"ว่าแต่หนูพร้อมมาทำงานวันไหน"
"วันนี้เลยค่ะ"
"สมแล้วที่เป็นลูกสาวของนิรากร.. ถ้างั้นตามลุงขึ้นไปชั้นบนเลย"
นิวเยียร์เดินตามท่านเข้ามาในลิฟต์
ตอนที่อยู่ในลิฟต์จักรกฤษณ์ก็เล่าเรื่องบริษัทให้เธอฟังพอคร่าวๆ จนลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นผู้บริหาร
โอ้โหเธอไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าบริษัทพ่อจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ หลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาบริษัทนี้ขยายตัวใหญ่โตขึ้นมาก เธอไม่รู้ว่าพ่อมีหุ้นส่วนก็เพิ่งมารู้วันนี้นี่แหละ
"นี่คือห้องทำงานของพ่อเรา"
"ห้องทำงานของพ่อหรือคะ?"
"ส่วนห้องทำงานของลุงอยู่ถัดไป"
"ค่ะ"
"เดี๋ยวเราเข้าไปดูห้องทำงานของพ่อกันเลย"
ชไมพรเลขาท่านประธานเห็นว่าท่านรองพาผู้หญิงมาด้วยเลยสงสัย
"สงสัยล่ะสิว่าสาวสวยคนนี้คือใคร"
"เอ่อค่ะ.."
"หนูนิวเยียร์ก็คือบุตรสาวของคุณนิรากร"
"คะ?" ชไมพรมาทำงานได้ไม่กี่ปี แต่ถ้าเป็นเลขาคนก่อนอาจพอจะรู้จักนิวเยียร์อยู่บ้าง
"เรียกน้องก็ได้นะคะ"
"น้อง?" ประโยคนี้จักรกฤษณ์เป็นคนเอ่ย
"นิวเยียร์ชื่อเล่นชื่อน้องค่ะ" ส่วนมากคนอื่นจะเรียกว่านิวหรือนิวเยียร์ ชื่อน้องแม่เป็นคนเรียก เธอชอบชื่อนี้มากแต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะอยู่ต่างประเทศมีแต่เพื่อนชาวต่างชาติ เลยมีชื่อแบบให้ฝรั่งเรียกง่ายๆ หน่อย
วันนี้ทั้งวันนิวเยียร์พยายามศึกษางานทั้งกับจักรกฤษณ์และชไมพรเลขาหน้าห้องของพ่อ
จนถึงช่วงเย็นจักรกฤษณ์เลยชวนเธอออกไปทานข้าวเย็นด้วย ที่จริงนิวเยียร์ก็ไม่อยากจะไปด้วยหรอกเพราะเหนื่อย แต่เห็นว่าท่านดูแลเอาใจใส่เธอดีเธอเลยยอมออกมาทานข้าวด้วย
ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลบริษัท.. ถ้าไปร้านที่ไกลกว่านี้เธออาจจะไม่ออกมาทานด้วยก็ได้
"มาถึงเร็วดีนี่"
"ก็พ่อสั่งนี่ครับ ผมก็ต้องรีบมาสิ" ดวงตาคนที่พูดไม่ได้มองคู่สนทนาหรอก มองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านมากกว่า "ว่าแต่สาวสวยคนนี้คือใครครับ"
"คนนี้คือน้องนิวเยียร์เป็นลูกสาวของคุณนิรากร"
"ลูกสาวนิกร? เอ๊าะ ขอโทษครับผมใช้คำพูดผิดไป ลูกสาวของคุณอานิรากรหรือครับ" เห็นสายตาพ่อเพ่งมาถึงได้เปลี่ยนคำพูด
"ส่วนคนนี้คือพี่จักรินทร์ เป็นลูกชายของลุงเอง"
"ค่ะ" ทำไมเธอไม่ค่อยชอบแววตาของอีตานี่เลย
"ช่วงนี้กำลังศึกษาหาความรู้รอบตัวอยู่ อีกไม่นานก็จะให้เข้าไปบริหารงานช่วยกัน ลุงเลยอยากแนะนำให้เรารู้จักกับพี่ไว้"
"ค่ะ"
ตอนที่นั่งทานข้าวอยู่จักรินทร์ก็พยายามเทคแคร์เธอเป็นอย่างดี ส่วนมากจะออกอาการอ้อร้อมากกว่า หรือจะโยนหินถามทางก็ยังไม่รู้ เพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเลยคิดว่าเธออาจจะง่ายก็ได้
จนนิวเยียร์รู้สึกอึดอัดเลยขอกลับบ้านก่อนบอกว่าเหนื่อยพรุ่งนี้กลัวตื่นไม่ทันไปทำงาน
"ให้พี่เขาไปส่งไหมล่ะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องไปนะคะ"
นิวเยียร์ลุกออกไปยังไม่ถึงรถด้วยซ้ำจักรินทร์ก็รีบตามไป
"อุ๊ย" ตอนที่นิวเยียร์เอื้อมไปจะเปิดประตูก็มีมือของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอื้อมมาเปิดให้ก่อน
"เดี๋ยวพี่เปิดให้ครับ"
"ไม่ต้องค่ะ" หญิงสาวรีบขยับออกเพราะร่างกายของอีกฝ่ายชิดกับเธอมาก
"พี่ทำให้น้องตกใจไหมครับ"
"ฉันขอตัวค่ะ" เขาก็ดูสุภาพแต่ทำไมเธอถึงไม่ชอบเลย
กลับมาถึงบ้านก็เห็นรถของนาคราชจอดอยู่
"คุณไปทำงานแล้วเหรอ" นาคราชคิดว่าเธอแค่เข้าไปดูบริษัท แต่กลับมาค่ำขนาดนี้แสดงว่าเธอต้องไปทำงานแล้วแน่เลย
"คุณมาทำไม" เขาไม่ใช่คนสำคัญขนาดที่ต้องมารู้ว่าวันๆ หนึ่ง เธอจะทำอะไรนิวเยียร์เลยเลี่ยงที่จะตอบ
"วันนี้ผมไปพบพ่อคุณมา" ถ้าเขาไม่พูดแบบนี้เธอคงไม่คุยด้วย ดีไม่ดีอาจจะไล่ออกจากบ้านเลย
"ไหนหมอบอกว่าไม่ให้เข้าเยี่ยมไง"
"เข้าไปแค่แป๊บเดียวก็ออกมา"
"แล้วพ่อให้คุณเข้าไปพบทำไม"
"ก็เรื่องของเรานั่นแหละ"
"เรื่องของเรามันไม่มีอะไรสักหน่อย" เธอยอมรับว่าไม่ไว้ใจใครเลยสักคนนอกจากพ่อ คนที่เข้ามาหาก็คงจะหวังแค่สมบัติ ถึงแม้เขาจะมีสมบัติอยู่แล้วแต่เธอคิดว่าเขากำลังหาที่ยืน เพราะในบริษัทอนันต์ไพศาล เขาไม่ใช่ Number One
"พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัท"
"คงไม่ต้องลำบากคุณหรอกค่ะ เพราะฉันมีคนช่วยฝึกงานให้แล้ว"
"คนช่วยฝึกงาน..ใคร?"
"คุณไม่ต้องรู้หรอกค่ะ"
"ถามว่าใคร"
"พูดไปคุณก็คงไม่รู้จัก"
"ผมถามว่าใคร" เขายังคงใช้คำถามเดิมจนกว่าเธอจะบอก
"คุณจักรกฤษณ์"
ฉับพลันนั้นนาคราชก็คิดถึงคำพูดของนิรากรที่บอกว่าให้ระวังคนที่ชื่อจักรกฤษณ์ "พรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัทพร้อมคุณ"
"เอ๊ะนี่คุณ คุยกันไม่รู้เรื่องเลยหรือไง" นิวเยียร์เดินตามหลังนาคราชไป เพราะเขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เดินออกจากบ้าน..