คนหล่อที่มีความอดทน

2557 Words
หลังจากมื้อค่ำที่หนักหนาสาหัส น้ำหวานยืนที่หน้าประตูห้องของเธอ ส่งยิ้มจางๆ ให้ทุกคนที่มายืนล้อมรอบ “ทุกคนกลับไปก่อนนะคะ… ขอปั่นงานก่อน” จ๋ายที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นตัวแทนพูดขึ้น “เจ่เจ๊! นี่พูดจริงเหรอ? ทุกครั้งที่พูดแบบนี้ พี่จะลุยยาวจนเขียนจบเลยนะ!” น้ำหวานหัวเราะเบาๆ “ใช่ค่ะ… และพวกเธอก็รู้ดี” ทุกคนขึ้นรถตู้ที่มั่นจัดไว้เพื่อเดินทางกลับลงจากแคมป์ ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เสียงพูดคุยเบาๆ ในรถเต็มไปด้วยความสนุกสนานผสมกับความโล่งใจที่ได้พักหลังจากวันยาวนาน ธามนั่งอยู่ที่เบาะหลังสุด สายตาจับจ้องออกไปนอกหน้าต่าง แต่ในใจกลับไม่สงบ ภาพของน้ำหวานที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เมื่อรถวิ่งห่างออกไปได้ครึ่งทาง เสียงของธามก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “จอดรถครับ!” ทุกคนในรถสะดุ้งหันมามองเขา จ๋ายที่นั่งอยู่ด้านหน้าเลิกคิ้วขึ้น “พี่ธาม เป็นอะไรครับ?” ธามพูดเสียงดังอีกครั้ง “ผมไม่กลับแล้ว! ไปส่งผมที่แคมป์หน่อยครับ!” มั่นที่นั่งอยู่ข้างคนขับหันมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “เอ็งพูดจริงเหรอวะ?” “จริง” ธามพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมจะกลับไปดูแลน้ำหวาน” หลังจากการพูดคุยกันเล็กน้อย คนขับรถก็เลี้ยวกลับไปยังแคมป์ ทุกคนในรถยังคงมองหน้ากันด้วยความตกใจและประหลาดใจ เมื่อรถจอดที่หน้าแคมป์อีกครั้ง ธามก้าวลงจากรถ จ๋ายยืนมองเขาจากหน้าต่างรถ ก่อนจะอมยิ้มเล็กๆ “พี่มั่น… หรือคราวนี้เจ่เจ๊จะมีคนอาสามาดูแลหัวใจจริงๆ แล้ววะ?” จ๋ายพูดเบาๆ พลางหันมามองเพื่อนๆ เกดพยักหน้าพร้อมยิ้ม “ถ้าเขากลับไปเฝ้าเจ่เจ๊ทั้งที่น่าจะได้กลับไปพัก…ฉันว่าเขาคงไม่ได้มาเล่นๆ แล้วล่ะ” มั่นยิ้มกว้างพลางพูดขึ้น “เออ…บางทีไอ้ธามมันอาจจะเป็นคนที่ใช่สำหรับเจ่เจ๊ของพวกแกก็ได้” ทุกคนในรถพากันหัวเราะเบาๆ ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป ทิ้งให้ธามยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เขามองไปยังห้องของน้ำหวานที่ยังคงเปิดไฟอยู่ไกลๆ ………………………… ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ำหวานที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ยังคงจดจ่อกับพล็อตที่กำลังพิมพ์อย่างรวดเร็ว เธอขานรับโดยไม่เงยหน้ามอง “ไม่ได้ล็อกค่ะ… เข้ามาเลย อาหารวางไว้ได้เลยนะคะ” เสียงแป้นพิมพ์ยังคงดังต่อไป ขณะที่ธามเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาดอาหารในมือ เขาหยุดอยู่กลางห้อง ดวงตาคมมองไปรอบๆ และเห็นชัดเจนว่าอาหารมื้อก่อนหน้าที่ยกมาเมื่อเที่ยง ยังคงวางกองอยู่บนโต๊ะ ไม่ถูกแตะต้องแม้แต่น้อย “นี่คุณคิดจะทำแบบนี้อีกเหรอ?” เสียงทุ้มคมของเขาทำให้น้ำหวานสะดุ้ง เธอหยุดพิมพ์ทันที และหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “คุณ?!” น้ำหวานเบิกตากว้างเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าจะเป็นเขา ธามยืนอยู่ตรงนั้น มือถือถาดอาหารแน่น ใบหน้าฉายแววจริงจัง “อาหารเที่ยงยังไม่ได้แตะเลย… แล้วคุณยังจะให้ผมวางเพิ่มอีกงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจและความเป็นห่วง น้ำหวานพยายามตั้งสติ เธอรู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว “ฉัน…กำลังยุ่งน่ะค่ะ งานกำลังเดินหน้า…” “งานสำคัญขนาดที่คุณลืมกินข้าวเลยเหรอ?” เขาพูดพร้อมก้าวเข้ามาใกล้ น้ำหวานเงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกถึงความหนักแน่นในคำพูดของเขา ดวงตาคู่นั้นที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนจับจ้องลึกถึงหัวใจ “ฉัน…” เธอพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกวาจาของเธอเหมือนติดขัด ธามวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆ อาหารเที่ยงที่ยังวางอยู่ “คุณรู้ไหมว่าคุณทำแบบนี้…มันทำร้ายตัวเองแค่ไหน?” “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายตัวเอง…” น้ำหวานพูดเสียงเบา “ฉันแค่…อยากทำงานให้เสร็จ” “แล้วถ้าคุณล้มไปก่อนจะทำงานเสร็จล่ะ?” คำถามนั้นเหมือนกระแทกเข้าไปในใจของเธอ น้ำหวานเงียบลงทันที เธอไม่รู้จะตอบเขายังไง ธามถอนหายใจยาว เขานั่งลงตรงข้ามเธอ ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่เธอ “ผมไม่รู้ว่าคุณมองตัวเองยังไง… แต่สำหรับผม คุณไม่ควรทำแบบนี้” “แล้วคุณจะทำอะไรได้ล่ะ?” น้ำหวานพูดพร้อมมองเขา ดวงตาเธอฉายแววสับสน “ผมจะอยู่จนกว่าคุณจะกินข้าว” ธามตอบทันที น้ำเสียงหนักแน่น น้ำหวานมองเขา ความเงียบระหว่างทั้งสองคนเหมือนจะกินเวลานาน เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามมากขนาดนี้ แต่เธอไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย ดวงตาคมที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของเขา และท่าทางที่มั่นคง ทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ถ้าฉันกิน…คุณจะกลับไปใช่ไหม?” เธอถามเบาๆ “ผมจะกลับ…เมื่อมั่นใจว่าคุณดูแลตัวเองได้” เขาตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ น้ำหวานรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในใจ แม้จะเป็นเพียงคำพูดง่ายๆ แต่เธอกลับรู้สึกถึงความจริงใจที่มากเกินกว่าที่เธอเคยได้รับ น้ำหวานที่ยังคงนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน จ้องมองธามด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป ทั้งแปลกใจ หงุดหงิด และสับสน เธอสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เธอพยายามให้ราบเรียบ “คุณทำแบบนี้ทำไมคะ?” ธามยังคงยืนอยู่ที่เดิม ถาดอาหารยังคงอยู่ในมือ ดวงตาคมของเขาจ้องมาที่เธอโดยไม่หลบสายตา “คุณเป็นนักเขียน…อ่านผมไม่ออกเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น น้ำหวานชะงัก ใจเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว สายตาของเขาไม่ได้แค่จับจ้อง…แต่มันเหมือนเปิดเผยทุกอย่าง เขายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับ ไม่พูดอะไรต่อ แต่แววตานั้นกลับสื่อสิ่งที่คำพูดไม่อาจบรรยายได้ เธอรู้สึกเหมือนเขาเปลือยหัวใจให้เธอเห็น และมันทำให้เธอรู้สึกสั่นไหว “คุณ…” น้ำหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เสียงของเธอแผ่วเบา “คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำให้ฉัน…สับสน” ธามยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากความขบขัน แต่มันคือรอยยิ้มที่สะท้อนความเข้าใจ “ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณสับสน…แต่ผมตั้งใจให้คุณรู้ว่าผมจริงใจ” น้ำหวานนิ่งไป ใจเธอเหมือนถูกกระแทกด้วยคำพูดของเขา เธอพยายามหลบสายตา แต่ก็ไม่อาจทำได้ สายตาของเขามันเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดเธอไว้ “คุณ…” เธอพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในใจมันมากเกินกว่าคำพูดจะอธิบายได้ ธามที่ยังคงจ้องมองเธอ ค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ เขาวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้พอที่จะให้เธอมองเห็นทุกความรู้สึกในดวงตาคู่นั้น “ผมแค่อยากให้คุณรู้…” เขาพูดช้าๆ แต่หนักแน่น “ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว” น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอสั่นไหว เธอไม่รู้ว่าคำพูดนี้จะส่งผลกับเธอมากแค่ไหน แต่มันทำให้หัวใจที่เคยแข็งแกร่งของเธอเริ่มอ่อนลง ในห้องที่มีเพียงความเงียบและสายลมที่ลอดผ่านหน้าต่าง การมองตาของทั้งสองคนกลับดังกว่าคำพูดใดๆ มันคือการสื่อสารที่ไม่มีเสียง แต่มันชัดเจนจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้ ……………………………. น้ำหวานยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คำพูดของธามดังก้องในหัวเธอ เสียงทุ้มที่อบอุ่นและมั่นคงของเขาแทรกผ่านความเงียบในห้อง “ผมจะอยู่เป็นเพื่อน” เธอหันมามองเขาอย่างไม่คาดคิด ธามเดินตรงไปที่ระเบียงกว้างที่มองเห็นผืนป่าเขาที่ทอดตัวไปไกลสุดสายตา เขานั่งลงบนแปลยาวที่วางอยู่ตรงมุมระเบียง ปล่อยสายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวและแสงจันทร์ที่ส่องประกาย “คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้” น้ำหวานพูดเบาๆ น้ำเสียงของเธอยังคงเจือความสับสน ธามหันกลับมามองเธอ รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา “ผมอยากทำ” “แต่…” น้ำหวานพยายามพูดต่อ แต่คำพูดเหมือนจะหลุดหายไปเมื่อเห็นสายตาของเขา “ให้ผมอยู่ด้วย…” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ให้ผมได้เห็นคุณในสายตา…ได้ไหม?” น้ำหวานนิ่งงัน เธอไม่เคยเจอใครที่พูดกับเธอด้วยความจริงใจแบบนี้มาก่อน เขาไม่ได้พูดเพื่อแสดงความเหนือกว่า ไม่ได้พูดเพราะความสงสาร แต่เพราะเขาอยากอยู่ตรงนั้นจริงๆ “คุณอาจจะเบื่อก็ได้นะคะ…” เธอพยายามหลบสายตา ธามหัวเราะเบาๆ “ผมไม่คิดว่าการได้อยู่ข้างๆ คุณจะน่าเบื่อเลย… ต่อให้คุณไม่พูดอะไร แค่ได้มองดูคุณทำงาน ผมก็พอใจแล้ว” ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาในห้อง เสียงลมแผ่วเบาเหมือนบรรเลงบทเพลงที่กล่อมความเงียบ น้ำหวานมองเขาอีกครั้ง เห็นภาพของเขาที่นั่งอยู่ในแสงจันทร์ ความสง่างามที่ไม่ต้องพยายาม และความอบอุ่นในสายตาที่ไม่เคยมีใครมอบให้เธอมาก่อน เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ถ้าคุณอยากอยู่…ก็อยู่ได้ค่ะ” ธามยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองวิวเบื้องหน้า ผืนป่าเขาที่มืดมิดกลับดูอบอุ่นในยามนี้ เพราะมีแสงจันทร์และแสงดาวคอยแต่งแต้ม และสำหรับเขา แสงที่สว่างที่สุดในคืนนี้…คือเธอ ในความเงียบสงบของระเบียงกว้าง สองคนที่ต่างคนต่างมีโลกของตัวเอง กลับเริ่มค้นพบว่าการมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาตามหามาตลอด ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา การมีธามอยู่เคียงข้างเหมือนแสงอุ่นๆ ที่ค่อยๆ ละลายจุดเยือกแข็งในใจของน้ำหวานลงทีละน้อย เขาไม่ได้พูดมากหรือพยายามก้าวก่าย แต่การอยู่ของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยว ธามมีวิธีของเขา—วิธีที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย และบางครั้งมันทำให้เธออยากเอื้อมมือไปสัมผัสเขา อยากบอกอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ แต่ทุกครั้งที่เธอกล้าพอจะขยับ มันเหมือนมีกำแพงบางๆ กั้นไว้ กำแพงที่เธอไม่อาจข้าม จนกระทั่งเช้าวันนี้ “คุณต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับผม” ธามพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเธอ น้ำหวานส่ายหัวเบาๆ “ฉันยังไม่เสร็จงานเลย… ไว้วันหลังได้ไหมคะ?” “ไม่ได้ครับ” ธามยืนยัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจ “ผมให้คุณเลื่อนไม่ได้อีกแล้ว ครั้งนี้คุณต้องไป” น้ำหวานมองเขาด้วยสายตาสับสนและลังเล “แต่…” “ไม่มีแต่ครับ” เขาขัดขึ้นทันที ก่อนจะยิ้มเล็กๆ “เชื่อผมเถอะ…คุณต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครั้งนี้” เธอถอนหายใจยาว ก่อนจะยอมแพ้ “ก็ได้ค่ะ…แต่คุณต้องให้ฉันดื่มกาแฟก่อนนะ” ธามหัวเราะเบาๆ “ตกลงครับ แต่รีบหน่อยนะ…เดี๋ยวไม่ทัน” ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็ออกเดินทางไปยังจุดชมวิว ธามขี่มอเตอร์ไซค์ โดยมีน้ำหวานนั่งซ้อนท้าย ลมหนาวยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเธอ ทำให้เธอต้องกอดตัวเองเบาๆ “จับผมไว้ก็ได้นะครับ” ธามพูดโดยไม่หันมา น้ำหวานชะงัก ใจเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็ค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับชายเสื้อของเขาเบาๆ เมื่อถึงจุดชมวิว ธามจอดรถและช่วยเธอลง น้ำหวานมองไปรอบๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือผืนหมอกที่คลุมไปทั่วหุบเขา และท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน “สวยจัง…” เธอพึมพำเบาๆ “ใช่ครับ” ธามตอบ พลางยืนข้างเธอ “แต่เดี๋ยวจะสวยกว่านี้อีก” ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกัน ขณะที่แสงแรกของดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า น้ำหวานรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในใจ เธอหันไปมองธามที่ยืนมองดวงอาทิตย์อย่างสงบ “คุณทำทั้งหมดนี้ทำไมคะ?” เธอถามเสียงเบา ธามหันมามองเธอ ดวงตาของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น “เพราะผมอยากให้คุณรู้…ว่าแสงสว่างยังมีอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมา” น้ำหวานนิ่งไป เธอรู้สึกเหมือนคำพูดของเขาแทรกซึมเข้ามาในหัวใจที่เคยปิดตายของเธอ และในเช้าวันนี้…ท่ามกลางแสงแรกของวัน น้ำหวานเริ่มรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่แค่คนที่อยู่เคียงข้างเธอ แต่เขาอาจจะเป็นคนที่เธอกล้าจะเปิดใจให้ครั้งแรกในรอบหลายปี หลังจากแสงอาทิตย์แรกของวันส่องประกาย น้ำหวานและธามก็เริ่มเดินกลับไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ ลมหนาวยามเช้าบนยอดเขายังคงพัดผ่านไปมา ทำให้เธอเผลอกอดตัวเองโดยไม่รู้ตัว “พร้อมหรือยังครับ?” ธามถามขณะสวมหมวกกันน็อคให้เธอ น้ำหวานพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ลมหนาวครั้งนี้ดูเหมือนจะเย็นกว่าครั้งก่อน เธอลังเลเล็กน้อยเมื่อธามเร่งเครื่องยนต์ “กอดผมไว้ให้แน่นนะครับ” ธามหันมาพูดเสียงนุ่ม น้ำหวานชะงัก ใจเธอเต้นแรงขึ้น แต่สุดท้ายเธอก็ยื่นมือออกไปช้าๆ แล้วกอดรอบเอวเขา รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากร่างของเขามายังเธอ ธามยิ้มเล็กๆ ขณะที่เขาเริ่มขับลงจากจุดชมวิว เส้นทางคดเคี้ยวเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกแตกต่าง บางทีอาจเป็นเพราะสัมผัสจากเธอที่กอดเขาแน่น ลมหนาวพัดผ่าน แต่ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบ น้ำหวานเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เธอไม่ได้แค่กอดเขาเพราะความหนาว แต่เธอกอดเขาเพราะความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมานาน ความอบอุ่นนั้นไม่ได้อยู่แค่ในมือของเธอ แต่มันอยู่ในหัวใจ “หนาวไหมครับ?” ธามเอ่ยถามเสียงเบาขณะที่ขับลง “ไม่ค่ะ…” เธอตอบ พร้อมกับเผลอยิ้มออกมา เธอไม่ได้หนาวอีกต่อไป เพราะการมีเขาอยู่ตรงนี้มันอบอุ่นจนเกินพอ ในเส้นทางลงจากจุดชมวิวที่เหมือนเดิม แต่สำหรับทั้งคู่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป… อ้อมกอดของเธอ และรอยยิ้มของเขา บอกได้ชัดเจนว่าบางสิ่งในหัวใจของทั้งสองคนกำลังเปลี่ยนแปลง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD