EPISODE 01
สัญญาพิเศษ
วันแรกที่แพทริคเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทแห่งนี้ ต้องบอกตามตรงว่าเขามาแต่ตัว ถูกส่งมาที่นี่แค่ตัวเปล่ากับเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เท่านั้น ไม่มีกระเป๋าเดินทาง ไม่มีสมบัติใด นั่นทำให้เขาค่อนข้างเสียความมั่นใจพอสมควรเมื่อต้องมาอยู่ในสถานที่ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ราวกับกดดันให้ตัวเขารู้สึกไร้ค่ามากกว่าเดิม
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ผมจะพาคุณเดินดูปราสาทของผม พื้นที่ปีกขวานี้เป็นที่ของผมทั้งหมด ฉะนั้นคุณใช้พื้นที่ได้ตามสบาย”
ลูซิเฟอร์หันไปมองหน้าคนข้างกายที่สีหน้าไม่สู้ดี เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ทว่าก็พอเดาได้ว่าไม่ได้เต็มใจจะอยู่ที่นี่เท่าไรนัก เพียงแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าสัญญามันเริ่มขึ้นแล้ว
“ญาติผมเขาไม่ได้เอาอะไรมาให้ผมจริงเหรอครับ แบบว่าพาผมมาตอนหมดสติแล้วกลับไป ไม่มีแม้แต่เงินทิ้งไว้ให้สักบาทจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่ เขาเอาแค่ตัวคุณมาไว้ที่นี่ ถามทำไม?”
“เปล่า ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยดีกับญาติตัวเอง แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก”
“ถ้าคุณไม่สบายใจ วันนี้พักผ่อนหน่อยก็ได้นะ เพิ่งรู้ว่าคุณดูเป็นคนอ่อนไหวกว่าที่คิด”
“เหรอ ผมเนี่ยนะอ่อนไหว คุณคิดผิดแล้วครับคุณลูซิเฟอร์ ผมน่ะเข้มแข็งจะตาย ทำอะไรได้หลายอย่างด้วย เก่งกว่าที่คุณคิดแล้วกัน”
แพทริคอวดอ้างตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจเพราะเขานั้นมีความสามารถอื่นอยู่เหมือนกัน ก่อนที่จะถูกส่งตัวมาที่นี่ด้วยสัญญาการประมูลระหว่างเผ่าพันธุ์อะไรนั่น เขาก็เป็นผู้บริหารบริษัทผลิตตุ๊กตาและของเล่นเด็กขนาดใหญ่ที่ต่างประเทศซึ่งทำกำไรได้มหาศาล นับว่าเป็นคนมีความสามารถด้านการทำงานคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“อย่างนั้นเหรอ เก่งอะไรอีกล่ะ เรื่องบนเตียงเก่งไหม?”
ชายร่างสูงใหญ่คนนี้หันไปถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เกินต้าน เขาแสร้งถามทีเล่นทีจริงอย่างนี้ ทั้งที่ก็อยากรู้ใจจะขาดว่าแพทริคน่ะเก่งกาจเรื่องบนเตียงแค่ไหน อย่างไรความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ต้องพึ่งพาเรื่องแบบนี้เพื่อการมีลูก
“ผมจะบอกให้นะ ผมน่ะ โคตรเก่งเลย เซียนระดับตำนาน ผ่านการมีเซ็กซ์มาแล้วไม่ต่ำกว่า ... เอ่อ ... ไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยครั้ง!!!”
คำตอบนี้ทำให้ลูซิเฟอร์ตกใจจนต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันไปจ้องหน้าของอีกฝ่าย ในใจทวนคำตอบซ้ำ ๆ ว่ามีประสบการณ์สี่ร้อยครั้งเลยหรือ?
ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดของคนขี้โม้เฉย ๆ หรือเป็นความจริง ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ลูซิเฟอร์รู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องที่ด้อยกว่าแพทริค เพราะเขาไม่เคยร่วมเตียงกับใครมาก่อนเลยสักครั้งเดียว
“ผะ ผมก็เหมือนกัน ผมมากกว่าคุณนะ ถ้านับไม่พลาดก็น่าจะขึ้นเตียงมาแล้วสักสี่ร้อยห้าสิบครั้งได้”
แน่นอนว่าเขาโกหกออกไปเต็มปากเต็มคำเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้จุดด้อยที่แท้จริง ซึ่งแพทริคก็ตกใจกับคำตอบที่ได้รับกลับมาเหมือนกัน
เขาน่ะสร้างคำตอบเมื่อครู่ขึ้นมาให้ดูเกินจริงไปมาก ๆ เพราะกลัวจะถูกลูซิเฟอร์ใช้ความอ่อนประสบการณ์มารังแกเขา ความจริงคือแพทริคเองก็ไม่เคยร่วมเตียงกับใครมาก่อนเหมือนกัน
หากพูดให้ถูกต้องที่สุดคือพวกเขาทั้งสองคนไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนเลยในชีวิต ด้วยนิสัยและความพิเศษที่มีในตัวทำให้ยากต่อการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนอื่น
ลูซิเฟอร์เป็นคนที่หยิ่งยโสและถือตัวมาก เขาเป็นหมาป่าครึ่งมนุษย์เพียงคนเดียวในตอนนี้ที่แข็งแรงที่สุด เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่สามารถสืบทายาทกับคนที่มีพันธุกรรมพิเศษได้
อีกทั้งทายาทที่เกิดจากสายเลือดบริสุทธิ์จะได้เป็นหมาป่าครึ่งมนุษย์ที่สมบูรณ์เหมือนเขา มีพลังเวทที่แข็งแกร่ง แถมมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าใคร
ส่วนแพทริคเขารู้ว่าตัวเองนั้นมีต่อมพันธุกรรมพิเศษในร่างกายที่สามารถทำให้ตัวเขาตั้งครรภ์ได้ เขามองว่าจุดนี้เป็นจุดด้อย ไม่ใช่สิ่งพิเศษ เพราะเขามีเจ้าพันธุกรรมนี้แหละถึงทำให้คนในตระกูลรังเกียจเขามาตั้งแต่เกิด ไม่มีใครรักเขา ทุกคนมองเขาแตกต่างและเป็นตัวประหลาด บ้างก็หาว่าเขาพิการผิดมนุษย์
คนเดียวที่เลี้ยงแพทริคมาอย่างทะนุถนอมคือคุณปู่ ซึ่งเป็นคนที่พาเขาใช้ชีวิตให้เหมือนคนปกติ สอนวิธีคิดดี ๆ จนใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลได้อย่างสง่างาม
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องพันธุกรรมนี้ไม่ถูกพูดถึงอีกเลย คุณปู่กำชับให้ทุกคนปฏิบัติต่อแพทริคเหมือนมนุษย์คนหนึ่งไม่ใช่ตัวประหลาดอะไร
ลำพังต้นตระกูลก็เป็นคนที่มีพันธุกรรมพิเศษสามารถท้องได้อยู่แล้ว เพียงแต่ร้อยปีผ่านมาไม่เคยมีใครได้รับพันธุกรรมดังกล่าวเลยเคยชินกับการที่ไม่มีมันอยู่มากกว่า พอวันหนึ่งความพิเศษนั้นมาอยู่กับแพทริคเขาเลยแตกต่างจากคนอื่น
ช่วงเวลาที่ผ่านมาความเกลียดชังจากเหล่าญาติก็ถูกกลบด้วยความเกรงกลัวคุณปู่ นั่นทำให้แพทริคใช้ชีวิตอย่างสงบได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งเขาวางแผนการใช้ชีวิตโดยลำพังจนแก่ตาย จะไม่มีความสัมพันธ์กับใครลึกซึ้งเด็ดขาดเพราะเขากลัวว่าพันธุกรรมพิเศษในตัวเขาจะทำให้ทุกอย่างมันยาก
ฉะนั้นการอยู่คนเดียวไปจนตายคงเป็นทางออกของชีวิตที่เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว ไม่เคยจินตนาการวันที่ต้องอยู่กับใครแบบมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
ตึก ตึก ตึก
ทั้งคู่เดินไปได้ครึ่งหนึ่งของชั้นล่างในปราสาทปีกขวา ลูซิเฟอร์แนะนำห้องต่าง ๆ รวมถึงของใช้ว่าอะไรใช้ได้ อะไรใช้ไม่ได้ อะไรควรระวังอย่าให้เสียหายเพราะเป็นของหายาก แต่เหมือนเขาจะคุยอยู่คนเดียวเพราะแพทริคเหม่อลอยเหมือนคนสติหลุด ราวกับกำลังจมกับความคิดของตัวเองอยู่
“แพทริค!! ฟังผมอยู่ไหม?”
“ฮะ เอ่อ วันนี้แนะนำบ้านแค่นี้ได้ไหม ผมเหนื่อยแล้ว เวียนหัวจากยาสลบไม่หาย”
“เฮ้อ งั้นก็ออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อยแล้วกัน”
ที่นี่ยิ่งใหญ่เสียจนแพทริครู้สึกว่าเดินเท่าไรก็ยังไม่ทั่ว เดินจนเหนื่อย อีกอย่างที่น่าเวียนหัวคือลูซิเฟอร์มีคนรับใช้คอยปรนนิบัติอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็มีคนนำชามาให้ ไหนจะขนม ที่รู้สึกไม่เข้าใจที่สุดคือมีคนคอยเดินตามเพื่อจัดเสื้อผ้าให้ เสื้อยับนิดหน่อยก็ไม่ได้ ต้องรีบเข้ามาจัดเพื่อให้ดูเรียบร้อยทันที
การถูกปรนนิบัติเป็นเรื่องที่ไกลตัวแพทริคมาก เขาไม่เคยชินกับการได้รับการปฏิบัติดี ๆ จากใครทั้งสิ้น แต่การเดินเคียงข้างลูซิเฟอร์ทำให้เขาถูกดูแลไปด้วย ซึ่งเขาไม่ได้ร้องขอ และไม่ชินด้วย ไม่เข้าใจว่าอยู่ในบ้านจะแต่งตัวเรียบร้อยไปทำไมนัก
ครู่หนึ่งที่เดินมายังประตูของปราสาทปีกขวา และวินาทีที่ประตูบานใหญ่เปิดออกให้เห็นอาณาเขตด้านนอก กลับทำให้แพทริคยืนอึ้งอยู่กับที่ อากาศเย็นพัดมากระทบผิวกายของเขาพร้อมกับทิวทัศน์ที่สวยงามประจักษ์ต่อสายตา อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่ราวกับพัดไปกับสายลม
“โคตรสวยเลย!!!”
พื้นหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา เพ่งมองไปที่ไกลลิบก็เห็นต้นไม้ทึบล้อมรอบเหมือนเป็นป่า เท้าเรียวก้าวออกมาจากปราสาทหลายก้าวก่อนจะหันหลังมองกลับไป เขาเพิ่งรู้ว่าปราสาทนี่ใหญ่มาก ใหญ่เหมือนในหนังที่เขาเคยดูที่ว่าสร้างปราสาทสวย ๆ อยู่บนเขาทั้งลูก
“ตกใจอะไรขนาดนั้น”
“บ้านหมาต้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ถึงผมจะเป็นหมาผมก็เป็นหมาป่าชั้นสูง มีอำนาจ มีเงินทอง ก็รวยพอจะซื้อตัวคุณมายืนอยู่ตรงนี้ได้ก็แล้วกัน”
แพทริคทำหูทวนลมไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด เขาวิ่งออกมายังสนามหญ้ากว้างขวางแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างเต็มที่ พอได้เดินออกมาไกลหน่อยจึงได้เห็นว่าพระอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว แสงอาทิตย์สีส้มอยู่เหนือหลังคาปราสาท ช่างเป็นภาพที่สวยงามจนละสายตาไปไหนไม่ได้เลย
“ที่นี่สวยขนาดนี้ได้ยังไงกัน ถ้าคุณเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวผมว่าคนคงมาเช่าที่กางเต็นท์นอนมองพระอาทิตย์กันจนเต็มลานสนาม ว้าว ผมเพิ่งรู้ว่าประเทศนี้มีปราสาทสวย ๆ แบบนี้ด้วย คุณมีปราสาทใหญ่และสวยขนาดนี้โดยไม่มีใครสนใจได้ยังไง”
“ผมรักสงบ ไม่ชอบให้คนนอกเข้ามายุ่มย่าม อีกอย่างประเทศนี้แค่มีเงินก็อยู่สบายแล้ว เงินซื้อความสงบได้นะ แค่มีเงินกว้านซื้อที่ให้ไกลหูไกลตาคนอื่นก็เท่านั้นเอง ถึงที่นี่จะไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ดีไม่แพ้กัน”
“อ้อ นั่นสินะ ว่าแต่ถ้าคุณรักสงบขนาดนั้น ทำไมถึงรับคนแปลกหน้าอย่างผมเข้ามาล่ะ”
“เพราะการมีลูกสำคัญกว่าทุกสิ่งในชีวิตผม”
ดวงตาสองคู่หันมาสบกันด้วยแววตาต่างความหมาย ลูซิเฟอร์จริงจังจนแพทริครู้สึกหวาดหวั่น เขาไม่เคยถูกใครจ้องมองด้วยแววตาแห่งความหวังขนาดนี้มาก่อนเลย
“ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงจริงจังกับเรื่องนี้นัก แต่ผมบอกตามตรงว่าผมก็ไม่รู้รายละเอียดร่างกายของตัวเองมาก รู้แค่ได้พันธุกรรมพิเศษมา มีต่อมบางอย่างที่สามารถทำให้ท้องได้ แต่พอท้องแล้วต้องทำยังไงผมไม่รู้อะไรเลย ในชีวิตที่ผ่านมาไม่คิดว่าจะได้ใช้มันด้วยซ้ำ”
“ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณใช้ชีวิตแบบไหนมา ดูท่าจะไม่ค่อยเป็นที่รักเท่าไร แต่การที่คุณก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่คุณคือคนของผม เป็นคนของตระกูลคาร์เตอร์ ต่อให้จะชั่วคราวจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาก็เถอะ สิ่งที่ผมจะบอกคือผมซื้อตัวคุณมาผมก็อยากได้ความซื่อสัตย์ด้วย อยู่ที่นี่ก็อยู่ด้วยกันดี ๆ อย่าสร้างความวุ่นวายให้ผม”
พวกเขาทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า นั่งมองพระอาทิตย์ตกไปด้วยกันพร้อมกับพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่รู้เพราะบรรยากาศรอบตัวมันดีเกินไปหรือเปล่า สภาพจิตใจของแพทริคจึงสงบลงได้ขนาดนี้
เขาเห็นลูซิเฟอร์พูดดี ๆ ด้วยโดยไร้ท่าทางกวนประสาท นั่นทำให้เขาก็อยากจะพูดจาดี ๆ กลับไปเหมือนกัน บางทีช่วงเวลาแบบนี้อาจเหมาะกับการแสดงอารมณ์อ่อนไหวเพียงชั่วครู่ออกมาก็ได้
“ที่จริงผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ จู่ ๆ ก็ถูกขายมาให้ตระกูลหมาป่าเพื่อผลิตทายาทให้ ฟังดูต้อยต่ำจะตายชัก ผมไม่รู้ว่าควรใช้ชีวิตยังไงต่อเลย”
“ไม่ต้องกังวลหรอก ที่นี่จะให้ความสุขกับคุณ ทุกคนจะดูแลคุณอย่างดี อยากได้อะไรแค่ชี้นิ้วสั่งหรือแค่บอกผม”
“คุณพูดจาดี ๆ ก็น่าฟังเหมือนกันนะครับคุณลูซิเฟอร์”
“หึ ไม่ต้องเรียกเต็มยศหรอก เรียกลูฟเฉย ๆ ก็ได้”
“งั้นเรียกผมว่าแพทเฉย ๆ ก็ได้เหมือนกัน”
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะแพท”
มือใหญ่ยื่นไปด้านหน้า วินาทีต่อมาแพทริคก็เอื้อมมือมากุมเขาไว้แล้วกระชับเบา ๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลูฟ”
หันมาแนะนำตัวกันเพียงครู่เดียวพวกเขาก็ดันพลาดช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปจนได้ ไม่ทันได้เห็นว่าตอนที่เคลื่อนตัวต่ำลงแล้วหายไปบนหลังคาปราสาทนั้นจะสวยงามแค่ไหน ซึ่งทำให้แพทริคบ่นอุบ พวกเขาจึงนั่งเถียงกันอยู่พักใหญ่จนฟ้ามืดลงอีกนิด ไฟรอบสนามหญ้าจึงเปิดทั่วบริเวณอย่างพร้อมเพรียง
“ทำไมถึงตื่นเต้นไปกับทุกอย่างเลย แค่เปิดไฟก็ตื่นเต้นเหรอ”
“ก็มันสวยนี่”
“สวยมากก็นอนข้างนอกเลยดีไหม เดี๋ยวผมให้คนเอาเต็นท์มากางให้”
“ได้เหรอคุณลูฟ เอาสิ ผมขอเต็นท์หนึ่งหลัง”
“ผมประชด!! มาอยู่ที่นี่เราก็ต้องนอนด้วยกันทุกคืนนั่นแหละ ทำความคุ้นชินจนกว่าจะมีลูก”
“เรื่องนั้น...คุณลูฟรีบไหม ให้เวลาผมทำใจก่อนเถอะ”
“ผ่านมาตั้งสี่ร้อยครั้งไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องขอเวลาด้วย?”
แพทริคเม้มปากเข้าหากันแน่น แววตาหลุกหลิกมีพิรุธ พอรู้สึกว่ากำลังถูกลูซิเฟอร์จ้องจับผิดเขาเลยลุกพรวดแล้ววิ่งเข้าปราสาทโดยไม่ชวนเจ้าของบ้านเข้ามาด้วยซ้ำ
แต่แล้วการหนีหน้าครั้งนี้ก็ต้องหยุดชะงักอยู่ที่ประตูเพราะคนรับใช้เข้ามาดักเขาเพื่อให้เปลี่ยนรองเท้า เช็ดขาและตัวให้ด้วยเพื่อไม่ให้เศษหญ้าติดเข้ามาด้านใน
สุดท้ายเขาก็หนีลูซิเฟอร์ไม่พ้น อย่างไรก็มาถูกปรนนิบัติอยู่ตรงนี้แล้วเข้าบ้านไปด้วยกันอยู่ดี
หลังจากนั้นก็ถึงเวลามื้อเย็น แพทริคหิวโหยจนกินสเต๊กเนื้อไปถึงสามชิ้น ไม่รวมกับของว่างอื่นบนโต๊ะอีก ดีหน่อยที่บนโต๊ะอาหารมีเพียงลูซิเฟอร์คนเดียวนั่งอยู่ด้วยจึงไม่ต้องระวังท่าทีมากนัก เขาอยากเป็นตัวเองเต็มที่ เพราะอย่างไรก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ขืนเสแสร้งไม่เป็นตัวเองแต่แรกก็คงจะอึดอัดใจแย่
“อาหารอร่อยมากเลยครับ”
“ที่นี่จะมีพ่อครัวและแม่ครัวสลับกันมาเจ็ดวันเจ็ดคน แต่ละวันจะมีอาหารไม่เหมือนกัน บางวันอาหารไทย บางวันอาหารอินเดีย บางวันอาหารอิตาลี ตารางอาหารแต่ละอาทิตย์ก็ไม่เหมือนกัน”
“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ผมเป็นคนพิถีพิถันกับทุกเรื่อง ทุกอย่างต้องดีที่สุด อ้อ แต่ตารางอาหารมีเฉพาะครัวของผมนะ ถ้าอยากกินนอกเหนือจากนี้ก็ลองไปปราสาทส่วนกลางของพ่อกับแม่ หรือปราสาทปีกซ้ายของเลียมดู”
มื้ออาหารเย็นผ่านไปด้วยดีพร้อมกับข้อมูลตารางอาหารที่ฟังดูแล้วแพทริคก็พูดไม่ออก เขาไม่เคยใช้ชีวิตในระบบอะไรแบบนี้ ที่ผ่านมาหิวก็ทาน วันไหนนึกอะไรไม่ออกก็เข้าร้านสะดวกซื้อแล้วสุ่มหยิบมาสักเมนูเท่านั้น ไม่เคยวางแผนล่วงหน้าทั้งสัปดาห์หรอกว่าวันนี้จะทานอะไร
แต่สำหรับลูซิเฟอร์เขาไม่ปล่อยปละละเลยการใช้ชีวิตสักเรื่อง เรื่องอาหารก็เหมือนกัน วันไหนเน้นผัก วันไหนเน้นเนื้อสัตว์ ทั้งหมดก็เพื่อคำนวณว่าร่างกายจะได้รับอาหารตามสัดส่วนหรือไม่ ต้องครบห้าหมู่ทุกมื้อและต้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย ถึงจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประสิทธิภาพต่อเขา
ถึงอย่างนั้นแพทริคก็เขี่ยผักทุกชิ้นออกหมด สลัดที่วางอยู่ข้างสเต๊กก็ไม่ทานเพราะเขาไม่ชอบ อยากแสดงให้เห็นว่าหากเขาไม่อยากทำ หรือไม่อยากทานอะไร เขาก็จะไม่ฝืนใจตัวเอง ต่อให้ลูซิเฟอร์จะบังคับก็ตาม
หลังจากนั้นพวกเขาก็มานั่งย่อยอาหารด้วยกันคนละมุม เจ้าของบ้านนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน ส่วนแขกคนพิเศษนั่งเล่นเกมกับเลียมอยู่ที่โซฟา ลูซิเฟอร์ไม่รู้ว่าควรคุยอะไรกันหลังอาหารมื้อเย็นจึงเรียกให้เลียมมาเล่นเป็นเพื่อนกับแพทริค เห็นว่าอายุใกล้เคียงกันก็น่าจะคุยกันรู้เรื่องกว่า
และเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขาคิดผิด ทั้งคู่เข้ากันได้จนพากันเสียงดังรบกวนสมาธิการอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก ทำให้ลูซิเฟอร์ต้องหนีเข้ามาอ่านหนังสือต่อในห้องนอนอย่างต้องการความสงบ
เวลาล่วงเลยจนถึงสี่ทุ่ม ตอนนี้ลูซิเฟอร์อาบน้ำเตรียมเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย เขาสวมชุดนอนสีเข้มแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเคยชิน
แกรก
ประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับชายสองคน เจ้าของห้องเหลือบตามองเห็นแพทริคถือชุดนอนเข้ามาด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ลูซิเฟอร์ได้กลิ่นของเลียมชัดเจนจนไม่ต้องถามเลยว่าชุดนอนในมือนั่นของใคร
“ผมพาเมียพี่มาส่ง เขาดูเกร็งนะ พี่ดูแลดี ๆ หน่อยสิจะได้มีลูกเร็ว ๆ”
“ผมไม่ได้เกร็งสักหน่อย ไม่เห็นจะกลัวเขาเลยสักนิด”
แพทริคเป็นคนปากไม่ตรงกับใจอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องไม่ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร
“แพทเข้ามาอาบน้ำนอนได้แล้ว เลียม นายก็กลับไปเถอะ”
“ผมก็ไม่ได้อยากมาปีกขวานักหรอก พื้นที่ของพี่เป็นระเบียบเรียบร้อยจนผมขนลุก งั้นผมไปก่อนนะ”
เลียมเดินออกไปทันที คล้อยหลังเขาไปแล้วลูซิเฟอร์จึงดันตัวแพทริคให้เดินไปทางห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ของเขา ก่อนจะแย่งชุดนอนของเลียมที่อีกฝ่ายกอดแนบอกลงตะกร้า แล้วเลือกชุดนอนของตัวเองให้แพทริคแทน
“ผมใส่ชุดเลียมก็ได้นี่ ตัวผมกับเขาพอกัน ตัวคุณใหญ่ผมใส่ไม่สะดวก”
“ผมไม่อยากได้กลิ่นญาติตัวเองบนเตียงของผม มันแปลก”
“ชุดนอนของเลียมก็หอมออก เมื่อกี้ผมดมแล้ว”
“ไหนลองดมชุดนอนผม หอมไหม?”
แพทริคก้มลงดมฟอดหนึ่งพบว่ากลิ่นหอมมาก แต่ก็ไม่ได้หอมไปกว่าของเลียมสักเท่าไร มันก็แค่กลิ่นน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มก็เท่านั้น ซึ่งต่อให้หอมเขาก็ไม่อยากจะชมออกไป
“แหวะ ได้กลิ่นหมาแก่เลยครับ”
“เด็กกวนประสาท! ไปอาบน้ำได้แล้ว ห้องน้ำอยู่โน่น แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้คนมาตัดชุดให้ทั้งหมดทั้งชุดอยู่บ้าน ชุดนอน และชุดทำงาน”
“ซื้อเอาก็ได้นี่นา ผมชอบใส่เสื้อยืดตัวใหญ่คอย้วย ๆ นอน”
“ไม่ได้ ต้องสั่งตัดจากช่างฝีมือดีเพื่องานที่ประณีต”
“เอ่อ แล้ว...ผมต้องเสียเงินค่าตัดชุดไหม ผมไม่มีเงินหรอกนะตอนนี้น่ะ”
“รู้น่าว่าถังแตก ผมจะจ่ายให้แล้วกันถือว่าสงสาร ไว้ถึงเวลาพอได้ใส่ชุดสวย ๆ แล้วจะมาขอบคุณหมาแก่อย่างผมก็ยังไม่สายนะ”
เวลาผ่านไปอีกพักหนึ่งจนกระทั่งแพทริคอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาด้วยชุดนอนตัวใหญ่สีดำ ทั้งชายกางเกงและแขนเสื้อนั้นยาวกว่าร่างกายของไปหนึ่งคืบนิ้ว
แต่เขาไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรด้วยตัวเองเลย คนรับใช้กรูกันเข้ามาพับแขนเสื้อและขากางเกงให้ แถมยังถูกลากมานั่งหน้าโต๊ะกระจกเพื่อเป่าผมให้จนแห้ง จากนั้นคนรับใช้ก็ออกไปทันที
ความน่าอึดอัดในค่ำคืนนี้กำลังก่อตัวขึ้น ทันทีที่แพทริคคลานขึ้นไปนอนบนเตียง เขาคว้าหมอนข้างมากั้นไว้ตรงกลางเพื่อสร้างอาณาเขตของกันและกัน จากนั้นลูซิเฟอร์ก็กดรีโมตควบคุมเพื่อปิดไฟในห้องจนมืดสนิท
พวกเขานอนมองเพดานที่มืดลงโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัว นี่เป็นครั้งแรกของทั้งคู่ที่ได้นอนร่วมเรียงเคียงหมอนกับใครสักคนบนเตียงเดียวกัน แต่จะบอกความจริงที่แสนจะอ่อนประสบการณ์เรื่องนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
ได้แต่แสร้งทำเป็นว่าเคยชินกับการอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า ให้สมกับคำอวดอ้างว่าเคยมีเซ็กซ์มาแล้วสี่ร้อยครั้ง
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจของทั้งคู่เต้นโครมครามด้วยความรู้สึกอธิบายยาก ทำให้เวลาผ่านไปถึงสามชั่วโมงพวกเขาก็นอนไม่หลับสักที เจ้าของห้องก็อึดอัดที่ต้องถูกคนอื่นมารุกรานพื้นที่ส่วนตัว ทั้งที่เขาเคยนอนเต็มเตียงคนเดียว ส่วนแขกคนพิเศษอย่างแพทริคก็นอนตาเบิกโพลงเพราะกลัวจะถูกลูซิเฟอร์ปล้ำกลางดึก
“คุณลูฟ หลับยังครับ?”
“ยัง แพทก็ยังไม่หลับเหรอ?”
“อืม...เรามาคุยกันหน่อยไหม?”
“มีอะไร?”
เขากดรีโมตเพื่อเปิดไฟในห้องให้สว่างจ้าอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งหันหน้าคุยกันบนเตียง ตรงกลางยังมีหมอนข้างกั้นอยู่เหมือนเดิม
“เพื่อความสบายใจ ผมขอสร้างกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเราหน่อย ไม่งั้นผมหลับไม่ลง”
“แพทว่ามาสิ ผมจะใส่มันลงในสัญญาระหว่างเราให้ ถ้าเป็นสิ่งที่ผมตกลงปลงใจด้วยนะ”
“ข้อแรก คุณลูฟห้ามปล้ำผมจนกว่าผมจะพร้อม เรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นจากความเต็มใจ ห้ามข้ามอาณาเขตที่หมอนข้างกั้นไว้เด็ดขาด”
“ได้ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นผมต้องพาแพทไปตรวจร่างกายก่อนว่าพร้อมมีลูกแค่ไหน ช่วงไหนควรทำ ช่วงไหนไม่ควรทำ คิดว่าผมอยากจะทำสุ่มสี่สุ่มห้าหรือไง จะทำก็เพราะเป้าหมายคือการมีลูกเท่านั้นแหละ”
ความพิถีพิถันในทุกเรื่องของลูซิเฟอร์ก็มีประโยชน์กับเรื่องพวกนี้ด้วยเหมือนกัน แพทริคสบายใจขึ้นมาอีกหน่อยเพราะเขาเชื่อว่าเรื่องแบบนี้คงจะค่อยเป็นค่อยไป
กว่าจะผ่านการตรวจร่างกาย กว่าจะหาช่วงที่เหมาะสมได้ก็คงใช้เวลาอีกพักใหญ่ อย่างน้อยก็มีเวลาให้เขาได้เตรียมตัว หรือไม่ก็หาทางทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากสัญญาประมูลได้
“ข้อสอง เราจะไม่ทำร้ายร่างกายกัน คุณเป็นหมาป่าครึ่งมนุษย์ผมรู้ว่าคุณแข็งแกร่ง มีพละกำลังเยอะกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างผมมาก ผมสู้คุณลูฟไม่ได้หรอก ฉะนั้นถ้าผมถูกทำร้ายร่างกายผมขอให้สัญญาทุกอย่างเป็นโมฆะเพราะผมอยู่กับคุณต่อไม่ได้ ผมไม่ชอบเรื่องพวกนี้”
“ได้ ผมจะไม่ทำร้ายแพทแม้แต่ปลายเล็บ แต่อีกข้อที่ผมขอเสริมคือเราห้ามทำร้ายจิตใจกันด้วย อย่าทำให้กันและกันต้องเสียใจหรือผิดหวัง อย่าหลอกลวง อย่าหักหลัง ผมก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน ถ้าแพทผิดสัญญาก่อนก็ต้องจ่ายค่าปรับให้ผมนะ หนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทน่ะ”
แพทริคเริ่มคิดหนัก ในทีแรกคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบเพราะอย่างไรอสูรครึ่งมนุษย์ไม่ว่าเผ่าไหนก็จะมีสัญชาตญาณของสัตว์อยู่ในสายเลือด การกระทำรุนแรงหรือขาดสติจนใช้กำลังอาจเป็นเรื่องปกติ แพทริคก็แค่ยกข้อนี้มาเพราะคิดว่าอาจเป็นส่วนช่วยให้เขาหลุดพ้นจากทุกอย่าง
ทว่าความเป็นจริงนั้นลูซิเฟอร์มีสัญชาตญาณของมนุษย์และสัตว์ครึ่งต่อครึ่ง เขาควบคุมตัวเองได้ ไม่เคยทำร้ายใครก่อน หรือต่อให้เป็นแพทริคเองที่ยั่วยุให้เขาโกรธเขาก็ทำร้ายไม่ลง ในสายตาของลูซิเฟอร์มนุษย์ธรรมดาอย่างไรก็อ่อนแอกว่าเขา เขาไม่ทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว
“โอเค ก็ได้ เราจะไม่ทำร้ายจิตใจกัน เอาเป็นว่าสัญญาทุกข้อที่เราตกลงกันถ้าใครทำผิดสัญญาก่อนก็ยุติทุกอย่างทันที”
ท้ายที่สุดแพทริคก็ยอมรับเงื่อนไขเรื่องที่จะไม่ทำร้ายจิตใจกัน เพราะไม่ใช่แค่เขาต้องระวังไม่ทำให้ลูซิเฟอร์เสียใจ แต่ลูซิเฟอร์เองก็ต้องระวังตัวเองด้วยเหมือนกัน ข้อนี้ถือว่าไม่มีใครเสียเปรียบ
“งั้นข้อสี่ผมขอเสนอบ้างนะแพท เราอยู่ด้วยกันก็เหมือนสามีภรรยา อยู่อย่างเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู มีอะไรให้คุยกันตรง ๆ ให้เห็นความสำคัญของกันและกันเป็นอันดับแรก ผมไม่อยากให้เรามีเรื่องบาดหมางกันเพราะมันอาจนำมาสู่การขัดแย้งจนทำให้การมีลูกยุติลง ซึ่งผมไม่มีทางยอม ฉะนั้นอยู่ด้วยกันแบบสบายใจและมีความสุขจะดีที่สุด แพทจะได้อารมณ์ดี แข็งแรง และอุ้มท้องลูกของผมได้”
“ขนผมลุกเลย อยู่กันเหมือนสามีภรรยาอะไรครับคุณลูฟ ผมก็แค่คนที่คุณจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อมาเท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าผมจะท้องได้ไหมด้วยซ้ำ โดนญาติผมหลอกขายหรือเปล่าก็ยังไม่แน่”
“เดี๋ยวผมจะพาแพทไปตรวจร่างกายเอง แต่เอกสารที่ได้มาก็ยืนยันว่าแพทยังท้องได้อยู่นะ”
“ก็ได้ ๆ ยังไงผมก็อยากอยู่อย่างสบายใจเหมือนกัน งั้นคุณลูฟต้องการอะไรก็คุยกับผมตรง ๆ ได้เหมือนกันนะครับ”
“ข้อห้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันห้ามนอกใจ ห้ามนอกกาย ห้ามมีอะไรกับคนอื่น ผมเป็นคนรักสะอาดเลยไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร ตรงนั้นของแพทก็ด้วย ดูแลมันให้ดีอย่าให้ใครได้สัมผัสมันนอกจากผม ถ้าผ่านมาแล้วสี่ร้อยครั้งก็ให้ครั้งที่สี่ร้อยหนึ่งและครั้งต่อไปเป็นผมคนเดียวพอ”
“คุณลูฟจริงจังกับเรื่องพวกนี้จนผมกลัวเลยนะ คุณดูตั้งใจในการมีลูกมาก ๆ แต่ข้อห้านี่สบายมาก ผมทำได้อยู่แล้ว คุณก็เหมือนกันนะ ห้ามมีอะไรกับคนอื่นในขณะที่สัญญาของเรายังไม่ยุติลง”
“แน่นอน ผมไม่ได้เกลือกกลั้วกับคนอื่นง่าย ๆ นะ”
“แล้วสี่ร้อยห้าสิบครั้งที่คุณลูฟผ่านมานี่ไม่เรียกว่าเกลือกกลั้วกับคนอื่นเหรอครับ”
ลูซิเฟอร์เบือนหน้าหนีเพราะเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร สี่ร้อยห้าสิบที่อวดอ้างมันไม่เคยเกิดขึ้นจริงเสียด้วยซ้ำ แค่อยากสร้างจำนวนให้มากกว่าแพทริคเพื่อกลบความจริงของตัวเองเฉย ๆ
“ตกลงมีสัญญาพิเศษอะไรอีกไหมนอกจากห้าข้อที่พูดไป”
“ตอนนี้คิดไม่ออกครับ”
“หรือแพทกลัวผมปล้ำจนต้องรีบทำสัญญากันตอนตีหนึ่งแบบนี้ อ่า...ไม่งั้นก็คงนอนรอให้ผมปล้ำแน่ถึงได้ไม่หลับไม่นอน แพทหลงเสน่ห์หมาแก่เข้าให้แล้วหรือเปล่า”
“แหวะ ผมน่ะชอบหนุ่มเอ๊าะ ๆ ไม่ได้ชอบคนอายุมากกว่าผมตั้งสิบปีสักหน่อย คุณลูฟนั่นแหละอย่ามาหลงเสน่ห์ผมจนทนไม่ไหวแล้วกัน”
“อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยแพท”
“แล้วคิดว่าผมจะหลงเสน่ห์คุณลูฟหรือไง ไม่มีทางหรอก”
“แก่ประสบการณ์น่ะเด็กชอบนะ เขาว่าอบอุ่น”
“เหรอครับ แล้วคุณลูฟมีแฟนมาแล้วกี่คนไม่ทราบ ไหนขอดูจำนวนคนที่หลงเสน่ห์คุณหน่อย?”
ถูกถามเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นอีกแล้ว คราวนี้ลูซิเฟอร์คิดหนักเพราะเขาไม่รู้เลยว่าคนช่วงอายุสามสิบหกปีควรมีแฟนมากี่คนถึงจะดูเยอะ ดูกร้านโลก เขาอยากสร้างตัวตนเป็นคนที่ช่ำชองเรื่องพวกนี้เพื่อให้แพทริคดูถูกเขาไม่ได้
“เอ่อ ห้าสิบ! ผมมีแฟนมาแล้วห้าสิบคน เป็นไง เยอะใช่ไหม?”
“คุณลูฟมีแค่ห้าสิบคนเองเหรอครับ เหอะ ผมน่ะ มีแฟนมาแล้วเจ็ดสิบคน! เยอะกว่าอีก!”
ต่างฝ่ายต่างพูดโกหกใส่กันเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนบนหมอนแล้วหันหลังให้กันทันที ลูซิเฟอร์กดรีโมตเพื่อปิดไฟ จากนั้นก็นอนอมยิ้มว่าการถกเถียงกับแพทริคก็สนุกดีเหมือนกัน เพิ่งรู้ว่าการมีใครอีกคนมาเถียงกันก่อนนอนก็ไม่ได้แย่อะไร
แพทริคเองก็หลับตาลงด้วยความสบายใจ อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าชายร่างสูงใหญ่ที่นอนร่วมเตียงกันอยู่ตอนนี้จะทำตามสัญญาได้ทุกข้อ
ซึ่งถ้าทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บางทีอาจจะทำให้พวกเขาสนิทกันและคุยกันง่ายขึ้น ไม่แน่ว่าในอนาคตสัญญาเหล่านั้นอาจล้มเลิกกลางทางก็ได้ถ้ามีคนอื่นนอกจากแพทริคที่สามารถผลิตทายาทให้ได้มากกว่า
ความกังวลเดียวของแพทริคตอนนี้คือเขากลัวว่าญาติเขาจะหลอกขายตัวเขามาที่นี่ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าพันธุกรรมพิเศษที่มีมันยังใช้งานได้อยู่จริงไหม แล้วเอกสารที่ทางญาติใช้ยื่นประกอบการประมูลมันมีอะไรจริงหรือไม่จริงบ้าง
เพราะถ้าไม่ได้อยู่ที่นี่แพทริคก็ไม่มีที่ไปแล้วเหมือนกัน…