ตลอดทางกลับบ้านเต็มไปด้วยความเงียบงัน ฉันนั่งนิ่งมองทางที่เริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนออกจากที่นั่นฉันได้รับรู้เพิ่มมาหนึ่งอย่างว่าที่แห่งนั้นคือเซฟเฮ้าส์ของคูเปอร์ หรือเป็นที่รวมกลุ่มก๊วนของพวกเขาและเพื่อน ๆ คูเปอร์ยังเชิญชวนให้ฉันไปที่นั่นได้ทุกเมื่อโดยไม่เกรงกลัวต่อสายตาทิ่มแทงของพี่ไรม์เลยสักนิด กลับกันเขาดูสนุกมากกว่าจะกลัวเสียด้วยซ้ำ คูเปอร์เรียนอยู่ต่างมหาวิทยาลัยกับพวกเรา และเขาเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของพี่ไรม์ ทั้งสองจึงสนิทกันมาก
เมื่อรถเลี้ยวเข้าจอดในโรงรถหน้าบ้าน ฉันก้าวลงจากรถโดยมีพี่ไรม์เดินมาดักหน้า ฉันชะงักเล็กน้อยหลุดจากภวังค์ความคิดทันที สองตาช้อนมองด้วยแววตาสงสัย
“แขนเธอ...” ฉันหลุบตามองแขนตัวเองซึ่งดวงตาคมกำลังจับจ้องมันอยู่ แผ่นปลาสเตอร์ยายังแปะอยู่เต็มไปหมด เกือบลืมไปซะสนิทเลยแฮะ “เจ็บมากหรือเปล่า”
“เอ๊ะ... คะ?” เพราะจู่ ๆ ก็ถูกถามในสิ่งที่ไม่คาดหวังจากคนตรงหน้า มันทำให้ฉันเงยหน้ามองพี่ไรม์ด้วยสีหน้าเหลอหลา
“เจ็บหรือเปล่า แผลน่ะ” เขาถอนหายใจเหมือนกำลังรำคาญกัน
“อ้อ... ไม่เจ็บแล้วค่ะ แค่รอยขีดข่วนนิดหน่อยเอง” ฉันยิ้มตอบอย่างไม่รู้สึกเจ็บแล้วจริง ๆ พี่ไรม์จ้องมองฉันนิ่ง แวบหนึ่งที่ดวงตาคมสั่นไหว แต่มันเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนกลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม
“ขอโทษ”
“...”
“ฉันขอโทษที่พาเธอไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น”
ไม่รู้ทำไม... ทั้งที่มันเป็นประโยคง่าย ๆ แต่กลับจู่โจมหัวใจฉันอย่างคาดไม่ถึง มันเกิดคาดหวังว่าจะได้ฟังคำขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนลงของผู้ชายคนนี้ เขาคงรู้สึกผิดกับฉันจริง ๆ ถึงได้เผยด้านนี้ให้ฉันเห็น และมันช่างเป็นด้านที่ทำให้หัวใจฉันเต้นแรงจนห้ามไม่อยู่เลยล่ะ
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ไรม์ พี่ไม่ต้อง...”
“ไม่ได้” ฉันพูดยังไม่ทันจบ พี่ไรม์ก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ เคล้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขากลับมาทำหน้าเย็นชาเหมือนเดิมแล้ว ทำเอาฉันตามอารมณ์ไม่ถูกเลย “ฉันไม่อยากติดค้างเธอ”
“หมายความว่ายังไงคะ?” ฉันขมวดคิ้วมองคนตัวสูงกว่าอย่างไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดเขา
“ตบฉันสิ”
“เอ๊ะ...”
“ตบฉันหรือจะตีฉันคืนก็ได้ เธอเจ็บ ฉันเจ็บ ถือว่าเราหายกัน”
เขาต้อง... บ้าไปแล้วแน่ ๆ! จู่ ๆ จะให้ฉันตบตีเขาแลกกับแผลที่แขนของฉันเนี่ยนะ? นี่พี่ไรม์ยังสติดีอยู่หรือเปล่า?
“ฉันพูดจริง ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ไม่อยากติดค้างความรู้สึกเธอ” เขาหมายถึงความรู้สึกผิดหรือเปล่า? เพราะเขาทำให้ฉันต้องเจ็บตัวเขาจึงรู้สึกผิด... อย่างนี้สินะ?
ฉันก้มหน้ามองพื้นเพื่อสงบอารมณ์ ตอนนี้ฉันเข้าใจความหมายทั้งหมดแล้ว พี่ไรม์แค่ต้องการหลุดพ้นจากความรู้สึกผิดนั้น เขาแค่ไม่อยากรู้สึกผิดต่อฉัน จึงเลือกให้ฉันทำร้ายเขาคืน... ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีทางเลือกที่ดีกว่าการตบให้เขาแล้ว
“ถ้าพี่ไรม์ต้องการจะชดใช้ให้ฟอง งั้นฟองขอเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ?” ฉันกลั้นใจพูดออกไปและลอบมองปฏิกิริยาของพี่ไรม์ เขาหรี่ตามองฉันเล็กน้อยราวกับกำลังอ่านความรู้สึกกัน ซึ่งฉันทำเพียงขยับยิ้มบางกลับไป
.
.
.
สามวันต่อมา
“วันนี้รีบกลับอีกแล้วสินะ คุณสา... เอ๊ย พี่ไรม์มารับใช่ไหม?” หวานรีบเปลี่ยนคำเรียกพี่ไรม์ว่าคุณสามีที่มักจะเรียกล้อฉันจนติดปากทันที ฉันแทบจะหยิกแขนยัยตัวดีแล้วเชียว นี่เรากำลังนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน ๆ นะ!
“นี่ถามจริงเหอะ เธอกับพี่ไรม์คบกันอยู่ใช่ไหมฟอง? อย่ามาปิดบังพวกเรานะ!” จินนี่หรี่ตาจับผิดฉันแถมยังเผื่อแผ่ไปทางหวานกับแรมพ์อีกด้วย “พวกเธอกำลังปิดบังอะไรพวกฉันหรือเปล่าเนี่ย ชอบมีพิรุธเวลาพูดถึงพี่ไรม์ทุกทีเลย”
ฉันหน้าซีดเล็กน้อย ไม่คิดว่าเซ้นส์จินนี่จะแรงขนาดนี้ หวานมองหน้าฉันเหมือนกำลังขอโทษขอโพยกัน ส่วนแรมพ์แค่ทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ตอบอะไร ไม่สิ สองสามวันมานี้แรมพ์เงียบผิดปกติไปเลยต่างหาก
“นั่นน่ะสิ อะไรยังไงคะคุณเพื่อน สารภาพมาซะดี ๆ นะ เธอกับพี่ไรม์คบกันอยู่ใช่ไหม?” ลดาร่วมวงกดดันฉันอีกคน ทว่ายังไม่ทันได้ตอบอะไรก็ถูกเสียงนิ่ง ๆ ด้านหลังขัดขึ้นเสียก่อน
“กลับได้แล้ว” เป็นพี่ไรม์ที่ยืนล้วงกระเป๋าทำหน้าเย็นชา เขามองเพื่อน ๆ ฉันเล็กน้อยก่อนลากสายตากลับมาที่ฉัน “อองฟอง”
“อ๊ะ... ค่ะ ๆ” ฉันสะดุ้งกับชื่อเรียกที่หลุดจากปากเขา น้ำเสียงเย็น ๆ จนน่าขนลุกนั่น อย่าว่าแต่ฉันเลย เพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างก็พากันขนลุกตามไปด้วย “ฉะ ฉันกลับก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้จ้ะ”
ในตอนที่ฉันลุกเดินออกมาจากกลุ่ม ฉันได้ยินลดากระซิบกับจินนี่เบา ๆ ว่า ‘เย็นชาเบอร์นั้น คงไม่ได้คบกันจริง ๆ นั่นแหละแก’
นั่นสินะ... บางทีฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะการกระทำของพี่ไรม์มันชัดเจนอยู่แล้วนี่นะ
.
.
.
“วันนี้พี่ไรม์อยากทานอะไรดีคะ?” คำถามเดิม ๆ ที่ฉันถามมาสามวันติด วันนี้ฉันก็ยังถามเขาเหมือนเดิม ตอนนี้ฉันกับพี่ไรม์กำลังเดินอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตแถวหน้าหมู่บ้าน พวกเราแวะซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารเย็นเหมือนเช่นทุกวัน
“จะทำอะไรก็ทำเหอะ” และนี่ก็เป็นคำตอบเดิม ๆ ของเขาเช่นกัน ฉันหยุดเดินแล้วหันมองผู้ชายร่างสูงที่กำลังเข็นรถนำหน้าไปแล้ว พี่ไรม์หยุดเดินแล้วหันกลับมาเลิกคิ้วใส่ “มีอะไร?”