EP.03 ชอบยิ้ม

3247 Words
EP.03 ชอบยิ้ม PEACH TALK ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผมเบื่อมาก ไม่มีอะไรทำนอกจากไปโรงเรียน กลับบ้าน เจอพี่ไทม์กับไอ้น้องเวรมันนั่งออดอ้อนกัน ทำไมพี่ไทม์ต้องมาหามันบ่อย ๆ ตอนที่ผมอยู่บ้านด้วยวะ ผมไม่ชอบที่เขามอบรอยยิ้มอบอุ่นนั่นกับน้ำตาลแค่คนเดียว เฮ้อ แล้วผมจะทำอะไรได้มากไปกว่าการแสร้งทำเป็นเมินเฉยทั้งที่ในใจมีคำถามอยู่มากมาย เข้าใจได้นะว่าพี่ไทม์คงจะไม่ชอบขี้หน้าผมเพราะเมื่อก่อนผมแกล้งน้ำตาลหนักมาก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนนี้ผมเบื่อจะแกล้งมันแรง ๆ แล้ว แต่พี่ไทม์ก็ใช่จะดีกับผมเสียหน่อย ผมในสายตาเขาก็แค่คนอื่น น้องชายที่น่ารักของเขามีคนเดียวเท่านั้นแหละ ทั้งที่ผมก็อยากจะมีพี่ชายแสนดีอย่างนี้บ้า งแต่กลับไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลย ต่อให้ผมไม่ได้รับความใจดีจากพี่เขาอีก ผมก็ยังคงชอบรอยยิ้มของเขาอยู่เหมือนเดิม ทุกครั้งที่เขายิ้มให้คนอื่นผมก็ยังชอบนะ รอยยิ้มที่ผมเคยได้รับมันแค่ครั้งเดียว แต่ตราตรึงใจผมมาตั้งหลายปี ซึ่งตอนนี้มีคนยิ้มให้ผมแทนพี่ไทม์แล้ว ไนน์... คนที่ผมอาจมีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้น... แค่ผมนึกถึงเขาริมฝีปากของผมก็คลี่ยิ้มออกมาเองอย่างห้ามไม่อยู่ ไนน์น่ารัก เขายิ้มเก่ง พูดเก่ง กินเก่ง ขนาดเรารู้จักกันไม่กี่วันกลับรู้สึกราวกับเรารู้จักกันมานาน กล้าพอที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวหลายเรื่องให้ฟังได้แล้วล่ะ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวผมทำไมถึงกล้าเล่าเรื่องครอบครัวให้เขาฟังตั้งแต่เราวิดีโอคอลกันครั้งแรก บอกไว้ตรงนี้เลยว่าแฟนเก่าของผมที่เคยคบมาผมไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังเลย ไม่ว่าจะเรื่องแม่เสีย พ่อมีแฟนใหม่ ผมมีน้องชายที่เป็นลูกติดของแฟนใหม่พ่อ เรื่องอะไรแบบนี้ผมไม่จำเป็นต้องเล่าให้ใครฟังใช่ไหมล่ะ แต่ไนน์น่ะ ผมบอกเขาทันทีที่เขาถามเลย พอพูดถึงไนน์หัวใจผมก็วูบโหวงประหลาด เราไม่ได้คุยกันมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ผมไม่ได้ไปหาไนน์ ไนน์เองก็ไม่ได้ทักทายอะไรผมมาเลย ครั้งสุดท้ายที่คุยกันคือคืนที่เราไปกินหมูกระทะกันมา คืนนั้นไนน์บอกผมว่าเขาต้องสอบ ช่วงสอบเขาจะคร่ำอ่านหนังสือเป็นพิเศษ ไม่มีเวลาคุย ถ้าเขาสอบเสร็จจะทักมาเอง ถือว่าเป็นช่วงเวลาวัดใจได้ไหมนะว่าเขาจะทักมาคุยกับผมต่อไหมหรือจะหยุดอยู่แค่นั้น ทั้งผมและไนน์เราต่างรู้กันว่าระหว่างเรามันมีนัยบางอย่างแฝงอยู่ในความสัมพันธ์ ผมไม่ได้เข้าหาเขาเพื่อคืนกระเป๋าเก็บบัตรแล้วจบ ผมอยากไปต่อ อยากมองรอยยิ้มเขาไปแบบนี้อีกนาน ๆ ผมชอบรอยยิ้มของเขามาก ตอนที่ไนน์ถามผมว่าผมจีบเขาหรือเปล่า ผมไม่รู้จะตอบยังไงเลย สารภาพตรงนี้ว่าไม่เคยจีบใครมาก่อน สิ่งที่ผมพูดหรือทำกับไนน์คือสิ่งที่ผมอยากทำ สบายใจที่จะทำด้วย ถ้าไนน์คิดว่านี่คือการจีบผมว่าเขาอาจคิดถูก แต่มันเพิ่งเริ่ม ผมมีอะไรให้เขาค้นหาอีกมากมาย บางทีคนที่จะตกหลุมรักใครสักคนก่อนอาจเป็นตัวไนน์เองก็ได้ ผมว่าผมก็มีดีอะไรบางอย่างนั่นแหละถึงได้มีคนเข้ามาจีบอยู่บ่อยครั้ง ทุกคนเข้ามาหาผมก่อนทั้งนั้น ผมไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองมีดีอะไร แต่ผมอยากให้ไนน์ได้รู้ว่าตัวผมน่ะมีดี แก่ก เสียงประตูรั้วถูกเปิดออกทำให้ผมละสายตาจากเกมมือถือที่กำลังเล่นแล้วมองออกไป พบกว่าเป็นไอ้น้องเวรของผมเอง วันนี้ทำไมกลับบ้านช้านัก ไม่มีเรียนพิเศษสักหน่อย น้ำตาลเดินลากขาเข้าบ้านอย่างหมดแรง วางกระเป๋านักเรียนไว้บนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวนอนราบลงไป ผมนั่งมองมันจากโซฟาอีกตัวก็คันปากยุบยิบ “สกปรกฉิบหาย ถุงเท้าก็ไม่ถอด มึงไปอาบน้ำอาบท่าไป” “อย่าบ่นได้ไหม เหนื่อย ได้ยินเสียงพี่แล้วผมรำคาญ” “ทำไม มึงเหนื่อยอะไร วิชาเกษตรอาจารย์สั่งให้ไปล้มควายเหรอ” “เปล่า วันนี้ซ้อมรำวันแรก ปวดแขน” “เห็นกลับบ้านช้านึกว่าว่ารถโรงเรียนคว่ำตายห่าไปแล้ว” “ไอ้พี่พีช ปากหมา!!” กับมันผมไม่สามารถพูดดี ๆ ด้วยได้ไม่รู้ทำไม ผมสนุกเวลาได้เถียงกับมัน ไม่เหงาปากดี อย่างน้อยการมีมันก็ทำให้ผมมีอะไรทำ ไม่งั้นผมไม่มานั่งรอมันข้างล่างแบบนี้หรอก ก็... เป็นห่วงมั้ง... เลยมานั่งรอว่าเมื่อไหร่มันจะกลับบ้าน ไอ้ตาลมันเป็นเด็กกิจกรรมนะ เห็นมันแบบนี้มันเข้าชมรมนาฏศิลป์ด้วย ซึ่งก็เข้ากับมันดี นึกภาพมันใส่ชุดไทยไปรำออกงานก็น่าจะเหมาะกับมัน ส่วนผมน่ะเหรอ มีแต่กีฬาที่ชอบอยู่สองอย่างคือเล่นบาสกับเตะบอล กลับบ้านมาไม่มีบอลให้เตะผมก็ไล่เตะไอ้น้องเวรนี่แทน แกล้งหยอกเฉย ๆ แหละ บางวันมันเขี้ยวอยากเตะก็เตะ มันเป็นที่รองมือรองเท้าชั้นดีให้ผมเลย รู้นะว่าผมนิสัยไม่ดีน่ะ แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่ผมจะเข้าถึงมันได้ หลังจากนั้นไม่นานน้ำตาลก็เดินขึ้นห้องนอน ผมเล่นเกมจบตานั้นก็ขึ้นไปอยู่บนห้องเหมือนกันเพราะนึกได้ว่าผมมียาทาคลายกล้ามเนื้อ รอบก่อนผมเล่นบาสแล้วปวดแขนเลยซื้อมาเก็บไว้ใช้ วันนี้จะแบ่งให้ไอ้ตาลสักหน่อยแล้วกันเห็นมันนอนนวดแขนตัวเองเหมือนแขนจะหลุด ไม่ได้ห่วงอะไรเท่าไหร่หรอก ถือว่าทำบุญทำทานให้หมาให้แมวเฉย ๆ น่ะ ขณะที่ผมถือยาไว้ในมือแล้วจะเดินเอาเข้าไปให้มันที่ห้อง ผมกลับได้ยินเสียงเจ้าของห้องดังแว่วออกมาพอดี น้ำเสียงที่มันเลือกใช้แค่กับคนพิเศษของมัน “พี่ไทม์ค้าบบบ วันนี้หนูซ้อมรำวันแรกเมื่อยแขนมากเลยครับ ต่อท่าได้ครึ่งเพลงเอง ฮือ” [โอ๋ ๆ คนเก่งของพี่เหนื่อยแย่เลยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปหาดีไหม เลิกเรียนแล้วพาไปกินของอร่อย ๆ หนูจะได้หายเหนื่อย] “จริงน้า ได้เลยครับ หนูจะรอน้า” เปิดลำโพงคุยกันดังขนาดนี้ต่อให้ผมไม่ตั้งใจฟังก็ยังได้ยิน ผมไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ ที่รู้คือผมทนฟังเวลาสองคนนี้คุยกันไม่ได้เลย มันจะอ้วก สาบานตรงนี้ว่าตอนผมคุยกับบรรดาแฟนเก่ายังไม่หวานเท่าพี่น้องคู่นี้คุยกันเลย แล้วทุกครั้งที่ผมได้ยินมันก็อดคิดไม่ได้ ว่าถ้าตรงนั้นไม่ใช่น้ำตาลแต่เป็นผมล่ะ พี่ไทม์จะมีสักเสี้ยววินาทีที่คุยกับผมด้วยถ้อยคำน่ารักแบบนั้นไหม? เฮ้อ หมดอารมณ์แล้วว่ะ ผมว่าน้ำตาลคงไม่ต้องการยาทาคลายกล้ามเนื้อของผมแล้วล่ะ คิดว่าแค่ได้ยินเสียงพี่ไทม์มันคงหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง สุดท้ายผมก็เดินคอตกเข้าห้อง เก็บยาไว้ที่เดิมราวกับเมื่อครู่ไม่ได้รื้อค้นเพื่อจะนำไปให้ใคร ผมน่ะถ้าได้สู้กับน้ำตาลไม่ว่าจะการต่อปากต่อคำหรือการใช้กำลัง ยังไงผมก็ชนะ แต่เมื่อไหร่ที่มีพี่ไทม์เข้ามาผมแพ้หมดท่าว่ะ กับคนนี้ผมไม่สู้ แล้วผมอิจฉาน้ำตาลด้วยที่ได้รับความใจดีจากพี่ไทม์มานานขนาดนี้ อิจฉาทุกครั้งที่เขาใกล้กัน จนบางครั้งผมก็ถามตัวเองว่าสรุปแล้วผมชอบรอยยิ้มพี่ไทม์หรือผมชอบพี่ไทม์กันแน่วะเนี่ย ครืดดดด โทรศัพท์มือถือของผมสั่นผมจึงล้วงมันจากกระเป๋ากางเกงอย่างหงุดหงิด ทว่าเพียงแค่เห็นชื่อคนที่โทรมาก็ทำให้ผมทั้งดีใจและตกใจไปพร้อมกัน >> No.9 << หึ ไอ้ห้องข้าง ๆ ผมมันคุยออเซาะกันแค่ไหนก็ช่างหัวมัน ผมเองก็มีคนให้ผมออเซาะเช่นกัน “ไนน์ สอบเสร็จแล้วเหรอ?” [เราสอบเสร็จแล้วววววว โคตรโล่งอกเลย เรานะอ่านหนังสือหนักมากแล้วก็ทำข้อสอบได้ด้วย มีไม่มั่นใจไม่กี่ข้อ คิดว่ารอบนี้ยังไงก็คะแนนติดท็อป] ไนน์ยังคงร่าเริงเหมือนเดิม ยิ้มเก่ง พูดเก่ง น่ารักเก่ง... “นึกว่าจะไม่โทรมาหาเราแล้ว” [ก็พีชบอกว่าสอบเสร็จให้โทรหา พีชจะรอ ว่าแต่พีชอารมณ์ไม่ดีเหรอทำไมคิ้วขมวดแบบนั้น มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?] ดูออกเลยเหรอว่าผมกำลังหงุดหงิด ถึงไนน์ถามผมก็ไม่บอกความจริงไปหรอกว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรอยู่ “ได้คุยกับไนน์อารมณ์ก็ดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรหรอก” [ทะเลาะกับน้องอีกหรือเปล่า ใจเย็น ๆ น้า] ไนน์ยังอุตส่าห์รู้อีกว่าผมชอบหงุดหงิดเรื่องของน้ำตาล นี่ผมเล่าเรื่องส่วนตัวให้เขาฟังไปมากแค่ไหนวะเนี่ย “ยิ้มหวานให้เราหน่อย ไม่ได้เห็นหลายวันแล้ว” ยังพูดไม่ทันจบประโยคไนน์ก็คลี่ยิ้มหวานให้ผมทันที ยังคงเป็นยิ้มที่สดใสเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย แต่คราวนี้ยิ้มจนตาหยี ยิ้มจนลักยิ้มขึ้น ผมอดที่จะแกล้งเขาไม่ได้ด้วยการบอกว่าอย่าเพิ่งหุบยิ้มนะ ยิ้มอีก ยิ้มกว้างอีกนิด จนเวลาผ่านไปนับนาทีที่ไนน์เกร็งหน้าอยู่แบบนั้น ผมแอบแคปหน้าจอไว้ตั้งหลายรูปแน่ะ [พอแล้ว เมื่อยแก้ม ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เรายิ้มก็ทำให้พีชยิ้มตามได้แล้วอะ นี่พีชชอบรอยยิ้มเราจริง ๆ เหรอ เราว่าตอนเรายิ้มหน้าเราจืดออก เฉิ่มด้วย] “ชอบ น่ารักออก” ผมก็บอกไปตามความรู้สึกว่าแต่มันกลับมีบรรยากาศบางอย่างก่อตัวขึ้น ผมหลบตาเขา ไม่สามารถมองหน้าไนน์ผ่านการวิดีโอคอลได้เลย แค่พลั้งปากพูดคำว่า ‘ชอบ’ ออกไปแต่ทำให้ผมเคอะเขินจนมือไม้อยู่ไม่สุข [พีชเป็นคนแรกเลยนะที่บอกว่าชอบรอยยิ้มเรา ประทับใจจัง] “ก็ไนน์ยิ้มน่ารัก” [ฮืออออ เลิกชมได้แล้ว เราเขินนนนนนน] สาบานให้ฟ้าผ่าตายเลยนะ ผมไม่เคยชมใครน่ารักมาก่อนในชีวิต แฟนคนไหนที่เคยคบมาก็ไม่เคยชมแบบที่ในใจคิดตามที่พูดจริง ๆ น่ะ ไนน์เป็นคนแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าเขายิ้มน่ารักแล้วชมออกมาจากใจจริง แต่พูดก็พูดเถอะ ผมก็เขินว่ะ! มีแฟนมาตั้งกี่คน ทำไมพอเป็นคนนี้ถึงเพิ่งประหม่าวะ ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ “พรุ่งนี้ไนน์ไปไหนไหม?” [พรุ่งนี้หยุด หยุดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันจันทร์เรียนบ่ายโมง ว่างทุกวันเลยถ้าพีชจะชวนเราไปไหนเราไปได้หมด เราใจง่าย ฮ่า ๆ] “อยากเจอเราเหรอ?” [ก็... อยากมีเด็กพาไปเที่ยว แต่ถ้าเด็กไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ] “ไม่ชอบให้เรียกว่าเด็กอะ ม.5 ก็ไม่เด็กแล้วปะ เรามีประสบการณ์มากกว่าไนน์อีกจะบอกให้” [ก็พีชเด็กกว่าเราตั้ง 3 ปี แล้วอะไรที่ว่าประสบการณ์เยอะกว่า เราโตกว่าเราต้องเรียนรู้อะไรได้มากกว่าพีชสิ] “อย่างน้อยเราก็มีแฟนมาเยอะกว่าไนน์นะ” [มีเยอะกว่าแล้วยังไง สุดท้ายพีชก็คบกันไม่รอดสักคนไม่ใช่เหรอ ไม่อยากลองเปลี่ยนมาคบคนโตกว่าบ้างหรือไง] “ว่าไงนะ?” [แบร่ ๆ ไม่พูดซ้ำหรอก!] ฮึ่มมม...ผมนี่มันเขี้ยวความทะเล้นของไนน์มาก ถ้าอยู่ใกล้ ๆ จะบีบให้แก้มช้ำเลย ไนน์ไม่เหมือนคนที่โตกว่าผมสามปีเลยจะบอกให้ เขามีความเป็นเด็ก มีความใสซื่อบางอย่างที่ผมเองก็มองว่าเขาซื่อบื้ออยู่เหมือนกัน ผมชอบช่วงเวลาที่เราได้คุยกันแบบนี้จัง ชอบมองเขายิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจไม่เสแสร้งเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขายิ้มออกมาเองหรือตอนที่ผมขอให้เขายิ้ม ผมก็ได้รับรอยยิ้มที่จริงใจกลับมาทุกครั้ง อย่างน้อยความสดใสของไนน์ก็มาลบล้างเรื่องน่าหงุดหงิดที่ผมเจอเมื่อครู่ไปได้จนหมด ไอ้ตาลยิ้มหยอกเย้ากับพี่ไทม์ได้ ผมก็ทำได้เหมือนกัน มันมีรอยยิ้มพี่ชายที่แสนดี ผมก็มีรอยยิ้มแบบที่ผมชอบมาคอยส่งยิ้มให้ ดีจังเลยเนอะ เวลาได้คุยกับใครสักคนแล้วรู้สึกสบายใจ มีคนให้โทรหา คอยถามสารทุกข์สุกดิบกันทุกวัน “พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วจะไปหา ไนน์จะอยู่หอหรืออยู่บ้านล่ะ” [อยู่หอนี่แหละ พีชจะมาหาเหรอ งั้นพรุ่งนี้อยากกินอะไรเดี๋ยวเราพาไปกิน แถวนี้ของกินอร่อยเยอะเลยนะ] “ไนน์ทำกับข้าวเป็นไหม?” [ทำได้เป็นบางอย่างนะ เมนูผัดกับทอดอะทำได้อยู่ แต่ถ้าเมนูต้มเราทำไม่ได้เลย พีชถามทำไมเหรอ?] น่าจะเอะใจตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าผมถามทำไมน่ะ เฮ้อ ซื่อบื้อจัง หลอกถามอะไรก็บอกหมด ไม่ระวังตัวเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อมันเข้าทางผมพอดี “พรุ่งนี้ทำให้กินหน่อยได้ไหม อะไรก็ได้” [จะให้เราทำไปให้พีชที่ไหน โรงเรียนเหรอ? หรือห่อกลับบ้าน?] “จะขึ้นไปกินบนห้อง” [เห้ย บ้า พีชจะขึ้นมาบนห้องเราทำไม] “ไม่ได้จะทำอะไรไม่ดี แค่อยากกินข้าวด้วย” [เราไปกินร้านข้างนอกก็ได้นี่ ห้องไม่ได้จัดอะ ขี้เกียจ] “นะค้าบบบบ ไนน์ให้พีชขึ้นไปกินข้าวด้วยคนน้า นะ ๆ ๆ” ตลกตัวเองชะมัดที่จู่ ๆ ต้องมาอ้อนคนอื่นแบบนี้ ผมไม่เคยทำเลยนะ แต่สัญชาตญาณมันบอกผมว่าถ้าผมอ้อนเขา เขาจะยอม แล้วผมไม่ได้หวังจะทำอะไรไม่ดีกับเขาบนห้องสักหน่อย แค่อยากรู้จักไนน์ให้มากขึ้นกว่านี้ อยากรู้ว่าเขาใช้ชีวิตยังไง ความเป็นอยู่เป็นแบบไหน [พีชจะไม่ทำอะไรเราใช่ไหม?] “ถ้าไม่แฟน ไม่ทำ” [รู้เหรอหมายถึงอะไร?] “รู้ดิ ไนน์กลัวโดนเราปล้ำใช่ไหมล่ะ” [แสนรู้จริง ๆ แต่ก็นั่นแหละ พูดดักไว้ก่อน เห็นเราผอมแบบนี้เราแรงเยอะนะ ขืนแรงคนตัวใหญ่กว่าพีชเราก็ทำมาแล้ว] ผมฟังแล้วถึงกับต้องขมวดคิ้ว หมายถึงยังไงนะ จะใช่สิ่งที่ผมคิดหรือเปล่า แบบว่าเคยมีใครจะปล้ำไนน์แล้วเขาขืนแรงสู้เอาตัวรอดมาได้อย่างนี้หรือเปล่า? “ใคร? มันทำไม่ดีกับไนน์เหรอ?” [อือ คนคุยเก่า เราโดนเหวี่ยงขึ้นเตียงแบบไม่เต็มใจ แต่เราก็ดิ้นสู้จนหนีออกมาได้ ถ้าเราไม่เรียนมวยมาตอนเด็กเราอาจจะไม่รอดก็ได้ ป่านนี้มันได้เราไปแล้ว] “แล้วถ้ากับเราไม่เป็นแบบนั้นล่ะ สมมติว่าเราได้ไนน์แบบที่ไนน์เต็มใจ ไนน์จะว่าไง?” [พีชชชช ไม่เอาไม่พูดแบบนี้สิ ถ้าพีชทำแบบที่เราไม่เต็มใจเราคงผิดหวังมากเลยนะ] ดูแววตาของไนน์ตอนนี้สิ อย่างกับเด็กสามขวบกำลังอ้อนวอนไม่ให้พรากของรักไป ดีใจนะที่ไนน์ไว้ใจผมมากพอที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวแบบนั้นออกมาได้ แล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้กับความรักนวลสงวนตัวของเขา ซึ่งผมเข้าใจเรื่องแบบนั้นดีว่ามันควรเกิดขึ้นในขณะที่เต็มใจกันทั้งสองฝ่าย ผมเองก็... ไม่เคยมีเซ็กส์กับใครหรอกครับ ทำปากเก่งไปอย่างนั้นแหละ กลัวไนน์ว่าผมเด็กอีกอะ “ที่กลัวผิดหวังเพราะคาดหวังกับเราไว้สูงเลยเหรอ? ดีใจนะเนี่ย แต่คิดถูกแล้ว เราไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” [เราดูสนิทกันเร็วเนอะ ถ้ามันไปได้ต่อก็คงดี] “คิดเหมือนกัน ถ้าได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มของไนน์จริง ๆ คงดี” [แล้วตกลงพีชจีบเราปะ?] “ถ้าจีบตอนนี้จะติดปะล่ะ?” [อืม... ตอบไม่ได้ ลองจีบมาก่อนดิ] “ถ้าลงทุนแล้วไม่คุ้มเราไม่ลงหรอกนะ” [เราจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ปะ พีชเพิ่งม.5 เอง เราอยู่ปี 2 แล้ว กลัวติดคุก ฮ่า ๆ] “ไม่ต้องกลัว เราจะก้าวออกจากคุกไปหาไนน์เอง” พอผมพูดจบไนน์ก็ส่งยิ้มหวานกลับมาแบบที่น่ารักมาก มากจนผมนั่งไม่ติด ผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาคงประทับใจที่ผมพูดอะไรแบบนี้ออกไป ผมได้แสดงความชัดเจนไประดับหนึ่งแล้วนะว่าผมกำลังจะเข้าหาเขามากกว่านี้ ท่าทีของไนน์ที่ตอบโต้มาคือเขาเองก็ยินดีที่จะให้ผมเข้าไปในพื้นที่ของเขา พูดอีกแบบคือผมจีบเขาได้ เขายอมให้ผมจีบแล้ว... เราคุยกันต่ออีกพักหนึ่งพ่อกับน้าเตยก็กลับบ้านมาพอดี เมื่อถึงเวลากินข้าวผมจึงต้องวางสายจากไนน์ก่อน ทว่าหลังจากนั้นไม่ถึงนาทีไนน์ก็ส่งรูปตอนเขายิ้มหวานมาให้ผม แถมยกมือขึ้นบีบแก้มตัวเองด้วยข้างหนึ่ง น่ารักมากอีกแล้ว รอยยิ้มหวานแบบที่ผมชอบ ยิ่งรู้จักไนน์ยิ่งรู้สึกว่าเขายิ้มหวานขึ้นทุกวัน มันหวานชนิดที่ว่าผมสามารถตักข้าวเปล่ามานั่งกินพร้อมกับมองรูปเขายิ้มไปด้วยได้เลยอะ มันมีรสชาติทางจิตใจ งงไหม แบบมองแล้วหัวใจพองโต รสชาติในปากมันหวานขึ้นมาเองอย่างบอกไม่ถูก จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าผมได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มของเขาขึ้นมาจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD