แสงแรกของวันส่องผ่านช่องหน้าต่างไม้ไผ่ ความอบอุ่นจากแสงแดดทำให้ทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบเมื่อค่ำคืนก่อน กลับมีชีวิตชีวาในตอนเช้า เสียงข้าวของที่ถูกทำเสียงเคาะกระทบพื้นดังระงม ผู้คนต่างเตรียมตัวสำหรับการทำงานประจำวัน
องค์ชายที่เคยคุ้นกับชีวิตในวังหลวงที่มีข้ารับใช้คอยดูแล กลับต้องทำหน้าที่ที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน เขาคว้าจอบไม้ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของลานบ้าน ก่อนจะเริ่มต้นทำงานในที่ที่ไม่คุ้นเคย ปกติแล้ว เขาจะไม่ต้องกังวลกับการทำงานหนักเช่นนี้ แต่เมื่ออยู่ในสถานะของชายพเนจร เขาต้องเรียนรู้วิธีที่จะพึ่งพาตัวเอง
หญิงสาวที่เคยให้ที่พักพิงเมื่อคืนดูมีท่าทางสนุกสนานกับการทำงานในบ้าน ทั้งที่มีหน้าที่หลายอย่างในแต่ละวัน แต่การทำงานในแบบที่ไม่ยึดติดกับขนบของสังคม ทำให้เธอดูคล่องแคล่วและมั่นใจอย่างมาก
“เจ้าทำอะไรอยู่?” เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากข้างหลัง ขณะที่องค์ชายกำลังขุดดินเพื่อเตรียมปลูกพืชในสวนหลังบ้าน
“กำลังเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการปลูกผัก” องค์ชายตอบเสียงเรียบ ท่าทางของเขามีความสงบเงียบ แต่สายตากลับแฝงไปด้วยความคิดบางอย่าง
หญิงสาวหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขา “เจ้าทำงานได้ไม่เลวเลยนะ แต่ข้าก็ต้องบอกว่า ข้าคงไม่ได้พึ่งพาคนแปลกหน้าแบบนี้บ่อยๆ”
องค์ชายหันกลับไปมองนางด้วยความสงสัย “ทำไม?”
“เพราะไม่รู้หรอกว่าเจ้ามีอะไรแอบแฝงอยู่” นางตอบอย่างตรงไปตรงมา
องค์ชายรู้สึกถึงความจริงใจของนางแม้จะดูรุนแรง เขารู้สึกถึงความเข้มแข็งในตัวนางที่ไม่ยอมย่อท้อ แม้จะเป็นหญิงสาวจากชนบทที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมุ่งมั่น
“ข้าคงไม่ใช่คนแปลกหน้าในวันนี้หรอก” เขาตอบกลับ ก่อนจะหันไปขุดดินต่อ
เสียงจอบกระทบกับดินสร้างจังหวะที่เงียบสงบอยู่พักใหญ่ ก่อนที่หญิงสาวจะเข้าไปใกล้และพูดอีกครั้ง “จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมข้าถึงให้ที่พักพิงเจ้า แต่บางครั้งชีวิตมันก็แปลก ถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
องค์ชายฟังคำพูดของนางแล้วเงียบ เขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะมีเสน่ห์พิเศษที่ดึงดูดเขา แม้แต่ท่าทางการพูดจาที่ตรงไปตรงมาก็ดูมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
การทำงานในวันนี้ดำเนินไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยง หญิงสาวก็มอบอาหารมื้อกลางวันให้กับองค์ชาย ทั้งสองนั่งกินข้าวกันใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้
“เจ้าเคยกินข้าวแบบนี้มาก่อนหรือไม่?” หญิงสาวถามขณะตักข้าวเข้าปาก
“ข้าคุ้นเคยกับการรับประทานอาหารหรูหราที่สุด แต่บอกตามตรง ข้ากลับรู้สึกว่ามื้อนี้อร่อยที่สุด” องค์ชายพูดจากใจจริง
นางยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบกลับ “ข้าเองก็ไม่รู้หรอก ว่าทำไมชีวิตถึงได้เรียบง่ายแบบนี้ แต่บางครั้งก็ดีกว่า”
องค์ชายไม่ตอบ แต่ในใจเขากลับรู้สึกถึงความสงบที่ไม่ได้รู้สึกมาตลอดชีวิตในวังหลวง ความรู้สึกนี้มันแปลกแต่ก็ทำให้เขาค่อยๆ คลายความเครียดออกไป
หลังจากมื้อกลางวัน เสียงของนกกาและการทำงานในหมู่บ้านดังอยู่รอบข้าง สายลมพัดผ่าน และองค์ชายได้เรียนรู้ว่าการทำงานร่วมกับคนอื่นในที่ที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้อยู่ มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่กลับรู้สึกเติมเต็มอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อถึงช่วงเย็นทั้งสองคนก็ร่วมมือกันทำงานจนเสร็จสิ้น หมู่บ้านกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง และทั้งสองคนต่างรู้สึกถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้าในวันนี้” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
องค์ชายตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน “ข้าเป็นคนที่ควรขอบใจเจ้า เพราะเจ้าทำให้ข้าได้เรียนรู้หลายสิ่ง”
ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างสงบลง ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จะยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ชัดเจนในตอนนี้คือ ทั้งสองได้เดินร่วมทางกันแล้ว…