EP.13 [คนสำคัญ]

1141 Words
“เป็นอะไรหรือเปล่าฟอง สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” “อ่ะ… อ้อ ไม่มีอะไร แค่นอนน้อยนิดหน่อยน่ะ” ฉันขยับหมวกปีกกว้างขึ้นบังแสงแดง สายตาละจากวิวทะเลกลับมาที่แรมพ์ ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งอยู่บนเรือที่แล่นมุ่งหน้าไปทางเกาะแห่งหนึ่ง “นอนน้อย? เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเหรอ” แรมพ์ยื่นแก้วน้ำส้มให้ฉันพลางมองด้วยสีหน้าห่วงใย ฉันเหลือบมองร่างสูงของใครอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเรา เขาเหม่อมองวิวทะเลในมือถือแก้วสีอำพันขึ้นจิบเบา ๆ นี่ดื่มกันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ… “ฟอง?” “หือ… อ้อ ชะ ใช่ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับน่ะ สงสัยจะแปลกที่แปลกทาง” ฉันดึงสายตากลับมาหาแรมพ์แล้วเสมองออกไปทางทะเล ท้องฟ้าสีครามช่างสวยงามเหลือเกิน นี่สินะคือสาเหตุที่ทำให้เขาเหม่อมองมันด้วยสายตาลุ่มลึกคู่นั้น หลังจากเดินทางบนเรือไม่นาน พวกเราก็มาถึงเกาะแห่งหนึ่ง พี่ร๊อคบอกว่าที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวกิตติโสภณ ตอนแรกแม่รินคิดจะให้ฉันกับพี่ไรม์มาพักบนเกาะนี้แต่เพราะเห็นว่ามากันแค่สองคนกลัวจะวังเวงและไม่สะดวกสบายเท่าที่ควรก็เลยเปลี่ยนใจซื้อทริปฮันนีมูนและให้พักที่โรงแรมดีกว่า เมื่อเช้าพี่ร๊อคบอกให้พวกเราขนกระเป๋าออกจากโรงแรมเพื่อมาพักบนเกาะนี้โดยไม่ต้องเช็คเอ้าท์เผื่อแม่รินโทรมาสืบกับทางโรงแรม “ค่อย ๆ ลงนะ” แรมพ์ยื่นมือรอรับฉันที่กำลังขึ้นจากเรือ ฉันเลื่อนตามองร่างสูงด้านหลังเขาเล็กน้อย พี่ไรม์ลงเรือคนแรกแล้วเดินถือกระเป๋าตัวเองไปโดยไม่หันมองฉันเลยสักนิด ฉันเม้มปากพลางยื่นมือจับมือแรมพ์แล้วขึ้นมายืนบนท่าเรือ พี่ร๊อคส่งกระเป๋าให้แรมพ์ซึ่งไม่ยอมให้ฉันช่วยถือ แต่กลับจูงมือฉันพาเดินตามหลังพี่ไรม์แทน “เอ่อ… ให้ฟองถือเองก็ได้นะแรมพ์” “ไม่เป็นไร เราเต็มใจ” ทำไมกันนะ… ทำไมจู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา… ถ้าคนที่กำลังจับจูงมือฉันตอนนี้ไม่ใช่แรมพ์แต่เป็นพี่ไรม์ มันคงจะดีไม่น้อย… ฉันนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ คิดแบบนี้กับเพื่อนที่แสนดีอย่างแรมพ์ได้ยังไงกันนะ . . . “ฟองพักห้องนี้นะ ส่วนพวกพี่พักสามห้องนั้น พี่ให้คนดูแลที่นี่มาทำความสะอาดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ” พี่ร๊อคยืนพิงประตูห้องฉันพลางชี้บอกห้องอื่น ๆ ไปด้วย ฉันวางกระเป๋าลงบนที่นอนก่อนเดินมาเปิดผ้าม่านและประตูระเบียง “ว้าว… ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” ฉันเดินออกมายืนตรงชานระเบียงซึ่งติดกับทะเล เสียงคลื่นกระทบฝั่งกับลมโชยกลิ่นไอทะเลช่วยทำให้จิตใจฉันสงบลงมาก ที่นี่สวยงามมากจริง ๆ “ชอบไหม?” พี่ร๊อคขยับมายืนข้างกัน เขามองฉันด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ดวงตาเข้มทอแววอบอุ่นใจดี พอได้มองหน้าพี่ร๊อคใกล้ ๆ ฉันถึงได้รู้ว่านอกจากทั้งสามคนจะเติบโตขึ้นมาก พวกเขายังมีหน้าตาที่หล่อเหลามากไม่แพ้กัน ไม่คิดเลยว่าช่องว่างระหว่างเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาจะทำให้พวกเราเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะพี่ไรม์… เขาน่ะเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยล่ะ “ชอบค่ะ ขอบคุณนะคะที่พาฟองมาที่นี่ ถ้าพี่ร๊อคกับแรมพ์ไม่ได้มาด้วย ฟองคงเหงาน่าดูเลย” ฉันพึมพำประโยคหลังเบา ๆ พลางเสสายตามองไปทางทะเล สัมผัสหนัก ๆ บนศีรษะเรียกสายตาฉันกลับมามองคนข้างกาย พี่ร๊อคลูบผมฉันเบา ๆ พลางขยับยิ้มบาง “อย่าคิดมากสิ ฟองเป็นคนสำคัญของพี่นะ” ฉันกะพริบตาเล็กน้อยยามสบกับแววตาอบอุ่นทว่าจริงจังของพี่ร๊อค “ฟองเป็นน้องสาวที่น่ารัก เป็นครอบครัวของพวกเรา เป็นคนสำคัญมาตลอดและจะเป็นตลอดไปด้วย” ความอบอุ่นแล่นวาบเข้ามาในหัวใจฉัน ก่อนหน้านี้ฉันกังวลมาตลอดว่าการกลับมาอยู่เมืองไทยจะทำให้ฉันอ้างว้างไหม ฉันจะโดดเดี่ยวหรือเปล่า เพราะชีวิตฉันมีเพียงคุณพ่อคนเดียวที่เป็นครอบครัว และท่านก็อยู่ไกลจากฉันมากเหลือเกิน ฉันวางเดินพันทั้งชีวิตเพื่อแต่งงานกับพี่ไรม์ โดยไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และยังแอบหวังเล็ก ๆ ว่าฉันจะได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวกิตติโสภณอีกครั้ง เหมือนครั้งอดีต… คุณแม่ของฉันเป็นเพื่อนรักกับแม่ริน พวกท่านเติบโตมาด้วยกันจนกระทั่งแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ยังสนิทกัน ในวันที่คุณแม่ให้กำเนิดฉัน ท่านมอบลูกสาวอย่างฉันให้กับคุณพ่อก่อนท่านจะจากไปเพราะร่างกายที่อ่อนแอ คุณแม่รู้ตัวมาตลอดว่าสุขภาพของท่านอาจมีลูกไม่ได้ แต่ท่านก็ยินดีที่จะเสี่ยงเพื่อมีฉัน คุณพ่อบอกว่าฉันคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของท่าน ท่านไม่เคยโทษฉันเลยแม้แต่นิดเดียวที่เป็นสาเหตุทำให้คุณแม่ต้องจากไป… เพราะเหตุนั้น… ฉันที่เป็นเด็กทารกสูญเสียแม่ตั้งแต่แรกเกิดจึงถูกแม่รินซึ่งเพิ่งคลอดแรมพ์ได้ไม่กี่เดือนรับเลี้ยงดูเหมือนลูกสาวอีกคน ฉันทานน้ำนมของท่าน ได้รับการเลี้ยงดูและเติบโตมาภายใต้ครอบครัวกิตติโสภณมาตั้งแต่ตอนนั้น ในขณะที่คุณพ่อก็พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างฐานะในต่างประเทศ ตลอดเวลาในวัยเด็กฉันรับรู้เสมอว่าฉันมีคุณพ่อที่รักฉันมากกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในที่ห่างไกล ในทุกวันสำคัญฉันจะได้รับของขวัญแสนพิเศษจากท่านเสมอและบางครั้งท่านก็กลับมาหาฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะฉันมีแม่ริน ลุงภาค และพี่ชายอีกสามคนเป็นครอบครัวที่น่ารักและแสนอบอุ่นอยู่เคียงข้าง ฉันถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักที่มากล้นของครอบครัวกิตติโสภณ ช่วงเวลานั้นฉันมีความสุขมาก จนกระทั่งวันที่คุณพ่อกลับมาเพื่อรับฉันไปอยู่อเมริกาด้วยกัน… ฉันถึงได้รู้ว่า… ความสุขที่ฉันมีกำลังจะจางหายไป…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD