เวลาใกล้เที่ยงคืนเข้ามาทุกที บรรยากาศรอบลานคึกคักขึ้น เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้คนต่างเฝ้ารอเวลานับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ แต่น้ำหวานที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกัน
ความทรงจำเก่าๆ ค่อยๆ หวนกลับมาบีบคั้นหัวใจ เธอไม่ได้เกลียดคืนเคาน์ดาวน์ แต่สิ่งที่เกลียดคือความทรงจำที่มันพาเธอกลับไป ความทรงจำในคืนที่ความสุขของคนอื่นกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ
ทุกเสียงรอบตัวดูเหมือนจะเบาลง มีเพียงเสียงของหัวใจที่เต้นดังระรัวในอก น้ำหวานอยากจะปล่อยวาง อยากลืมทุกสิ่ง แต่ยิ่งพยายามลืม มันกลับยิ่งชัดเจน ความทรงจำเหมือนภาพยนตร์ที่เล่นซ้ำวนไปมา
เสียงร้องไห้ของตัวเองในคืนนั้น ความรู้สึกของจัมโบ้ สุนัขลาบราดอร์แสนรักในอ้อมกอดมันยังคงชัดเจนในหัวใจของเธอ ความร้อนของเลือด ความเงียบงันของร่างมันที่เคยวิ่งเล่นอย่างร่าเริง ทุกวินาทียังคงเหมือนมีดกรีดลึกลงในหัวใจ
"จัมโบ้" เป็นมากกว่าสุนัขสำหรับน้ำหวาน มันเป็นเพื่อน เป็นครอบครัว เป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเธอไว้ในวันที่โลกทั้งใบดูเหมือนพังทลาย
ในคืนวันที่เธอต้องทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ พิธา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักกลับเปลี่ยนเป็นเงามืดที่กัดกร่อนหัวใจเธอทีละนิด เขาไม่ได้ทำร้ายเธอด้วยกำลังเสมอไป แต่คำพูดเย้ยหยัน การข่มขู่ด้วยท่าทีเอาเปรียบ และความโกรธที่ระเบิดใส่เธอในทุกครั้งที่ไม่พอใจ คือสิ่งที่ทำให้เธอเหมือนค่อยๆ จมหายไป
จัมโบ้คือแสงเดียวในโลกที่มืดมนของเธอ ทุกครั้งที่เธอร้องไห้หลังการทะเลาะกับพิธา มันจะเดินเข้ามาหา ซบหัวบนตักของเธอ คอยเลียมือเธอเหมือนจะบอกว่า "ไม่เป็นไรนะ เจ้านาย ฉันอยู่ตรงนี้"
มันอยู่เคียงข้างเธอในทุกคืนที่น้ำตาอาบแก้ม มันนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่จากไปไหน แม้แต่ในวันที่เธอรู้สึกว่าเธอไม่เหลือใคร จัมโบ้ก็ยังอยู่ตรงนั้น
มันช่วยเธอผ่านคืนวันที่เหมือนเดินในเงามืด มันฟังเธอพูด มันเข้าใจเธอในแบบที่ไม่มีใครทำได้ แม้จะพูดไม่ได้ แต่สายตาของมันที่มองเธอคือกำลังใจ คือสิ่งเดียวที่ทำให้เธออยากลุกขึ้นมาใช้ชีวิตต่อไป
จนกระทั่ง…คืนนั้น
คืนที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป พิธาที่โกรธจัด ขับรถถอยหลังมาเหมือนจะข่มขู่เธออีกครั้งเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม
จัมโบ้กระโจนออกไป มันไม่ลังเลเลยที่จะปกป้องเธอ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของมัน
ภาพจัมโบ้ที่ล้มลงตรงหน้าเธอ ร่างของมันที่เคยกระโดดโลดเต้นตอนเห็นเธอกลับนิ่งสนิทในอ้อมแขนเธอ ความอบอุ่นจากร่างมันค่อยๆ จางหายไป น้ำตาของเธอไหลไม่หยุด เสียงร้องไห้ของเธอแทรกไปกับเสียงพลุที่ดังสนั่นในคืนเคาน์ดาวน์นั้น
"จัมโบ้… อย่าทิ้งแม่ไปนะ ฮึก..อย่าทิ้งแม่ไป... แม่ขอร้อง.. ลูก.. ตื่น.. สิ..ตื่น...ม่ายยย”
เธอร้องไห้เหมือนจะขาดใจ แต่จัมโบ้ไม่ได้ตอบกลับ เธอรู้ว่า…มันจากไปแล้ว
น้ำหวานยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ หวังว่าเครื่องดื่มจะช่วยให้หัวใจเธอสงบลง แต่ความรู้สึกในอกยังคงพุ่งทะยาน น้ำตาคลอในดวงตาของเธอ เธอพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่มันออกไป แต่ก็รู้ว่ามันกำลังจะร่วงหล่น
มั่นที่ยืนอยู่ไม่ไกลกระซิบกับจ๋าย "บอกแล้วว่านักร้องดังของพี่มาแน่"
น้ำหวานนั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะและดนตรีรอบตัว แต่ภายในจิตใจของเธอกลับเหมือนตกลงไปในห้วงเหวลึกสุด ความทรงจำที่เธอพยายามลืมกลับถาโถมเข้ามาอย่างไม่ปรานี เสียงหัวใจเธอเต้นดังระรัว แต่กลับไม่สามารถดึงเธอออกจากความมืดที่ครอบงำไว้ได้
เธอยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง หวังให้รสขมของมันช่วยกลบความขมขื่นในใจ แต่เปล่าเลย น้ำตาเริ่มคลอในดวงตาของเธอ ร่วงหล่นลงอาบแก้มก่อนที่เธอจะทันรู้ตัว
และแล้ว…
เสียงกีตาร์โปร่งเริ่มดังขึ้น เสียงอินโทรที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์อบอุ่นนั้นดังก้องในอากาศ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่งเพื่อฟังเสียงนั้นเพียงอย่างเดียว
น้ำหวานชะงัก ดวงตาที่พร่ามัวด้วยน้ำตาหันไปยังเวทีอย่างช้าๆ และสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอหยุดนิ่งเหมือนเวลาถูกหยุดลง
ชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางเวที ไฟสปอตไลต์ส่องลงมาที่เขาอย่างพอดิบพอดี เผยให้เห็นภาพของเขาชัดเจน ชายคนนั้นสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเล็กน้อยเหมือนผ่านลมหนาวมา เสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นอย่างลวกๆ และในมือของเขาคือกีตาร์โปร่งที่ดูธรรมดา แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือที่สร้างเสียงอันลึกซึ้ง
เขาไม่พูดอะไร ดวงตาของเขามองลงมายังผู้คนในลานด้วยความอ่อนโยนและมั่นคง ก่อนจะเริ่มเล่นกีตาร์ต่อ ท่วงทำนองนั้นเหมือนกำลังพูดแทนสิ่งที่เขาไม่ได้เอ่ยออกมา
"มีสิ่งใดที่ฉันทำพลาดไป
วันที่เธอลาจากไป ฉันยังคงเสียใจ..."
น้ำหวานเบิกตากว้าง เสียงนั้น… เสียงร้องที่ก้องกังวานลึกเข้ามาในหัวใจของเธอ มันไม่ได้เพียงสะท้อนในหู แต่มันดังก้องในจิตใจของเธอ ราวกับเขารู้จักทุกความเจ็บปวดที่เธอเคยผ่าน
เธอวางแก้วเบียร์ลงอย่างไม่รู้ตัว สองมือสั่นเล็กน้อย เธอมองชายคนนั้นอย่างไม่ละสายตา เขาที่อยู่กลางเวที ราวกับมีแสงสว่างจากเบื้องบนส่องลงมา เหมือนเขาไม่ได้เป็นเพียงนักร้องธรรมดา แต่เป็นบางสิ่งที่ถูกส่งมาเพื่อปลอบประโลมจิตใจเธอ
เสียงกีตาร์ยังคงดำเนินต่อ ทุกคำร้องที่เขาเปล่งออกมาดึงเธอออกจากห้วงความทรงจำที่แสนเจ็บปวด ค่อยๆ ปลดปล่อยเธอจากพันธนาการของอดีตที่เธอแบกรับไว้
"แม้เวลาจะผ่านไป...แต่ร่องรอยยังไม่เลือน
ทุกความเจ็บปวดในวันนั้น ยังคงหลอกหลอน…"
น้ำหวานหลับตาลง ความรู้สึกเหมือนน้ำหนักในใจเริ่มเบาลง เธอสูดลมหายใจลึกครั้งแรกในรอบหลายปี ความเจ็บปวดในอดีตไม่ได้หายไป แต่มันถูกแบ่งเบา เสียงนั้นเหมือนกับมีใครกำลังบอกเธอว่า…เธอไม่จำเป็นต้องเผชิญมันเพียงลำพัง
เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง น้ำตายังไหลอาบแก้ม แต่ในดวงตาของเธอมีประกายเล็กๆ ของความหวังที่ไม่เคยปรากฏมานานหลายปี
ชายคนนั้นยังคงร้องเพลง เสียงของเขาและท่วงทำนองจากกีตาร์ดังก้องไปทั่วลานกว้าง แต่สำหรับน้ำหวาน มันไม่ได้เป็นเพียงเสียงเพลงธรรมดา มันคือบทเพลงแห่งการปลอบโยน บทเพลงที่ดึงเธอกลับมาจากความมืดมิดในหัวใจ
เสียงเพลงที่ยังดำเนินต่อไปบนเวทีเหมือนสายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านน้ำหวาน ดึงเธอออกมาจากห้วงความทรงจำอันเจ็บปวด สายตาของเธอที่เคยพร่ามัวเริ่มชัดเจนขึ้น หัวใจที่หนักอึ้งเบาขึ้นทีละน้อย
น้ำหวานยิ้มออกมา ยิ้มจริงๆ เป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้ เธอหันกลับมามองเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ เพื่อนๆ ทุกคนหยุดชะงักเมื่อเห็นปฏิกิริยานั้นของเธอ จ๋าย เกด มีนา และชุนต่างมองกันด้วยความอึ้งเล็กๆ แต่ไม่มีใครพูดอะไร
น้ำหวานยกแก้วเบียร์ในมือขึ้น "ชนกันหน่อยสิ" เสียงเธอเปล่งออกมาเบาๆ แต่แฝงด้วยพลังบางอย่าง
จ๋ายที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดยิ้มกว้างทันที ความตื่นเต้นปรากฏชัดบนใบหน้า "เอ้า! เจ่เ**กลับมาแล้ว! ชนสิ ชน!"
ทุกคนหัวเราะพร้อมยกแก้วขึ้นมาชนกับน้ำหวาน เสียงแก้วกระทบกันดังกังวานท่ามกลางเสียงดนตรี เสียงหัวเราะและคำพูดหยอกล้อเริ่มกลับมาอีกครั้ง
น้ำหวานหัวเราะออกมา เธอหัวเราะอย่างจริงใจ จ๋ายที่นั่งข้างๆ ยิ้มจนแก้มปริเมื่อเห็นสีหน้าของพี่สาวตัวเองที่ดูสดใสขึ้น "เจ่เจ๊ของผมคนนี้กลับมาแล้ว!" เขาพูดพร้อมชูแก้วขึ้นสูง
บนเวที เสียงกีตาร์และเสียงร้องยังคงดำเนินไป ชายคนนั้นที่ร้องเพลงอยู่มองไปยังผู้คนมากมายที่กำลังนั่งฟังเพลงของเขา แต่สายตาของเขากลับหยุดอยู่ที่โต๊ะหนึ่งเพียงโต๊ะเดียว
เขาเห็นเธอ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มในตอนนี้กลับสะดุดตาเขามากกว่าผู้คนรอบตัวทั้งหมด
สายตาของเขาเหมือนถูกดึงดูดด้วยบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดูโดดเด่นที่สุดในลานกว้างนี้ แต่แสงบางอย่างในตัวเธอเหมือนส่องวาบลงมาที่เธอเพียงคนเดียว
"เธอเป็นใคร..." เขาคิดในใจ ขณะยังคงร้องเพลงต่อไป แต่หัวใจของเขาที่เคยเงียบเหงามานานหลายสิบปี กลับสั่นระรัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ท่ามกลางลานกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คน ในค่ำคืนที่ควรเป็นเพียงการแสดงอีกครั้งหนึ่งของเขา เธอกลับกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจในใจเขา
น้ำหวานหัวเราะต่อไปกับเพื่อนๆ โดยไม่รู้เลยว่าความสดใสชั่วขณะนั้น ได้ดึงดูดสายตาและหัวใจของใครบางคนเข้าอย่างจัง