EP 01 มีเขาบนหัว เอาตัวไม่รอด

2928 Words
EP 01 มีเขาบนหัว เอาตัวไม่รอด  Lego part : 22.50 น. ออด~~~ ผมเอื้อมมือไปกดออดที่หน้าประตูรั้วบ้านหลังสีเทาท้ายซอย ชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้านที่ยังคงเปิดไฟเอาไว้จนสว่างไปทั่วทั้งหลัง บ้านหลังนี้คือบ้านของอาจารย์แดนสวรรค์ ซึ่งจริงๆ ก็อยู่ไม่ไกลจากมหา’ ลัยมากนัก เป็นบ้านขนาดกลาง และเท่าที่ผมจำได้รู้สึกว่าอาจารย์จะยังไม่มีครอบครัว แต่ถึงจะมีผมก็คิดว่ามันก็ยังพอที่จะอยู่อาศัยกันได้อย่างอบอุ่น เหตุผลที่ผมอธิบายมาทั้งหมดนั้นก็เพราะผมแค่อยากหาอะไรทำฆ่าเวลา กดออดไปสามรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าอาจารย์จะเดินออกมาเปิดประตูให้ผมสักที จะว่าผมมาดึกก็ไม่ถูกนะ เพราะอาจารย์ไม่ได้ระบุเวลา ได้แต่บอกว่าให้ผมมาคืนนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบๆ ห้าทุ่ม ออด~~~ จนแล้วจนรอดผมก็ต้องเดินกลับไปกดออดรอบที่สี่ จะคิดว่านอนแล้วก็คงไม่ใช่เพราะว่าไฟในบ้านยังสว่างโร่อยู่เลย Rrrr~~~ “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ปาล์ม” ผมกดรับสายก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด สายตายังคงจับจ้องไปที่ประตูหน้าบ้านซึ่งจนถึงตอนนี้มันก็ยังคงถูกปิดเอาไว้ [ตกลงมึงได้แวะไปหาอาจารย์แดนสวรรค์ที่บ้านเขาไหมวะ] เห็นมั้ยว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่ติดเรียกชื่ออาจารย์ว่าอาจารย์แดนสวรรค์ (ย้ำอีกรอบว่าแกชื่ออาจารย์แดรนสรวงนะครับ) “มึงก็ถามเหมือนกูมีตัวเลือกนะ” ผมตอบฉุนๆ เพราะแน่นอนว่าถ้าผมมี ผมไม่มีทางจะมาเหยียบที่นี่เด็ดขาด คนอย่างผมเคยง้อใครเสียที่ไหน ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ผมคงไม่ทำ [ระวังตูด เอ้ย! ระวังตัวด้วยมึง กูได้ยินมาว่ามีนักศึกษาหลายคนที่แวะไปคุยเรื่องเกรดกับอาจารย์ที่บ้าน พอรุ่งขึ้นอีกวัน เกรดแม่งพุ่งพรวดขึ้นมาเฉยเลย] ไอ้ปาล์มพยายามบอกใบ้ “กูรู้ แค่นี่ใช่มั้ยที่มึงจะโทรมาปลอบกู” ผมถามเซ็งๆ ก่อนจะเริ่มเดินเตะอากาศไปมาเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจนตรอก แถมคนรอบข้างก็ยังมีแต่คนรอซ้ำเติม [ยังมีอีกเรื่อง วันนี้กูกับไอ้บุ๊กแวะไปที่คลับมา เจอน้องจูนเด็กเก่ามึง ตอนนี้กำลังควงอยู่กับไอ้ตาร์หน้าแว่นว่ะ] เฮ้อ! ไหนสาระสำคัญของชีวิตผม ตอนนี้ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากจะไปคิดเรื่องไร้สาระแบบนั้นสักนิด อีกอย่างผมกับยัยนั่นไม่เคยควงกันเลยด้วยซ้ำ จะเรียกว่าเด็กเก่าก็คงไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามีแต่ยัยนั่นวิ่งเข้าหาผมอยู่ฝ่ายเดียว “ช่างแม่ง โลกมันแคบ ไม่เห็นแปลกที่จะแดกต่อกัน แค่นี้นะ” ผมประชดเสียงต่ำแล้วกดวางสายทันทีเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน พอหันไปมองก็เห็นอาจารย์แดนสวรรค์กำลังเดินออกมาจริงๆ ท่าทางเหมือนจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเสียด้วย เพราะเขาเดินออกมาเปิดประตูต้อนรับผมทั้งที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ไม่สิ มีอีกผืนเล็กๆ พาดอยู่บนบ่า สาบานว่าหันมาเห็นทีแรกรู้สึกเสียวตูดแบบที่ไอ้ปาล์มเพิ่งโทรมาเตือนไม่มีผิด “ขอโทษทีที่ให้รอนาน ผมคิดว่าคุณคงไม่มาแล้วก็เลยไปอาบน้ำ” “ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินนำอาจารย์เข้าไปในบ้านทันที รีบๆ พูด ผมจะได้รีบๆ กลับ ใจจริงแล้วก็คืออย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ได้อยากจะมาหรอก การแอบมาคุยนอกรอบแบบนี้ไม่ค่อยอยู่ในหัวของผมเท่าไร ไหนจะยังไอ้ข่าวซุบซิบของอาจารย์ที่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมเพิ่งจะเคยได้ยิน เพียงแต่ผมคิดว่าตัวผมเองเป็นผู้ชายมันจึงไม่น่าจะปัญหาอะไร (ทั้งที่การเป็นผู้ชายของผมนั่นแหละที่เป็นความเสี่ยง) แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็เพราะผมจะยอมให้พี่อาทิตย์รู้ผลสอบครั้งนี้ของผมไม่ได้เด็ดขาด “นั่งก่อนสิ กินอะไรมาหรือยังล่ะ” “นี่ดึกมากแล้ว ผมว่าเข้าเรื่องเถอะครับอาจารย์” ผมรีบหันไปพูดกับอาจารย์แดนสวรรค์ตรงๆ แต่สิ่งที่เห็นคืออาจารย์ที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเดินตามมาผมกำลังปิดประตูบ้าน แถมยัง...กดล็อก เหี้ยแล้วไง! นี่ถ้าบอกว่าเริ่มกลัวผมจะดูแต๋วแตกหรือเปล่า “ต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันสินะ คุณถึงจะกระตือรือร้นแบบนี้” อาจารย์แดนสวรรค์พูดพลางยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนั้นทำผมขนลุกแต่ไม่อยากแสดงออกเพราะผมตกเป็นรองอยู่ ผมมองตามอาจารย์ไปเรื่อยๆ เพราะอยู่ๆ เขาก็เดินหายไปด้านในเสียเฉยๆ โดยที่ตัวผมไม่ทันจะตอบอะไร และไม่คิดจะทำด้วยเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นผมเล่นกับอาจารย์จนอาจจะเกิดเป็นการเข้าใจผิด แล้วไม่นาน อาจารย์แดนสวรรค์ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกระดาษเอสี่แผ่นสีขาวในมือ “นี่ข้อสอบของคุณ ทำเสร็จแล้วก็กลับบ้านได้” ทำไมมันง่ายขนาดนั้นกันนะ? ผมได้แต่สงสัยในใจแล้วมองตามอาจารย์มาเรื่อยๆ กระทั่งอาจารย์วางชุดข้อสอบที่คงปริ้นท์เตรียมเอาไว้ให้ผมลงบนโต๊ะ “อาจารย์ไม่ได้บอกผมก่อนว่าจะให้ผมสอบเลย” ผมรีบทักท้วง เดิมทีผมเข้าใจว่าจะแค่แวะมาตกลงกันก่อนนี่นา เพราะหากจะให้ผมสอบซ่อมเลยก็ควรจะบอกกันล่วงหน้า ผมจะได้มีเวลาเตรียมตัว จากประสบการณ์ที่ผมสอบตกรวมสอบซ่อมมาแล้วหลายครั้ง มันทำให้ผมฉลาดพอจะรู้ว่าตัวเองโง่ ถ้าให้ผมสอบตอนนี้ผลสอบมันก็ไม่น่าจะต่างจากเดิมมากนัก “มันไม่ยากหรอกน่า คุณยังไม่ทันจะเห็นข้อสอบเลย” น้ำเสียงของอาจารย์เจือเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย สายตาหรี่แคบลงเพ่งมองผมอย่างพินิจพิจารณาทำให้ผมต้องก้มหน้ามอข้อสอบเพราะคงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ความประหลาดใจเกิดขึ้นทันทีเมื่อสิ่งที่ผมเห็นคือหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า ตัดสินใจจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อเปิดอ่านหน้ากระดาษในหน้าถัดไป เพราะบางทีแผ่นแรกอาจเป็นแค่ใบปะหน้าชุดข้อสอบก็ได้ หมับ! สองตาของผมเบิกโพลงและหันไปมองอาจารย์แดนสวรรค์ที่อยู่ๆ เขาก็ขยับมายืนประชิดตัวผมทางด้านหลังโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว สัญชาตญาณของผมบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่ปกติ แต่ผมก็ยังพยายามที่จะสงบสติอารมณ์เอาไว้ เพราะไม่ว่าจะทางสายตาที่อาจารย์มองผม รอยยิ้มที่อาจารย์กำลังยิ้มให้ผม รวมถึงฝ่ามือของอาจารย์ที่ตอนนี้วางทับอยู่บนหลังมือของผมที่จับชุดกระดาษข้อสอบอยู่อีกที ทั้งหมดนั้นมันกำลังปลุกสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของผมขึ้นมา เพราะผมมั่นใจว่าตอนนี้ผมกำลังถูกคุกคามทางเพศ! “ผมรู้ว่าคุณฉลาด อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ” อาจารย์พูดกับผมแบบนั้นแล้วเหยียดยิ้ม นัยน์ตามีประกายของความคาดหวังในตัวผมสูงมากทีเดียว “ผมขอดูข้อสอบก่อนก็แล้วกันครับ” ผมต่อรอง วินาทีนี้ผมคงต้องเอาตัวให้รอดก่อนเป็นอย่างแรก “ตามสบาย” อาจารย์แดนสวรรค์ยิ้มแล้วค่อยๆ เลื่อนฝ่ามือออกไปจากมือของผมเบาๆ สัมผัสแบบนั้นทำเอาขนอ่อนในตัวผมลุกชันไปหมด แต่ไม่ได้ลุกเพราะมีอารมณ์ร่วมหรอกนะ มันตรงกันข้ามกันเลยมากกว่า ผมพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจอย่างอดทนก่อนจะค่อยๆ ยกชุดกระดาษข้อสอบนั่นขึ้นมา ซึ่งพอยกมันขึ้นมาจากโต๊ะเท่านั้นแหละ บางอย่างที่ถูกกระดาษทับเอาไว้ด้านล่างก็ทำให้ผมใจหายวาบ กึก! เสียงหน้าขาของผมกระแทกกับเก้าอี้ไม้ตรงหน้าทำสติของผมขาดผึง รับรู้ได้ถึงความต้องการของอีกฝ่ายที่จงใจจะขยับสะโพกของตัวเองลงมาบนสะโพกของผมจนน่าตกใจ และยิ่งได้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ข้อสอบด้วยแล้วล่ะก็ ผมก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องปกป้องตัวเองก่อน พลั่ก! ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นผมก็กลับหลังหันแล้วปล่อยหมัดหลุนๆ กระแทกเข้ากับใบหน้าของคนที่ยืนยิ้มให้ผมสุดแรง เรียกว่าเหวี่ยงออกไปสุดกำลังจนอีกฝ่ายปลิวไปกระแทกกับโซฟาทางด้านหลังโดยไม่มีเวลาให้ตั้งตัว และก็ไม่ต้องรอให้มันได้ทันมีสติหรือว่าหันกลับมา ผมก็เดินปรี่เข้าไปยกเท้าถีบเข้าที่หน้าอกของมันซ้ำอีกรอบ “ไอ้เลโก้!” “เออ กูชื่อเลโก้!” ผมตะคอกบอกอย่างเดือดดาลแล้วเดินย้อนกลับที่โต๊ะ หยิบของที่มันตั้งใจวางเอาไว้ใต้ชุดกระดาษที่ก่อนหน้านี้ผมเข้าใจว่ามันคือข้อสอบขึ้นมาแล้วเดินย้อนกลับไปหามันอีกครั้ง “อยากแอ้มกูงั้นเหรอ” ผมกดเสียงต่ำ ก่อนจะฉีกซองถุงยางอนามัยสีชมพูแปร๋นออกอย่างรวดเร็ว จัดการสวมมันเข้ากับนิ้วมือสามนิ้วของผมแล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้าไอ้สารเลวนั่นด้วยอารมณ์เดือดพล่านในอก “แดกนี่ไปก่อนเถอะมึง” บอกเสียงเข้มอีกครั้งแล้วใช้มือขวากระชากหนังหัวไอ้โรคจิตขึ้น ก่อนจะยัดนิ้วของผมที่สวมถุงยางเอาไว้ล้วงเข้าไปในปากมันจนมันหน้าแดงเถือก ไอค่อกไอแค่กไม่หยุด น้ำหูน้ำตาไหลออกมาจากอาการสำลัก “แค่กๆ ๆ ๆ เล...โก้” “ทีหลังอย่าเสือกมายุ่งกับตูดกู” ตะคอกด้วยความโมโหและยังล้วงคอมันไม่หยุด จากนั้นก็ดึงมือออกจากปากสกปรกๆ ของมันโดยตั้งใจทิ้งถุงยางเอาไว้ในปากโสโครกๆ นั่นของมันนั่นแหละ “อยากแดกนักก็แดกเข้าไป!” “แค่กๆ ๆ เล...แค่กๆ ๆ” มันพยายามเรียกผมด้วยเสียงที่ขาดห้วง สองมือปัดแขนและมือของผมออกจากใบหน้าของมันสุดชีวิตเพราะผมใช้ทั้งสองมือบังคับให้มันกลืนของของมันลงไป ทำอย่างนั้นอยู่นานหลายวินาที จนในที่สุดมันก็จำใจต้องกลืนเพราะอากาศหายใจใกล้หมด “ไอ้เลโก้!” “กูรู้แล้วว่ากูชื่อเลโก้ แล้วอย่าคิดว่ากูจะกลัวมึงนะ เชิญมึงเอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคนตามสบาย ถ้ามึงคิดว่ามึงแน่จริงมึงทำเลย แต่อย่ามาหาว่ากูไม่เตือน!” อุ่ก! หลังจากที่ผมประกาศกร้าวอย่างต้องการจะท้าทายออกไป ก็ทิ้งท้ายด้วยการฟาดขายาวๆ เตะอัดเข้าที่ชายโครงของมันซ้ำอีกหนึ่งรอบ ทำเอามันนอนคู้ตัวเป็นกุ้งแล้วเดินออกมา ทิ้งไอ้ชั่วใจสกปรกในคราบของอาจารย์ให้นอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น มันมองผมด้วยสองตาที่แดงก่ำไม่แพ้กับสีหน้าของมันที่คงกำลังโกรธจัด “ไอ้เวรเอ๊ย!” สบถแรงๆ แล้วยกเท้าถีบประตูรั้วบ้านของมันระบายความหงุดหงิด รีบสาวเท้าเดินกลับออกจากซอย ระหว่างที่เดินออกมาก็พยายามติดต่อไอ้ยอร์ชไปพลางๆ เผื่อมันว่างผมจะได้ไม่ต้องเรียกแท็กซี่กลับ “มึงอยู่ไหนไอ้ยอร์ช” กว่ามันจะรับสายได้ผมก็กำลังมองหาแท็กซี่แล้ว [ม่านรูด] ต้องให้มันได้แบบนี้สิ เพื่อนผมแต่ละคน นี่สรุปว่าพวกมันเป็นเพื่อนผมจริงรึเปล่าวะ ทำไมตอนนี้ทุกคนดูมีความสุขกันหมด แล้วดูผมสิ นรกสิ้นดี “มารับกูหน้ามหา’ ลัยหน่อย” [ตอนนี้เนี่ยนะ กูเพิ่งจ่ายค่าห้องไปเมื่อกี้นี้เองนะเว้ย] “เดี๋ยวกูจ่ายคืน แถมลีย่าให้อีกคน กูเช่าห้องให้แบบค้างคืนด้วย” [ไอ้สารเลว] “ถ้ามึงไม่เอา กูจะโทรหาไอ้ปาล์ม” [เอาๆ มึงรอกูยี่สิบนาที กูให้น้องเขาดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดูน้องเขาแป๊บ] ฟังมันพูด “ช้าไปต่อคิว” ผมว่าเร็วๆ ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง เอาเข้าจริงจะเรียกว่าต่อคิวก็ไม่ถูกหรอกเพราะผมก็แค่ขู่มันไปอย่างนั้นเอง ระหว่างผมกับลีย่าเคยคุยกันเสียที่ไหน ผมแค่มีเบอร์ของเธอเพราะจำเป็นต้องแลกกันตามมารยาท เนื่องจากเธอเป็นน้องของสายรหัสผม แต่ตอนนี้ช่างเรื่องอื่นไปก่อนเถอะ ใครก็ได้ช่วยผมคิดหน่อยว่าผมควรจะทำอย่างไรดี ผมสอบตกรายวิชานี้มาสี่ครั้งแล้ว ใบแจ้งผลการสอบยังอยู่ในกระเป๋า หากไม่เอาให้พี่อาทิตย์ดู ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องทราบจากการเข้าเช็กในระบบอยู่ดี โธ่ว้อยยย ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเครียด! ทำอย่างไรดีนะ เมื่อเทอมก่อนผมเพิ่งโดนทำทัณฑ์บนเอาไว้สามครั้งเพราะการทะเลาะวิวาทล้วนๆ ตอนนี้ผมสอบไม่ผ่าน ซึ่งตอนนี้เรื่องนั้นไม่น่าหนักใจเท้ากับเรื่องที่ผมเพิ่งจะทำร้ายร่างกายอาจารย์ที่ปรึกษาจนตายไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไม่ตายผมก็คงโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าเขาตายผมก็คงโดนข้อหาพยายามฆ่า ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผมจะถูกไล่ออกจากมหา’ลัย ก่อนจะโดนเขาตัดหางปล่อยวัด ปี๊นๆ เสียงแตรรถมาเพิ่งจะขับมาจอดตรงหน้าผมทำเอาผมที่กำลังคิดหาทางออกให้ตัวเองสะดุ้งตกใจ พอเห็นว่าเป็นรถของไอ้ยอร์ชผมก็รีบก้าวเท้ายาวๆ ไปขึ้นรถทันที “หน้าตาแบบนี้แปลว่าตูดมึงยังสบายดีสินะ” นั่นคือทำทักทายแรกจากไอ้ยอร์ช นี่ผมคิดถูกหรือผิดที่โทรตามให้มันมารับ บางทีถ้าผมยอมเสียเงินค่าแท็กซี่ผมอาจสบายใจกว่านั่งในรถมันก็ได้ ผมถอนหายใจแรงๆ แล้วหันหน้าออกไปมองนอกรถโดยไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับมันให้เสียเวลา ตอนนี้ในสมองของผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มต้นสารภาพความผิดกับพี่อาทิตย์ด้วยคำว่าอะไรดี “อ้าว ถามไม่ตอบแปลว่าไรวะ” “แปลว่ากูไม่อยากพูดกับมึงไง” ผมหันไปกระแทกเสียงตอบ ไอ้ยอร์ชทำหน้าเหวอไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าผมอารมณ์ไม่ดี อาการแย่กว่าเมื่อเย็นตอนที่ได้รู้ผลสอบเสียอีก “เป็นห่าอะไรล่ะ อาจารย์ไม่ให้มึงสอบซ่อมเหรอ” “ให้” “ถ้าให้แล้วทำไมหน้ามึงยังเหมือนส้นตีนแบบนั้น” บอกเลยว่าหน้าผมที่หงิกงอแบบนี้ยังดูดีกว่าส้นตีนมันเยอะ! “กูไม่สอบ” “อ้าว” “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ถ้ากูโดนไล่ออก กูจะส่งเบอร์สาวๆ ในเครื่องให้มึงก็แล้วกัน แล้วมึงก็ไปแบ่งกันเอง” ผมพูดเหนื่อยๆ สายตายังคงจับจ้องไปที่กระจกรถที่สะท้อนกับแสงไฟส่องสว่างข้างถนนจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับอย่างคนคิดไม่ตก “แค่สอบตก ไม่ถึงกับโดนไล่ออกหรอกมั้งมึง อีกอย่างถึงพี่ชายมึงจะเนี๊ยบ เขาก็ไม่ตัดอนาคตมึงแบบนั้นหรอก” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ต้องการจะให้กำลังใจจริงๆ จากไอ้ยอร์ช เล่นเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน ผมได้แต่หันไปมองหน้ามันแล้วถอนหายใจแรงๆ เพื่อสงบศึกและถือเป็นการขอบคุณในความหวังดีของมัน แต่ยังไม่ได้คิดจะอธิบายหรอก เพราะผมควรจะเก็บคำอธิบายพวกนั้นไปพูดกับใครอีกคนมากกว่า ไอ้ยอร์ชขับรถมาส่งผมถึงหน้าคอนโดเหมือนปกติ และความจริงก็คือมันอยู่คอนโดเดียวกับผมนั่นแหละ แต่ว่าคนละตึก ผมอยู่ตึกเอ ส่วนมันอยู่ตึกแฝดทางด้านหลัง ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมกับมันจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ “ขอบใจ” ผมหันไปบอกก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถแล้วเดินดุ่มๆ กลับเข้าคอนโดแบบทุกวัน ส่วนไอ้ยอร์ชก็ขับรถไปทางตึกแฝดทางด้านหลัง ระหว่างทางหางตาผมเหลือบไปเห็นรถของใครบางคนจอดอยู่ที่ๆ จอดรถวีไอพีของคอนโด เล่นเอาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เพราะเพียงแค่เห็นรถ ใบหน้านิ่งๆ ของเจ้าของรถก็ลอยขึ้นมาในความคิดโดยฉับพลัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD