ปาฏลีเดินเข้าไปในตึก CL Chemical ด้วยความมั่นใจ ถึงเสื้อผ้ายังจะดูเหมือนเก่า ผมเปียหยักก็ยังคงยุ่งเหยิง แต่อย่างน้อยดวงตาสุกใสของเธอก็ไม่มีแว่นตาหนา ๆ มาบดบังแล้ว
สาวน้อยเดินเข้าลิฟต์ กดไปยังชั้น 19 มุ่งหน้าไปยังโต๊ะทำงานที่เธอนั่งมาตลอดสามเดือนแล้วเก็บของลงกล่องกระดาษเตรียมย้ายไปยังชั้น 25 อันเป็นชั้นสูงสุดของอาคารและเป็นที่ทำงานของเหล่า Excecutive Committee ที่เป็นผู้บริหารระดับสูง
“ปูลมจะย้ายแผนกไปเป็นเลขาของท่านประธานคนใหม่จริง ๆ เหรอ?” เสียงใครคนหนึ่งที่ปาฏลีคุ้นเคยดังขึ้น
กานต์ที่วันนี้ไม่ได้เข้างานพร้อมปรียาดาถามขึ้น เขายังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังของปาฏลีอันเป็นที่ประจำของเขา น้ำเสียงไม่ได้ดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใยแต่เหมือนพวกอยากรู้อยากเห็นมากกว่า
สำหรับปาฏลีเมื่อพี่กานต์ตัดสินใจทิ้งเธอไปแล้วเขาก็เป็นแค่คนอื่น แค่ชาวบ้านที่อยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเธอ
“ทำไมจะไม่จริงคะ? ในเมื่อพี่ดาเป็นคนมาบอกหนูให้ย้ายไปเอง พี่เห็นนี่ไหม?” ปาฏลีถามแล้วชี้ไปที่ดวงตาสุกใสของเธอ
“ท่านประธานออกเงินค่าผ่าตัดเลสิกให้หนูค่ะ ตาที่มันเคยมองอะไรพร่ามัว ตอนนี้มันเห็นชัดเจนขึ้นมาก ไอ้ที่หนูเคยมองว่าพี่ดีเลิศประเสริฐศรี วันนี้พี่ก็แค่ไอ้ผู้ชายเกาะผู้หญิงกิน” ปาฏลีพูดน้ำเสียงประชดประชัน ยังดีที่เวลานี้ยังเช้าตรู่มีเพียงเธอและพี่กานต์อยู่ในห้องทำงานทำให้สาวน้อยพูดออกมาโดยไม่ต้องระวังคนอื่นได้ยิน
“ปูลมจะว่าพี่แบบนั้นก็ไม่ได้ เงินที่ปูลมเคยให้พี่ เป็นหนูที่ให้พี่เอง พี่ไม่เคยขอ” กานต์พูดแล้วยักไหล่
“แต่พี่มักพูดว่าพี่ขาดโน่นขาดนี่ แล็ปท็อปบ้าง เงินค่าสูทไปทำงานบ้าง... แต่ก็ช่างเถอะ หนูให้พี่เอง หนูมันโง่ ตอนนี้ไม่โง่แล้ว ขอให้พี่ดายอมให้พี่เกาะไปนาน ๆ นะคะ” ปาฏลีพูดแล้วรีบยกกล่องที่จัดเก็บข้าวของลงไปเรียบร้อยแล้วขึ้นมา
“ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะปูลม มีผู้บริหารที่ไหนเขาเอาเด็กฝึกงานไปทำเลขากันบ้าง? แถมยังออกเงินให้ผ่าตัดเลสิกราคาแพงอีก ไม่มีใครให้อะไรเราฟรี ๆ หรอกนะ พี่เตือนด้วยความหวังดี” กานต์บอกเธอ ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะจริงใจขึ้นมานิดหน่อย
แรกเริ่มเขาคบเธอเพียงเพราะเธอดูซื่อ ๆ ใส ๆ เขาต้องการคนเอาใจมากกว่าตามเอาใจคนอื่น พอลองจีบเธอเล่น ๆ เธอก็ดันตกลงคบจริงจังขึ้นมา พอคบกันได้ก็คบกันมาเรื่อย ๆ ยิ่งปาฏลีสนับสนุนทางการเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขาด้วยก็ถือว่าเป็นกำไร กานต์ไม่ได้เป็นคนทะเยอทะยานจนกระทั่งมาพบกับปรียาดา สาวสวยหัวหน้าแผนกบัญชีทีม A ปรียาดาสอนให้เขารู้ว่าชีวิตที่หรูหราและการมีคนก้มหัวให้มันรู้สึกดีแค่ไหน
ปรียาดาเปลี่ยนความคิดของเขาไปทีละเล็กทีละน้อย แถมเธอยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่เปิดประสบการณ์เซ็กซ์ให้เขา เมื่อเขามาเจอปรียาดา ปาฏลีจึงกลายเป็นเพียงภาพร่างที่ไม่ได้ลงสี ไม่ดึงดูดสายตาและอารมณ์ของเขาอีกต่อไปเมื่อเทียบกับภาพวาดสีสันฉูดฉาดอย่างปรียาดา แต่อย่างไรเสียเขาก็เคยผูกพัน รักกันและเคยคิดจะมีชีวิตคู่กับปาฏลี เมื่อรู้ว่าท่านประธานคนใหม่ใส่ใจเธอเป็นพิเศษจึงอดห่วงไม่ได้
“เหมือนที่พี่กานต์ไม่ได้ตามจีบหนูและเป็นแฟนหนูฟรี ๆ ใช่ไหมคะ? ตอนนี้ที่พี่กานต์อยู่กับพี่ดาก็คงไม่ได้ฟรีเหมือนกันสินะ คนเรามันเป็นแบบนี้นี่เอง อยู่กันด้วยผลประโยชน์... พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องหนูกับท่านประธานหรอกค่ะ เอาเรื่องของตัวเองกับพี่ดาให้รอดเถอะค่ะ พี่ดาไม่เหมือนหนู ถ้ารู้ว่าพี่ยังเป็นห่วงเป็นใยแฟนเก่า พี่ดาคงเต้นเป็นเจ้าเข้าแน่ ๆ” ปาฏลียังคงพูดประชดประชัน ในใจมันเดือดดาลเมื่อคิดถึงวันที่เขาบอกว่าหมดรักเธอแล้ว ความสัมพันธ์สี่ปีและเงินเก็บที่วาดหวังว่าจะดาวน์คอนโดเล็ก ๆ สักห้องไว้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับเขามันพังทลายลงทันทีเมื่อเขาบอกเลิกกับเธอในวันนั้น
กานต์เหมือนจะอ้าปากพูดอะไรต่อแต่ปรียาดาก็เดินเข้าห้องมาเสียก่อน สาวสวยหัวหน้าทีมจับความรู้สึกผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างปาฏลีและกานต์ได้ เจ้าหล่อนจึงนิ่วหน้าแล้วถามออกไป
“ยังไม่ขึ้นไปรายงานตัวที่ชั้น 25 อีกเหรอ? นี่มันจะแปดโมงแล้วนะ ท่านประธานคนใหม่จะมาถึงบริษัทตอนเก้าโมง เธอจะรอให้ท่านประธานมารับเธอเองถึงที่หรือยังไงปาฏลี?” ปรียาดาถามปาฏลีแต่สายตากลับจับจ้องมองจิกที่คนรักใหม่ของตัวเองจนกานต์ต้องเฉไฉมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตา
“เปล่าค่ะ ใครจะเสียมารยาทขนาดให้นายมารับถึงที่กันคะ? หนูแค่ร่ำลาแฟนเก่าก็เท่านั้นค่ะ เพราะต่อไปนี้หนูคงไม่ได้มีโอกาสคุยกับพี่เขาบ่อยนัก หนูจะไปอยู่ในชั้นที่สูงกว่าและไม่มีวันตกกลับลงมาเกลือกกลั้วกับคนแบบพี่เขาแน่นอนค่ะ” ปาฏลีพูดน้ำเสียงเด็ดขาดแล้วอุ้มกล่องที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้สำนักงานเดินออกจากห้องแผนกบัญชีทีม A ไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
ไม่รู้หนูคบกับผู้ชายแบบพี่กานต์มาตั้งสี่ปีได้ยังไง? หนูเคยเห็นเขาเป็นคนดีได้ยังไง? หนูให้เงินคนแบบนั้นมาตั้งสี่ปีเนี่ยนะ? หนูมันโคตรจะโง่เลย เก็บเงินไว้ไปซื้อเวลานายท่านยังดีเสียกว่า!
************************
“มิสเตอร์อัลชาร์จะมาถึงตอนเก้าโมง หน้าที่ของเธอคือรอรับท่านประธานที่หน้าห้องประชุมใหญ่ตอนเก้าโมงเพื่อให้ท่านขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เป็นการแนะนำตัวท่าน ต่อจากนั้นจะเป็นงานเลี้ยงรับรองเล็ก ๆ ที่มีแต่เลเวลผู้จัดการขึ้นไปและหัวหน้าแผนกบางคนเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าร่วมได้เพื่อให้ทุกคนที่อยู่ในระดับผู้บริหารได้มีโอกาสแนะนำตัวกับท่าน เธอมีหน้าที่คอยติดตามท่าน แจ้งตารางงานให้ท่านทราบ ซึ่งฉันได้ใส่ข้อมูลทุกอย่างและตารางตลอดอาทิตย์ของท่านไว้ในแท็บเล็ตบนโต๊ะของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอจะมีผู้ช่วยเลขาอีกสองคนคอยทำงานช่วยเหลือในการจัดตารางของเจ้านายและเตรียมงานต่าง ๆ ที่นายอยากให้ทำ อ้อ! ท่านต้องการให้เธอสวมชุดนี้และรองเท้าคู่นี้ด้วย ท่านเป็นคนพิถีพิถันเรื่องเลขาส่วนตัวมาก แม้แต่ฉันที่เป็นเลขาของท่านประธานคนเก่ายังไม่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อ ดังนั้นเธอสมควรทำตัวให้สมกับเป็นเลขาของท่านนะปาฏลี”
หญิงสาววัยใกล้ 40 มัดผมเป็นมวยตึงสวมแว่น หน้าดุ รูปร่างปราดเปรียวใส่ชุดสูทกระโปรงสีดำบอกรายละเอียดของการทำงานให้ปาฏลีทราบ สาวน้อยรู้จักผู้หญิงคนนี้ดี เธอชื่อคุณแก้วตา เป็นเลขาให้ท่านประธานคนเก่ามานับสิบปีและดูแลแผนกเลขา มีอำนาจสูงสุดในการจัดสรรเลขาให้ผู้บริหารแต่ละคนของบริษัท ครั้งนี้ที่ประธานคนใหม่เจาะจงตัวปาฏลีให้มาเป็นเลขาคงจะทำให้คุณแก้วตาขัดเคืองอยู่มิใช่น้อยเพราะมีไม่บ่อยนักที่ผู้บริหารจะออกปากขอเด็กฝึกงานมาเป็นเลขา
“ค่ะ” ปาฏลีตอบสั้น ๆ แล้วรับชุดที่คุณแก้วตายื่นให้มาถือไว้
สาวน้อยเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำพนักงาน เธอใช้เวลาแค่เพียงห้านาทีก็เปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดคอบัวสุดเฉิ่มและกระโปรงพลีทสีดำมาเป็นเสื้อลูกไม้แขนสั้นคอลึกโชว์ร่องอกพองามสีขาวสะอาดตาและกระโปรงทรงเอสีดำที่สั้นเหนือเข่าเล็กน้อย รัดเข้ารูปให้เห็นสัดส่วนสวยงามของเธอ ทั้งอกใหญ่ เอวเล็กคอดถูกเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา
ปาฏลีมองตัวเองในกระจก เสื้อผ้าเป็นสีเดิมแต่มันกลับทำให้เธอดูดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก สาวน้อยลองปล่อยผมเปียที่มัดออกอยู่แล้วใช้มือสางผมหยักเป็นลอนของเธอให้คลายออก
‘...แค่เอาไอ้แว่นหนา ๆ นี่ออกแล้วปล่อยผมให้มันดูเป็นผู้หญิงหน่อยก็เท่านั้น เธอไม่ได้ขี้เหร่’
ปาฏลียังจำคำของนายท่านได้ขึ้นใจ เธอยิ้มให้กับตัวเองในกระจก ตอนนี้เธอไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แถมยังปล่อยผมให้เป็นธรรมชาติ และเธอก็ดูไม่ขี้เหร่นักเหมือนที่นายท่านบอก
เธอก้มลงเปลี่ยนรองเท้าคัทชูของเธอให้เป็นรองเท้าส้นสูงสีครีมที่คุณแก้วตาให้มา มันสูงเกือบสามนิ้วแต่นุ่มนิ่ม เดินสบาย ทำให้เธอรู้ได้เลยว่ารองเท้าคู่นี้คงราคาแพงลิ่ว
ปาฏลีรีบเดินออกจากห้องน้ำ กลับไปที่หน้าห้องทำงานของมิสเตอร์อัลชาร์แล้วหยิบแท็บเล็ตที่คุณแก้วตาทิ้งไว้ให้บนโต๊ะทำงานของเธอก่อนจะรีบจ้ำไปที่ลิฟต์แล้วกดลงไปที่ชั้น 15 อันเป็นที่ตั้งของห้องประชุมใหญ่
เวลาเก้าโมงตรงพนักงานระดับหัวหน้าแผนกขึ้นไป ร่วม 500 ชีวิตมารวมตัวกันอยู่ในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนท่านประธานคนใหม่จะยังไม่มา
คุณแก้วตาบอกให้ปาฏลีไปยืนรอรับท่านประธานที่หน้าห้องประชุมในขณะที่ทุกคนวุ่นวายอยู่ด้านใน แต่รอแล้วรอเล่าท่านประธานก็ยังไม่มา
“ปาฏลี! โทรหาท่านประธานสิ เลขาประสาอะไรปล่อยให้นายของตัวเองผิดนัด!” แก้วตารีบเดินออกมาเร่งให้ปาฏลีจัดการตามเจ้านายเพราะเลยเวลาที่ท่านประธานจะขึ้นเวทีเปิดตัวแล้ว ก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้าไปรอที่เวทีด้านในห้องประชุมใหญ่
“ค่ะ” ปาฏลีรีบรับคำด้วยความกังวลใจแล้วกดโทรศัพท์ตามเบอร์ที่แก้วตาบันทึกไว้ในแท็บเล็ตให้เธอก่อนหน้านี้แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย
สาวน้อยรีบเดินเข้าไปในห้องประชุมแล้วมองหาแก้วตา เมื่อเห็นแก้วตายืนคุยหน้าเครียดอยู่กับผู้บริหาร 2-3 คนที่ตรงบันไดขึ้นเวทีปาฏลีจึงปรี่เข้าไปหาเธอ
“คุณแก้วตาคะ หนูติดต่อท่านประธานไม่ได้เลยค่ะ” ปาฏลีสารภาพตามตรงแล้วทำเสียงอ่อย
“ปาฏลี! เธอนี่มัน... เป็นเลขาประสาอะไรกัน?! มิสเตอร์อัลชาร์เลือกเด็กฝึกงานอย่างเธอมาเป็นเลขาได้ยังไง? ตอนนี้มันเลยเวลาที่ท่านประธานต้องขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์แล้วนะ ทำอะไรสักอย่างสิ! มายืนทำหน้าโง่อยู่ทำไม?!” แก้วตาตวาดปาฏลีแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มหน้าผากของเธอ
ปาฏลีเอนกายไปด้านหลังตามแรงนิ้วชี้ที่กดลงบนหน้าผาก เธอเสียหลักเพราะไม่ชินกับรองเท้าส้นสูงทำให้ร่างเล็กของเธอโอนเอนไปด้านหลัง เกือบล้มหงายหลังไม่เป็นท่าเสียแล้ว โชคยังดีที่มีร่างใหญ่ของใครคนหนึ่งเข้ามารับร่างเธอเอาไว้ทำให้ปาฏลีเอนกายไปพิงกับอกกว้างแน่นกล้ามของเขาอย่างพอดิบพอดี
“ถ้าผมมาสายคุณควรด่าผม ไม่ควรด่าคนของผม... ที่สำคัญ ไม่มีใครมีสิทธิ์แตะต้องคนของผม นอก-จาก-ผม คุณ... คุณชื่ออะไรไม่รู้แหละ รู้แต่ว่าปูลมไม่ใช่คนที่คุณจะมาตวาดว่าแบบนี้ได้” เสียงดุดันของเจ้าของอกกำยำดังขึ้น
ปาฏลีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเธอเคยได้ยินเสียงดุนั้นมาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วอ้าปากค้าง แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองด้วยเช่นกัน
ขนาดมองจากมุมเสยเขายังดูหล่อโฮกเลยอะ... นายท่านของหนู!