ตอนที่ 1 : เจอกันอีกครั้งในรอบ 3 ปี
“ยัยตาแกไปคุยอะไรกับน้องจันทร์เจ้า”
“แค่ไปอธิบายงานให้น้อง เหมือนน้องจะยังไม่ค่อยเข้าใจ”
“แกก็ดูน้องแทนพี่ด้วยนะ พี่งานยุ่ง สงสารน้อง”
“พี่ริสา พี่รู้จักกับจันทร์เจ้าเหรอ”
ตาหวานรุ่นพี่ในฝ่ายบัญชีเอ่ยปากถามริสาหัวหน้าฝ่ายขึ้น เมื่อเห็นว่าริสานั้นดูเป็นห่วงเป็นใยและสงสารจันทร์เจ้าหรือพนังงานคนใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ 2 อาทิตย์กว่า
“จันทร์เจ้าเป็นเด็กที่อยู่แถวบ้านพี่ ตอนนั้นพี่ไปเรียนต่อต่างประเทศเลยไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขาหรอก แต่แม่พี่เล่าให้ฟัง”
“เรื่องของน้องเหรอ”
“ใช่”
“เล่าด่วนพี่ ฉันอยากฟัง เผื่อจะช่วยอะไรน้องได้บ้าง”
ว่าแล้วทั้งสองก็พากันลงไปทานข้าว เพราะตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันพอดี ริสาเดินถือปิ่นโตวางลงบนโต๊ะก่อนจะเอียงตัวเข้าหาตาหวานที่รอฟังเธอเล่าอยู่
“ก่อนหน้านี้ ย้อนไปประมาณ 3-4 ปีก่อน จันทร์เจ้าเคยมีครอบครัวนะ มีสามีและลูกชายวัย 3 ขวบกว่าๆ แม่พี่บอกว่าคืนนั้นเป็นคืนวันเกิดของลูกชาย แต่สามีออกไปทำงานแล้วกลับดึก จันทร์เจ้าก็เลยพาลูกไปซื้อเค้กเองที่ห้างใกล้ๆบ้าน เห็นบอกว่าหลับในหรือยังไงพี่ก็ไม่รู้แน่ชัด จันทร์เจ้าทำรถเสียหลัก ชนกับเสาร์ไฟฟ้า ลูกตายแต่แม่รอด”
“เอาจริงดิพี่”
“จริง! แล้วพอสามีน้องรู้ก็โมโหแหละ ที่ทำให้ลูกตาย พอลูกเสียไปสามีก็ไม่ค่อยสนใจ ทะเลาะกันบ่อยจนอยู่ๆวันหนึ่งก็หายไปดื้อๆ ทิ้งให้จันทร์อยู่คนเดียว”
“เฮ้ยพี่ แล้วสภาพจิตใจแบบนั้นเนี้ยนะ”
“อืม แล้วน้องไม่มีญาติด้วยนะ พ่อแม่ก็ตายไปตั้งนานแล้วด้วย แม่พี่นี่แหละค่อยดูแลอยู่บ่อยๆ มีช่วงปีแรกที่น้องทำอะไรไม่ได้เลยนะเพราะเป็นโรคซึมเศร้า”
ริสาหยุดการสนทนาทันทีเมื่อจันทร์เจ้าเดินถือถาดอาหารเข้ามาขอนั่งด้วยกับเธอและตาหวาน ทั้งสองรีบปรับสีหน้าและยิ้มให้จันทร์เจ้าอย่างเป็นมิตร
“จันทร์เจ้าพอจะเรียนรู้งานได้ไหม”
“พอได้อยู่ครับพี่ริสา มีพี่ตาหวานค่อยช่วยด้วย”
จันทร์เจ้ายิ้มอ่อนให้กับทั้งสองพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทานข้าวด้วยความสุภาพ สายตาของทั้งสองเหลือบมองแหวนเพชรเม็ดเล็กบนนิ้วนางของจันทร์เจ้าก่อนจะรีบหันหนีอย่างรู้กัน
“กลับบ้านกับพี่หรือเปล่า”
“เจ้าว่าจะไปตลาดก่อนสักหน่อย พี่ริสากลับก่อนเลยครับ”
“โอเค”
ปากเรียวเอ่ยบอกกับริสาอย่างสุภาพ ใบหน้าเรียวสวยนั้นชวนให้ริสานึกถึงจันทร์เจ้าในวัยเด็ก รอยยิ้มร่าเริงสดใด น่ารักน่าเอ็นดูนั้นกลับหายไปจนไม่เหลือคราบของเด็กคนนั้นอยู่ในตอนนี้
“เอ้าๆ กินข้าวกันแล้วก็ทำตัวให้เรียบร้อยกันด้วย โดยเฉพาะฝ่ายการเงิน การจัดการ เดี๋ยวท่านประธานจะเข้าบริษัทนะ”
เลขาเอ่ยบอกกับพนักงานที่กำลังทานข้าวกันอยู่ สิ้นเสียงของเธอทุกคนก็ดูชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด ต่างคนต่างทาน ต่างคนต่างรีบเพื่อไปจัดแจ้งโต๊ะทำงานของตัวเอง
“จะว่าไปจันทร์เจ้ายังไม่เคยเห็นท่านประธานเลยนี่”
“ใช่ครับ ก็จันทร์เจ้าพึ่งจะมาทำงานได้แค่ 2 อาทิตย์เอง ฮ่าๆ”
“แกใจดี แล้วก็หล่อด้วยนะ หล่ออย่างกับเทพบุตร ฮ่าๆ”
ริสาพูดทีเล่นทีจริงใส่จันทร์เจ้าและตาหวานก่อนจะพากันหัวเราะออกมา ทั้งสามรีบสาวเท้าเดินเมื่อริสามองนาฬิกาข้อมือ จวนจะถึงเวลาที่ท่านประธานจะมาถึงแล้ว
“เราไม่ได้มีอะไรต้องจัด เพราะแผนกเราสะอาดอยู่แล้ว” ริสาพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจพร้อมกับยกมือขึ้นจัดสูทของตัวเอง
จันทร์เจ้าได้แต่นั่งยิ้มตาหยีให้กับพี่ๆในแผนก ใบหน้าหวานๆ และวาจานอบน้อมทำให้คนในแผนกและแผนกใกล้เคียงค่อนข้างจะรักและเอ็นดูจันทร์เจ้าเป็นอย่างมาก
ร่างเล็กนั่งมองจอคอมอยู่ชั่วครู่ก่อนจะได้ยินเสียงของพนักงานวิ่งมากระซิบกันให้ลุกขึ้นยืนเพราะท่านประธานมาถึงแล้ว เมื่อได้ยินตัวเล็กก็รีบลุกยืนตามคำบอกกล่าวของพี่ๆ
สายตากลมจ้องมองชายร่างสูงโปร่งในชุดสูทเรียบหรู เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายวัยพอๆกับจันทร์เจ้า ตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก ผิวพรรณขาวนวล สายตาของจันทร์เจ้าไม่สามารถละไปจากชายร่างสูงคนนั้นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
“หล่อใช่ไหมหล่ะ จันทร์เจ้ามองไม่ละสายตาเลย ฮ่าๆ” ตาหวานแอบกระซิบกระซาบจันทร์ที่ยังคงจ้องมองท่านประธานไม่ละสายตา
ท่านประธานที่ทุกคนบอกว่าใจดี หล่อเหลาและเก่งรอบด้านนั้นกลับไม่ใช่ใครอื่นไกล เขากลับกลายเป็น ‘แทนคุณ’ สามีของจันทร์เจ้าที่หายไปเมื่อสามปีก่อน
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“สวัสดีครับคุณริสา วันนั้นที่ส่งเรื่องเข้ามาผมยุ่งมากเลยไม่ได้ดู ให้เลขาเซ็นอนุมัติให้แทน เป็นยังไงบ้างพนักงานที่เข้ามาใหม่”
“เรียนรู้เก่งมากเลย ทางโน้นค่ะ ยื่นอยู่ตรงโต๊ะทำงานโน้นค่ะ”
แทนคุณหันไปตามปลายนิ้วของริสา สายตาคมกริบจ้องมองใบหน้าเรียวสวยไม่ละสายตา แทนคุณรีบเบือนหน้าหนีพร้อมกับสั่งให้ริสาพาจันทร์เจ้าไปพบที่ห้องทำงานในทันที
“จันทร์เจ้าท่านประธานเรียกพบ พี่พาไปนะ”
“ทำไมหล่ะครับ”
“สงสัยคงอยากจะสอบถามอะไรนิดหน่อยแหละ เพราะคนที่รับเข้าทำงานเป็นเลขาไม่ใช่แก”
“ครับ”
มือเรียวประสานกันแน่น ใบหน้าขาวนวลเริ่มซีดเซียวเพราะความกังวลกำลังครอบงำจันทร์เจ้า จนทำให้พี่ๆในแผนกต้องเข้ามาปลอบใจคนตัวเล็กที่มีท่าทางออกมาอย่างชัดเจน
จันทร์เจ้าเดินตามริสาขึ้นไปด้วยความประหม่า ไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้าสามีที่ตัวเองพยายามตามหามาตลอดสามปีควรจะพูดคุยด้วยอย่างไร และผู้ชายที่มาด้วยเป็นใคร ต้องทำตัวแบบไหน ความกังวลตีกันในหัวของจันทร์เจ้า
“จันทร์เจ้าถึงแล้ว เดี๋ยวให้พี่เลขาพาเข้าไปนะ พี่ไปรอข้างล่างนะ”
“ครับ”
ริสาตบไหล่จันทร์เจ้าเบาๆเพื่อให้เขานั้นคลายกังวล เธอหันมองจันทร์เจ้าอยู่พักใหญ่ก่อนจะเดินลงลิฟต์ไปด้วยความกังวลไม่แพ้กัน เพราะท่าทางของจันทร์เจ้านั้นดูผิดแปลกไปจากเดิม
“ท่านประธานคะ พนักงงานใหม่มาแล้วค่ะ”
“ให้เข้ามาได้เลย”
เลขาต่อสายเข้าไปในห้องพร้อมกับลุกขึ้นเปิดประตูและเดินนำจันทร์เจ้าเข้าห้องไป สายตากลมจ้องมองแทนคุณที่กำลังยิ้มให้กับชายที่นั่งอยู่ตักด้วยความสับสน มือเรียวรีบยกขึ้นมาปิดแหวนบนนิ้วและก้มหน้าลง
“พี่แทนทำงานต่อเถอะ ฟิวส์ไปก่อนนะ เจอกันที่บ้านนะครับ”
“โอเคครับ รักนะครับ”
กาฟิวส์ หรือคู่หมั้นของแทนคุณโน้มหน้าลงหอมแก้มของแทนคุณโดยไม่อายสายตาของใคร เท้าเรียวก้าวเดินพร้อมกับหันมายิ้มให้เลขาและจันทร์เจ้าที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“เลขาเอมออกไปก่อน ผมขอคุยกับพนักงานคนใหม่เป็นการส่วนตัว”
“ได้ค่ะ ท่านประธาน”
เอมมิการีบถอยหลังออกจากห้องไปทำงานที่ค้างไว้เมื่อครู่ แทนคุณกวักมือเรียกจันทร์เจ้าที่ยืนนิ่งอยู่ประตูหน้าห้องทำงานให้มานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้า
“พี่แทนคุณ”
“ผมไม่ได้สนิทหรือรู้จักคุณมากมายขนาดที่คุณจะมาเรียกผมพี่นะ”
“ขะ-ขอโทษครับ”
“หัดเจียมตัวซะบ้าง เป็นแค่พนักงานในบริษัทของผม อย่าได้มาทำตัวสนิมสนมกับผม”
จันทร์เจ้ารีบกล่าวขอโทษด้วยความตกใจ ใบหน้าเรียวสวยเริ่มแดงระเรื่อเมื่อเริ่มกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มือเรียวจับชายเสื้อของตัวเองไว้แน่นพร้อมกับกัดฟันเพื่อพยายามให้ตัวเองไม่ร้องไห้ออกมา
“ที่จริงกะว่าจะแวะเข้าไปหาอยู่หรอกนะ แต่เจอที่นี่ก็พูดเลยแล้วกัน”
“พี่…ท่านประธานจะแวะไปหาทำไมเหรอครับ”
“ผมพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ กะว่าจะไปคุยกับคุณให้รู้เรื่อง ขอโทษนะที่หายไปดื้อๆ ตอนนี้สถานะของเราไม่มีอะไรมากไปกว่าเจ้านายกับลูกน้องแล้วนะ ผมกำลังจะแต่งงานในอีก 8 เดือนข้างหน้า กำลังจะมีครอบครัวใหม่ คุณช่วยถอดแหวนนั้นออกซะ”
สิ้นเสียงของแทนคุณ จันทร์เจ้าก็รีบถอดแหวนออกด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง ดวงตาคู่งานเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ไม่ต้องพยายามตามหาผมอีกแล้วนะ ตอนนี้ผมอยู่ตรงหน้าของคุณแล้ว”
“เข้าใจแล้วครับ”
“ไม่มีอะไรแล้ว ผมหมดธุระกับคุณแล้ว ไปได้”
“ครับ”
ตัวเล็กรีบลุกขึ้นโดยที่ไม่กล้าจะหันไปสบตาคนตรงหน้า เท้าเรียวรีบก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว ณ เวลานี้ในหัวนึกได้แค่ห้องน้ำเท่านั้น จันทร์เจ้าพุ่งตัวเข้าห้องน้ำก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ