“ขอโทษมาเรียซะ แซนดี้...ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับเธอ” เสียงทุ้มของโรฮานกดต่ำเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขายืนเคียงข้างมาเรียราวกับอัศวินพิทักษ์ และนั่นทำให้เลือดในกายแซนดี้เดือดพล่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แซนดี้ยกคางขึ้น สูดลมหายใจลึก ก่อนจะยืนจังก้าต่อหน้าคนทั้งงาน โดยไม่สนสายตาตื่นตะลึงรอบด้าน
'เอาสิวะ! ในเมื่อฉันมีโอกาสเปลี่ยนเรื่องแล้ว...ฉันจะไม่ยอมเดินตามบทห่วยๆ เดิมอีกต่อไป!' เธอจ้องตาโรฮานด้วยแววท้าทาย เสียงหวานแต่เปี่ยมไปด้วยไฟโทสะดังออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“นายจะให้ฉันขอโทษอะไรไม่ทราบ! คนที่ต้องขอโทษคือ นาย ต่างหาก...โรฮาน!”
เสียงฮือฮาแตกกระจายไปทั่วห้องโถง แขกทุกคนถึงกับตะลึงกับคำพูดบ้าบิ่นของหญิงสาวที่ใครๆ ต่างตราหน้าว่าเป็นนางร้าย
โรฮานนิ่งไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ดวงตาคมเข้มจะวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ
“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ!” เสียงคำรามต่ำสะท้อนก้อง ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมแรงกดดันที่แทบทำให้ผู้คนรอบๆ หยุดหายใจ แต่แทนที่แซนดี้จะถอยหนี...เธอกลับยิ้มเย้ยออกมาอย่างท้าทาย
“ฉันที่เป็นคู่หมั้น! กับนางนั่นที่เป็นแค่ลูกน้องของนาย! ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันสำคัญของตระกูล แต่สิ่งที่นายเลือกทำคือควงผู้หญิงคนนั้นเข้างานอย่างภาคภูมิใจงั้นเหรอ! แล้วฉันล่ะ? ฉันที่เป็น คู่หมั้น ของนาย ทำไมถึงไม่ได้เป็นคู่ควงของนายห๊ะ โรฮาน!” เสียงหวานแต่สั่นสะเทือนทั้งห้องโถง ราวกับสายฟ้าฟาดกลางงานเลี้ยงหรู แขกเหรื่อพากันแตกตื่น ซุบซิบกันระงมด้วยความตื่นตกใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าแซนดี้จะกล้าโวยวายขนาดนี้
“ใช่! ฉันตบหน้ามาเรียก็เพราะว่าฉัน อิจฉาไง! ฉันอิจฉาที่ผู้หญิงคนนั้นได้ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของฉัน!”
คำสารภาพดังชัดถ้อยชัดคำ ร่างเล็กยืนจังก้าท้าทายท่ามกลางความเงียบงันที่กดดันจนหูอื้อ
โรฮานชะงักไปเสี้ยววินาที เขาไม่เคยเห็นแซนดี้ในแบบนี้มาก่อน ดื้อดึง ก้าวร้าว และบ้าบิ่นจนแทบจะระเบิดงานทั้งงาน ริมฝีปากหยักแค่นหัวเราะเย็นชา
“เหอะ เธอนี่มัน...”
“มันอะไรมันอะไร พูดมาดิวะ!” แซนดี้ตะโกนสวนกลับทันควัน ก้าวพรวดเข้าหาเหมือนพร้อมจะกระโจนใส่เขาเต็มแรง หากไม่ใช่เพราะบอดี้การ์ดของโรฮานเข้ามาขวางไว้ทัน
สายตาของทั้งสองประสานกันราวกับจะฆ่าอีกฝ่ายด้วยแววตาเพียงอย่างเดียว
โรฮานยกมือขึ้นปรามลูกน้อง เสียงเข้มเย็นเฉียบสั่งการสั้นๆ “ออกไป”
บอดี้การ์ดทุกคนถอยห่าง ทิ้งให้เหลือเพียงเขาและหญิงสาวตรงหน้าในวงล้อมสายตาทุกคน
ร่างสูงก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า แต่อำนาจจากก้าวเท้าแต่ละครั้งกลับกดดันจนคนรอบข้างกลั้นหายใจ เขายกมือหนาบีบแก้มเธอแรงจนแซนดี้เจ็บแปลบ
“อย่าให้มันมากนักนะแซนดี้!” เสียงคำรามต่ำลอดไรฟัน แววตาคมดุดันไร้เมตตาจ้องทะลุเข้ามามีเพียงความโกรธ ความเกลียดชัง ไร้ซึ่งความรักแม้แต่น้อย
แซนดี้กัดฟันแน่น สบตาเขาอย่างไม่ยอมแพ้ หัวใจเธอเต้นแรง ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะไฟในอกกำลังลุกโชน
'ผู้ชายที่เกลียดฉันขนาดนี้...แล้วฉันจะทนอยู่กับเขาไปเพื่ออะไร?'
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว และมันก็ตรงกับคำที่เธอเคยบ่นไว้ก่อนจะถูกดึงเข้ามาในโลกนี้ “หากฉันได้เป็นแซนดี้…สิ่งแรกที่ฉันจะทำคือถอนหมั้นกับพระเอกโง่ๆ อย่างโรฮาน!”
และในวินาทีนั้นเอง...ริมฝีปากของเธอก็พร้อมจะเอื้อนเอ่ยคำที่จะเปลี่ยนชะตาของเรื่องนี้ไปตลอดกาล
“ฉันเบื่อจะรักนายแล้ว โรฮาน! ฉันไม่อยากรักผู้ชายที่นอกใจคู่หมั้นของตัวเองอย่างนายอีกต่อไปแล้ว!” เสียงหวานกังวานสะท้อนก้องไปทั่วห้องโถง ความเงียบงันเข้าปกคลุมทันที แขกทุกคนที่อยู่ในงานต่างชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อว่าคำพูดบ้าบิ่นนั้นจะออกมาจากปากหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็น คู่หมั้นผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเวลซิน
โรฮานยืนนิ่ง ดวงตาคมเข้มวาวโรจน์ด้วยเพลิงโทสะที่แทบจะพุ่งออกมาเผาเธอให้มอดไหม้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ
แซนดี้ยกยิ้มเย็น พลันใช้สองมือดันอกแกร่งของเขาจนถอยไปก้าวหนึ่ง สายตาของเธอเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับเปลวเพลิงที่ไม่คิดจะยอมมอดดับ
“เพราะฉะนั้น...” ริมฝีปากอิ่มเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำเอาเลือดในกายของใครหลายคนแทบหยุดไหล
“เราถอนหมั้นกันเถอะ! ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย!”
ว่าจบ เธอยกนิ้วกลางขึ้นสูงกลางห้องโถงโอ่อ่า มอบเป็นของขวัญแด่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะสะบัดเรือนผมสวยเป็นประกายภายใต้แชนเดอเลียร์ แล้วหมุนตัวเดินออกจากงานไปอย่างสง่าผ่าเผย
ทุกสายตาเบิกกว้างตะลึงงัน บางคนยกมือปิดปาก บางคนแทบลืมหายใจ
ในขณะที่โรฮาน...ยืนกำหมัดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียด เส้นเลือดปูดโปนข้างขมับ ร่างสูงเต็มไปด้วยแรงอาฆาตที่แทบจะระเบิดออกมาได้ทุกวินาที
ไม่มีใคร...กล้าทำแบบนี้กับเขามาก่อน!