บทที่ 8

957 Words
"ว่าแต่หนูพร้อมมาทำงานวันไหน" "วันนี้เลยค่ะ" "สมแล้วที่เป็นลูกสาวของนิรากร.. ถ้างั้นตามลุงขึ้นไปชั้นบนเลย" นิวเยียร์เดินตามท่านเข้ามาในลิฟต์ ตอนที่อยู่ในลิฟต์จักรกฤษณ์ก็เล่าเรื่องบริษัทให้เธอฟังพอคร่าวๆ จนลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นผู้บริหาร โอ้โหเธอไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าบริษัทพ่อจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ หลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาบริษัทนี้ขยายตัวใหญ่โตขึ้นมาก เธอไม่รู้ว่าพ่อมีหุ้นส่วนก็เพิ่งมารู้วันนี้นี่แหละ "นี่คือห้องทำงานของพ่อเรา" "ห้องทำงานของพ่อหรือคะ?" "ส่วนห้องทำงานของลุงอยู่ถัดไป" "ค่ะ" "เดี๋ยวเราเข้าไปดูห้องทำงานของพ่อกันเลย" ชไมพรเลขาท่านประธานเห็นว่าท่านรองพาผู้หญิงมาด้วยเลยสงสัย "สงสัยล่ะสิว่าสาวสวยคนนี้คือใคร" "เอ่อค่ะ.." "หนูนิวเยียร์ก็คือบุตรสาวของคุณนิรากร" "คะ?" ชไมพรมาทำงานได้ไม่กี่ปี แต่ถ้าเป็นเลขาคนก่อนอาจพอจะรู้จักนิวเยียร์อยู่บ้าง "เรียกน้องก็ได้นะคะ" "น้อง?" ประโยคนี้จักรกฤษณ์เป็นคนเอ่ย "นิวเยียร์ชื่อเล่นชื่อน้องค่ะ" ส่วนมากคนอื่นจะเรียกว่านิวหรือนิวเยียร์ ชื่อน้องแม่เป็นคนเรียก เธอชอบชื่อนี้มากแต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกเพราะอยู่ต่างประเทศมีแต่เพื่อนชาวต่างชาติ เลยมีชื่อแบบให้ฝรั่งเรียกง่ายๆ หน่อย วันนี้ทั้งวันนิวเยียร์พยายามศึกษางานทั้งกับจักรกฤษณ์และชไมพรเลขาหน้าห้องของพ่อ จนถึงช่วงเย็นจักรกฤษณ์เลยชวนเธอออกไปทานข้าวเย็นด้วย ที่จริงนิวเยียร์ก็ไม่อยากจะไปด้วยหรอกเพราะเหนื่อย แต่เห็นว่าท่านดูแลเอาใจใส่เธอดีเธอเลยยอมออกมาทานข้าวด้วย ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลบริษัท.. ถ้าไปร้านที่ไกลกว่านี้เธออาจจะไม่ออกมาทานด้วยก็ได้ "มาถึงเร็วดีนี่" "ก็พ่อสั่งนี่ครับ​ ผมก็ต้องรีบมาสิ" ดวงตาคนที่พูดไม่ได้มองคู่สนทนาหรอก มองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านมากกว่า "ว่าแต่สาวสวยคนนี้คือใครครับ" "คนนี้คือน้องนิวเยียร์เป็นลูกสาวของคุณนิรากร" "ลูกสาวนิกร? เอ๊าะ ขอโทษครับผมใช้คำพูดผิดไป​ ลูกสาวของคุณอานิรากรหรือครับ" เห็นสายตาพ่อเพ่งมาถึงได้เปลี่ยนคำพูด "ส่วนคนนี้คือพี่จักรินทร์ เป็นลูกชายของลุงเอง" "ค่ะ" ทำไมเธอไม่ค่อยชอบแววตาของอีตานี่เลย "ช่วงนี้กำลังศึกษาหาความรู้รอบตัวอยู่​ อีกไม่นานก็จะให้เข้าไปบริหารงานช่วยกัน ลุงเลยอยากแนะนำให้เรารู้จักกับพี่ไว้" "ค่ะ" ตอนที่นั่งทานข้าวอยู่จักรินทร์ก็พยายามเทคแคร์เธอเป็นอย่างดี ส่วนมากจะออกอาการอ้อร้อมากกว่า หรือจะโยนหินถามทางก็ยังไม่รู้ เพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเลยคิดว่าเธออาจจะง่ายก็ได้ จนนิวเยียร์รู้สึกอึดอัดเลยขอกลับบ้านก่อนบอกว่าเหนื่อยพรุ่งนี้กลัวตื่นไม่ทันไปทำงาน "ให้พี่เขาไปส่งไหมล่ะ" "ไม่ต้องหรอกค่ะ น้องไปนะคะ" นิวเยียร์ลุกออกไปยังไม่ถึงรถด้วยซ้ำจักรินทร์ก็รีบตามไป "อุ๊ย" ตอนที่นิวเยียร์เอื้อมไปจะเปิดประตูก็มีมือของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอื้อมมาเปิดให้ก่อน "เดี๋ยวพี่เปิดให้ครับ" "ไม่ต้องค่ะ" หญิงสาวรีบขยับออกเพราะร่างกายของอีกฝ่ายชิดกับเธอมาก "พี่ทำให้น้องตกใจไหมครับ" "ฉันขอตัวค่ะ" เขาก็ดูสุภาพแต่ทำไมเธอถึงไม่ชอบเลย กลับมาถึงบ้านก็เห็นรถของนาคราชจอดอยู่ "คุณไปทำงานแล้วเหรอ" นาคราชคิดว่าเธอแค่เข้าไปดูบริษัท แต่กลับมาค่ำขนาดนี้แสดงว่าเธอต้องไปทำงานแล้วแน่เลย "คุณมาทำไม" เขาไม่ใช่คนสำคัญขนาดที่ต้องมารู้ว่าวันๆ หนึ่ง เธอจะทำอะไรนิวเยียร์เลยเลี่ยงที่จะตอบ "วันนี้ผมไปพบพ่อคุณมา" ถ้าเขาไม่พูดแบบนี้เธอคงไม่คุยด้วย ดีไม่ดีอาจจะไล่ออกจากบ้านเลย "ไหนหมอบอกว่าไม่ให้เข้าเยี่ยมไง" "เข้าไปแค่แป๊บเดียวก็ออกมา" "แล้วพ่อให้คุณเข้าไปพบทำไม" "ก็เรื่องของเรานั่นแหละ" "เรื่องของเรามันไม่มีอะไรสักหน่อย" เธอยอมรับว่าไม่ไว้ใจใครเลยสักคนนอกจากพ่อ คนที่เข้ามาหาก็คงจะหวังแค่สมบัติ ถึงแม้เขาจะมีสมบัติอยู่แล้วแต่เธอคิดว่าเขากำลังหาที่ยืน เพราะในบริษัทอนันต์ไพศาล เขาไม่ใช่ Number One "พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัท" "คงไม่ต้องลำบากคุณหรอกค่ะ เพราะฉันมีคนช่วยฝึกงานให้แล้ว" "คนช่วยฝึกงาน..ใคร?" "คุณไม่ต้องรู้หรอกค่ะ" "ถามว่าใคร" "พูดไปคุณก็คงไม่รู้จัก" "ผมถามว่าใคร" เขายังคงใช้คำถามเดิมจนกว่าเธอจะบอก "คุณจักรกฤษณ์" ฉับพลันนั้นนาคราชก็คิดถึงคำพูดของนิรากรที่บอกว่าให้ระวังคนที่ชื่อจักรกฤษณ์ "พรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัทพร้อมคุณ" "เอ๊ะนี่คุณ คุยกันไม่รู้เรื่องเลยหรือไง" นิวเยียร์เดินตามหลังนาคราชไป​ เพราะเขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เดินออกจากบ้าน..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD