EP 09
ตัวช่วย
Lego part :
“ถ้าตัดสินใจได้แล้วโทรบอกพี่เลยนะเลโก้ ลองอ่านบทดูก่อน ถ้ามีปัญหาตรงไหนมาคุยกันก่อนได้” พี่วินย้ำพลางตบบ่าผมสองสามครั้งเป็นเชิงคาดหวังว่าผมจะตอบตกลงช่วยเขาเล่นหนังสั้นที่เขากับเพื่อนช่วยกันทำเพื่อจะส่งประกวดในโครงการของค่ายหนัง
“ครับ แล้วยังไงผมจะรีบโทรมาบอก”
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับเลยนะ หวัดดีครับทุกคน” ผมยกมือไหว้พี่ๆ ทุกคนที่กำลังประชุมเตรียมงานกันอยู่ และเพราะพี่วินต้องประชุมงานกับเพื่อนต่อนั่นแหละ ผมก็เลยอดไปดูหนัง
ผมขออธิบายเรื่องหนังสั้นที่ว่าหน่อยก็แล้วกัน จริงๆ หนังสั้นเรื่องนี้มีทีมงานที่เป็นเพื่อนๆ ของพี่วินอีกห้าหกคนที่ช่วยกันทำน่ะ ทุกคนชื่นชอบการทำหนัง (ดูจากการเลือกเอกภาพยนตร์ก็คงรู้) ทุกคนก็เลยมารวมตัวกันเฉพาะกิจ ซึ่งผมว่ามันก็ไม่เลวนะ ติดที่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทำออกมาได้ดีรึเปล่า ผมไม่มีพื้นฐานการแสดง เพราะผมเรียนมนุษยศาสตร์ ผมกลัวทำงานเขาเสีย
ส่วนที่พี่วินเขาติดต่อผมมาได้ก็เพราะเขารู้จักผมผ่านไอ้ปาล์ม (มันค่อนข้างรู้จักคนเยอะคน) เรารู้จักกันมานานแล้วน่ะ พี่วินบอกว่าคาแรคเตอร์ของผมดูเข้าตาเขาและเหมาะสมกับบท นั่นทำให้ผมต้องก้มมองบทที่ถืออยู่ในมืออีกครั้ง
ผมเชื่อในสัญชาตญาณของคนนะ พี่วินเขาคงมองเห็นบางอย่างในตัวผมจริงๆ เขาถึงหยิบยื่นบท...นายเอก...มาให้ผม
“มึงรอกูตรงนี้แหละ กูเดินไปเอารถเอง” ไอ้ยอร์ชรีบบอกก่อนจะเดินแยกไปทางด้านหลังคณะนิเทศเพราะมันจอดรถไว้ด้านหลังตึก ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรกับอีแค่ยืนรอ
ปี๊นๆ
อยู่ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นจนผมสะดุ้ง ต้องเงยหน้าจากบทละครในมือขึ้นไปมองรถยนต์สีดำคันหรูที่ขับแล่นมาจอดตรงหน้า ดูจากรถแล้วไม่คุ้นตาเท่าไร แต่พอคนขับรถกระจกลงเท่านั้นแหละ
“มาทำอะไรแถวนี้ล่ะเลโก้”
“อ้าว หวัดดีครับอาจารย์เดลล์” ผมรีบยกมือไหว้อาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่ของผมทันทีที่จำหน้าเขาได้
เขาชื่อเดลล์น่ะ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่ชั่วคราวของผม ที่จะมารับหน้าที่แทนอาจารย์แดนสวรรค์ที่ลาออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งผมคิดว่าผมพอจะรู้สาเหตุของการลาออกแบบปุบปับของอาจารย์แดนสวรรค์นะ ค่อนข้างมั่นใจมากทีเดียวว่ามันจะต้องเกี่ยวกับผมแน่นอน แต่ที่ไม่แน่ใจก็คือพี่อาทิตย์ทำอย่าไรอาจารย์แกถึงลาออกไปเอง แถมผลการสอบของผมยังกลายเป็นผ่าน โดยที่ผมไม่ต้องสอบซ่อมเป็นครั้งที่สี่
“นอกเวลาสอนแล้ว เรียกพี่เถอะ ฉันยังไม่ชินกับการเป็นอาจารย์สักเท่าไร”
อาจารย์ เอ๊ย! พี่เดลล์บอกยิ้มๆ เขาคงไม่ชินจริงๆ นั่นแหละ เพราะไม่เคยสอนนักศึกษาที่ไหนมาก่อน แต่ที่มาสอนผมก็เพราะเพื่อนของเขาที่เป็นอาจารย์เหมือนกันไหว้วานให้เขามาช่วยเป็นอาจารย์พิเศษให้
“ครับพี่เดลล์ ผมแวะมาหารุ่นพี่น่ะครับ แต่ก็กำลังจะกลับแล้ว เพื่อนกำลังไปเอารถ”
“อ้อ งั้นตามสบาย คิดว่าเพื่อนทิ้งเลยจะถามว่าจะให้ไปส่งมั้ย”
“ไม่เป็นครับ ขอบคุณ เพื่อนผมมาพอดี ไปก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่เดลล์อีกครั้งแล้วเดินย้อนกลับมาขึ้นรถของไอ้ยอร์ชที่ขับมาจอดต่อท้ายรถของพี่เดลล์พอดี
“เดี๋ยวนี้มึงแอ๊วอาจารย์เลยเหรอไอ้เลโก้”
ปากไอ้ยอร์ชนี่น่าโดนผ้าใบผมสักทีเนอะ
“แอ๊วพ่อง ขับรถไปเงียบๆ เลยมึง อย่าพูดมาก” ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปด่ามันก่อนจะเงียบลงเพราะเบื่อจะเถียง
“กูพูดจริงๆ นะ ตอนที่อาจารย์เข้าสอน เขามองมาทางมึงตลอดเลย”
“ก็กูหล่อ”
“เออ ไอ้หน้าตาดี งั้นกูขอถามจริงๆ อีกรอบเลยแล้วกันว่ามึงชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ได้หมดถ้าทำให้กูสดชื่น”
ในเมื่อมันถามกวนตีนมา ผมก็เลยกวนตีนกลับเสียเลย
“งั้นกูเชียร์อาจารย์”
“มึงจะเชียร์เขาทำเหี้ยอะไร”
“อ้าว ก็เพราะสัญชาตญาณกูบอกว่าเขาเหมือนอาจารย์แดนสวรรค์เป๊ะ”
คำว่าเป๊ะของมันนี่แสกมากลางหน้าผากผมเลยทีเดียว
“มึงก็เพ้อเจ้อ”
“ไม่เชื่อเดี๋ยวมึงคอยดู” ไอ้ยอร์ชพูดอย่างมั่นใจ และผมก็จนใจจะเถียง
“แรกๆ มึงก็พูดงี้ตอนยุให้กูจีบหญิง”
“ก็กูยุมาสามปีแล้วมึงก็ไม่เอาใครสักคนนี่ไง กูเลยเปลี่ยนแนวยุ อีกอย่างกูเชื่อว่าอาจารย์แดนสวรรค์แม่งเลือกเหยื่อไม่พลาดหรอก”
“ไอ้สัตว์!” ผมหันไปด่ามันเต็มปากเต็มคำ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันขับรถอยู่ผมจะยกเท้าถีบยอดหน้าแม่งจริงๆ
“ถึงกูจะเป็นเหยื่อ กูก็เลือกคนขย้ำนะไอ้เหี้ย!”
“เหยดดด” ไอ้ยอร์ชลากเสียงยาวแล้วหัวเราะ ทำเอาผมหัวเราะตามไปด้วย นานๆ ทีผมจะหัวเราะได้แบบนี้ อาจเป็นเพราะวันนี้ผมอารมณ์ดีมาตั้งแต่ช่วงเช้า
ผมพยายามบอกตัวองให้ยอมรับความจริงแล้วอยู่กับมันให้ได้ ถึงผมจะเป็นได้แค่น้องชายของพี่อาทิตย์ แต่อย่างน้อยคำนั้นก็ทำให้ผมได้อยู่ใกล้เขามาตลอด และที่แน่ๆ ไอ้พวกเวรนี่คงไม่ทำให้ผมเหงาหรอก
“เดี๋ยววันนี้มึงเดินไกลหน่อยนะ กูต้องวนรถไปรับน้ององุ่น”
“อ้าว แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่เมื่อกี้ กูจะได้กลับเอง”
“ไม่เป็นไรน่า มึงไม่ได้รวยคนเดียว อีกอย่างน้ององุ่นยังไม่เลิกเรียน กูก็เลยแวะมาส่งมึงฆ่าเวลา” ไอ้ยอร์ชบอกยิ้มๆ แต่ผมก็ยังรู้สึกเกรงใจมันอยู่ดี แม้ลึกๆ แล้วจะแอบหมั่นไส้เพราะแม่งเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลา
“คนนี้มึงจริงจังเหรอ”
“ไม่ว่ะ แค่ยังไม่หมดโปรฯ”
“ไอ้ส้นตีน”
คุยกับมันทีไรผมกลายเป็นคนหยาบคายทุกทีสิน่า ผมรึอุตส่าห์ถามด้วยความเป็นห่วง เผื่อว่าถ้ามันจริงจังกับน้องเขาผมจะได้ทางหนีทีไล่ได้ เพราะจากที่เคยไปไหนมาไหนกับมันก็เข้าใจว่ามันอาจต้องไปเทกแคร์น้องเขา แต่คำตอบของมันทำให้ความรู้สึกผิดกับมันหายไปในพริบตา
ผมหันหน้าหนีแล้วเลิกพูดกับไอ้ยอร์ชนับจากนั้น จนกระทั่งมันขับรถมาส่งผมที่หน้าคอนโดนั่นแหละ ไอ้ที่ว่าเดินไกลของมันก็ไกลกว่าเดิมสักสองร้อยเมตร
“ขอให้ผลบุญที่มึงมาส่งกูวันนี้ ทำให้มึงได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดนะไอ้ยอร์ชเจ็ดเรือ” ผมแกล้งอวยพร ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินตรงกลับเข้าคอนโด เสียงไอ้ยอร์ชหัวเราะตอนผมอวยพรทำเอาผมรู้สึกหลอน
“เลโก้”
เสียงตะโกนเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินกรีดยิ้มเข้ามาหาผมทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้า จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอชื่อดิว เป็นลูกสาวหัวหน้าของพี่อาทิตย์
ผมดูออกว่าเธอชอบพี่อาทิตย์ และพี่อาทิตย์เองก็ดูออก แต่คงไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อคำว่าลูกสาวหัวหน้ามันค้ำคอ ว่าแต่...เธอมาทำอะไรที่นี่กันหว่า
“สวัสดีครับคุณดิว” ผมทักทายเธอด้วยการยกมือไหว้ เธอมองผมด้วยสองตาที่เบิกโพลงเหมือนคนตกใจเมื่อเห็นว่าผมไหว้เธอ แต่ว่าผมก็ไหว้ทุกคนนั่นแหละ
“ไม่ๆๆ ทีหลังไม่ต้องไหว้ คนกันเอง ไหว้ทำไม อีกอย่างเรียกพี่ก็พอ คุณทำไมกันล่ะ”
“เอ่อ...ครับพี่ดิว ว่าแต่พี่ดิวมาหาพี่อาทิตย์เหรอครับ” ผมรีบถาม
นี่รายที่สองของวันนี้แล้วนะที่บอกให้ผมเรียกพี่
พี่ดิวมองหน้าผมแล้วยิ้มมีความหมายนิดหน่อย ซึ่งผมพอมองออกว่าเธอจะตอบว่าใช่ แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะในเมื่อพี่อาทิตย์ไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปโดยเฉพาะคนที่มาจากที่ทำงาน ยกเว้นลามิน เขาระวังตัวเองเสมอ และถึงจะเคยบอกว่าถ้าเป็นเพื่อนของผมเขาอนุญาต แต่ผมก็ไม่เคยพาใครขึ้นไปอยู่ดีเพราะรู้ว่าพี่อาทิตย์รักความเป็นส่วนตัว และทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง
“ขอโทษนะครับ แต่เดี๋ยวผมจะโทรบอกพี่อาทิตย์ให้”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า พี่เข้าใจ แค่ตั้งใจแวะเอานี่มาฝาก ไม่ได้จะขอขึ้นไปหรอก กาแฟของพีอาทิตย์นะ ส่วนขนมของเลโก้จ้ะ ยังไงก็รบกวนเลโก้บอกพี่อาทิตย์ทีนะว่าพี่รออยู่ข้างล่าง” พี่ดิวบอกแล้วยิ้มอายๆ เธอส่งถุงแก้วกาแฟกับขนมให้ผม ที่ดูท่าทางว่าเธอจะตั้งใจซื้อมาฝากพี่อาทิตย์จริงๆ
ผมได้แต่รับถุงพวกนั้นมาแล้วยิ้มให้เธอก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับปากว่าจะส่งสารให้ เห็นแบบนี้แล้วก็ตลกดี ผมว่าเธอน่ารักดีนะ แล้วนี่ผมจะสงสารใครดีระหว่างผู้หญิงที่ยืนยิ้มหน้าแดง แถมยังบิดไปบิดมาเพราะความอายที่เป็นฝ่ายรุกก่อน หรือจะสงสารผู้ชายหน้านิ่งที่กำลังตกเป็นฝ่ายรับเพราะไม่เคยรุก
ติ๊ง!
ผมก้าวเท้าเข้ามาในลิฟต์ก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟต์ที่หมายเลขสิบ ไม่ลืมที่จะเงยหน้าไปยิ้มให้พี่ดิวก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ซึ่งหลังจากที่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นสู้ชั้นบน ผมถึงกดไปที่ชั้นสิบสามอีกครั้ง นี่เป็นอีกหนึ่งข้อที่พี่อาทิตย์สอนผมไว้เวลาเจอคนมาดักรอข้างล่าง
ผมก้มหน้ามองถุงของฝากในมือแล้วหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ทำไมผมถึงสบายใจแฮะ อีกอย่างแอบคิดว่าตลกดี เพราะนานๆ ครั้งจะเห็นผู้หญิงสักคนใจกล้ามาตามจีบพี่อาทิตย์ ผมว่าถ้าเธอไม่ได้คลั่งไคล้ในตัวเขามากๆ ก็ต้องบ้า
แล้วลิฟต์ก็พาผมมาถึงชั้นสิบสาม เมื่อกี้นี้ผมเกือบเดินออกตอนประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นสิบแน่ะ ดีนะที่ตั้งสติได้ทัน เดินเรื่อยเปื่อยออกมาจากลิฟต์จนกระทั่งถึงห้อง กดรหัสแล้วเปิดประตูเข้าไปแบบที่ทำทุกวัน หัวใจเต้นปกติดีที่เห็นรองเท้าคัทชูเบอร์สี่สิบของลามิน...
“สวัสดีครับคุณลามิน” ผมทักทายคุณลามินเมื่อเดินเข้าไปเห็นเขาคุยอยู่กับพี่อาทิตย์ที่โซฟา ก่อนจะเดินเอากาแฟเข้าไปส่งให้คนตัวสูงที่ยังนั่งทำงานแม้วันนี้จะเป็นวันเสาร์
“กาแฟของพี่ ส่วนขนมของคุณลามินครับ” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะถอยออกมาเพราะไม่อยากรบกวน พี่อาทิตย์เงยหน้าขึ้นมามองผมนิดหน่อยเหมือนจะตำหนิที่ผมทะเล่อทะล่าเดินเข้ามาผมก็เลยต้องรีบถอย
เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยเดินออกมาบอกเรื่องของพี่ดิวก็ได้หรอก เห็นผมกลับมาแบบนี้คิดว่าอีกไม่นานคุณลามินก็กลับ เพราะมันจะเป็นแบบนั้นเสมอ พี่ดิวคงรอได้นั่นแหละ
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องของผม เอากระเป๋าเป้ไปเก็บแล้วทิ้งตัวลงที่นอน อะไรจะมีความสุขเท่ากับการได้รู้ว่าตัวเองสอบผ่าน และพรุ่งนี้วันอาทิตย์ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจฉลองให้ตัวเองด้วยการงดออกไปที่คลับหนึ่งคืน ซึ่งจริงๆ แล้วข้ออ้างน่ะ ความจริงคือร่างกายของผมยังเป็นผื่นเต็มตัวอยู่เลย ถ้าคืนนี้ผมอัดเบียร์เข้าไปอีก ยาแก้แพ้ก็คงเอาไม่อยู่
แกร๊ก!
แล้วผมก็เปิดประตูห้องออกมาเมื่อดูเวลาแล้วคิดว่าคุณลามินคงกลับไปแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เพราะพอผมเดินออกมา ก็เห็นแค่พี่อาทิตย์นั่งดูโทรทัศน์อยู่คนเดียว ส่วนเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าก็ถูกจัดวางแบบเป็นระเบียบ บ่งบอกว่าวันนี้เขาจะไม่แตะมันแล้ว
อ้อ ใกล้กันมีแก้วกาแฟที่พี่อาทิตย์ดูดไปแล้วครึ่งแก้ว และกำลังจะหยิบมันขึ้นมาดูดอีกรอบเมื่อเห็นว่าผมกำลังมองเขาอยู่
“ไหนปกตินายบอกไม่ให้ฉันกินกาแฟตอนเย็นๆ”
ถึงจะถามเหมือนไม่อยากกิน แต่เท่าที่เห็นก็หมดแก้วแล้วนะนั่น
“แล้วผมบังคับให้พี่กินเหรอ” ผมแกล้งว่าก่อนจะดื่มน้ำเย็นจนหมดแก้ว คนถูกย้อนถึงกับหันมามองตาขวาง
“ความจริงผมไม่ได้ซื้อมาหรอก พี่ดิวซื้อมาฝากพี่น่ะ เธอให้ผมบอกพี่ว่าเธอรออยู่ข้างล่าง” แล้วผมก็รีบส่งข่าวเสียเลย
“พี่ดิว?”
“ครับ ก็คุณดิวที่พี่บอกว่าเป็นลูกสาวของเจ้านายพี่ไง เธอแวะมาหาพี่น่ะ เมื่อกี้นี้เห็นคุณลามินอยู่ผมเลยไม่ได้บอก กลัวพี่โดนล้อ” ผมแกล้งแซวยกใหญ่ แม้จะรู้ดีว่าคนถูกแซวคงไม่ขำ
พี่อาทิตย์ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะบ่นรำพึงรำพันคนเดียวเบาๆ ก่อนจะมองผมด้วยสายตาไม่พอใจแล้วลุกขึ้นหอบงานของเขากลับเข้าไปในห้อง นั่นแหละแผนยึดโซฟาของผม คืนนี้ผมจะนอนดูหนังจนเช้าเลยคอยดู
ส่วนพี่ดิวน่ะเหรอ เดี๋ยวเธอคงกลับไปเอง เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าพี่อาทิตย์ไม่มีทางลงไปหาเธอแน่ๆ อย่างมากเขาก็คงโทรบอกให้เธอกลับไป
ผมเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา เอื้อมมือไปหยิบรีโมตมากดเปลี่ยนช่องรายการทีวี จากข่าวสารบ้านเมืองที่พี่อาทิตย์ชอบดูเป็นหนังฆาตกรรมแนวโปรด ก่อนจะยืดขาออกไปยาวๆ แล้วเอนหลังลงนอน
เพล้ง!
แล้วเสียงบางอย่างตกลงมาแตกที่ดังมาจากในห้องพี่อาทิตย์ก็ทำให้ผมหันไปมอง แต่ก็ไม่เห็นว่าพี่อาทิตย์จะเดินออกมานี่นา
ตึง!
ก๊อกๆๆ
“พี่อาทิตย์ เป็นอะไรรึเปล่าครับ เสียงอะไรอ่ะ” ผมรีบวิ่งมาเคาะประตูแล้วตะโกนถาม ปกติพี่อาทิตย์ไม่ใช่คนซุ่มซ่ามหรอก แต่ผมก็เข้าใจว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ แต่มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นติดกันสองครั้งโดยเฉพาะในห้องของพี่อาทิตย์
โครม!
ก๊อกๆๆ
“พี่อาทิตย์ เป็นอะไรรึเปล่าพี่!”
“ฉัน…ไม่เป็นไร”
เสียงของพี่อาทิตย์เบามากจนผมที่แนบหูฟังกับประตูยังแทบไม่ได้ยิน หัวใจของผมตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะรู้สึกเป็นห่วง แต่กลับไม่กล้าพอจะเปิดเข้าไป
"โธ่ว้อยยย!”
แล้วผมก็เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของพี่อาทิตย์
วินาทีนั้นทำให้ผมตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่ลังเลอีกต่อไป และที่ผมสามารถเปิดเข้ามาได้ก็เพราะพี่อาทิตย์ไม่เคยล็อกห้อง เพราะปกติถ้าจะเข้ามาไม่ว่าจะผมหรือคุณลามินก็ต้องได้รับอนุญาตก่อนทั้งนั้น
“พี่…”
“ออกไป!” พี่อาทิตย์ตะคอกบอกทันทีที่ผมก้าวพรวดเข้าไป ภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ลำคอของผมแห้งผากไปหมด
พี่อาทิตย์ถอดเสื้อออกแล้วยืนเท้าโต๊ะทำงานอยู่ในสภาพที่ร่างกายสั่นเทิ้ม เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาตามมัดกล้าม แผงอกรวมไปถึงลอนของกล้ามที่หน้าท้อง
“ฉันสั่งให้ออกไปเลโก้!”
“แต่...”
“กลับไปที่ห้องนายเดี๋ยวนี้”
แววตาของเขาแดงก่ำ ในขณะที่ร่างกายของเขายังคงสั่นเกร็ง ไม่นานสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมแทบลืมหายใจเมื่อเห็นกับตาว่าพี่อาทิตย์กำลังล้วงฝ่ามือหนาๆ ของเขาเข้าไปในกางเกง
“อ้า...”
เสียงครางของพี่อาทิตย์ที่ผมได้ยินมันแผ่วเบา แต่มันพอจะบอกผมได้ว่าพี่อาทิตย์กำลังเป็นอะไร ผมไม่ใช่เด็กประถมนะที่จะได้ดูไม่ออก
“ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือยังไง กลับไปห้องของนายซะ!” พี่อาทิตย์ยังพยายามพูดกับผม ทั้งที่ตอนนี้เสียงของเขาแหบแห้ง ฟังแทบไม่รู้เรื่องแล้วด้วยซ้ำ ใบหน้าของเขาเรียบตึงไปหมด อาการน่ากลัวขึ้นทุกที
“พี่จะให้ผมทิ้งพี่ได้ยังไง” ผมรีบถาม ดูจากสภาพของห้องแล้วนี่เพิ่งเริ่มต้นด้วยซ้ำ ถึงจะไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาทั้งหมดแต่ส่วนหนึ่งคงมาจากสภาะอารมณ์ที่เขาคงกำลังโกรธเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ “ผมรู้ว่าพี่กำลังต้องการ”
“แต่ฉันไม่ได้ต้องการมันจากนาย! ออกไป!” พี่อาทิตย์สวนกลับมาทันทีแล้วมองผมด้วยแววตาดุดัน
ผมรู้สึกเหมือนถูกกระชากไปชกกลางสี่แยกเมื่อเขายืนยันชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการมันจากผม ร่างกาบชาวาบราวกับเพิ่งถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัดๆ
จริงๆ ผมก็อยากจะก้าวเท้าออกไปตั้งแต่ที่ได้ยินคำพูดนั้นของพี่อาทิตย์แล้วนั่นล่ะ แต่สองขามันชามาก กระดิกไม่ออกเลย จนสุดท้ายพี่อาทิตย์ก็ต้องเป็นฝ่ายเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำ