หลังกินข้าวเสร็จ ยังไม่ทันได้ตั้งวงสนทนาเล่าถึงเหตุการณ์ที่สองพ่อลูกไปเจอะเจอมาให้บัวผันฟังอย่างละเอียด เกี่ยวกับชายหนุ่มรูปงามนามว่าคูดัส ซึ่งเจ้าตัวเอง ก็ยังจำตัวเองไม่ได้ เสียงเรียกของใครคนหนึ่งกลับดังขึ้นมาเสียก่อน
" ลุง! ลุงบันลืออยู่ไหม "
"เออ อยู่ๆ "
แน่นอนเจ้าของชื่อ รีบตอบรับทันควัน และลุกเดินไปก่อนแล้ว ทั้งที่ยังไม่รู้เลยเป็นเสียงของใคร
" มีอะไรวะ "
ก่อนจะเอ่ยถาม เมื่อเห็นเป็นขุนเขา ลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน มีพี่ชายเป็นอันธพาล นักแรงหัวไม้ประจำเกาะ ที่ใครๆ ต่างรู้จักกันดี ต่อวีรกรรมที่เขานั้นสร้างขึ้น โดยเฉพาะผกามาศ ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามาใกล้ หากรู้ว่าเขานั้นกำลังติดพันเธออยู่
" พ่อให้มาตามลุงไปพบน่ะ "
" ตามข้า? ป่านนี้เนี่ยนะ มีเรื่องอะไรด่วนเรอะ "
" ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันเห็นมีฝรั่งมาแต่ไหนไม่รู้ เต็มบ้านเลย "
" หืม? "
" ลุงรีบมากับฉันเถอะ พวกนั้นต้องการจะเจอลุง "
" อ้าว ไปกันใหญ่แล้ว เจอข้าทำไมวะ "
เสียงถามสลับกันระหว่างคนสองคน ถูกลมพัดผ่านช่องประตูที่ไม่มีอะไรกั้นมากมายนัก เว้นแต่ผนังไม้ราคาถูก พอจะแบ่งสัดส่วนให้รู้ว่าไหนคือห้องนอนไหนคือห้องครัวก็เท่านั้น มาปะทะหูของปะการังที่นั่งเอนหลังอ่านหนังสือ แน่นอนเธอหันขวับไปมองคูดัสทันที โดยสัญชาตญาณ ในขณะเขานั่งเอนหลังพิงผนังไม้ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งและเหม่อลอยไปทางอื่น ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่นัก นั้นทำให้หญิงสาวถอนหายใจพรืด วางหนังสือไว้ที่เดิม ลุกไปหาบันลืออย่างเงียบเชียบ
" พ่อก็ไปสักทีเถอะ มัวแต่ถามอยู่นั่นแหละ ถ้าพ่อไม่ไปฉันจะไปเองนะ "
" ข้าก็แค่ถาม อยู่ดีๆมีคนต้องการเจอตัวข้า เป็นใครๆก็งงละวะ "
" จะงงไปทำไม ในเมื่อฝรั่งที่ว่าอยู่นี่อีกคนนึง เขาคงจะมาเพราะเรื่องนี้แหละ "
ร่างบางเม้มปากแน่นเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ พร้อมเท้าสะเอว ก่อนจะเถียงบันลือฉอดๆ สลับกับมองลงไปยังขุนเขา ที่ตอนนี้กำลังยิ้มเจื่อน รู้สึกร้อนๆหนาวๆ แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมีพรายมากระซิบข้างหู หากพ่อลูกคู่นี้ยังเถียงกันไม่หยุด อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา
" ถ้ามันเรียกข้าไปฆ่าเล่านังปะกา เอ็งจะทำยังไง "
และจริงๆด้วย หลังจบประโยคนี้ของผู้เป็นพ่อ เธอก็เดินดุ่มๆหายเข้าไปในบ้านทันที แต่เพียงอึดใจเดียว ก่อนจะออกมาพร้อมกับปืนลูกซอง ซึ่งชี้ปลายกระบอกมาทางเขา
"โอเค ปะกาตายแทนพ่อเอง ปะ ไอ้ขุน! "
" เฮ้ยยยย! พี่ปะกา! " แน่นอนความตกใจที่มีสั่งให้เขาหมอบลง และโวยวาย " อย่าหันปืนมาทางนี้เซ่!! "
ที่มาพร้อมกับเสียงเจ้าของปืน
"เดี๋ยว! หยุดเลย หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง ผู้ใหญ่เขาเรียกข้านี่ "
" ก็พ่อลีลาอ่ะ ถ้ากลัวนัก ก็นี่ไง..ปืน มีไว้ทำไม เอาไปด้วยซี่! "
" เอ็งจะบ้าเรอะ ให้ข้าถือปืนกลางค่ำกลางคืน? "
ซึ่งนั่นพานทำให้บัวผันที่กำลังแช่ข้าวอยู่ในครัวเลี่ยงไม่ได้ที่จะเดินออกมาดู จำต้องทิ้งข้าวเอาไว้
ตามมาด้วยคูดัส ถึงขณะหลุดจากภวังค์
" อะไรกันเนี่ยคู่นี้ แล้วนั่น ปืนผาหน้าไม้เอามาเล่นทำไม "
" ไม่ได้เอามาเล่นแม่ ฉันเอามาให้พ่อ ผู้ใหญ่เรียกหาพ่อจ๊ะ แต่พ่อบอกว่ากลัวจะถูกผู้ใหญ่หลอกไปฆ่า ปะกาก็เลยเอามันมาให้พ่อ เผื่อจะเอาไว้ยิงผู้ใหญ่ "
จบประโยคนี้ คนที่สะดุ้งโหยงคงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากลูกของเขา ที่ค่อยๆลุกขึ้นยืน โผล่หัวพ้นจากชานระเบียงขึ้นมาให้คนมาใหม่ได้เห็น
" พี่ปะกาจะฆ่าพ่อฉันเหรอจ๊ะ "
" ฆ่าเอ็งด้วยไอ้ขุน! ข้อหาพูดไม่รู้เรื่อง ทำให้พ่อฉันกลัว ยิ่งขี้ขลาดตาขาวอยู่"
" นังปะกา..."
" พอเลย พอด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ "
รอจนกระทั่งคนมาใหม่ต้องห้ามทัพ ทั้งคู่จึงจะเงียบลง ก่อนหล่อนจะถอดหายใจพรืด และส่ายหน้าเอือมระอา หันไปทางคนป่วย
" มาตามใคร ขุนเขาพูดอีกทีสิ ป้าได้ยินว่ามีฝรั่งมาเต็มบ้าน สรุปตามพี่เขา หรือตามผัวป้า"
" ผัวป้านั่นแหละจ๊ะ "
พลางหันมาทางตาบันลือ เมื่อได้คำตอบที่ชัดเจน
" ก็แล้วทำไมไม่ไปล่ะพี่ " และหันไปทางปะกา " เราก็เหมือนกัน เป็นสุภาพสตรีบ้างจะได้มั้ย อะไรนิดอะไรหน่อยก็โวยวาย เสียงดังจนเขาคิดว่าแม่มีลูกผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงกันทั้งเกาะแล้ว "
" ถ้าอย่างนั้น แม่บัวผันกับลูกก็นอนไปก่อนละกัน ข้าจะไปหาผู้ใหญ่กับไอ้ขุนมัน กลับดึกยังไงข้าก็ไม่รู้ ปะกาก็ลงกลอนเลยไม่ต้องรอ เดี๋ยวข้ามาข้าจะเรียกเอง ส่วนเอ็งมากับข้า เอ็งต้องไปด้วย! "
ตาบันลือตัดบท ก่อนประโยคหลังกวักมือเรียกคูดัส ที่ยืนงง ให้เดินไปกับเขาด้วย
" ไปเถอะ เดินระวังๆ กันด้วยล่ะ เผื่อมีตะขาบ มีงู ตรงทางเดิน มันมืดแล้ว "
" จ๊ะป้า "
บัวผันพูดทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะชะงักกึก เมื่อจังหวะที่หันกลับมามองหน้าลูกสาว กลับพบสายตาที่เป็นห่วงยิ่งกว่า กำลังทอดยาวไปยังแผ่นหลังของคนทั้งสามคน ทว่าด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ หล่อนย่อมรู้ดี ลูกสาวที่เลี้ยงมากับมือ กำลังคิดอะไร และมีความกังวลอยู่กับเรื่องใดมากที่สุด สิ่งเดียวที่ทำให้เธอแกล้งโวยวาย ตะโกนบ้านแทบแตกจนพ่อเธอต้องยอมไปนั้น คงจะมีเหตุผลเดียว นั่นก็คือเธอห่วงความรู้สึกของคนป่วย
" ไป ปะกา เข้าบ้านกันเถอะเรา "
ฉะนั้น.. เพราะความรักที่มีมากมายต่อลูก เมื่อเห็นแบบนี้หล่อนจึงเลือกที่จะเงียบ แสร้งทำเป็นไม่รู้จะดีกว่า ไม่อยากให้ลูกต้องมาเสียใจภายหลัง
สำหรับหล่อน ผกามาศเปรียบเสมือนเชือกเส้นหนึ่ง ดูแข็งนอกแต่เปราะใน ยังไม่ผ่านการใช้งาน เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ หากจะใช้ ก็ควรใช้ทำอย่างอื่น ที่ไม่ใช่การรัดกันเองจนกลายเป็นเงื่อน และแก้ออกไม่ได้
ใช่! สัญชาตญาณของความเป็นแม่ หล่อนดูออก เบื้องหลังของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา!
ช่วงเวลาใกล้รุ่งของคืนเดียวกัน เสียงตะกุกตะกักนอกห้องทำให้ปะกาตื่น สัญชาตญาณบอกให้รู้ทันทีว่านั้นคือเสียงเท้าของพ่อ และเสียงอู้อี้เป็นเสียงคนกำลังคุยกัน ในรูปแบบของการกระซิบ
เธอค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น คลานเข่ามายังประตูบานไม้ก่อนจะเอาหน้าแนบ
" พวกนั้นน่ะหรือ ฝากเอาไว้กับเรา เพื่ออะไร? "
" เขาไม่บอก แต่เอาเงินเป็นปึกๆ มาให้ผู้ใหญ่ บอกว่าเป็นค่าจ้าง แล้วขอให้เก็บเป็นความลับ จนกว่าจะกลับมารับตัวไป"
" เงิน?! "
" ชู่ว! เบาหน่อยแม่บัว เดี๋ยวลูกก็ตื่นเอาหรอก "
บทสนทนานั้นทำปะกาจับต้นชนปลายไม่ถูก และคิดจะล้มเลิกที่จะฟัง หากไม่ได้ยินประโยคนี้ ที่มีคำว่าเงินเสียก่อน
เธอขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งเหยิง ความอยากรู้ยิ่งทำให้เธอแนบหน้าเข้าไปอีก คราวนี้ชิดผนัง มากกว่านี้คงได้กลายเป็นเนื้อเดียวกันแน่แท้
" ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จะเอามาฝากไว้ทำไม รู้แล้วว่าอยู่ที่นี่ ก็เอากลับไปสิ "
" พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันแม่บัว คนพวกนั้นเหมือนคนธรรมดาซะที่ไหน ใครจะกล้าถาม นี่ถ้าไม่ได้หมอเกียรติมาช่วยแปลล่ะก็ คงแย่ "
" หมอก็รู้เรื่องนี้ด้วยรึ "
"ก็ต้องรู้ซี... พวกมันไม่ใช่คนไทยนี่นา "
" ถ้างั้น...ระหว่างนี้ ฝรั่งคนนั้นจะไปอยู่ที่ไหน อย่าบอกนะว่าจะให้อยู่ที่นี่ ไม่ได้นะ เราช่วยเท่าที่เราช่วยได้นะพี่"
" เออ รู้น่า จะให้อยู่ช่วยงานผู้ใหญ่ เขาเองก็มีลูกสาว คงไม่กล้าเอาไว้หรอก แถมภูผาเหมือนจะไม่ถูกกับพ่อหนุ่มคนนี้ซะด้วย ตอนพาไปนะ ตางี้จ้องกันเขม็ง ไม่รู้ไปมีเรื่องกันมาตั้งแต่ตอนไหน "
" งั้นพี่จะให้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ"
" คืนนี้ให้นอนกับข้าก่อนได้ไหมล่ะ ส่วนแม่บัวก็ไปนอนกับนางปะกามัน ไว้พรุ่งนี้จะบอกผู้ใหญ่สั่งคนไปทำบ้านให้มัน อยู่ท้ายหมู่บ้านโน้นแหละ "
" จะทำอะไรก็ทำ อย่าหาว่าฉันใจดำอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ ฉันน่ะชักจะกลัวพ่อหนุ่มคนนี้ซะแล้ว กลัวเขาจะเอาภัยมาให้ลูกสาวเรา "
" คิดมากน่า เขาความจำเสื่อมอยู่นา หมอเกียรติยืนยัน "
" ไม่รู้ล่ะ ฉันก็ต้องคิดไปก่อนแหละ ฉันมีลูกสาวคนเดียว สักเต็มหลังซะขนาดนั้น ไหนจะแผลเป็นเหมือนรอยฟันรอยแทงมาอีก ก่อนความจำเสื่อมเขาอาจเป็นคนไม่ดีก็ได้ ดูจากเงินเป็นฟ่อนๆ รวยขนาดนั้นค้ายารึเปล่ายังไม่รู้ "
" เอาน่า แยกย้ายไปนอนกันก่อนเถอะ นังปะกาตื่นจะยุ่ง เดี๋ยวก็มาถามโน่นถามนี่อีก "
มาถึงตอนนี้ ผกามาศที่แอบฟังอยู่ถึงกับใจห่อเหี่ยวเลยทันที ไม่รู้เป็นเพราะเหตุผลอะไร ที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงแทบจะออกมานอกเบ้าแบบนี้
อีกใจนึงเสมือนดีใจที่เขายังอยู่
แต่อีกใจ ก็เริ่มจะสงสัย
"เงินงั้นหรือ? นายเป็นใครกันแน่น่ะ นายตาสีฟ้า "