บทเกริ่นนำ
เสียงฟ้าคำรามกึกก้องในค่ำคืนที่มืดมิด สายฝนโปรยปรายลงมาราวกับจะลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไป น้ำหวานวิ่งลัดเลาะไปตามถนนเปียกชื้น หยดน้ำฝนที่เย็นเยียบปะทะกับผิวหน้าของเธอ แต่ความหนาวจากฝนกลับไม่อาจเทียบได้กับความเย็นชาในหัวใจของเธอ
“พอแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว” เธอพึมพำกับตัวเอง ดวงตาที่เคยสดใสตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา แยกไม่ออกว่าความชื้นที่อาบแก้มของเธอมาจากฝนหรือความเสียใจที่กัดกินหัวใจจนแทบแตกสลาย
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบื้องหลัง รวดเร็ว หนักแน่น แต่เธอไม่กล้าหันกลับไปมอง เธอรู้ดีว่าใครกำลังตามมา ใครที่เธอพยายามหนีมาตลอด
เขา… ธาม ชายผู้มีแววตาอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งเคยปลอบประโลมเธอ แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความโกรธที่เธอสัมผัสได้
“น้ำหวาน... เมื่อไหร่เธอจะหยุดหนีซะที”
เสียงของเขาทะลุผ่านเสียงฝนและฟ้าร้อง ราวกับคำถามที่สะท้อนกลับไปยังตัวเธอ น้ำหวานหยุดกึก ลมหายใจหนักหน่วง เธอไม่อาจวิ่งหนีได้อีก แต่การยืนอยู่ตรงนี้ก็เจ็บเกินไป
เขาวิ่งเข้ามา หยุดยืนตรงหน้าเธอ ตัวเปียกปอน เสื้อยืดสีเข้มแนบไปกับร่างกายของเขา ใบหน้าของธามฉายความเหนื่อยล้า แต่สายตาของเขากลับไม่เคยละไปจากเธอ
“เจ็บพอรึยัง?”
เขาถาม เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย แต่ชัดเจนพอที่จะกรีดลึกลงไปในหัวใจของเธอ
น้ำหวานไม่ตอบ เธอยืนนิ่งเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง ดวงตาสั่นไหวราวกับจะหลีกเลี่ยงสายตาของเขา แต่เธอก็ไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไป
ธามก้าวเข้ามาใกล้ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนที่จะรู้สึกถึงมือของเขาที่คว้าต้นแขนเธอไว้ สัมผัสที่แน่นหนาแต่ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ
“หยุดซะที หยุดทำร้ายตัวเอง หยุดผลักไสผมออกไปจากชีวิตคุณซะที”
เสียงของเขาดังกว่าเสียงฝน แต่ไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธ เขาเพียงต้องการให้เธอฟัง
น้ำหวานสะอื้น น้ำตาไหลปนกับหยดฝน เธอพยายามดึงแขนออกจากเขา แต่เขาไม่ปล่อย เขาดึงเธอเข้ามาหา กอดเธอไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะหลุดลอยไปอีกครั้ง
“พอได้แล้ว…” เสียงของเขาอ่อนลง แต่กลับกอดเธอเอาไว้แน่น “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปอีกแล้ว”
น้ำหวานซบหน้าลงกับอกของเขา เสียงหัวใจเต้นของธามดังกลบทุกเสียงรอบตัว มันอุ่น มันปลอดภัย และมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนยังมีที่ที่เธอสามารถกลับไปได้
สายฝนยังคงโปรยปราย แต่สำหรับเธอ มันเหมือนน้ำตาของท้องฟ้าที่กำลังล้างความเจ็บปวดในใจเธอออกไปทีละน้อย
…………………………
ที่ร้านกาแฟเล็กๆ ใต้แสงไฟนวลตา กลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดอบอวลไปทั่ว โต๊ะตรงมุมร้านมีห้าคนนั่งอยู่ ท่ามกลางเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กของลูกค้าคนอื่นๆ กลุ่มเพื่อนนักเขียนกำลังถกกันถึงเรื่องใหม่ที่กำลังวางพล็อต
“พี่น้ำหวาน นี่จะเขียนนิยายรักอีกแล้วเหรอ?" เกดเริ่มบทสนทนา พลางยกถ้วยลาเต้ขึ้นจิบ เธอใช้สายตาทิ่มแทงแต่เจือด้วยรอยยิ้ม
"อือ... แล้วมันมีอะไรผิดเหรอ?" น้ำหวานตอบด้วยเสียงเรียบ แต่เธอหลบสายตาเพื่อน เพราะลึกๆ แล้วเธอยังไม่มั่นใจในตัวเอง
"มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ฉันอยากรู้ว่าคราวนี้จะออกมาดราม่าเหมือนเดิมไหม หรือจะมีอะไรแปลกใหม่บ้าง" เกดยังคงจี้ต่อ น้ำเสียงเหมือนเชียร์ แต่แฝงความห่วงใย
"ก็...คิดจะเพิ่มอะไรที่มันเบาๆ บ้างล่ะ มันอาจไม่ดราม่าหนักเหมือนเรื่องก่อนๆ" น้ำหวานบอก ขณะที่จ๋ายนั่งตาเป็นประกาย
"ฉันบอกเลยนะ พล็อตดราม่าเนี่ยแหละขายดี" จ๋ายพูดเสริม "เธอเขียนดราม่าออกมาดีมาก ทุกคนอ่านแล้วน้ำตาไหลแน่ๆ เธอเป็นราชินีดราม่าเลยรู้ตัวไหม?"
"จ๋าย พูดอะไรเกินไปแล้ว" น้ำหวานแย้งพร้อมหัวเราะเบาๆ ใบหน้าเริ่มมีสีแดงจางๆ
"ฉันว่าก็ไม่แย่นะ แค่เธอต้องเพิ่มอะไรที่มันเรียลมากขึ้น เช่น การให้ตัวละครเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร" ชุนเอ่ยขึ้นหลังจากฟังอยู่นาน เขาวางแก้วกาแฟลงแล้วมองน้ำหวานด้วยสายตาที่เข้าใจ
"นั่นสิ" มีนาเสริม "เธอเขียนเก่งอยู่แล้ว แต่ลองเพิ่มความท้าทายให้ตัวละครดูสิ แบบว่าทำให้คนอ่านอยากรู้ว่าพวกเขาจะผ่านเรื่องราวพวกนี้ไปได้ยังไง"
น้ำหวานนิ่งไปสักพัก มองเพื่อนๆ ที่กำลังพูดคุยอย่างออกรส เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด "พวกเธอเนี่ยแหละ ตัวช่วยที่ทำให้ฉันมีกำลังใจจะเขียนต่อไป"
"นั่นแหละ เจ่เจ๊น้ำหวานของเรา!" จ๋ายยกมือขึ้นเชียร์ ขณะที่เกดและมีนาเริ่มตบมือเบาๆ
"พวกเธอนี่จริงๆ เลย!" น้ำหวานพูดพร้อมยิ้มกว้าง ความเศร้าบางอย่างในใจเธอเหมือนเลือนหายไปชั่วครู่ ขณะที่เธอจดคำพูดของเพื่อนๆ ลงในสมุดเล่มเล็ก ข้อความเหล่านี้อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เธอในนิยายเรื่องใหม่ก็เป็นได้
"แหมๆ นักเขียนมือทองประจำปีเนี่ย ก็ต้องยกให้เจ่เจ๊ของฉันสิ!" จ๋ายโพล่งขึ้นกลางวง ขณะทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตากินเค้กที่มีนาอุตส่าห์ซื้อมาฝาก น้ำหวานที่นั่งมุมโต๊ะยกแก้วชาขึ้นจิบ ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น
"ยอดโหลด...แปด....หลัก....โอ๊ย.... อิจฉาวุ้ย"
จ๋ายทำท่าเอามือกุมหน้าอก พูดเหมือนน้อยใจ แต่สีหน้าและน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความภูมิใจ
"เอ้า! ปรบมือสิทุกคน" จ๋ายหันไปตบไหล่เกดกับชุน พร้อมยกมือขึ้นปรบดังลั่น
"แปด....หลัก....เจ่..เจ๊..ของ..เรานี่มัน..ไม่ธรรม...ดา" เกดเสริม พลางหันไปยิ้มให้ น้ำหวานยิ้มเขินเล็กๆ "พอได้แล้วน่า ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้..."
"เจ๊!" ชุนพูดขึ้นอย่างจริงจัง "มันเรื่องใหญ่จริงๆ นะ การที่นิยายของเจ๊ไปถึงจุดนั้นได้ มันไม่ใช่แค่โชคหรอก มันเพราะเจ๊มีความสามารถและตั้งใจจริงๆ เราดีใจมากนะที่ได้อยู่กับคนเก่งขนาดนี้"
น้ำหวานมองหน้าชุน เห็นแววตาจริงใจที่ทำให้เธออดใจอ่อนไม่ได้ ใจเธอพองโตขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ยังพยายามเก็บอาการ "พวกเธอพูดเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้น"
"ไม่เก่งได้ไง" มีนาส่งเสียงแหลมเข้ามา "ยอดโหลดแปดหลักแบบนี้ เจ๊ต้องฉลองแล้ว"
"นั่นไง ใช่เลย" จ๋ายกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ "ก็ไปเที่ยวที่แพร่ยังไงล่ะ ให้เจ๊เป็นเจ้าภาพต้อนรับปีใหม่ของพวกเรา"
"พูดงี้ก็เข้าทางแกอีกสิ" น้ำหวานหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ ท่ามกลางเสียงเฮฮาของทุกคนในกลุ่ม
น้ำหวานรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองมากนัก แม้จะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ตาม แต่พลังบวกจากเพื่อนๆ รอบตัวช่วยให้เธอรู้สึกว่า ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่ของเธอคนเดียว มันเป็นของ "พวกเรา" ทั้งกลุ่ม
ภายในร้านกาแฟเล็กๆ กลิ่นขนมอบใหม่ลอยหอมไปทั่วโต๊ะที่กลุ่มนักเขียนนั่งรวมตัวกัน จ๋ายกำลังเล่าเรื่องอะไรบางอย่างที่ดูน่าสนุก แต่สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่น้ำหวาน ราวกับกำลังมีแผนบางอย่างในหัว
"เออ พวกเราเนี่ย ไม่มีระบบระเบียบแบบพวกทำงานบริษัทเขาหรอก แต่เราก็ต้องหาทางรักกันเองใช่มะ" จ๋ายเริ่มต้นบทสนทนา ขณะที่เกดและมีนาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ปีนี้ ไปเอ้าติ้งกันเถอะ! ไปเที่ยวแบบจริงจัง ไม่ใช่แค่ประชุมแต่งนิยายเหมือนทุกที"
"แล้วจะไปไหน?" ชุนที่กำลังจิบกาแฟอย่างเงียบๆ เงยหน้าขึ้นถาม
"แพร่ไง! เมืองเล็กๆ บรรยากาศดี มีป่าเขา อากาศเย็นสบาย พอถึงวันเคาท์ดาวน์ เราก็ไปที่ร้านพี่มั่นกัน ร้านเขาเหมือนแคมป์ปิ้งเลยนะ มีลานดนตรีสดด้วย!" จ๋ายพูดอย่างตื่นเต้นจนทุกคนเริ่มคล้อยตาม
แต่เมื่อหันไปมองน้ำหวาน เธอกลับนิ่งสนิท ใบหน้าของเธอแสดงความลังเล "ฉันว่า..."
"ปีนี้ไม่ให้ผลัดนะยะ อิเจ๊" จ๋ายตัดบททันที ทำเอาน้ำหวานหันมามองเขาอย่างอึ้งๆ
น้ำหวานถอนหายใจ "แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบวันสิ้นปี ไม่ชอบการเคาท์ดาวน์"
"แต่เจ่เจ๊จ๋า~" ชุนขยับตัวเข้ามาใกล้ ทำเสียงออดอ้อนจนทุกคนต้องกลั้นหัวเราะ "น้องน่ะไม่เอาของขวัญวันเกิดก็ได้นะปีเน้ ขอแค่เจ่เจ๊ไปเที่ยวกับเราทริปนี้ นะ นะ"
พูดจบ ชุนก็ทำตาแป๋วใส่ ขยับเข้ามากอดน้ำหวานพร้อมทำเสียงอ้อนๆ "นะ นะ เจ่เจ๊ นะ~"
"เออๆ ฉันว่าดีเลยนะ!" เกดพูดเสริม "เราไปเปลี่ยนบรรยากาศกัน น้ำหวานจะได้ไม่จมอยู่กับความคิดลบๆ ไง แถมไปกับพวกเรา ไม่มีใครทำให้เจ๊เสียใจหรอก เชื่อสิ"
น้ำหวานยังคงลังเล มองทุกคนที่ตอนนี้รวมตัวกันทำตาแป๋วประสานมือเหมือนเด็กๆ ขอร้องเธอ
สุดท้าย เธอก็ถอนหายใจยาว "อืมม... ก็ได้"
"เย้!!!" ทุกคนส่งเสียงดีใจพร้อมกัน เกดกับมีนารีบแปะมือกัน ส่วนจ๋ายถึงขั้นลุกขึ้นหมุนตัวไปรอบๆ ราวกับคว้าชัยชนะครั้งใหญ่ ชุนกระโดดไปเกาะแขนเกดแล้วโบกมือเหมือนอยู่ในม็อบ
"ปีนี้สนุกแน่นอน!" จ๋ายประกาศเสียงดัง "น้ำหวานของพวกเราจะยอมออกจากบ้านแล้ว เย้!"
น้ำหวานหัวเราะเบาๆ มองทุกคนที่ดูตื่นเต้นจนอดยิ้มไม่ได้ เธอรู้ว่าเพื่อนๆ หวังดีกับเธอจริงๆ และบางที...การเปลี่ยนบรรยากาศนี้อาจช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง