Hate : 2

3927 Words
รอบเอวบางของฉันรู้สึกหนักเหมือนมีอะไรมากดทับจนต้องขยับตัวเล็กน้อยและค่อยๆลืมเปลือกตาขึ้นช้าๆ ความมืดภายในห้องทำให้ฉันต้องกะพริบตาสองสามทีแล้วพยายามนึกอีกครั้งว่าฉันกำลังอยู่ที่ไหน เพราะห้องนอนมันไม่คุ้นชินเลย “อืม” เสียงเข้มต่ำดังขึ้นใกล้ๆ ฉันหันไปมองด้วยความรวดเร็ว พอรับรู้ได้ว่าร่างกายสูงใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆนั้นเป็นใคร ฉันก็กัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น จากนั้นก็ปัดท่อนแขนแข็งแรงของฟินิกซ์ออกไปจากเอวบางของตัวเองทันที คนเลว! “อึก...โอ๊ย” ฉันรีบขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่อาการปวดหัวและเจ็บช่วงล่าง ทำให้ฉันล้มลงไปที่พื้นห้องด้วยความแรงจนรู้สึกเจ็บหัวเข่าไปหมด ให้ตายสิ น่าสมเพชตัวเองชะมัด ”หึ เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอกเมเบล อย่าพยายามเลย” ฉันหันไปมองตามเสียงของฟินิกซ์ก็เห็นเขากำลังนั่งพิงหัวเตียงมองฉันด้วยสายตาคมดุดัน แถมยังยกยิ้มมุมปากขึ้นเหมือนกำลังเยาะเย้ยสภาพของฉันตอนนี้อยู่อีก เกลียด ฉันเกลียดคนอย่างฟินิกซ์ “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ฉันพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง กำลังจะก้าวขาเดินก็รู้สึกหน้ามืด ปวดหัวอย่างรุนแรงจนต้องจับโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงเอาไว้แน่น พอก้มลงมาดูตัวเองที่สวมเสื้อเชิตตัวใหญ่ของฟินิกซ์อยู่ก็ต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ด้วยความโมโห อยากจะกระชากเสื้อผ้าของเขาออกจากตัวชะมัด! พรึ่บ! หมับ! ”หยุดพยายามสักที มันน่ารำคาญ” ท่อนแขนแข็งแรงของฟินิกซ์อุ้มฉันเอาไว้ได้ทันก่อนที่ร่างกายฉันจะล้มลงไปกระแทกที่พื้นอีกครั้ง ฉันมองเขาด้วยความโกรธ ดิ้นไปมาเท่าที่จะดิ้นได้เพราะตอนนี้รู้สึกปวดหัวและปงดตามเนื้อตัวไปหมดแล้ว “อย่ามาแตะตัวฉันนะ!” เสียงแหบแห้งของฉันทำให้ฟินิกซ์มองมาแล้วยกยิ้มมุมปากด้วยความเยาะเย้ยทันที ”คิดว่าฉันอยากแตะผู้หญิงแบบเธอมากหรือไง” ฉันจ้องหน้าฟินิกซ์อย่างขุ่นเคืองไม่ต่างกัน ”งั้นก็ปล่อยฉันสิ ฉันก็ไม่อยากโดนคนสารเลวแบบนายมาแตะเนื้อตัวมากนักหรอก” ตุบ! ”โอ๊ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บทันทีที่ฟินิกซ์โยนฉันลงไปบนเตียงนอนด้วยความแรง โดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ “อย่าพยายามลุกไปไหนอีก“ ฟินิกซ์ยืนมองหน้าฉันด้วยสายตาคมดุดันจนดูน่ากลัว ฉันเงยหน้าจ้องเขาพร้อมกับเม้มริมฝีปากเอาไว้อย่างโกรธแค้น “คิดว่าฉันจะทำตามที่นายสั่งหรือไง” “หึ ถ้าเธอกล้าขัดคำสั่ง ฉันจะจับเธอมัดกับเตียงดีมั้ยเมเบล” รอยยิ้มร้ายกาจที่ดูเจ้าเล่ห์ของฟินิกซ์ทำให้ฉันต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ทำได้เพียงกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นอย่างน่าสมเพช ให้ตายสิ! ก๊อกๆๆ ”คุณฟินิกซ์ครับ มีโทรศัพท์มาจากอิตาลีครับ” เสียงเคาะประตูแล้วตามมาด้วยเสียงทุ้มของผู้ชายทำให้ฉันขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยทันที “อือ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ฟินิกซ์ตอบรับเสียงเข้มต่ำเรียบนิ่ง แล้วเขาก็หันหลังหยิบเสื้อยืดที่กองอยู่ที่พื้นข้างเตียงขึ้นมาสวม จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทันที ฉันเบิกตาโพรงด้วยความตกใจและมึนงงทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นรอยสักที่แผ่นหลังของฟินิกซ์ มันคล้ายกับปีกของนกชนิดไหนสักชนิดที่ฉันไม่รู้จัก และมันทำให้เขาดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมสำหรับฉัน “อึก...” หลังจากที่ฟินิกซ์ออกไปจากห้องหลายนาทีที่แล้ว ฉันที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงก็เอนตัวนอนลงอย่างหมดแรง รู้สึกอากาศมันเย็นจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายเอาไว้ ให้ตายเถอะ ปวดหัวจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว “ข้าวต้มกับยาค่ะคุณเมเบล” เสียงนุ่มของผู้หญิงที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้ฉันค่อยๆลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นช้าๆ ขยับตัวแต่ละครั้งก็รู้สึกเจ็บไปหมด “ฉันไม่กิน” เมื่อพลิกตัวและเจอกับแม่บ้านวัยกลางคนก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง นี่ฉันยังอยู่ที่ห้องของฟินิกซ์อยู่เลยสินะ แล้วก็เผลอหลับไปเพราะไข้ขึ้นแน่ๆเลย ปวดเนื้อตัวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย “คุณไม่สบาย ทานข้าวทานยาเถอะนะคะ” เธอยังคงส่งยิ้มบางมาให้อย่างใจดี แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับใครทั้งนั้น ฉันอยากกลับบ้าน อยากออกไปจากที่นี่จะตายอยู่แล้ว บ้าชะมัด! “ออกไปได้แล้ว” ฉันบอกแม่บ้านคนเดิมด้วยเสียงที่เบาหวิว และแหบแห้งจนตัวเองก็แทบฟังไม่รู้เรื่อง เธอมองฉันด้วยความกังวลเล็กน้อย แต่สักพักก็ยอมเดินออกไปจากห้องและยังไม่ลืมที่จะล็อกห้องอีกครั้ง ฉันเหลือบมองถาดที่ใส่ชามข้าวต้ม แก้วน้ำและยาอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วพลิกตัวไปอีกทางโดยไม่สนใจจะแตะหรือกินมันสักนิด ถึงจะคอแห้งและรู้สึกหมดแรงมากแค่ไหน แต่ฉันไม่อยากกินมันเลยให้ตายเถอะ แสงแดดที่ส่องทะลุผ้าม่านสีเทาภายในห้องนอนทำให้ฉันขมวดคิ้วมุ่น และค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก พอนั่งพิงหัวเตียงและสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างตั้งสติ ฉันก็เดินไปที่หน้าต่างช้าๆ มือลองเปิดผ้าม่านออกก็เห็นว่าตรงหน้าต่างมีระเบียงที่สามารถออกไปยืนด้านนอกตรงนั้นได้ ฉันค่อยๆเปิดหน้าต่างออก นึกแปลกใจเหมือนกันที่มันไม่ได้ล็อกแน่นหนาเหมือนกับประตูหน้าห้อง ขาทั้งสองข้างเดินไปที่ระเบียงทั้งๆที่ยังคงปวดตามเนื้อตัวอยู่บ้าง พอมองลงไปด้านล่างถึงรู้ว่ามันอยู่สูงอยู่เหมือนกัน ฉันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดอีกครั้ง สายตามองไปที่เตียงนอนสลับกับระเบียงอย่างลังเล ถึงมันจะเป็นทางออกเดียวที่ฉันจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ แต่ฉันก็จะทำ “ฉันไม่ยอมทนอยู่ให้นายทำเหมือนนักโทษแบบนี้หรอกฟินิกซ์“ ฉันเดินกลับไปที่เตียง จัดการดึงผ้าปูที่นอนออกแล้วเอามามัดไว้กับผ้าห่มให้แน่นที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นเมื่อลมที่พัดจากหน้าต่างที่เปิดอยู่กระทบกับผิวจนรู้สึกหนาวและสั่นไปหมด ตุบ! พอโยนผ้าที่มัดไว้ด้วยกันลงไปด้านล่างตรงระเบียงก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างหงุดหงิดทันทีที่เห็นว่ามันสั้นไปเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไรเลยลองดึงผ้าดูว่าที่มัดไว้กับเตียงนอนจะมั่นคงพอที่จะรับน้ำหนักของฉันได้ “อึก...” ฉันจับขอบโต๊ะข้างเตียงไว้เมื่ออาการปวดหัวดูจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็กัดริมฝีปากล่างเอาไว้เพื่อข่มความรู้สึกต่างๆออกไป ฉันทำมาขนาดนี้แล้วจะหยุดไม่ได้หรอกนะ หมับ! ฉันที่กำลังก้าวขาขึ้นไปตรงระเบียงต้องหยุดหายใจอย่างตระหนกทันที เมื่อรับรู้ถึงไออุ่นจากท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรอบเอวบางเอาไว้แน่น และหลังของตัวเองที่แนบชิดอยู่กับแผงอกกำยำของคนด้านหลัง “ทำอะไร” เสียงเข้มต่ำดุดันของฟินิกซ์ทำให้ฉันต้องกัดริมฝีปากล่างไว้ แล้วพยายามแกะท่อนแขนของเขาที่ยังคงโอบรอบเอวบางของฉันออก “ปล่อยฉัน!” ฟินิกซ์ไม่สนใจคำพูดของฉันสักนิด เขาดึงตัวฉันออกห่างจากระเบียงจนขาข้างที่ก้าวอยู่นั้นลอยอยู่บนพื้นระเบียงแทน เพราะเขาใช้ท่อนแขนแข็งแรงของตัวเองโอบรัดฉันไว้จากทางด้านหลังจนแนบชิดกับแผงอกกำยำของเขาเอาไว้แน่นอย่างน่าโมโห “ถึงเธอจะโดดลงไปได้ก็หนีคนของฉันไม่รอดหรอกเมเบล” “นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันจิกเล็บลงไปที่ท่อนแขนของฟินิกซ์อย่างแรง แต่เขาก็ยังคงโอบรอบเอวฉันแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนตามเดิม จากนั้นฟินิกซ์ก็เอื้อมมือมาล็อกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างขุ่นเคือง จิกเล็บลงไปที่ผิวเนื้อตรงท่อนแขนแข็งแรงของเขามากขึ้นอีกด้วยความโกรธ พรึ่บ! ”อ้าปาก” ฉันดิ้นหนีทันทีที่ฟินิกซ์จับตัวฉันให้หันไปมองทางเขา แต่ฟินิกซ์ก็เร็วกว่าเพราะเขาใช้ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวบางของฉันเอาไว้แน่นอีกครั้งจนฉันขยับตัวแทบไม่ได้ “ไม่!” ฉันหันหน้าหนีมือใหญ่อีกข้างของฟินิกซ์ที่จับปลายคางฉันเอาไว้อย่างไม่ยอมแพ้ “หึ ชอบลองดีกับฉันใช่มั้ยเมเบล” ฟินิกซ์ปล่อยมือใหญ่ที่จับปลายคางฉันออก แล้วเอื้อมไปหยิบยาที่วางอยู่บนถาดข้าวต้ม จากนั้นเขาก็ยัดมันเข้าปากของตัวเองพร้อมกับยกแก้วน้ำดื่มตามไปด้วย ฉันมองการกระทำของฟินิกซ์ด้วยความมึนงง แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพรง พยายามดิ้นหนีอีกครั้ง เมื่อเขายกมือใหญ่ขึ้นมาบีบแก้มฉันไว้แน่นจนเจ็บไปหมด “ปะ...ปล่อย” ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น มองสายตาคมดุดันดูน่ากลัวของฟินิกซ์แล้วอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ชะมัด เขายกยิ้มมุมปากขึ้นแล้วโน้มหน้าลงมาใกล้ฉันจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ ริมฝีปากอุ่นร้อนของฟินิกซ์ที่ประกบลงมาที่ริมฝีปากซีดเซียวของฉัน มันทำให้ฉันพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ไม่มีแรงมากพอจะทำได้ เขาขบเม้มริมฝีปากล่างของฉันแรงๆ ฉันเจ็บไปหมดจนต้องเผยอปากออก และรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ลิ้นเปียกชื้นของฟินิกซ์ดุนดันเข้ามาในโพรงปากของฉันพร้อมกับยาที่เขายัดเข้าปากตัวเองไปเมื่อครู่อย่างรวดเร็วจนฉันต้องเบิกตาโพรงด้วยความตกใจอีกครั้ง ตุบๆ! “อึก...อื้อ!” ฟินิกซ์บังคับให้ฉันกลืนยาเม็ดนั้นลงไปโดยที่ดุนดันลิ้นเปียกชื้นของเขาเข้ามาจนฉันต้องทำตามที่เขาต้องการอย่างน่าโมโห ”ทีหลังอย่าคิดขัดคำสั่งฉัน” มือของฉันที่ทาบอยู่บนเสื้อยืดตรงแผงอกกำยำของฟินิกซ์อยู่กำเอาไว้แน่นจนมันแทบจะขาดติดมือได้อยู่แล้วถ้าฉันมีแรงมากพอ ฟินิกซ์ยังคงพูดชิดริมฝีปากฉันแล้วยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใช้สายตาคมดุดันของเขามองมาที่ฉันอย่างข่มขู่ ”ฉันเกลียดนาย” ฉันหอบหายใจแล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งอย่างแผ่วเบา ”หึ จำคำพูดของเธอไว้ให้ดีล่ะ” มือใหญ่ของฟินิกซ์ยกขึ้นลูบที่ผิวแก้มฉันอย่างยั่วโมโห แล้วเขาก็ประกบริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้งด้วยความเร่าร้อน “อื้อ!” ฉันจิกเล็บลงไปที่แผงอกกำยำของฟินิกซ์เอาไว้เพราะเรี่ยวแรงได้หายไปหมด รู้สึกอ่อนเพลียเกินกว่าจะผลักฟินิกซ์ออกไปให้ห่างจากตัวเองได้ ริมฝีปากของฉันเจ็บแสบจากการที่ฟินิกซ์บดจูบลงมาอย่างหนักหน่วงจนฉันต้องเผยอริมฝีปากออกให้เขาได้ล้วงล้ำลิ้นเปียกชื้นเข้ามาในโพรงปากของฉันได้อีกครั้ง ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอวบางฉันเอาไว้แน่นมากยิ่งขึ้น อาการปวดหัวทำให้ฉันทำอะไรคนอย่างฟินิกซ์ไม่ได้สักอย่าง บ้าชะมัด! ก๊อกๆๆ ”คุณฟินิกซ์ครับ” เสียงทุ้มของผู้ชายที่อยู่อีกด้านของประตูห้องนอนดังแทรกเข้ามา แต่ฟินิกซ์ก็ยังคงบดจูบฉันอย่างรุนแรง โดยที่ฉันได้แต่ส่งเสียงประท้วงภายในลำคอด้วยความยากลำบากและเจ็บริมฝีปากไปหมด เขาไม่คิดจะสนใจคนที่พูดอยู่ด้านนอกด้วยซ้ำ! กึก! ”อึก...นี่เธอ!” ฟินิกปล่อยริมฝีปากของฉันให้เป็นอิสระทันทีที่ฉันรวบรวมความกล้ากัดริมฝีปากล่างของเขาจนเลือดออก ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดเพราะอาการเหนื่อยหอบด้วยความรวดเร็ว “สารเลว” ฉันเงยหน้าจ้องมองฟินิกซ์ด้วยความโกรธแค้นและโมโหจนลืมความน่ากลัวของเขาทันที ตอนนี้ฉันอยากจะเอาเล็บตัวเองข่วนหน้าและเนื้อตัวของฟินิกซ์แรงๆชะมัด เผื่อเขาจะรู้สึกเจ็บเหมือนที่ทำไว้กับฉันบ้าง! หมับ! ”ชอบขัดคำสั่งฉันดีนักใช่มั้ย” มือใหญ่กระชากต้นแขนฉันให้เดินตามเขาไปที่เตียงนอน แล้วฟินิกซ์ก็เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงเพื่อหาอะไรบางอย่าง พรึ่บ! “นายจะทำอะไรฟินิกซ์!” ฉันเบิกตาโพรงมองสิ่งของที่อยู่ในมือใหญ่ของฟินิกซ์ด้วยความตื่นตกใจและรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง ”เอ่อ...คุณฟินิกซ์ คือว่าเรื่องที่ให้ไป...” ”เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูเอง กลับไปได้แล้วนาธาน” ฟินิกซ์ตะโกนบอกคนที่ยังคงพูดอยู่อีกด้านของประตูห้องนอนด้วยเสียงเข้มต่ำอย่างหงุดหงิด และสักพักฉันก็ได้ยินเสียงประตูปิดลงเบาๆพร้อมกับคนที่อยู่อีกด้านออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว ”จะทำอะไรของนาย...” ฉันมองกุญแจมือสีเงินด้วยแววตาตื่นตระหนกทันทีที่ฟินิกซ์หันมามองฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้น จากนั้นเขาก็ดึงข้อมือฉันให้ไปแนบติดกับเหล็กสีทองตรงหัวเตียงด้วยความรวดเร็ว ”ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าถ้าขัดคำสั่งฉันอีกจะจับเธอมัดไว้กับเตียงไงเมเบล” เสียงเข้มต่ำที่ดังอยู่ใกล้กับใบหู ทำให้ฉันต้องหันหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับเม้มริมฝีปากไว้แน่น ”นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!” ฉันอยากจะขยับตัวหนีเขาให้มากกว่านี้ แต่กุญแจมือสีเงินที่ยึดข้อมือข้างหนึ่งของฉันไว้กับหัวเตียงทำให้เวลาขยับมันขูดผิวจนรู้สึกแสบขึ้นมาเล็กน้อย เขาไปมีไอ้กุญแจมือบ้านี่ได้ยังไงกัน ให้ตายสิ! “ถ้าฉันกลับมาแล้วยังเห็นว่าเธอไม่ได้แตะข้าวต้มอีก...คืนนี้ก็เตรียมตัวโดนฉันทำโทษที่กล้าขัดคำสั่งด้วยล่ะ” ฟินิกซ์ไม่สนใจจะฟังคำที่ฉันพูดและเสียงก่นด่าของฉันด้วยความโมโหสักนิด เขามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวและข่มขู่เสร็จก็ออกคำสั่ง แล้วเดินออกไปจากห้องนอน ไม่ลืมล็อกประตูกักขังฉันไว้อีกครั้ง ฉันได้แต่มองบานประตูที่ปิดสนิทอย่างขุ่นเคืองและตักข้าวต้มเข้าปากโดยที่ไม่รู้รสชาติของมันด้วยซ้ำไป สักวันฉันจะต้องทำให้ฟินิกซ์เจ็บมากกว่าที่ฉันเจ็บให้ได้เลยคอยดู! หลังจากที่ฝืนกินข้าวต้มจนเกือบหมด ฉันก็เผลอหลับไปทั้งๆ ที่มีกุญแจมือล็อคเอาไว้ที่ข้อมือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว และมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆมาจากด้านนอกห้องนอน ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภายในห้องมืดสนิท แต่ยังคงมีแสงสลัวจากด้านนอกที่ส่องผ่านผ้าม่านตรงหน้าต่างเข้ามาให้เห็นเพียงเล็กน้อย กึก! “บ้าชะมัด” ทันทีที่ขยับตัวข้อมือข้างที่โดนใส่กุญแจมือไว้ก็ชะงักกึกอยู่กับที่แล้วบาดผิวเนื้อฉันจนรู้สึกเจ็บ ฉันอยากเอาไอ้กุญแจมือบ้านี่ออกไปชะมัดเลย ปวดแขนกับหัวไหล่ไปหมดแล้วนะ! “ไม่ขัดคำสั่งฉันแล้วหรือไง” ฉันหันไปมองฟินิกซ์ที่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาพร้อมกับสายตาคมดุดันที่มองไปยังชามข้าวต้มที่ฉันกินไปเกือบหมด จากนั้นรอยยิ้มมุมปากกับการเลิกคิ้วมองหน้าฉันเล็กน้อยของเขามันทำให้ฉันต้องกัดริมฝีปากล่างตัวเองเอาไว้อย่างโมโห “ฉันไม่ยอมตายก่อนนายหรอกฟินิกซ์” ฉันจ้องมองฟินิกซ์ด้วยความโกรธจัด ขยับแขนข้างที่โดนใส่กุญแจมือเล็กน้อยเพราะรู้สึกเจ็บและปวดเมื่อยไปหมด “หึ อยากให้ฉันเอามันออกหรือเปล่า” ฟินิกซ์เอนตัวพิงขอบประตูห้องนอนแล้วจ้องมองฉันอย่างท้าทาย ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วยกยิ้มมุมปากไปให้เขาทันที “พูดเหมือนนายจะยอมถอดมันออกไปง่ายๆอย่างนั้นแหล่ะ” ฟินิกซ์สบสายตากับฉันนิ่ง แล้วเขาก็เดินมายืนอยู่ข้างเตียงนอนใกล้ๆกับที่ฉันกำลังเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ฉันขยับตัวออกห่างจากเขาอีกเล็กน้อย แล้วเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ หมับ! “ลองอ้อนวอนฉันดูสิ” มือใหญ่จับปลายคางฉันให้เงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมดุดันของเขาให้ชัดเจนมากขึ้น ฉันจ้องมองสายตาคมกริบของฟินิกซ์นิ่ง ไม่คิดจะดิ้นหนีจากมือใหญ่ของเขาอีกต่อไป ไม่...ฉันจะไม่พยายามหนีจากเขาในตอนนี้หรอก เพราะไม่ว่าจะทำยังไงฟินิกซ์ก็คงจับตัวฉันไว้ได้อย่างง่ายดายอยู่ดี ถึงจะไม่คิดหนี แต่ฉันจะไม่ยอมให้เขาบังคับข่มขู่ หรือออกคำสั่งกับฉันได้หรอก! พรึ่บ! “ฝันไปเถอะ ฉันอยู่กับไอ้กุญแจมือบ้านี่ยังดีกว่าอ้อนวอนหรืออยู่ใกล้นายเลย” ฉันยกมืออีกข้างขึ้นปัดมือใหญ่ของฟินิกซ์ออกด้วยความแรง สายตาคมดุดันของเขาดูแข็งกร้าวขึ้นทันที “งั้นก็อยู่กับฉันทั้งคืนแล้วกันเมเบล” ฟินิกซ์ไขกุญแจมือออกจากหัวเตียงด้วยความรวดเร็ว ฉันคิดว่าเขาจะเอามันออกให้ฉันด้วย แต่ฟินิกซ์กลับเอาอีกด้านของกุญแจมือไปคล้องกับข้อมือแกร่งของเขาแทน ดวงตาฉันเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ และไม่คาดคิดว่าฟินิกซ์จะทำแบบนี้กับฉัน ให้ตายสิ ฉันอยากข่วนหน้าเขาให้เลือดซิบไปเลย! “นายคิดจะทำบ้าอะไรอีก!” ฉันหันไปตะโกนใส่เขาด้วยความเดือดดาด ให้ฉันติดแหง็กอยู่กับหัวเตียงไปทั้งชีวิตยังดีกว่าอยู่กับฟินิกซ์เลย บ้าชะมัด! “ลุกขึ้นมาจากเตียงสักที” ฟินิกซ์ไม่ฟังเสียงโวยวายของฉัน เขากระตุกข้อมือแกร่งข้างที่มีกุญแจมือคล้องอยู่แรงๆ จนฉันต้องกระเด้งตังออกจากเตียงมายืนโซเซบนพื้นด้วยความรวดเร็วเพราะอาการเจ็บแสบข้อมือของตัวเองจากการโดดกุญแจมือที่คล้องอยู่บาดผิว “นายจะไปไหน” ฟินิกซ์ไม่ตอบ เขาทำเหมือนฉันเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตนแล้วเดินดุ่มๆไปเปิดไฟห้องนอน จากนั้นก็ก้าวยาวๆไปที่ห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ฉันต้องกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้แน่น และนิ่วหน้าด้วยความเจ็บทุกครั้งที่กุญแจมือขูดที่ผิวเนื้อบริเวณข้อมือของตัวเองจนต้องรีบเดินตามฟินิกซ์ไปให้ทัน เขาทำเหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เขาอยากจะจูง หรือฉุดกระชากลาถูไปที่ไหนก็ได้ตามใจตัวเอง เหอะ...บางที่สัตว์เลี้ยงยังได้รับการกระทำที่ดูดีกว่าฉันตอนนี้เลย “บีบยาสีฟันสิ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” ฉันหันขวับไปมองฟินิกซ์คิ้วขมวดมุ่นอย่างขุ่นเคือง เมื่อสายตาเห็นเขายื่นแปรงสีฟันมาทางฉัน มือข้างที่วางเลยเอื้อมไปหยิบหลอดยาสีฟันมาบีบให้เขาอย่างจำใจ และพอจะหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ม่แปรงฟันให้กับตัวเองบ้างมันก็แปรงไม่ถนัดเอาซะเลย พรึ่บ! “อึก…” ฉันกัดฟันข่มความเจ็บที่ข้อมือของตัวเองทันทีที่เปลี่ยนมาใช้มือข้างที่ใส่กุญแจมืออยู่ ไม่สนใจว่าข้อมือแกร่งของฟินิกซ์จะเจ็บเหมือนฉันหรือเปล่า แต่คนอย่างเขาผิวหนังคงด้านชาเหมือนกระทิงจนไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอก ความมืดหรือความเงียบภายในห้องนอนไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกง่วงขึ้นมาสักนิด ก่อนจะปิดไฟฟินิกซ์บังคับให้ฉันกินยาอีกเม็ด ฉันไม่พูดหรือถามอะไรเขาอีก ทำตามที่เขาต้องการอย่างเงียบๆเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่คอยทำตามคำสั่งเท่านั้น หมับ! ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้ทันทีเมื่อฟินิกซ์กระชากข้อมือแกร่งของเขาด้วยความแรงจนตัวฉันขยับไปนอนใกล้เขามากขึ้น ความแสบตรงข้อมือทำให้ฉันนิ่วหน้า หันขวับไปจ้องฟินิกซ์ด้วยความขุ่นเคืองทันที และทำให้เห็นว่าเขากำลังจ้องฉันด้วยสายตาคมอย่างหงุดหงิดอยู่ก่อนแล้ว “ฉันนอนไม่หลับ” แล้วจะมาบอกฉันทำไมล่ะ! ฉันพูดอยู่ในใจและยังคงนอนนิ่งเงียบ สายตามองไปบนเพดานห้องโดยยังคงไม่พูด หรือตอบอะไรฟินิกซ์แม้แต่คำเดียว ขนาดเสียงหายใจฉันยังไม่อยากจะให้เขาได้ยินเลย เหอะ! “อะ...อึก” ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้แน่นอีกครั้ง เมื่อฟินิกซ์กระชากตัวฉันเข้าไปจนแทบขึ้นไปนอนทับอยู่บนแผงอกกำยำของเขา “ทำหน้าที่ของตัวเองหน่อย” เสียงเข้มต่ำที่ดังอยู่ข้างใบหูทำให้ฉันขยับใบหน้าออกห่างจากลมหายใจอุ่นร้อนของฟินิกซ์ที่กำลังสัมผัสกับซอกคอของฉันด้วยความรวดเร็ว ริมฝีปากของเขาซุกไซ้ซอกคอของฉันลงไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ฉันขยับตัวหนี ฟินิกซ์ก็จะกระชากข้อมือแกร่งข้างที่ใส่กุญแจมือไว้แรงๆจนตัวฉันต้องขยับเข้าไปใกล้เขาทุกครั้ง “อย่า...” ฉันเผลอหลุดร้องห้ามออกมาทันทีที่ฟินิกซ์ขยับข้อมือแกร่งข้างที่เราใส่กุญแจมือไว้ไปวางตรงเป้ากางเกงของเขาจนนิ้วมือฉันโดนกับบางอย่างที่มันกำลังร้อนผ่าวของเขาแผ่วเบา ฉันกัดฟันเอาไว้อย่างโกรธเคืองทันที เขามันเลวที่สุด! “พูดกับฉันได้แล้วเหรอ” ฉันหันหน้าหนีเขาไปมองผนังห้องอีกฝั่งทันที เม้มริมฝีปากตัวเองเพื่อไม่ให้เผลอพูดอะไรออกมาอีก “…” พรึ่บ! “หึ เธอจะเล่นแบบนี้กับฉันใช่มั้ย” ฉันหันมามองฟินิกซ์ที่ขึ้นมาคร่อมร่างกายฉันไว้อย่างขุ่นเคือง แต่ก็ยังคงนอนนิ่งเงียบแบบเดิม นิ้วเรียวยาวจับปลายคางฉันไว้แน่น เขาใช้นิ้วโป้งลูบไล้ริมฝีปากล่างของฉันไปมา จากนั้นก็กดนิ้วลงมาที่ริมฝีปากของฉันแรงขึ้นจนฉันต้องเผยอริมฝีปากออก ฟินิกซ์แหย่นิ้วเข้ามาในโพรงปากฉันแล้วขยับมันเข้าออกช้า ๆ ฉันสูดหายใจแรง จ้องใบหน้าของเขาด้วยความโกรธ และรังเกลียดสัมผัสนี้ชะมัด!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD