EP 08
นัดพบ
ก๊อกๆ ๆ
เสียงเคาะกระจกรถทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ก่อนจะต้องกดลดกระจกลงเพื่อสบตากับหญิงรูปร่างแบบบางที่ยืนฉีกยิ้มหวานให้ผมอยู่ข้างรถ ริมฝีปากอวบอิ่มถูกแต่งแต้มด้วยสีนู้ดดูเย้ายวน ดวงตาคู่สวยของเธอมองผมอย่างมีความหมาย
“สวัสดีค่ะคุณทนาย” เธอทักทายผมด้วยเสียงหวานๆ ที่ถึงแม้ผมอยากจะเสียมารยาทกับเธอเท่าไหร่ก็ทำได้แค่เพียงยิ้ม
“สวัสดีครับ มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับคุณดิว” ร่างบางขยับตัวเองเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมทักทายและยิ้มให้
“ดิวบังเอิญผ่านมาแถวนี้น่ะค่ะ แล้วพี่อาทิตย์ล่ะคะ”
ผมก็คงบังเอิญเหมือนกันล่ะมั้ง คงต้องโทษไอ้เด็กแสบนั่นที่ดันมาหิวผิดจังหวะเวลา
“นั่นน้องชายคุณใช่มั้ยคะ ชื่ออะไรนะ เลโก้หรือเปล่า” ดิวถามพลางชี้นิ้วเข้าไปในเซเว่นที่ตอนนี้เลโก้กำลังยืนรอรับเงินทอนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน แถมยังส่งยิ้มหวานให้พนักงานสาวคนนั้นเหมือนรู้จักสนิทกันมานาน
ผมรู้ว่าเลโก้เฟรนลี่กับทุกคนนั่นแหละ ยกเว้นผม นานๆ ผมถึงจะเห็นเขายิ้มให้สักครั้ง ไม่สิ ความจริงผมเห็นบ่อย แต่นานๆ ครั้งผมถึงจะจ้องมอง เพราะทุกครั้งที่เลโก้ยิ้ม ผมมักทำเป็นไม่มองเสมอ
“ใช่ครับ” ผมตอบเสียงเรียบแล้วลอบถอนหายใจ พอดีกับที่เลโก้เดินกลับมาถึงรถพอดี “โทษทีนะครับ แต่ผมคงต้องไปกันก่อน”
“ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ ตั้งใจเรียนะเลโก้” ดิวเผื่อแผ่ความมีน้ำใจไปถึงเลโก้ที่ยังคงมองเธอและผมสลับกันงงๆ
“ครับผม” สุดท้ายเลโก้ก็ยิ้มให้คนแปลกหน้าง่ายเสมอ
ผมหันไปยิ้มให้ดิวอีกครั้งก่อนจะขับรถออกมาตามปกติ สายตาเหลือบไปมองกระจกมองหลังนิดหน่อย และยังเห็นว่าดิวยังคงโบกมือลาผมอยู่ที่เดิม
“นี่กาแฟดำของพี่ แซนวิชหมูหยองมายองเนส ขนมปังไส้กรอกกับหมากฝรั่งมินต์” เลโก้ร่ายชื่ออาหารเช้าของผมเสียยืดยาวก่อนจะเอาแก้วกาแฟของผมวางลงตรงช่องวางแก้วด้านหน้า จากนั้นก็หยิบนมสดรสจืดขวดโตกับแซนวิชแฮมของตัวเองออกมาจากถุง แล้วโยนถุงที่มีมื้อเช้าของผมที่ยังคงรวมกันอยู่ในถุงไปไว้ที่เบาะหลัง
ผมได้แต่มองตามถุงนั่นไป ก่อนจะหันกลับมามองเลโก้ที่แกะแซนวิชกินเอาๆ เหมือนหิวมาก และนั่นก็ทำให้ผมสังเกตเห็นผื่นสีแดงๆ ที่ลำคอขาวๆ ของเลโก้
“รู้ว่าแพ้แอลกอฮอล์ ทำไมไม่ระวัง”
พอเห็นแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะดุ เสียงเข้มๆ ของผมทำให้เลโก้กลืนแซนวิชคำแรกลงคอไปอย่างยากลำบาก
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ใครเหรอครับ เธอจีบพี่เหรอ”
“ฉันถามนายก่อนเลโก้ อย่าเปลี่ยนเรื่อง”
“ขอโทษครับ แต่ผมกินยาแก้แพ้แล้ว” ยังจะมีหน้ามาพูดว่ากินยาแก้แพ้แล้ว
“นายแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบนี้เสมอสินะ”
“ครั้งสุดท้ายแล้วน่า ผมก็ยอมให้พี่หักเงินค่าขนมแล้วไง”
นั่นไงล่ะ ผมว่าแล้วเชียว นี่สินะเหตุผลที่แท้จริงที่ไม่หยิบเงินที่ผมวางไว้ให้มา
“ผมตอบคำถามพี่แล้ว พี่ตอบผมบ้างสิ ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ เธอจีบพี่เหรอ” หลังจากรับสารภาพไปอย่างหน้ามึนๆ เลโก้ก็เริ่มยิงคำถามใส่ผมทันที
“นายรู้ได้ไงว่าเธอจีบฉัน”
“เหอะ! ผู้หญิงเวลามองผู้ชายแล้วยิ้มแบบนั้นก็แปลว่าอยากได้ทั้งนั้นแหละ ผมโดนออกบ่อยไป”
“เลโก้” ไอ้เด็กนี่ปากมันวอนจริงๆ
“ก็จริงนี่ ผมไม่ได้ขี้เหร่จนสาวเมิน ว่าแต่...ทำไมพี่ถึงยอมให้เธอมาวอแวด้วยล่ะ ปกติพี่ไม่ชอบผู้หญิง ไม่ใช่ๆ ปกติผมไม่เคยเห็นพี่ยิ้มให้คนง่ายๆ ผมรู้นะว่าพี่ดูออกว่าเธอคิดยังไง”
บอกตรงๆ ว่าผมสะอึกไปเหมือนกันตอนที่ได้ยินเลโก้บอกว่าผมไม่ชอบผู้หญิง แต่ก็ยังดีที่รู้จักแก้สถานการณ์ได้ทัน ไม่งั้นผมคงไม่รู้จะตอบยังไง
“เธอเป็นลูกสาวเจ้านายน่ะ”
“อ่อ อย่างงี้นี่เอง แบบนี้ก็ต้องยอมแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่าครับ”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าแค่ทักทายกันแบบเมื่อกี้ก็พอไหว”
“พี่เอสหึงแย่”
“หืมมม”
“เดี๋ยวพี่จอดที่หน้ามหา’ ลัยก็ได้ครับ เมื่อกี้ไอ้ยอร์ชโทรมาบอกว่าจะถึงแล้ว ผมเลยบอกให้มันแวะรับข้างหน้า” เลโก้พูดแทรกแล้วชี้นิ้วออกคำสั่งกับผมเหมือนเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าผมควรทำยังไง เพราะดูเหมือนเลโก้กำลังใช้เอสกันตัวเองออกจากผม
“ขอบคุณครับพี่”
“ตั้งใจเรียนล่ะ”
“ผมก็ตั้งใจเรียนทุกวันแหละ อ่ะ นี่ผมฝากทิ้งด้วยนะ บายครับ” เลโก้บอกเร็วๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วเดินลงจากรถของผมไปขึ้นรถคันหลังที่เพิ่งจะขับมาจอดต่อท้ายรถของผม แถมยังทิ้งขวดนมไว้ให้ผมดูต่างหน้า
เฮ้อ! ผมก็งงเหมือนกันว่าสรุปแล้ววันนี้เรื่องระหว่างผมกับเลโก้ มันปกติรึเปล่า มันดีแล้วใช่มั้ยที่เลโก้เป็นแบบนี้
“ฮัลโหลลามิน ได้เรื่องแล้วหรือยัง”
[ผมส่งข้อมูลไปที่อีเมลส่วนตัวตามที่คุณอาทิตย์สั่งเรียบร้อยแล้วครับ]
“ขอบใจ” ผมติดต่อลามินทันทีหลังเห็นเพื่อนของเลโก้ขับรถเข้าไปในมหา’ ลัยเพราะยังคงมีอีกเรื่องที่ผมต้องรีบจัดการรีบเปิดอีเมลเพื่อเช็กข้อมูลที่ลามินบอกว่าเพิ่งส่งมาให้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ ผมเลยให้ลามินส่งข้อมูลเข้าอีเมลส่วนตัวของผม เพราะไม่อยากให้ปะปนกับอีเมลของงานในที่ทำงาน
สายตาของผมไล่อ่านรายละเอียดของคนที่ผมอยากรู้จักคร่าวๆ เขาคือผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นญาติของเลโก้ที่แวะมาหาผมเมื่อวันก่อนนะ ชื่อเดลล์ อายุสามสิบเอ็ดปี จะถือว่าเท่ากับผมก็ได้ทั้งที่ผมอ่อนเดือนกว่า จากข้อมูลที่ผมมีในมือ เดลล์เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน พ่อเป็นอเมริกัน ส่วนแม่เป็นคนไทย นั่นอาจเป็นเหตุผลสนับสนุนเรื่องที่เขาอ้างตัวว่าญาติของเลโก้ เพราะผมจำได้ว่าแม่ของเลโก้ก็แต่งงานใหม่กับชาวอเมริกัน
แต่...ถ้าเขาอายุเท่าผม นั่นแปลว่าเขาเองก็เกิดก่อนการแต่งงานครั้งนั้นเหมือนกัน แน่นอนว่าเขาคือลูกติดของฝ่ายชาย
"เหอะ” ผมถึงกับแค่นหัวเราะเมื่อนึกย้อนไปถึงเลโก้ แม่ของเขาไม่กล้าบอกสามีใหม่ว่ามีลูกแล้ว แต่ในทางกลับกันกลับยอมรับลูกของอีกฝ่ายแล้วทอดทิ้งลูกของตัวเอง
ถอนหายใจเบาๆ แล้วพยายามจะมองทุกอย่างในแง่ดี สงสารก็แต่เลโก้เท่านั้นแหละ และคงมีแค่ผมที่ต้องปกป้องเด็กคนนั้นอย่างดีที่สุด
หลายนาทีที่ผมจ้องมองภาพของผู้ชายคนนั้นเพื่อจดจำใบหน้าของเขา ก่อนจะเหลียวไปมองกระจกหลังเพื่อขับรถกลับคอนโด ทว่าสายตาของผมเหลือบไปเห็นรถยนต์สีดำคันหนึ่งที่เพิ่งจะขับแซงรถของผมขึ้นมาก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในมหา’ ลัย
ผมมองรถคันนั้นสลับกับภาพที่อยู่ในมือถือของผมอยู่หลายครั้งจนกระทั่งมั่นใจว่าเป็นรถคันเดียวกับที่อยู่ในรูปถ่าย หนึ่งในสี่รูปที่ลามินส่งมาจึงรีบขับรถตามรถคันนั้นเข้ามาในมหา’ ลัยทันที ตั่งใจจะทิ้งระยะห่างไม่มาก เลือกจอดเทียบฟุตบาธใต้ร่มไม้ช่วงก่อนถึงตึกเรียนของเลโก้ ส่วนรถยนต์คันที่ผมขับตามเข้ามาจอดที่หน้าตึกเรียนพอดี คนขับรถคันนั้นก้าวเท้าลงจากรถหลังจากที่เขาคงมองเห็นเลโก้นั่งคุยกับเพื่อนอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนแถวหน้าตึก
ผมยอมรับว่าตัวจริงดูดีกว่าในรูปพอสมควร แถมเท่าที่ผมเห็นส่วนสูงของเขาก็น่าจะเกือบสองเมตรเพราะว่าเป็นลูกครึ่งตามที่ข้อมูลบอก
ผู้ชายคนนั้นกำลังเดินตรงไปหาเลโก้ ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะแนะนำตัวเองกับเลโก้ว่าอะไร แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเขาไม่กล้าพูดตรงๆ หรอก อย่างมากก็แค่มาเพื่อทำความรู้จัก และเพราะผมอยู่กับเลโก้มาก่อน ผมจึงรู้ว่าเลโก้ ไม่ได้ยอมให้ใครเข้าถึงได้ง่ายๆ ยิ่งประกอบกับอาชีพของผมที่มีความเสี่ยง ผมจึงมักสอนให้เลโก้ระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ นั่นยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตีสนิทกับเลโก้
“s**t!”
แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้ผมหลุดปากสบถคำหยาบแล้วทุบพวงมาลัยรถแรงๆ เมื่อมันดันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมคิดโดยสิ้นเชิง เพราะคิดเข้าข้างตัวเองยังไม่ทันไร ก็เห็นเลโก้เดินขึ้นตึกไปกับผู้ชายคนนั้นหน้าตาเฉย
“ที่ฉันสอนทุกวี่ทุกวันนี่ไม่เคยจำเลยสินะ” ผมกัดฟันกรอดแล้วกำพวงมาลัยรถแน่นอย่างไม่กลัวว่ามันจะหักคามือ จ้องมองเลโก้เดินยิ้มไปกับไอ้บ้านั่นแล้วอยากกระชากประตูรถออกแล้วเดินไปลากคอไอ้เด็กนั่นกลับมาตีซะให้เข็ด
“ฮัลโหลลามิน”
นี่ถ้าผมเรียกชื่อลามินแล้วได้เงิน ผมอาจจะเลิกเป็นทนายไปแล้ว
“ติดต่อไอ้หมอนั่นแล้วบอกว่าฉันสะดวกให้มาพบวันจันทร์”
[ได้ครับ] ได้รับคำตอบรับแล้วผมจึงกดวางสายก่อนจะถอนหายใจแรงๆ มองไปที่กระจกหลังอีกครั้งเพื่อเตรียมออกรถ แต่คราวนี้สายตาของผมดันเหลือบไปเห็นถุงสีขาวจากร้านเซเว่นที่เลโก้โยนมันไปไว้เมื่อก่อนหน้านี้
ผมตัดสินใจดึงเบรกมือขึ้นอีกครั้งแล้วเอื้อมมือไปคว้าถุงใบนั้นมาไว้บนตัก ในถุงมีทั้งแซนด์วิชและขนมปัง รวมถึงหมากฝรั่งที่ผมมักเห็นเลโก้ซื้อไปติดไว้ที่ห้องเสมอ
เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกหิวหรอกนะ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเลือกแกะขนมปังไส้กรอกกินเป็นอย่างแรก ก่อนจะหยิบกาแฟดำที่ผมชอบขึ้นมาดื่ม แม้รสชาติจะไม่ดีเท่าร้านโปรดของผมนัก แต่ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย
สุดท้ายผมก็กินหมดทั้งขนมปังแซนด์วิช และกาแฟ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าขนมปังและแซนด์วิชมันอร่อยหรือเปล่า รู้แต่ว่าเลโก้คงชอบถึงขนาดขาดไม่ได้ ซื้อติดมือกลับห้องแทบทุกวัน แต่สุดท้ายแล้วผมนี่แหละที่มักลุกมากินตอนตอนดึกๆ แล้วพอเช้ามาเลโก้ก็หาไม่เจอ
แรกๆ ก็โวยวายบ้าง แต่หลังๆ คงรู้ว่าโวยวายไปก็ไม่ได้คืน จนบางทีผมก็สงสัยว่าเลโกซื้อมากินเอง หรือซื้อมาไว้ให้ผมกินเพราะรู้ว่าผมชอบหิวตอนดึกกันแน่เพราะรู้ตัวทีไร ผมกินหมดไม่เคยเหลือสักที