป็นคนเลือก ยิ้มให้เขาแล้วหันหน้าหนีออกมาอีกรอบ