EP 1
ภายในรถไฟสายด่วน ปลายทางคือเมืองเล่ย
อินคาชายหนุ่มวัย 25 ปีหน้าตาบ้านๆกำลังเหม่อมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกต่าง สายลมกระทบใบหน้าของเขา เผยให้เห็นดวงตานํ้าตาอ่อนๆที่เต็มไปด้วยความเฉยเมย
เขาสวมชุดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ พร้อมกับสวมหมวกแก๊ปและสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ใหัความรู้สึกที่ดูลึกลับ
ในเวลานั้นได้มีสองแม่ลูกมานั่งลงตรงกันข้ามกับอินคา เด็กสาWkukkai8319วตัวน้อยวัย 5 ขวบจ้องมองอินคาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ว่าเด็กน้อยสงสัยในตัวอินคา แต่เป็นเพราะเธอสงสัยในออร่าสีดำที่อยู่รอบๆตัวของอินคาตั้งหาก
อินคาไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าไหร่ เขารู้ดีว่าดวงตาอันแสนจะบริสุทธิ์ของเด็กสาวต้องมองเห็นออร่ารอบๆตัวของเขาอยู่แล้ว
ส่วนออร่าสีดำที่แผ่ออกมาจากตัวของเขานั้นก็เป็นเพราะตัวเขานั้นได้ฝึกฝนพวกมนต์ดำและศาตร์มืดต่างๆมาจากปู่ของเขาตั้งแต่เล็กๆนั่นเอง
การที่อินคาเดินทางเข้ามาในเมืองครานี้ก็เป็นเพราะคำขอของคุณปู่
อินคาจ้องมองกล่องไม้ใบเล็กๆในมือตนเองด้วยความสงสัย แม้จะไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรแต่ออร่าสีขาวสว่างที่ฟุ้งกระจายออกมานั้น ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ของสิ่งนี้ก่อนที่ปู่ของเขาจะจากไป ท่านได้กำชับไว้ว่า หลังจากท่านเสียให้นำกล่องไม้ใบนี้ไปมอบให้กับท่านย่าซิน ที่บ้านตระกูลซินในเขตตัวเมือง
หลังจากปู่ของตนเสีย อินคาจึงจำใจต้องลงจากภูเขากรภัค
…………
ใช้เวลาประมาน 2-3 ชั่วโมงรถไฟก็แล่นมาถึงชานชาลารถไฟเมืองเล่ย
อินคาลงที่สถานีและนั่งรถวินมอไซค์ต่อไปยังบ้านตระกูลซินทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเพราะเขาไม่ค่อยชอบอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยนานนัก
ใช้เวลาประมาณ40นาทีอินคาก็มาถึงหน้าทางเข้าบ้านตระกูลซิน อินคามองประตูรั้วขนาดใหญ่และมองเข้าไปในตัวบ้านก็อดประหลาดใจไม่ได้
.”นี่บ้านหรือประสาทกันแน่วะ ทำไมมันถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้”
“เห้ยไอ้หนุ่ม มาด่อมๆมองๆอะไรแถวนี้ ไปๆ ไปที่อื่นเลย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาเดินพลุกพล่านได้”
รปภร่างใหญ่รีบเดินเข้ามาขับไล่อินคาทันที
อินคาขวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถือสากับคำพูดและกิริยาเหยียดๆของอีกฝ่าย
“พี่ชาย ผมมาหาท่านย่าซิน พี่ช่วยไปบอกให้หน่อยสิ”
“ท่านย่าซิน?”
“ฮ่าๆๆ”
รปภร่างใหญ่ขำจนท้องแข็งก่อนจะโบกไล่อินคาและกล่าว “ฮ่าๆ อย่างแกเนี่ยนะจะมาหาท่านผู้นำตระกูล ไปๆ ไปเล่นที่อื่นเลยไอ้หนู”
-......-
อินคาขมวดคิ้วเป็นปมหนักขึ้นก่อนจะกล่าว “พี่ชาย มึงขำอะไรฟ่ะ ไปตามท่านย่าซินอะไรนั่นมาสิโว้ย”
“อ้าว ไอ้นี่”
เมื่อโดนเด็กหนุ่มพูดจาก้าวร้าวใส่ รปภร่างใหญ่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ทว่าในเวลานั้นก็มีรถตู้คันหรูขับเข้ามาเตรียมจะเข้าบ้านตระกูลซิน
แปร้น!!! แปร้น!!
“เห้ย! พวกแกมายืนทำบ้าอะไรกันหน้าประตูบ้านตระกูลซิน!! ถอยไป!”
คนขับรถตู้คันหรูลดกระจกลงก่อนจะตวาดเสียงดัง เมื่อรปภเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางประจบประแจง
“แฮะๆ ต้องขอโทษด้วยคับ ผมจะรีบจัดการไอ้บ้านนอกนั่นให้เดี๋ยวนี้แหล่ะคับ” รปภร่างใหญ่กล่าวจบก็เดินบึ่งๆไปหาอินคา
ทว่าเพียงก้าวเดียว! จู่ๆร่างอันบึกบึนของรปภก็หยุดชะงักลง!
รปภร่างใหญ่รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ต้นขาเหมือนกับว่าถูกตัวอะไรบางอย่างกัดเข้า จากนั้นความรู้สึกชาก็แล่นไปทั่วร่างของเขา
“เห้ยแกทำอะไรอยู่!! ทำไมไม่ลากคอมันออกไป!” ชายหนุ่มขับรถตู้รีบกล่าวด้วยความหงุดหงิด
รปภร่างใหญ่ได้แต้สั่นหงึกๆ ไม่ใช่เขาไม่อยากไล่ไอ้หนุ่มตรงหน้า แต่เป็นเพราะร่างกายของเขานั้นขยับไม่ได้ตั้งหากล่ะ
ในเวลานั้นเองประตูรถตู้ก็ถูกเปิดออก หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสุดหรูทั้งสองคนได้ลงมาจากรถตู้
หญิงคนนึงอายุราวๆ40 กว่าๆเรือนผมสีดำดัดรอน ผิวพรรณของเธอขาวราวกับหยวกกล้วย และดูไม่หย่อนคล้อยไม่ต่างจากหญิงสาววัย 20ปลายๆเลยสักนิด
ส่วนอีกคนก็เป็นเด็กสาววัย20ปี หน้าตางดงามไม่แพ้กันและมีความละม้ายคล้ายคลึงกับหญิงสาววัย40กว่าๆ ดูก็พอจะเดาออกว่าทั้งคู่เป็นแม่ลูกกัน
แต่ทว่าถึงแม้ทั้งสองสาวจะเป็นแม่ลูกกัน แต่ก็ยังดูแตกต่างกันตรงที่การแสดงสีหน้าและท่าทาง
“พวกแกนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ” หญิงสาววัย 20 ปีกล่าวด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ซินซิน”
เมื่อเห็นกิริยาที่ไม่พอใจของลูกสาว หญิงสาววัย 40 กว่าๆจึงรีบห้ามปราม
“แม่ก็ดูพวกเขาสิคะ!”
หญิงสาววัย 40 ได้แต่ถอนหายใจกับท่าทางที่ดูไม่เหมาะของลูกสาวและหันมากล่าวถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นอินคาจึงบอกเล่าถึงจุดประสงค์ของตัวเองให้กับอีกฝ่ายฟัง
“นายเนี่ยนะมีธุระกับท่านย่า? ฮ่าๆ ไปหลอกควายเถอะ! คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ” ซินซินกล่าวถากถาง
ทว่าอินคานั้นก็ยังคงสงบนิ่ง แต่ภายในใจของเขานั้นกับรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันชื่อ เอเรีย เป็นสะใภ้ใหญ่ของที่นี่ ฉันขอถามได้มั้ยว่าเธอชื่ออะไร”
อินคาจ้องมองความสงบนึ่งของสาวใหญ่ตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ เพราะกิริยาของเธอช่างดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี ซึ่งต่างจากลูกสาวขี้วีนของเธอราวฟ้ากับเหว
“ผมชื่อว่าอินคา ก็อยากที่ผมบอกไป ว่าก่อนที่ท่านปู่อินของผมจะเสีย ท่านได้บอกให้ผมนำสิ่งนี้มามอบให้กับท่านย่าซิน”
อินคากล่าวก่อนจะนำกล่องไม้ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือนิดนึงออกมาให้สองแม่ลูกดู
อินคาเห็นท่าทางสงสัยของคุณหญิงเอเรีย เขาจึงกล่าว
“แน่นอนว่าผมคงให้คุณผู้หญิงดูไม่ได้ เพราะท่านปู่ของผมกำชับมาอย่างดีว่าต้องส่งให้ถึงมือของคุณย่าซิน แต่เรื่องนึงที่ผมบอกได้เลยก็คือ ของในกล่องนี่ไม่ใช่ของอัปมงคลอย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นแววตามั่นใจของเด็กหนุ่มตรงหน้า สุดท้ายเอเรียก็อนุญาตให้อินคาเข้าไปด้านในได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องรออยู่ที่ซุ้มสวนและห้ามเดินเพ่นพล่านเด็ดขาด
อินคาทำตามอย่างว่าง่าย เขานั่งรออยู่ที่ซุ้มสวนอย่างเงียบๆ ทว่าคนอย่างอินคานั้นระวังตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว
เขาได้ใช้มนต์ชนิดนึงปล่อยลูกตะขาบสีดำทมิฬหลายพันตัวลงบนพื้นดินจากนั้นก็ให้พวกมันก็เลื้อยกระจายไปยังจุดต่างๆของบ้านตระกูลซินเพื่อสอดแนมและดูความเคลื่อนไหว
“น่าเสียดาย เป็นบ้านที่หรูหราจริงๆ แต่ดันมีกลิ่นอายของความมืดปกคลุมไปทั่วซะได้ เฮ้อ”
แต่คนอย่างอินคานั้นชอบศาตร์มนต์ดำยิ่งนัก เขาเลยให้ตะขาบของตนเองแฝงตัวเข้าไปหาตนต่อของมนต์ดำเพื่อดูกลืนและนำมาหล่อเลี้ยงสัตว์ที่เขาเลี้ยงเอาไว้
ในระหว่างที่นั่งรอ ไม่นานนักอินคาก็ถูกย่าซินเรียกให้ไปพบที่ห้องรับแขก
เมื่อเข้ามาด้านในอินคาก็เห็นว่าในห้องรับแขก นอกจากย่าวซินแล้วยังคนอีกจำนวนนั่งรออยู่ด้วยเช่นกัน
“เธอเป็นหลานของปู่อินสินะ นั่งลงก่อนสิ” หญิงชราผู้ใบหน้าสุขุมกล่าวด้วยนํ้าเสียงแหบแห้ง
อินคาเหม่อมองหญิงชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีทองด้วยท่างครุ่นคิดและถอนหายใจเล็กน้อย
เพราะหญิงชราตรงหน้านี้มีเวลาอีกไม่มากแล้วนี่คืออีกความสามารถหนึ่งของอินคา ที่เรียกว่าดวงตาปาติกะ
“ไม่เป็นไรคับ ผมแค่มาทำตามคำขอสุดท้ายของคุณปู่เท่านั้น หลังจากมอบสิ่งนี้ให้กับท่านผมก็คงจะต้องขอตัวก่อน”
“ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!! เป็นแค่ไอ้บ้านนอกแท้ๆ” เป็นซินซินที่กล่าวขึ้น
“ซินซิน!” เอาเรียกำลังจะกล่าวตักเตือนลูกสาว
“พี่สะใภ้ใหญ่อย่าไปว่าหลานเลยค่ะ ก็จริงอย่างที่หลานพูดนะคะ” หญิงวัย 40 อีกคนกล่าวจากนั้นเธอก็กล่าวต่อ
“คุณแม่เป็นถึงผู้นำตระกูล ไม่ใช่ใครอยากจะเข้าพบท่านก็เข้าพบได้ ต่อให้บุคคลคนๆนั้นเป็นหลานเพื่อนเก่าของคุณแม่ก็เถอะ แต่นี่ท่านยังให้เกียรติมาพบแถมยังเชิญให้นั่งพูดคุย แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับปฏิเสธที่จะนั่งสนทนา นั่นแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่ไม่ได้ถูกอบรมสั่งสอน”
………..