EP 02
สารภาพยังไงให้โทษไม่ลด
ผมก้าวเท้าเข้ามาในลิฟต์แล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มที่ชั้นสิบสาม ยืนรอเวลาอย่างใจเย็นพลางหยิบเอกสารแจ้งผลการสอบในกระเป๋ากางเกงออกมา ก็แปลกดีที่ผมรู้สึกว่ามือไม้เย็นเฉียบไปหมด ทุกอย่างเหมือนกำลังเลื่อนขึ้นมาจุกอยู่ที่ลิ้นปี่
ติ๊ง!
แล้วเสียงสัญญาณลิฟต์ก็ทำให้ผมสะดุ้งตกใจ ทั้งที่มันก็ดังเป็นเรื่องปกติ ว้อยยย ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ
ตึกๆ ๆ
ผมก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์แล้วตรงไปยังห้องพักของตัวเอง กดรหัสของผมเพื่อเปิดประตู ผลักประตูห้องเข้าไปช้าๆ ซึ่งสิ่งแรกที่ผมเห็นตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปก็คือรองเท้าคัทชูเบอร์สี่สิบ หนังแก้วมันวาวสะท้อนแสงไฟในห้องเข้าตาผม
“กลับมาแล้วเหรอครับคุณเลโก้” คุณลามิน ผู้ช่วยคนสนิทของพี่อาทิตย์ทักทายผมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่เขาจะเดินมาสวมรองเท้าคัทชูคู่นั้นเพราะเขาเป็นเจ้าของ
ส่วนรองเท้าเจ้าของห้องน่ะเหรอ อยู่ในตู้รองเท้าต่างหาก คนเจ้าระเบียบอย่างนั้นไม่มีทางที่จะถอดรองเท้าเกะกะหรอก แถมยังพลอยทำให้ผมติดนิสัยแบบนั้นของเขาไปด้วย เพราะว่าผมเองก็กำลังเปิดตู้รองเท้าเพื่อเก็บรองเท้าใส่ตู้เหมือนกัน
อีกอย่างคือผมรู้แต่แรกแล้วว่ารองเท้าคู่นั้นเป็นของคุณลามิน เพราะเจ้าของห้องๆ นี้เขาใส่รองเท้าเบอร์สี่สิบสี่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเท้าจะใหญ่และยาวไปไหน
“สวัสดีครับคุณลามิน วันนี้งานเยอะเหรอครับ” ผมเลียบๆ เคียงๆ ถาม ถึงคุณลามินจะมาที่นี่บ่อยๆ เพราะเป็นผู้ช่วยคนสนิท แต่ถ้าดูจากเวลาแล้ววันนี้กลับดึกกว่าทุกวัน
“ก็เยอะเหมือนทุกวันนั่นแหละครับ”
“อ่อ ครับ ขับรถกลับดีๆ นะครับ สวัสดีครับ” ผมตัดบทสั้นๆ พร้อมกับยกมือไหว้คุณลามินเพื่อบอกลา
ถ้าคุณลามินบอกว่าเยอะแบบทุกวัน ก็แปลว่าผมสามารถเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของเขาได้ใช่รึเปล่า แต่ถ้าเยอะแบบทุกวันจริงๆ ทำไมวันนี้คุณลามินเพิ่งกลับ
“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับคุณเลโก้”
“เอ่อ ไม่มีครับ ขอบคุณ” ผมยิ้มแห้งพร้อมกับรีบซ่อนซองสีขาวในมือเอาไว้ด้านหลังทันทีเมื่อสายตาของคุณลามินมองมาที่มันแล้วยิ้ม เขาก้มหัวให้ผมเบาๆ ตามมารยาท ก่อนจะกลับหลังหันเพื่อเตรียมตัวกลับ
“คุณลามินครับ”
แต่สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายรั้งเขาเอาไว้ เฮ้อ~
“ว่าไงครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” คุณลามินถามอย่างมีน้ำใจ ผมรู้ว่าเขาดูออกนั่นแหละว่าผมซ่อนอะไรเอาไว้ด้านหลัง
“ผมแค่อยากถามว่าช่วงนี้พี่เขางานยุ่งหรือเปล่า” ผมค่อยๆ ถามออกไปอีกรอบ
“ก็ยุ่งครับ” แล้วทำไมคุณลามินตอบไม่ให้กำลังผมแบบนั้นกันล่ะ
“ครับ ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวครับคุณเลโก้”
ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลยจริงๆ
“ตามหลักข้อกฎหมายแล้ว ถ้าเรารู้ตัวว่าเราทำผิดแล้วเป็นฝ่ายยอมมอบตัวแล้วรับสารภาพ โทษหนักมันจะกลายเป็นเบานะครับ อย่างน้อยก็ดีกว่ารอให้หลักฐานมันตัวจนโดนจับได้”
ให้ตายเถอะ! คนรอบข้างผมคงสอบตกจิตวิทยาในการพูดกันหมดสินะ
“ครับ ผมเข้าใจ แต่หลักข้อกฎหมายที่คุณลามินพูด มันใช้ไม่ได้ในกรณีที่เป็นการทำความผิดซ้ำซากไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามอย่างสิ้นหวัง
คุณลามินถึงกับกลั้นหัวเราะ ก่อนจะก้มหัวให้ผมอีกครั้งแล้วเดินกลับออกไปเงียบๆ ส่วนผมก็ยืนจ้องซองสีขาวในมือสลับกับบานประตูห้องทำงานที่ตอนนี้มันเปรียบเสมือนประตูนรก
ก๊อกๆ ๆ
วันนี้คงเป็นอีกวันที่ผมควรจดจำว่าเป็นวันที่โชคไม่เข้าข้างผม ไม่สิ มันก็เป็นแบบนั้นทุกวันนี่นา
“เข้ามา”
เสียงทุ้มๆ ของเจ้าของห้องดังมาจากด้านในหลังจากที่ผมเคาะประตู
ค่อยๆ เปิดในเข้าไปแล้วปิดมันลงอย่างเบามือก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของเขา ผู้ชายตัวสูงๆ ยืดลำตัวขึ้นตรงดิกและยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านแฟ้มรายงานคดีสำคัญๆ ที่เขารับผิดชอบอยู่ อุณหภูมิภายในห้องนี้ยังคงหนาวเย็นเสมอสำหรับผม
“เรื่องด่วนหรือเปล่า” เอ่ยปากถามด้วยระดับเสียงแบบโมโนโทน และยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยซ้ำทั้งที่ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาได้สักพักแล้ว
“ก็ด่วนครับ หรือจะคิดว่าไม่ด่วนก็ได้” ผมตอบเบาๆ พูดจบคนตรงหน้าก็นิ่งไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด แต่ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน
ผมยืนมองเส้นผมของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวาดๆ เขาชื่อ ‘อาทิตย์’ เป็นผู้ปกครองของผมเอง แต่ด้วยอายุอานามของเขาที่เพิ่งจะสามสิบไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ในขณะที่ผมอายุยี่สิบต้นๆ ผมก็เลยเรียกเขาว่าพี่
ความจริงแล้วเราไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ หรอก ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยด้วยซ้ำไป เพียงแต่แม่ของผมกับแม่ของเขาเป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้นเอง ส่วนเหตุผลที่พี่อาทิตย์เขาต้องดูแลผมก็เพราะก่อนหน้านี้แม่ของผมเอาผมมาฝากไว้กับคุณป้าแม่ของพี่อาทิตย์ ก่อนที่คุณป้าจะฝากให้พี่อาทิตย์เป็นคนดูแลผมต่ออีกทีเพราะคุณคุณลุงจะต้องย้ายไปประจำที่สถานทูตในประเทศอะไรสักอย่างเล็กๆ ในแถบยุโรปซึ่งคุณป้าจะต้องตามไปอยู่ดูแลคุณลุงที่นนั่น เพราะอย่างนั้นพี่อาทิตย์เขาก็เลยไม่ชอบขี้หน้าผมสักเท่าไรนักเพราะคิดว่าผมเป็นภาระ
“นั่งก่อนสิ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะเอาเอกสารมาให้”
“นั่งลง”
ผมน่าจะรู้นะว่าวันนี้ไม่ใช่วันของผม
แล้วผมก็ต้องนั่งลงตามคำสั่ง ที่ถึงแม้พี่อาทิตย์จะใช้เพียงแค่ระดับเสียงปกติ แต่การที่เขาพูดซ้ำเป็นครั้งที่สองก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก ซึ่งผมก็ทำได้เพียงนั่งรอเงียบๆ
ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงพี่อาทิตย์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่เขาจะปิดแฟ้มตรงหน้าลง เท่าที่ผมเห็น ยังมีปากกาวางคั่นหน้ากระดาษในแฟ้มอยู่นั่นแปลว่าเขายังทำงานไม่เสร็จหรอก
“ผมไม่รีบครับ”
“แต่ฉันรีบ” พี่อาทิตย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นนิดหน่อย ดวงตาสีนิลจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ อีกครั้ง และนั่นแหละ วินาทีที่ทำให้สมองผมเหมือนจะหยุดสั่งการไปชั่วขณะ
ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ แล้ววางซองสีขาวลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนไปตรงหน้าพี่อาทิตย์ สีหน้าของเขาแสดงความเบื่อหน่ายในตัวผมออกมาอย่างให้เห็นได้ชัดเจน
“เรื่องเดิมๆ อีกแล้วเหรอ”
จะว่ายังไงดีล่ะ เฮ้อออ~
“ไม่ใช่ครับ” ผมตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก และพอผมพูดจบดวงตาคู่คมก็หรี่แคบลงเล็กน้อยคล้ายกับจะประหลาดใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่คิดจะหยิบสิ่งที่ผมยื่นให้ขึ้นไปเปิดอ่านเลย
“ผมสอบตกครับ”
นั่นแหละครับ ที่สุดแล้วผมก็ต้องสารภาพเองเพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
“หน้าตานายดูหนักใจกว่าตอนถูกเชิญผู้ปกครองเพราะเกือบฆ่าคนตายสมัยมัธยมปลายอีกนะเลโก้” พี่อาทิตย์ช้อนตามองอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหยิบซองสีขาวตรงหน้าไป...ใส่ไว้ในลิ้นชัก
“พี่ไม่คิดจะเปิดมันอ่านสักหน่อยเหรอครับ”
“ฉันอ่านมาตั้งไม่รู้กี่ฉบับแล้ว ใช้ภาษาต่างกันแต่ความหมายมันไม่น่าจะต่างกันหรอก”
มันก็จริงของเขานะ
“ถ้าหมดธุระแล้วก็ออกไปได้”
“พี่ไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าผมสอบตกวิชาอะไร หรือว่าไม่คิดจะดุผมบ้างเหรอครับ” ผมรีบถามด้วยความประหลาดใจ พูดจบก็ได้ยินเสียงพี่อาทิตย์ถอนหายใจยาวอีกรอบ
อะไรกันล่ะ นี่ผมอุตส่าห์ทำใจมาตั้งหลายชั่วโมงเลยนะ
“เรื่องนั้นฉันก็ทำตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ฉันฝากให้นายดูแลนายแล้วเหมือนกัน แต่ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไร”
ฉึก~รู้สึกเหมือนโดนมีดปักอกเลยแฮะ
“ผมขอโทษครับที่ทำให้พี่ผิดหวัง”
“ฉันไม่เคยคาดหวังในตัวนายหรอกเลโก้ ออกไปได้แล้ว”
นั่นสินะ คนอย่างผมมีอะไรที่เขาคาดหวังได้กันล่ะ วันๆ มีแต่สร้างปัญหา
“ครับ แต่ผมยังมีเรื่องจะบอกพี่อีกเรื่อง”
“นายจะบอกว่านายเกือบจะฆ่าอาจารย์ที่ปรึกษาของนายเพราะเขาตรวจข้อสอบให้นายสอบตกใช่รึเปล่า” พี่อาทิตย์ถามทีเล่นทีจริง แต่นั่นกลับทำให้ผมนิ่งลงและมองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง และยิ่งผมนิ่งไปนาน ดวงตาของพี่อาทิตย์ก็ยิ่งดุดันขึ้นเมื่อผมกำลังแสดงออกว่าผมยอมรับผิด
“ให้ตายสิเลโก้!”
“ผมขอโทษครับ ผมยอมรับว่าผมทำร้ายมะ...ทำร้ายเขา แต่ผมไม่ได้ทำเพราะผมไม่ยอมรับว่าตัวเองสอบตกสักหน่อย อีกอย่างเขาไม่ถึงกับเกือบตายด้วย...มั้ง” ผมพยายามอธิบาย
พี่อาทิตย์ถึงกับนั่งเงียบสนิท หน้าอกของเขาผายขึ้นเพราะเขากำลังพยายามระงับสติอารมณ์ด้วยการสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แต่อย่างน้อยผมก็คิดว่าเขาเชื่อที่ผมพูดนะ เพราะคนอย่างผมไม่เคยหนีความผิด ถ้าอะไรที่ผมทำผมก็ยอมรับกับเขาเสมอ
“แล้วทำๆ ไม?”
“ผมพยายามจะแก้ปัญหา”
“ด้วยการซ้อมเขา?”
“เปล่าครับ ผมแค่เอาถุงยางยัดปากเขาแล้วบังคับให้เขากลืน เอ่อ แต่ก็มีชกกับเตะแถมๆ ไปสองสามครั้ง”
แค่สองสามครั้งนี่ยังไม่เรียกว่าซ้อมหรอกมั้ง?
“ถุงยาง?”
“ครับ เขาเสนอถุงยางให้ผมแลกกับการไม่ต้องสอบซ่อม” ผมพยายามเล่าแบบกระชับที่สุดเท่าที่จะทำได้ พูดจบก็ถอนหายใจแรงๆ เพราะรู้สึกเหมือนได้โยนก่อนหินที่ทับอยู่บนหน้าอกผมไปสักที
“ออกไปแล้วได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปพบเขาเอง” พี่อาทิตย์บอกแค่นั้น เขาไม่ถามอะไรผมเพิ่มเติมสักนิดด้วยซ้ำ ซึ่งผมอยู่กับเขามานานพอที่จะรู้ว่าผมเองก็ไม่ควรพูดอะไร จนกว่าจะมีสัญญาณว่าเขาอยากจะรู้
“จริงๆ พรุ่งนี้พี่ยังไม่ต้องไปก็ได้นะครับ” ผมตัดสินใจหันไปพูดกับเขาอีกครั้งเมื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ว พี่อาทิตย์ช้อนตามองผมนิดหน่อยเพราะเขาเองก็เปิดแฟ้มเพื่อทำงานต่อแล้วเหมือนกัน
“คือผมแค่คิดว่าบางทีพรุ่งนี้เขาอาจยังไม่มาทำงาน”
“ฉันจะลองให้ลามินเช็กอีกที”
“ขอบคุณครับ” ผมบอกสั้นๆ แล้วยิ้มนิดๆ เพื่อขอบคุณพี่อาทิตย์อีกครั้ง แต่ทันทีที่ผมยิ้ม เขากลับก้มหน้าลงเพื่อทำงานต่อ
ผมเดินกลับออกมาเงียบๆ เอื้อมมือไปเปิดประตูออกเพื่อจะเดินออกไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหันไปมองพี่อาทิตย์อีกสักรอบ แต่กลับพบว่าดวงตาสีนิลคู่นั้นเองก็กำลังจ้องมองผมอยู่
“นายคงจำได้นะว่าฉันสอนนายเสมอว่าการใช้กำลังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา”
ใช่ครับ พี่อาทิตย์สอนผมแบบนั้น
“ครับ แต่ในขณะเดียวกันพี่ก็สอนให้ผมรู้จักปกป้องตัวเอง และอย่าให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรี เพราะถ้าผมไม่ปกป้องตัวเอง พี่ก็จะไม่ปกป้องผมเหมือนกัน” ผมรีบอธิบาย จะว่าไปมันก็เหมือนกับเถียงนั่นแหละ
“แต่วิธีที่นายจะปกป้องตัวเองและศักดิ์ศรีของนายมันผิด”
“แต่ไอ้เวรนั่นมันจะ...”
“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง ที่ฉันจะบอกก็คือถ้านายใจร้อนวู่วามและถูกปลุกปั่นอารมณ์ง่ายแบบนี้ นายจะไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ไม่รู้จักโตที่ต้องย้ายโรงเรียนสามครั้งกว่าจะจบมัธยมมาได้”
เขาด่าผมสินะ
“ครับ ผมจะพยายามใจเย็นให้ได้มากกว่านี้ แต่อย่างน้อยครั้งนี้ผมก็ไม่ได้เตะมันจนสลบเหมือนสามครั้งที่ผ่านมา”
ผมควรภูมิใจและเอามาอ้างรึเปล่าวะ?
“จำไว้นะเลโก้ การทำลายศัตรู ไม่ใช่ทำให้พวกมันเจ็บ เพราะเมื่อไหร่ที่พวกมันหายเจ็บ มันจะย้อนกลับมาทำร้ายนาย และสุดท้ายนายก็จะไม่ต่างจากพวกมัน”
“แล้วผมควรยอมเหรอ”
“สิ่งที่นายควรทำคืออย่าให้พวกมันมีโอกาสย้อนกลับมาทำร้ายนายได้อีก”
"หมายความว่าพี่จะให้ผมฆ่าพวกมันงั้นเหรอ”
“เฮ้อ ฉันหวังว่าสักวันนายจะเข้าใจ”
อะไรของพี่อาทิตย์กันล่ะ!