บทที่ 05
พิมพ์ของเฮีย [2]
“พี่ไม่เชื่อว่าพิมพ์กับเขาคบกัน”
เธอจะทำอย่างไรกับผู้ชายดื้อด้านคนนี้ดีนะ!
“ก็เรื่องของพี่ค่ะ พิมพ์กับคุณเปรมดิ์อาจยังไม่เหมือนแฟนกันเท่าไร แต่ก็อย่างที่บอกว่าเราเพิ่งจะคุยกันได้ไม่นาน” พิมพ์พัชรพยายามตอบอย่างไม่ใส่ใจ พูดจบก็เตรียมจะเดินหนีกลับเข้าห้องทันที ทว่าเขากลับก้าวมาขวาง เธอจึงต้องก้าวถอยหลังกลับมา
“แล้วกับคุณเพียงคุณล่ะ”
“เกี่ยวอะไรกับเฮียคุณคะ” น้ำเสียงของเธอเริ่มไม่พอใจที่เขาพยายามจับผิดเธอมากขึ้นทุกทีๆ
“รู้ไหมว่าถ้าพิมพ์บอกพี่ว่าพิมพ์คบกับคุณเพียงคุณ ยังจะน่าเชื่อเสียกว่า”
“พี่ภักดิ์!”
“หรือไม่จริง เราลงจากรถพี่ไปขึ้นรถเขา ไปนั่งกินนั่งกินนั่งดื่มด้วยกัน วันก่อนก็ไปช้อปปิ้งกับเขา พาเขาขึ้นห้องไปด้วยกัน ไหนยังจะ...”
เพียะ!
พิมพ์พัชรโกรธจนควันแทบจะออกหู ยกฝ่ามือเล็กสะบัดใส่หน้าจิรภักดิ์ไปสุดแรง
“อย่ายุ่งกับพิมพ์ ถ้าพี่ยังไม่เลิกคุกคามพิมพ์แบบนี้ พิมพ์จะแจ้งตำรวจ”
“ถ้าพี่บอกตำรวจว่าพี่ทำเพราะเป็นห่วงน้องสาว พิมพ์คิดว่าตำรวจจะทำอะไรได้”
พิมพ์พัชรกำหมัดแน่นจนสั่น นึกอย่างจะตบอีกสักฉาดแต่คิดว่าคงจะเจ็บมือฟรี
“สนุกให้พอ เพราะไม่ว่าจะยังไง พิมพ์ก็ต้องแต่งงานกับพี่อยู่วันยังค่ำ”
“พิมพ์ไม่แต่ง” พิมพ์พัชรยืนกรานหนักแน่น พอกันที หากเขายังดึงดันแถมยังถึงขนาดข่มขู่คุกคามกันขนาด ก็คงไม่ต้องไว้หน้ากันอีก
ตื๊ดๆ
เธอจะไม่สนใจเลยหากไม่เห็นว่าจิรภักดิ์เพิ่งจะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาส่งยิ้มให้เธอ
“พี่รักพิมพ์มากนะ”
ความรักของเขาทำให้เธอหวาดกลัว สายตาที่เขามองเธอก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำให้เธอต้องรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดดูข้อความที่เขาเพิ่งจะส่งมาให้
มือไม้อ่อนเมื่อเห็นภาพที่เพียงคุณนั่งกินข้าวกับเฌอเอมในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชุดที่เขาใส่เป็นชุดเดียวกับที่เธอเห็นเมื่อเช้า
พิมพ์พัชรกำหมัดแน่น นอกจากจิรภักดิ์จะส่งคนสะกดรอยตามเธอแล้วยังกล้าทำอย่างนั้นกับเพียงคุณด้วย
เธอพยายามแล้วที่จะสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ในใจก่อนจะเดินตามกลับเข้าไปด้านใน ยิ้มให้เปรมดิ์วุฒิที่หันมามองก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นคล้องแขนเตรียมตัวกลับ
“จะกลับแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ พิมพ์มีธุระนิดหน่อย พิมพ์กลับก่อนนะคะแม่ พรุ่งนี้จะแวะมารับ กลับก่อนนะคะพ่อ” ยกมือไหว้พ่อกับแม่ของเธอแล้วเดินออกมาทันที
เปรมดิ์วุฒิสังเกตได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบเดินตามออกมา
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับคุณพิมพ์ เขาตามคุณพิมพ์ออกมา พูดหรือว่าทำอะไรคุณไหม”
“เปล่าค่ะ”
“คุณพิมพ์ครับ” เปรมดิ์วุฒิรั้งข้อมือของพิมพ์พัชรเอาไว้ โชคดีที่เธอไม่ได้สะบัดออก แต่ยอมหยุดเดินแล้วหันมามอง
ทว่าสองตาของพิมพ์พัชรก็เบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อหันมาเจอเพียงคุณเดินมาด้านหลัง เพราะมาจากลิฟต์อีกด้านหนึ่งของอาคาร
แววตาตื่นตระหนกตกใจของเธอดึงสายตาของเปรมดิ์วุฒิให้หันไปมอง มือของเขาที่เธอสะบัดออกโดยสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดทำให้เขารู้สึกเอะใจขึ้นนิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ถามอะไร
“สวัสดีครับคุณเพียงคุณ”
พิมพ์พัชรนึกสงสัยว่าเปรมดิ์วุฒิเคยรู้สึกกดดันหรือประหม่าบ้างไหม ทำไมไม่ว่าจะกับใครหรือสถานการณ์ไหน เขาก็ดูไหลลื่นและปรับตัวได้รวดเร็วเหลือเกิน
“มารับคุณพิมพ์เหรอครับ”
“คือว่า...” เป็นพิมพ์พัชรที่พูดไม่ออกเสียเอง
“ครับ” เพียงคุณตอบเสียงเรียบ รอยยิ้มของเขาทำเอาพิมพ์พัชรใจหายวาบ ปั้นหน้ามองใครไม่ถูกสักคน
“ถ้าคุณพิมพ์มีคนมารับแล้ว งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหาอีกที”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณเปรมดิ์”
“ยินดีครับ กลับนะครับคุณเพียงคุณ”
เพียงคุณเพียงแค่ยิ้มมุมปาก รอจนเปรมดิ์วุฒิเดินออกไปเขาจึงมองหน้าพิมพ์พัชรที่เหมือนจะซีดลงกว่าปกติ ไม่รู้ว่าระหว่างวันลืมเติมเครื่องสำอางหรือกำลังกลัวความผิดกันแน่
สายตาของเขาทำให้เธอต้องเดินย้อนกลับไปที่ลิฟต์อีกด้านหนึ่งของอาคารเพราะเขาน่าจะจอดรถไว้ที่อาคารจอดรถ ระหว่างกลับไปที่รถด้วยกัน เพียงคุณไม่พูดหรือถามอะไรเธอสักคำ และเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือถามอะไร เพราะภาพที่จิรภักดิ์ส่งให้เธอดูก็ยังติดตา และยังอยู่ในห้องแชตระหว่างเธอกับจิรภักดิ์ที่เธอไม่ค่อยจะเปิดเข้าไปอ่านข้อความของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
บรื้น~
กระทั่งเพียงคุณขับรถพาเธอกลับคอนโด ความเงียบในรถทำให้ พิมพ์พัชรอึดอัด
รู้ว่าตัวเองก็ผิด แต่เขาเองก็น่าจะผิดเหมือนกันเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เธอโทรบอกเขาว่ากำลังกลับออกจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงานครึ่งชั่วโมงเพื่อรีบไปโรงพยาบาล เขาบอกเธอว่าเขากำลังจะต้องออกไปพบลูกค้า แต่เธอไม่คิดว่าลูกค้าของเขาจะเป็นเฌอเอม
“เฮียมีธุระต่อ ส่งพิมพ์ข้างล่างแล้วกันนะ”
“ค่ะ” พิมพ์พัชรตอบอย่างเสียไม่ได้ เพราะเขาแค่บอก ไม่ได้ถามความเห็นสักหน่อย
“พิมพ์”
“คะ”
“พิมพ์ได้คุยกับคุณเปรมดิ์แล้วหรือยัง”
“ยังค่ะ” เธอตอบเขาไปตามตรง พูดจบก็ปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกทันทีเพราะเพียงคุณจอดรถส่งเธอที่หน้าอาคารแล้ว แต่จังหวะที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ เธอก็มีลูกฮึดขึ้นมาจึงตัดสินใจหันกลับไปมองหน้าเขาแล้วยิ้ม
“แล้วเฮียล่ะคะ บอกพี่เฌอหรือยัง”
“บอกอะไร”
“บอกว่าเฮียมีแฟนแล้ว เหมือนที่เฮียอยากให้พิมพ์บอกคุณเปรมดิ์”
สายตาดื้อรั้นของพิมพ์พัชรทำเอาเพียงคุณนึกแปลกใจ
“เฮียกับเฌอเป็นแค่เพื่อนกัน”
“จากเพื่อนเลื่อนเป็นแฟนก็ไม่ได้ผิดนี่คะ จะเปิดตัวเร็วๆ นี้เลยไหม”
“พิมพ์ เฮียว่าพิมพ์...”
“หรือไม่เปิดตัวเพราะคบเป็นครั้งคราว ไม่เรียกแฟน งั้นเรียกลูกค้าก็ได้เนอะ” พิมพ์ตั้งใจพูดประชดใส่ก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถทันที นิสัยปากเสียปากพาซวยของเธอมันแก้ไม่หาย เธอเองก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไรเหมือนกัน
ติ๊ง!
กลับมาถึงห้องอย่างงงๆ ทุกอย่างน่าหงุดหงิดไปหมด ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเธอเลยสักอย่างทั้งที่เมื่อเช้ามันก็เหมือนจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีแท้ๆ
ปัก!
“โอ๊ย! ปั๊ดโธ่โว้ย!”
ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น แล้วอยู่ๆ น้ำตาก็ไหล สุดท้ายก็กลายเป็นนั่งร้องไห้เพราะหมดแรง สองมือจับเท้าตัวเองแน่น เห็นเลือดซึมออกมาจากปลาสเตอร์ยาเพราะเธอเดินเตะประตูอีกแล้ว มุมเดิม นิ้วเดิมกับเมื่อเช้านั่นแหละ
“เริ่มต้นวันด้วยการเดินเตะขอบประตูจนเล็บฉีก ได้เลือดแต่เช้า แกคิดว่ามันจะเป็นวันที่ดีของแกได้ยังไงยัยพิมพ์”
ตื้ด~
ชื่อของนรินดาโชว์อยู่บนหน้าจอ เห็นแล้วพิมพ์พัชรได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา ตั้งสติพร้อมกับสูดหายใจเพื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติก่อนจะรับสาย
“ฮัลโหล”
[ฉันซื้อผัดไทยวุ้นเส้นมาฝากแก อีกแป๊บจะถึงคอนโดแกแล้ว แกกลับถึงห้องหรือยัง]
“จะถึงแล้วแกเพิ่งจะโทรมาถามเนี่ยนะ”
[เออ ซื้อเสร็จแล้วด้วยถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรถามแกเลยว่าวันนี้ทำโอหรือเปล่า แต่คนกำลังมีความรักอะ ไม่มีใครเขาทำงานเป็นบ้าเป็นหลังหรอกมั้ง]
ได้ยินแล้วพิมพ์พัชรถึงกับน้ำตาร่วงอีกรอบ
“ความรักบ้าบออะไร”
[อ้าว]
“ฉันเพิ่งถึงน่ะ รีบๆ มาเลย หิว”
[โอเคๆ อีกห้านาทีเจอกัน ฉันลงจากรถแล้ว] พูดจบนรินดาก็วางสายไปทันที
พิมพ์พัชรได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินย้อนกลับมาเปิดลิ้นชักหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาเตรียมทำแผลให้ตัวเองใหม่อีกรอบ
ทว่าแค่เห็นกล่องยา หัวใจของเธอก็เหมือนจะเต้นแรง
“เขาทำแผลให้แกครั้งเดียว แกจะลืมวิธีทำแผลด้วยตัวเองไปเลยไม่ได้ยัยพิมพ์ เข้มแข็งสิ”
สะกดจิตตัวเองอย่างนั้นทั้งที่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ค่อยๆ แกะปลาสเตอร์ยาที่นิ้วเท้าออกอย่างเบามือเพราะเลือดซึมออกมาจนล้นแผ่นปลาสเตอร์ยาแล้ว
“มันอยู่ของมันดีๆ โง่ไปเตะมันเองก็ไม่ต้องโอดครวญ เจ็บไม่จำ สมน้ำหน้า”
ออด~
วางกระดาษทิชชูซับเชือดทิ้งเอาไว้บนโต๊ะแล้วเดินกะเผลกๆ ไปเปิดประตูต้อนรับผัดไทยที่นรินดาซื้อมาฝาก
“ร้านเดิมหรือเปล่า เฮีย”
ทว่าคนด้านหลังประตูกลับเป็นพี่ชายของนรินดาเสียได้ จะปิดประตูก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาก้าวเข้ามาด้านในเต็มตัวตั้งแต่ที่เธอเปิดประตูต้อนรับ
“ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านเดิมไหม” เพียงคุณบอกเสียงเรียบก่อนจะถือกล่องผัดไทยที่นรินดาเป็นคนซื้อมาเดินเข้าไปด้านใน
พิมพ์พัชรถอนหายใจก่อนจะปิดประตู เห็นเขาเหลือบมองกระดาษทิชชูกับของที่เธอวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะแล้วหันมามองเธอที่กำลังเดินกะเผลกๆ กลับไปนั่งทำแผลต่อ
“อีกแล้วเหรอ”
“เฮียมีธุระไม่ใช่เหรอคะ” พิมพ์พัชรถามเสียงเครือ ก้มหน้าก้มตาทำแผลต่อไปเงียบๆ เพราะมันก็แค่แผลเดิมนั่นแหละ เล็บฉีกไปตั้งแต่เมื่อเข้า ตัดจนสั้น มันจะเอาอะไรมาฉีกอีก
“ไม่ไปแล้ว”
คำตอบของเขาทำให้เธอแอบทำปากคว่ำ รู้ว่าเขาเดินกลับมาแล้วเพราะเธอได้ยินเสียงฝีเท้า แถมยังเห็นปลายเท้าของเขาแล้วด้วยเพียงแต่เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นมอง
“เดินยังไงให้เตะประตูบ่อยขนาดนี้”
“เดินโง่ๆ น่ะค่ะ คนฉลาดอย่างเฮียไม่เข้าใจหรอก”
“โกรธเฮียเหรอ”
“ค่ะ”
“ต้องง้อยังไง”
“ไม่ต้องค่ะ พิมพ์ไม่ใช่ยัยนริน ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เดี๋ยวอารมณ์ดีพิมพ์ก็หายเองนั่นแหละค่ะ” พิมพ์พัชรยังคงพูดไปเรื่อยๆ เอาสำลีรองใต้นิ้วเท้าเอาไว้ก่อนจะหยดเบตาดีนใส่ลงไป
“พิมพ์สำคัญกับเฮียนะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไม...” ตั้งใจจะเงยหน้าขึ้นเถียง แต่พอได้สบตาเขา คำพูดมากมายที่ตั้งใจจะพูดออกไปกลับจุกอยู่ที่ลิ้นปี่
รอยยิ้มอบอุ่นของเขามาพร้อมกับปลาสเตอร์ยาที่เขาเป็นคนแปะให้ใหม่อีกครั้ง ดึงสำลีออกจากมือของเธอ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องแล้วเอามันกลับไปเก็บใส่ลิ้นชักตามเดิม
“เฮียกับเฌอเป็นแค่เพื่อนกัน มันไม่มีอะไรอย่างที่พิมพ์เข้าใจเลยนะ”
แค่คำอธิบายเพียงไม่กี่คำกับอ้อมกอด เธอก็เหมือนจะใจอ่อนเสียแล้ว
“เฮียไปกินข้าวกับลูกค้าจริงๆ แต่บังเอิญเจอเฌอเพราะนัดกับลูกค้าไว้ที่โรงแรมของเฌอ ได้ส่วนลดมาบ้างนิดหน่อย ถ้าพิมพ์ไม่เชื่อ เฮียเอาสลิปบัตรเครดิตค่าอาหารโรงแรมให้ดูก็ได้”
“โรงแรมพี่เฌอเหรอคะ”
“อืม ครอบครัวของเฌอทำธุรกิจโรงแรม พี่ฌอร์ณ พี่ชายของเฌอเพิ่งเข้ามารับช่วงดูแลได้ไม่นาน เฌอเป็นผู้ช่วยเขาอยู่ตอนนี้”
ได้ยินคำอธิบายของเขาแล้วเธอก็เริ่มรู้สึกกระดากอายกับสิ่งที่ทำลงไป แถมยังพูดจาไม่ยั้งคิดอีกต่างหาก
“ส่วนเรื่องที่พิมพ์เห็นในห้องทำงานยัยนรินคราวก่อน เฮียบอกไปแล้วนะว่าอุบัติเหตุ กำลังจะลุกออกมาพร้อมกันก็เลยเดินชนกัน เธอล้มมาทางเฮียพอดีเท่านั้นเอง”
พอมีโอกาสได้อธิบาย เพียงคุณก็อธิบายเสียละเอียด
“ขอโทษค่ะ”
“ไปเจออะไรมา ทำไมถึงได้อารมณ์เสียขนาดนี้ เขาทำอะไรให้โกรธอีก”
นอกจากเพียงคุณจะไม่โทษเธอแล้ว เขายังถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนจะรู้ว่าเธอหงุดหงิดมาจากจิรภักดิ์
“นิดหน่อยค่ะ แต่เอาเรื่องคุณเปรมดิ์ก่อนก็แล้วกัน”
“ก็ดี อธิบายมาสิ”
พอได้ยินเขาถามเสียงเข้ม จากที่ตั้งใจจะอธิบายเธอก็แอบใจฝ่อเพราะเนื้อเสียงของเขาไม่อบอุ่นเหมือนเดิม
“พิมพ์บังเอิญเจอคุณเปรมดิ์น่ะค่ะ เขาแวะไปเยี่ยมลูกน้องที่ประสบอุบัติเหตุ แล้วพี่ภักดิ์มาเห็นพอดี”
“อ้อ พิมพ์ก็เลยถือโอกาสหลอกใช้เขาเป็นไม้กันไก่”
จะขำก็ไม่กล้าขำ จะงอนที่เขาว่าเธอหลอกใช้เปรมดิ์วุฒิก็ไม่ได้อีก
“ไม่ได้ตั้งใจค่ะ แต่พี่ภักดิ์ไวมาก คุณเปรมดิ์เองก็ไวเหมือนกัน พิมพ์พูดไม่ทันเพราะมัวแต่งงอยู่ จำได้ว่าคุณเปรมดิ์ถามพิมพ์ว่าคนนี้ใช่ไหม พอพิมพ์บอกว่าใช่ เขาก็จัดการจนพี่ภักดิ์เหมือนจะควันออกหู”
เพียงคุณได้ยินแล้วยิ้มมุมปาก เริ่มจะคิดว่าเปรมดิ์วุฒิอาจไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ดูได้จากการยอมเปิดทางให้เขาเป็นคนพาพิมพ์พัชรกลับมา ดีไม่ดีอาจรู้ตัวแล้วว่าไม่มีโอกาสได้เป็นตัวจริงของเธอ
“แล้วที่เรานัดกับเขาเอาไว้พรุ่งนี้ล่ะ”
“พรุ่งนี้หมอให้แม่พิมพ์จะออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ พี่ภักดิ์กันซีน แต่พิมพ์ปากไว บอกเขาว่าแม่พิมพ์ พิมพ์ดูแลเองได้ เดือดร้อนคุณเปรมดิ์ต้องออกปากช่วยเพราะพิมพ์ไม่มีรถ”
“เราเนี่ยน้า”
“ก็มันหงุดหงิดนี่คะ คนอะไรก็ไม่รู้ ตอนเกิดคาบฝอยขัดหม้อมาเกิดหรือไงถึงได้ขัดได้ทุกเรื่อง ไหนจะยังเรื่องที่สะกดรอยตามพิมพ์อีก”
“อะไรนะ” เพียงคุณถึงกับตกใจ
“เขารู้ค่ะว่าวันนั้นพิมพ์ขึ้นรถมากับเฮีย แล้วก็รู้ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ของพิมพ์หมดเลย เขายังบอกอีกว่าถ้าพิมพ์บอกว่าพิมพ์คบกับเฮีย ยังน่าเชื่อกว่า” พิมพ์พัชรระบายออกมาจนหมดเพราะสิ่งที่จิรภักดิ์ทำกำลังทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย
“แล้วพิมพ์คิดว่าเขาไม่รู้หรือไง”
“พิมพ์...”
“เฮียว่าเรื่องที่พิมพ์เข้าใจผิดเฮียเรื่องเฌอ ก็เพราะเขาใช่ไหม”
พิมพ์พัชรพยักหน้าก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปให้เพียงคุณดู ถึงแม้ว่าเพียงคุณจะโกรธ แต่ไม่ได้คิดจะเก็บมาใส่ใจอะไร เพราะเขาเองก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพิมพ์พัชรมากกว่า