บทที่ 05
พิมพ์ของเฮีย [1]
โรงพยาบาล
“พิมพ์ถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะเฮีย”
[จะกลับแล้วโทรบอกเฮียแล้วกัน หรือถ้าเฮียเสร็จจากทางนี้แล้วจะโทรบอก]
“ค่ะ ตั้งจะทำงานนะคะ”
[ช่วงนี้เฮียไม่อินกับงานเท่าไร ไม่รู้หมดแพชชั่นตั้งแต่เมื่อไร เหมือนใจจะอยากไปรับส่งแฟนมากกว่า]
ติ๊ง!
“ถึงพอดีค่ะ พิมพ์วางสายก่อนนะคะ”
[ครับ]
แค่คำเดียวสั้นๆ ของเขาก็ทำให้เธออมยิ้มจนแก้มตุ่ยเฉย
“คุณพิมพ์”
“อ้าว คุณเปรมดิ์ สวัสดีค่ะ มาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอคะ”
พิมพ์พัชรทักทายเปรมดิ์วุฒิที่บังเอิญเจอกันหน้าห้องพักผู้ป่วยพอดี เธอกำลังจะเข้าไปเยี่ยมแม่ของเธอ ส่วนเขาเดินออกมาจากห้องฝั่งตรงกันข้าม
“ผมแวะมาเยี่ยมลูกน้องน่ะครับ มอเตอร์ไซค์ล้มเมื่อวาน แล้วคุณพิมพ์ล่ะครับ ใครเป็นอะไร” เปรมดิ์วุฒิถามด้วยความห่วงใยทันที
“พิมพ์กำลังว่าจะโทรหาคุณเปรมดิ์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”
ถือโอกาสบอกกับเขาเสียเลยก็น่าจะดี
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องวันเสาร์นี้น่ะค่ะ พอดีแม่พิมพ์ลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อเช้า พิมพ์ก็เลย...”
“แล้วท่านเป็นอะไรมากไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หมอแค่ให้รอดูอาการกลัวว่าท่านจะปวดกล้ามเนื้อน่ะค่ะ อายุมากแล้ว” พิมพ์พัชรอธิบายยิ้มๆ
“น้องพิมพ์”
การมาของจิรภักดิ์ทำให้เธอหุบยิ้มลงทันที
เปรมดิ์วุฒิสังเกตเห็นได้ชัดถึงสายตาที่เธอมองออกไปทางด้านหลังของเขา พอจะคาดเดาได้ว่าคนที่เรียกเธอเมื่อครู่ น่าจะเป็นเหตุผลที่เธอต้องการพาเขาไปพบกับครอบครัว
“คนนี้ใช่ไหมครับ”
เพื่อความแน่ใจ เปรมดิ์วุฒิจึงแอบกระซิบถามสักหน่อย พิมพ์พัชรมองเขาแล้วได้แต่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นถือโอกาสนี้พาผมไปเยี่ยมคุณแม่ของคุณเลยดีไหม”
“คือว่า...”
ไม่ทันที่พิมพ์พัชรจะได้พูดอะไร จิรภักดิ์ก็เดินมาถึงพอดี และไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือเซนส์พิเศษอะไร เธอจึงก้าวไปหาเปรมดิ์วุฒิ ในขณะที่เขาเองก็ก้าวเข้ามาหาเธอ
จิรภักดิ์มองด้วยความแปลกใจ แต่ยังคงยิ้มเพื่อรักษามารยาทเหมือนอย่างที่เปรมดิ์วุฒิเองก็ยิ้มทักทายเช่นกัน
“เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
หลังชนฝาเธอก็ต้องหันหน้าสู้ ตัดสินใจเชิญเปรมดิ์วุฒิเข้าไปในห้อง เพราะตอนนี้คงต้องเอาตัวรอดจากจิรภักดิ์ไปให้ได้เสียก่อน
“สวัสดีค่ะแม่”
“อ้าว เลิกงานแล้วเหรอลูกพิมพ์ ทำไมมาเร็ว”
“ขอหัวหน้าออกมาก่อนครึ่งชั่วโมงค่ะ ไม่อย่างนั้นรถจะติด”
ในห้องพักมีเพียงแม่ของเธอนอนพักอยู่ ส่วนพ่อน่าจะยังไม่กลับจากที่ทำงาน
เห็นสายตาของแม่เหลือบมองไปที่เปรมดิ์วุฒิแล้วเธอจึงเพิ่งนึกได้ แต่ใจหนึ่งก็ลังเลเพราะไม่รู้ว่าควรแนะนำเปรมดิ์วุฒิว่าอย่างไรดี ก่อนหน้านี้เธอนัดแนะกับเขาเอาไว้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้แผนมีการปรับเปลี่ยนซึ่งเธอยังไม่ได้บอกเขา
“สวัสดีครับคุณน้า ผมเปรมดิ์วุฒิ เป็นแฟนของคุณพิมพ์ครับ”
ระหว่างที่พิมพ์พัชรกำลังลังเลเรื่องสถานะที่จะแนะนำ เขาก็ชิงแนะนำตัวเองไปก่อนแล้ว
“ฟะ แฟน” ศศิวิไลถึงกับถามย้ำด้วยความตกใจ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองจิรภักดิ์ที่ยืนหน้าตึงอยู่อีกด้านของเตียง
“ครับ จริงๆ ผมคุณพิมพ์เพิ่งรู้จักกันเมื่อไม่นานนี้ครับ กำลังศึกษากันอยู่ ฝากตัวด้วยนะครับ”
ความเป็นธรรมชาติของเขาทำให้เธอได้แต่ยืนยิ้ม เหลือบมองจิรภักดิ์แล้วรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องนิดหน่อย แต่ไม่อยากเก็บมาใส่ใจเพราะทั้งหมดคือสิ่งที่เธอเองก็อยากจะจัดการให้มันเรียบร้อยสักที อาจจะผิดแผนไปบ้าง แต่ตอนนี้คงต้องไหลตามน้ำไปก่อน
“แม่อย่ามองพิมพ์แบบนั้นสิคะ ลูกสาวแม่ออกจะสวย มีคนคุยบ้างไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
“คุณพิมพ์สวยมากต่างหากครับ ตลกด้วยอีกหนึ่ง” เปรมดิ์วุฒิหันมาแซว เธอหัวเราะแล้วถือโอกาสแนะนำให้เขารู้จักจิรภักดิ์
“คุณเปรมดิ์คะ”
“ครับ”
“นั่นพี่ภักดิ์ค่ะ พี่ชายพิมพ์ค่ะ อยู่หมู่บ้านเดียวกันค่ะ พี่ภักดิ์เป็นคนพาคุณแม่มาส่งโรงพยาบาลเมื่อเช้าค่ะ”
ยัดเยียดตำแหน่งพี่ชายให้อีกฝ่ายไปเสร็จสรรพ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณภักดิ์”
“ครับ”
แม้จิรภักดิ์จะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูไม่ค่อยถูกชะตากับเปรมดิ์วุฒิชัดเจน ทั้งเธอและเขามองออกแต่ทำได้แค่ไม่ใส่ใจ
พิมพ์พัชรรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ไม่คิดว่าเปรมดิ์วุฒิจะวางตัวได้ดีและเนียนมากขนาดนี้ แม้แต่เธอยังไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจสักนิด
“แม่รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมคะ ปวดตรงไหนไหม วันนี้คุณหมอแวะมาดูบ้างหรือยัง”
“มาเมื่อตอนบ่ายน่ะ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมกับคุณพิมพ์แวะมารับนะครับ”
“คุณเปรมดิ์ไม่ทำงานเหรอคะ”
“เดี๋ยวผมสั่งผู้ช่วยเอาไว้ได้ครับ รถคุณยังไม่ได้เรียบร้อยไม่ใช่หรือไง”
บทจะแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมา เขาก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดุๆ จริงๆ หนำซ้ำตอนที่เขายกมือขึ้นวางบนหัว เธอก็รู้สึกเหมือนได้รับความเอ็นดูขึ้นทันที
“ผมจัดการเองดีกว่าครับ คงไม่กล้ารบกวน” จิรภักดิ์เอ่ยปากเสียงเข้ม เปรมดิ์วุฒินิ่งแล้วเหลือบมองพิมพ์พัชรเพราะเขาเกรงใจเธอ
“แม่พิมพ์ ให้พิมพ์จัดการเองดีกว่าค่ะ แค่พี่ภักดิ์...”
“เมื่อเช้าผมปรึกษาคุณลุงเรื่องปรับพื้นกระเบื้องในห้องน้ำให้คุณป้าแล้วนะครับ ท่านบอกว่าจะทำตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีเวลา ผมเลยอาสาจะจัดการให้ พรุ่งนี้ผมจะให้ช่างเข้าไปตรวจสอบดูก่อน ตั้งใจว่าจะติดไฟแสงสว่างทางเดินเผื่อคุณป้าเข้าห้องน้ำตอนดึกๆ ด้วยไปเลยครับ”
จิรภักดิ์ยังคงถนัดสร้างความกดดันให้เธออย่างทุกที
พิมพ์พัชรหงุดหงิดจนอยากจะโวยวาย แต่เปรมดิ์วุฒิเบรกเอาไว้เพราะเพียงแค่เขาหันมาเขี่ยปอยผมที่ปรกข้างแก้มไปเหน็บไว้ที่หลังหู เธอก็รู้สึกเหมือนโดนสะกด แม้แต่จิรภักดิ์ก็ยังต้องหันมามอง
โชคดีที่พ่อของเธอเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงดึงความสนใจของทุกคนไปได้ เปรมดิ์วุฒิยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มสุภาพอย่างเคย
“นี่คุณพ่อพิมพ์ค่ะ พ่อคะ นี่คุณเปรมดิ์ แฟนพิมพ์ค่ะ”
สีหน้าของประภพนิ่งไปทันที เหลือบมองหน้าภรรยาเพื่อสังเกตทิศทางของสถานการณ์แต่เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร
“สวัสดีครับคุณลุง”
ประภพได้เพียงยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นรับไหว้ ทว่าพอสบตากับพิมพ์พัชรก็เหมือนสายตาจะดุขึ้นเล็กน้อย เธอจึงได้แต่ฉีกยิ้มแกนๆ
ตื้ด~
โทรศัพท์ของเธอสั่นแทรกขึ้นพอดี ชื่อเพียงคุณทำให้หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นในฉับพลัน
“พิมพ์ขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะคะ”
แม้จะรู้สึกเกรงใจเปรมดิ์วุฒิอยู่บ้าง แต่เธอก็จำเป็นต้องรับสาย ใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายิ้มโดยไม่มีอาการประหม่าสักนิด ดูเป็นคนที่จัดการกับความกดดันได้ดีมากทีเดียว
“สวัสดีค่ะเฮีย”
[เฮียเสร็จแล้วนะ เราเรียบร้อยหรือยัง ให้เฮียไปรับเลยหรือว่าอยากอยู่กับแม่ก่อน]
“พิมพ์...” เธอจะตอบเขาว่าอย่างไรดี
ถ้าหากให้เขามารับแล้วเปรมดิ์วุฒิล่ะ ลำพังเปรมดิ์วุฒิเธอคุยได้แน่ๆ แต่หากจิรภักดิ์รู้หรือสงสัยขึ้นมา เธอต้องปวดหัวทีหลังไม่จบไม่สิ้นแน่นอน
“เดี๋ยวพิมพ์กลับเองก็ค่ะ อีกสักพักก็จะกลับแล้ว”
เพราะเห็นจิรภักดิ์เดินออกมาพอดีเธอจึงรีบตอบ
[มีอะไรรึเปล่าพิมพ์]
“ไม่มีค่ะ เดี๋ยวพิมพ์รีบกลับนะคะ ถึงแล้วพิมพ์จะโทรบอกค่ะ”
สายตาของจิรภักดิ์ทำให้เธอกดกันจนต้องรีบพูดรีบวางสายเพราะเขาดูตั้งใจจะออกมาพูดคุยกับเธอตั้งแต่แรก
“มีอะไรเหรอคะพี่ภักดิ์”
“พี่ไม่เชื่อว่าพิมพ์กับเขาคบกัน”
เธอจะทำอย่างไรกับผู้ชายดื้อด้านคนนี้ดีนะ!