Intro...
Intro...
ทันทีที่อาจารย์เดินออกจากห้องเรียนไปหลังจากที่หมดเวลาสอน เสียงพูดคุยกันของเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็ดังขึ้นรอบกายของผมเหมือนเฉกเช่นทุกวัน ซึ่งถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ ผมคงจะเข้าร่วมวงสนทนาด้วยอยู่หรอกนะ แต่วันนี้คงต้องบอกตรงๆ ว่าผมไม่โอเคเลยจริงๆ
“ไงวะไอ้เลโก้ นั่งหน้าจ๋อยเป็นหมาหงอยเลยนะมึง” ไอ้ปาล์มหันมาแซว มันตบบ่าผมเหมือนต้องการจะให้กำลังใจ แต่ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของมันกำลังยิ้มเยาะ
“ไม่เอาๆ ไม่แซวเพื่อนดิปาล์ม เดี๋ยวมันน้อยเลิกคบมึงขึ้นมา ไม่มีใครเลี้ยงเหล้า มึงจะมานั่งเสียใจทีหลังไม่ได้นะเว้ย” ไอ้ยอร์ช เจ้าของฉายายอร์ชเจ็ดเรือพูดเหมือนดีแต่เหี้ยเหมือนเดิม
สุดท้ายก็ไอ้บุ๊กที่นั่งฟังทุกอย่างยิ้มๆ อยู่เงียบๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นหรือว่าถากถางผมเป็นคำพูดใดๆ ออกมาแต่แววตาที่เป็นประกายของมันก็แสดงเจตนารมณ์ที่ไม่ได้ต่างจากไอ้สองคนแรกสักนิด
“เอาน่า มึงก็อย่าคิดมากดิวะ ไหนมึงเคยบอกกูว่าสอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติไง”
“นั่นดิ ถึงจะออกแนวธรรมชาติลงโทษไปหน่อย เพราะนี่ก็สอบซ่อมครั้งที่สามแล้ว มึงก็ยังไม่ผ่าน แต่มึงอย่าลืมนะเว้ยไอ้เลโก้ ว่าครั้งที่สี่ห้าหกมันยังมี” ไอ้ปาล์มกับไอ้ยอร์ชมันยังไม่ละความพยายามที่จะให้กำลังใจผม แม้ใบหน้าของพวกมันจะยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มซ้ำเติมอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
เฮ้อ~ ยิ่งฟังผมก็ยิ่งรู้สึกมืดแปดด้าน นี่มันจะต้องมีครั้งที่สี่ห้าหกแบบที่พวกมันพูดจริงๆ น่ะเหรอ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองด้อยสติปัญญาชะมัด
“ไสหัวไปให้พ้นๆ หน้ากูเลยไป กูอยากอยู่เงียบๆ”
“อ้าววว”
พวกมันสามคนหันมาร้องอ้าวใส่ผมพร้อมกัน แต่ผมพูดจริงๆ นะ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาล้อเล่นหรือว่าวิ่งไล่เตะพวกมันเหมือนที่ชอบทำหรอก แต่ถ้าไล่แล้วยังไม่ไป รับรองว่าเดี๋ยวมีกระทืบ!
“อาการมึงมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไหนลองเล่าให้หมอฟังหน่อย เดี๋ยวจะได้จ่ายยารักษาตามอาการถูก” ไอ้บุ๊กที่นั่งยิ้มเงียบๆ มาได้สักพักถึงเอ่ยถาม ผมถึงกับย้อนถามมันในใจว่าหมอพ่องงง!
ว้อยยย! หงุดหงิดชะมัด ถึงปกติผมไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องผลการเรียนการสอบเท่าไหร่นัก แต่นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่อาจารย์ใจดีให้โอกาสผมสอบซ่อมเพื่อแก้ตัวเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งผลก็ออกมาอย่างที่พวกมันพูดกัน นั่นคือผมสอบตก เหี้ยกว่านี้ไม่มีอีกแล้วแน่นอนครับ
“ให้เล่าก็ไม่เล่า งั้นไหนมึงเอามาดูดิ๊”
แล้วมือไอ้ยอร์ชก็ไวกว่าปาก เพราะมันพูดยังไม่ทันจบ ก็แย่งซองสีขาวในมือของผมไปแล้วเปิดเอาเอกสารข้างในมาแกะอ่านอย่างโคตรเสียมารยาท ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน
“เอกสารแจ้งผลการสอบ โอ้โห ต้องเซ็นชื่อรับทราบด้วยว่ะ”
นั่นไง มันน่าให้ผมเครียดมั้ยล่ะ
“เสือกไม่มีใครเกินเลยนะพวกมึง!” ผมแกล้งว่าฉุนๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ใบโปรดขึ้นพาดบ่าพร้อมกับเอื้อมมือไปแย่งเอกสารส่วนตัวของผมคืนแล้วหุนหันพลันแล่นเดินออกมาจากห้องเรียนทันที
งี่เง่า! ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรที่มันโคตรซวยแบบนี้ด้วยวะ ผมผิดเหรอที่โง่ คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้นี่หว่า ถ้าเลือกได้ทุกคนก็อยากจะเกิดมาฉลาดทั้งนั้น แต่ถึงผมจะโง่ ผมก็หน้าตาดีนะ ว่าไม่ได้
“เดี๋ยวสิวะไอ้เลโก้ นั่นมึงจะไปไหน วันนี้กูจอดรถที่หน้าหอสมุด”
“พวกมึงกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวกูหาทางกลับเอง” ผมตะโกนตอบไอ้ยอร์ชโดยไม่ได้สนใจจะหันหน้ากลับไปมองมันด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมมีอย่างอื่นให้ต้องรีบจัดการก่อนเพราะมันโคตรสำคัญกับชีวิตผม
เร่งฝีเท้าเดินเร็วๆ มาตามโถงทางเดินตรงไปที่ห้องพักอาจารย์ ภาวนาให้อาจารย์แดนสวรรค์ยังไม่กลับก็แล้วกัน (ชื่อจริงๆ ของแกคือแดนสรวง)
ก๊อกๆๆ
“ขออนุญาตครับ”
ผมผลักประตูห้องพักอาจารย์แล้วพาตัวเองเดินเข้ามาด้านในหลังจากที่เคาะประตูเรียบร้อย โต๊ะของอาจารย์แดนสวรรค์อยู่ที่มุมในด้านซ้ายสุดของห้อง โชคดีที่อาจารย์ยังไม่กลับ แต่หากผมมาช้ากว่านี้อีกสักห้านาทีก็ไม่แน่ เพราะตอนเดินมาถึงอาจารย์กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้พอดี
“ผมขอเวลาสักครู่ครับอาจารย์”
อาจารย์แดนสวรรค์ถึงกับถอนหายใจแรงเมื่อหันมาเห็นหน้าหล่อๆ ของผม
“ผมคิดว่าคุณเข้าใจที่ผมบอกแล้วเสียอีก” อาจารย์แดนสวรรค์ย้ำด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจซ้ำอีกรอบถึงยอมเลื่อนเก้าอี้ที่สอดเอาไว้ใต้โต๊ะทำงานออกแล้วนั่งลงอย่างไม่มีทางเลือก
“ผมอยากขอโอกาสลองสอบซ่อมอีกสักรอบครับ” ผมพูดตรงประเด็น แต่คิดว่าอาจารย์เองก็น่าจะทราบอยู่แล้วตั้งแต่ที่เห็นหน้าผมว่าผมมาพบเพื่อจุดประสงค์อะไร
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคุณเลโก้ ผมว่าคุณนั่งลงก่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าอาจารย์รีบ อีกอย่างผมว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงของอาจารย์สักเท่าไร ถ้าอาจารย์จะช่วยผม” ผมพยายามจะพูดให้เสียงเบาที่สุดเพราะไม่อยากจะให้มีอาจารย์ท่านอื่นได้ยิน
“จำไม่ได้เหรอว่าผมช่วยคุณมาสามครั้งแล้ว”
“ผมขอโอกาสอีกแค่ครั้งเดียวครับ”
“ครั้งก่อนคุณก็พูดกับผมแบบนี้” อาจารย์แดนสวรรค์ยังคงพูดกับผมอย่างสุภาพและใจเย็น หากแต่ความหมายของคำพูดกลับเด็ดขาดจนผมรู้สึกมืดแปดด้าน
“ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ครับอาจารย์ ช่วยผมหน่อยนะครับ อาจารย์ก็รู้ว่าถ้าผู้ปกครองผมทราบเรื่อง ผมต้องแย่แน่ๆ” ผมพยายามต่อรอง
“เหตุผลที่ผมต้องทำเอกสารแจ้งผลการสอบของคุณเป้นทางการอย่างนั้นก็เพื่อให้คุณอาทิตย์ ผู้ปกครองของคุณทราบนั่นแหละครับ อย่าลืมสิว่าคุณเป็นนักศึกษาที่ผมต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษ เพราะถ้าเป็นนักศึกษาทั่วไป ผมก็แค่ตัดเกรด F ให้พวกเขาทุกอย่างก็จบแล้ว” อาจารย์แดนสวรรค์ย้ำด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเบื่อผมหรือเบื่อผู้ปกครองของผมมากกว่ากัน
จริงอย่างที่อาจารย์พูดนั่นแหละ เพราะผมมันเด็กพิเศษ ผมไม่อายหรอกที่จะบอกว่าผมเข้ามาเรียนที่นี่ได้ก็เพราะเส้นสาย เพราะนอกจากความฉลาดที่ชีวิตผมไม่เคยได้สัมผัสแล้ว (พูดตรงๆ ก็คือผมโง่น่ะ) พฤติกรรมของผมก็ยังอยู่ในขั้นวิกฤติถึงขนาดที่ผู้ปกครองของผมต้องทำข้อตกลงกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมเป็นการส่วนตัวว่าต้องรายงานพฤติกรรมของผมให้เขาทราบในทุกกรณี อย่างเรื่องสอบตกเนี่ย ถ้าเป็นนักศึกษาทั่วไปเขาก็คงลงทะเบียนเรียนใหม่กันไปแล้ว เพราะคนอื่นเขาคงมีสิทธิ์ในการตัดสินใจแก้ปัญหาชีวิตตัวเองกันหมด แล้วไอ้เรื่องแจ้งผลการสอบเป้นลายลักษณ์อักษรเนี่ยไม่มีใครเขาทำกันหรอก มันไม่ควรจะมีแล้วในระดับการศึกษาที่เรียกกันว่าอุดมศึกษา
แต่ก็นั่นแหละ เพราะผมมันเด็กพิเศษไง
“แต่ผม...”
“เอาล่ะ วันนี้ผมมีเวลาไม่มากเพราะต้องรีบไปทำธุระ แต่เอาแบบนี้ก็แล้วกัน คืนนี้ถ้าคุณสะดวกก็แวะไปพบผมที่บ้าน เราจะได้คุยกันว่าจะเอายังไงกับคุณดี” อาจารย์แดนสวรรค์พูดพลางถอนหายใจทิ้งอีกครั้ง ก่อนที่จะปุบปับลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวกลับ ซึ่งขายาวๆ ของผมก็ดันไวกว่าความคิด เพราะทันทีที่เห็นว่าอาจารย์ทำท่าจะลุกหนี ขาผมมันก็รีบก้าวออกไปขวางทางเอาไว้เองโดยอัตโนมัติ
“เดี๋ยวครับอาจารย์”
และทันทีที่ปากว่า มือของผมก็เอื้อมไปถึงมือของอาจารย์เช่นเดียวกัน
“ผมมีธุระครับคุณเลโก้” อาจารย์ย้ำกับผมเบาๆ อีกครั้งเมื่อผมพยายามเขย่ามือของเขาเพื่ออ้อนวอน
“ขอร้องล่ะครับอาจารย์ ผมรับปากว่ามันจะไม่มีครั้งที่ห้าแน่นอน”
“แวะไปคุยกับผมคืนนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้ผมรีบมากจริงๆ”
“แต่…”
“มันไม่เสียเวลาดื่มเหล้า เข้าผับ กลับดึกของคุณสักเท่าไหร่หรอกนะ ถ้าคุณเอาเวลาพวกนั้นมาสนใจอ่านหนังสือเสียตั้งแต่แรก คุณคงไม่ต้องเสียเวลามาอ้อนวอนผม” อาจารย์แดนสวรรค์พูดยิ้มๆ ก่อนจะตบมือลงบนหลังมือของผมเบาๆ สองสามครั้งแล้วค่อยๆ ดึงมือของเขากลับไป
“อาจารย์ครับ”
“แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ก็ลองคุยกับผู้ปกครองของคุณก่อนก็ได้ ได้ยินมาว่าผู้ปกครองของคุณเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงด้วยไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณมีเหตุผลที่ดีพอ ผมว่าเขาน่าจะรับฟัง”
บ้าฉิบ!