bc

Black scorpion มาเฟียถลำรัก

book_age18+
1.1K
FOLLOW
4.9K
READ
forced
goodgirl
mafia
enimies to lovers
weak to strong
sassy
discipline
punishment
bodyguard
tyrant
like
intro-logo
Blurb

จุดเริ่มต้นของฉันคือการถูกพ่อกับแม่พามาขายให้กับมาเฟีย นั่นทำให้ฉันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแบล็กสกอร์เปี้ยน

ข้อตกลงที่ระบุเอาไว้ชัดเจนในสัญญาก็คือการที่ฉันห้ามพบเจอและติดต่อกับพ่อและแม่แท้ๆ ของฉันอีกตลอดชีวิต แต่มาวันนี้ฉันกลับได้รับข่าวร้ายว่าแม่ของฉันป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นั่นทำให้ฉันตัดสินใจจะละเมิดข้อตกลงทั้งหมดที่ถูกระบุเอาไว้ในสัญญา

แต่ท้ายที่สุดแล้ว การแอบกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง กลับทำให้ฉันต้องเผชิญกับชะตากรรมที่แสนจะเลวร้าย เมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ฉันถูกพาตัวกลับมาที่แบล็กซิโน หนำซ้ำยังต้องกลายเป็นสินค้าของแบล็กสกอร์เปี้ยนซะเอง!!!

“ตามคนของฉันไป เขาจะแนะนำเธอเองว่าต้องทำอะไรบ้าง”

“ค่ะ”

“พาไปที่ห้องพักสินค้า ให้คนไปตรวจร่างกายให้เรียบร้อยก่อนห้าโมง เตรียมตัวให้เรียบร้อยแล้วหนึ่งทุ่มพาขึ้นไปที่ห้องพัก คุณคิราวะจะมาถึงตอนสองทุ่ม”

แต่แล้วชื่อที่ได้ยินก็ทำให้สองขาของฉันที่กำลังจะก้าวออกไปก็ต้องชะงักงัน

“ลูกค้าชะ ชื่ออะไรนะ” ฉันถามออกไปเสียงดังด้วยความตกใจ สายตาจ้องมองโทชิอย่างรอคอยคำตอบ

ไม่จริง ต้องไม่ใช่เขาสิ!

“คุณคิราวะ บอดี้การ์ดมือหนึ่งของคุณโอยามะ”

ฆ่าฉันเถอะ!

chap-preview
Free preview
Intro
“ฉันกับฮานะกลับก่อนนะโทโมะ” ฉันหันไปบอกโทโมะ เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่กำลังเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋าเป้ใบโตของเขาอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาออกจะตั้งใจมากเกินไปด้วยซ้ำ เสียงของฉันทำให้โทโมะหันกลับมามองหน้าฉันนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าตอบกลับมาแค่เบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ หน้าตาเขาเหมือนไม่เต็มใจยิ้มให้ฉันสักเท่าไหร่ และที่สำคัญคือเขาไม่ได้หันกลับมามองที่ฉันเลยสักนิด สายตาคู่นั้นของโทโมะเอาแต่เหม่อมองไปที่ผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันมากกว่าที่จะสนใจฉันซึ่งกำลังพูดกับเขา และเมื่อฉันเห็นว่าเขาอุตส่าห์สละเวลาส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ทั้งที่ไม่ได้มองมา ฉันก็พลอยต้องยิ้มเจื่อนกลับไปให้เขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เฮ้อ~ ช่วยไม่ได้นี่นา ชอบใครไม่ชอบ เขาดันไปชอบฮานะ ผู้หญิงของคุณโอยามะ ประธานกลุ่มแบล็กสกอร์เปี้ยน ซึ่งเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในย่านมารุ การชอบผู้หญิงคนสำคัญของคนที่สำคัญถึงขนาดสามารถพลิกขาวให้กลายเป็นดำ หรือพลิกดำให้กลายเป็นขาวได้แค่เพียงเอ่ยปาก เรื่องมันก็จะเศร้าๆ หน่อยนั่นแหละ อย่างที่บอกว่าแบล็กสกอร์เปี้ยนเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในย่านมารุ ทุกอย่างในย่านมารุล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบล็กสกอร์เปี้ยนทั้งสิ้น หากไม่เกี่ยวกันทางตรงก็ต้องทางอ้อม ถ้าไม่มีเบื้องหน้าที่เกี่ยวกันตรงๆ ก็ต้องมีเบื้องหลังที่เกี่ยวโยงถึงกันอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ฮานะจะกลายเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียน เธอเป็นผู้หญิงที่คนทั้งโรงเรียนต้องก้มหน้าหลบสายตาทั้งที่ฉันไม่เคยเห็นว่าเธอจะเคยหาเรื่องใครเลยด้วยซ้ำ บางคนไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเธอเพราะทั้งกลัวและเกรงในอิทธิพลและอำนาจของคุณโอยามะ และนอกจากเรื่องที่ฉันอธิบายมาทั้งหมดแล้ว คุณโอยามะก็ยังถือเป็นผู้มีพระคุณของฉันอีกด้วย เพราะถ้าไม่ได้คุณโอยามะช่วยฉันเอาไว้ในตอนนั้น ป่านนี้ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะเป็นยังไง หรือบางทีฉันอาจตายไปแล้วก็ได้ เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว ฉันถูกพ่อกับแม่พามาขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้การพนันที่พ่อไปกู้หนี้ยืมสินมาจากแบล็กซิโน (หนึ่งในธุรกิจของแบล็กสกอร์เปี้ยน) เพราะพ่อของฉันติดการพนันเข้าขั้นหนักมาก และคนที่ซื้อฉันไว้ก็คือคุณโอยามะยังไงล่ะ สารภาพตามตรงว่าแรกๆ ฉันก็แอบกลัวเขาอยู่เหมือนกัน และตอนนี้ก็ยอมรับว่ายังกลัวอยู่ เพียงแต่ไม่ได้กลัวว่าเขาจะทำอะไรฉันเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แต่แค่กลัวเพราะคุณโอยามะเป็นคนดุและค่อนข้างเข้มงวดมากก็เท่านั้นเอง “นี่ริโกะ วันนี้เราเดินไปรอคิราวะที่หน้าโรงเรียนกันมั้ย” ฮานะหันมาถามเมื่อเธอเก็บของใส่กระเป๋าเป้เรียบร้อยแล้ว ปกติเวลาเลิกเรียนแบบนี้เธอกับฉันจะต้องเดินลงบันไดไปรอคุณคิราวะที่กำลังขับรถมารับที่ชั้นล่างด้านหน้าตึกเรียนน่ะ และคุณคิราวะที่ฮานะพูดถึงเมื่อครู่ หรือก็คือคนที่กำลังขับรถมารับฮานะกับฉัน ก็คือบอดี้การ์ดมือขวาของคุณโอยามะที่มีหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยของฮานะอย่างใกล้ชิด ยกตัวอย่างหน้าที่หลักๆ ของคุณคิราวะเลยก็คือการขับรถรับส่งฮานะมาโรงเรียน ซึ่งก็พลอยทำให้ฉันได้รับความสะดวกสบายและเหมือนจะได้รับการดูแลไปด้วย เพราะหน้าที่สำคัญที่ฉันได้รับมอบหมายมาจากคุณโอยามะโดยตรงคือการเป็นเพื่อนของฮานะยังไงล่ะ! ตลอดเกือบสี่ปีที่ผ่านมา หลังจากที่คุณโอยามะซื้อฉันมาจากพ่อและแม่แท้ๆ เขาก็ดูแลฉันเป็นอย่างดีมาตลอด ทั้งส่งฉันเรียนหนังสือ ให้ที่พัก รวมถึงยังให้ฉันได้ทำงานอีกด้วย ดังนั้นฉันถึงได้ยอมทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนเขาอย่างเต็มที่ อย่างเช่นเรื่องการต้องย้ายจากโรงเรียนเดิมมาเรียนที่นี่เพื่อเป็นเพื่อนกับฮานะก็เป็นเรื่องที่ฉันเต็มใจ แม้จะมีบางทีที่ฉันแอบคิดว่าเธองี่เง่าไปบ้าง และบางครั้งต้องยอมรับว่าฉันคิดว่าฉันกับเธอไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกันเลยสักนิดก็ตาม “เธออยากโดนคุณโอยามะลงโทษรึไง” ฉันถามออกไปพลางชะงักฝีเท้าลงที่หน้าตึก รู้ดีว่าถ้าเดินออกไปถึงหน้าโรงเรียน มีหวังโดนคุณคิราวะดุแหงๆ หนักสุดถ้าคุณคิราวะเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้คุณโอยามะรู้เข้า ฉันก็อาจโดนคุณโอยามะลงโทษเพราะพาฮานะเดินตากแดดแถมยังอาจจะต้องเบียดเสียดกับคนอื่นจนอาจทำให้เธอได้รับอันตรายก็ได้ ถึงแม้ลึกๆ แล้วฉันเองก็อยากจะทำแบบนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่กล้าพอจะเสี่ยงหรอก ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมาฉันไม่มีปัญญารับผิดชอบแน่ๆ “นั่นสินะ ขืนทำแบบนั้นได้โดนโอยามะเล่นงานแหงเลย” ฮานะว่าเสียงอ่อยพลางยิ้มเจื่อนใส่ฉันอีกคน ฉันได้แต่ยืนมองเธอแล้วแอบยิ้มจางๆ บางทีก็นึกอิจฉาที่เธอได้เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของคุณโอยามะที่เขาทั้งรักทั้งหวง ทั้งเป็นห่วงถึงขนาดไม่เคยปล่อยให้เธอคลาดสายตา แต่บางทีก็รู้สึกสงสารที่เธอไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย ทั้งที่ยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองแท้ๆ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่เธออยากจะเดินไปกินบะหมี่เย็นที่ร้านฝั่งตรงกันข้ามกับโรงเรียน เธอยังไม่สามารถข้ามไปได้เลยเพราะคุณโอยามะไม่อนุญาต ซึ่งถึงฉันจะคิดว่ามันไม่น่ามีอะไร แต่อย่างที่บอกนั่นแหละว่าไม่กล้าพอจะเสี่ยงพาเธอเดินออกไป เพราะฉันเองก็ทำงานให้คุณโอยามะมานาน ก็เลยเข้าใจว่าคนที่ต้องการจะล้มเขามีอยู่มาก ดังนั้นก็เลยพอเข้าใจว่าคงเป็นเพราะเขาเป็นห่วงเธอมาก และกลัวว่าจะมีคนที่คิดไม่ดีกับเขามาลอบทำร้ายเธอนั่นแหละ เขาถึงต้องออกคำสั่งแบบนั้น สรุปเลยแล้วกันว่าฉันก็เลยอดกินบะหมี่เย็นร้านนั้นไปด้วย น่าเบื่อชะมัด! “นี่ริโกะ” “ว่าไง” “เธอกับคุณคิราวะ คบกันอยู่เหรอ” “หา!” ฉันถึงกับร้องถามเสียงดังอย่างลืมตัว ตกใจกับคำถามที่ฮานะเพิ่งจะถามออกมาจนหัวใจกระตุกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มโน่น “ฮั่นแน่ ใช่จริงด้วย ฉันถามแค่นี้เธอหน้าแดงแปร๊ดเลยนะ” ฮานะยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าฉันอย่างตั้งใจจะล้อเลียน “เปล่าสักหน่อย เธอเข้าใจผิดแล้วฮานะ” “เหรอ งั้นที่ฉันสังเกตเห็นว่าเธอกับเขาชอบมองตากันอยู่บ่อยๆ นี่ฉันตาฝาดไปเหรอเนี่ย” “ใช่ เธอตาฝาดน่ะ” ฉันยืนยันอย่างหนักแน่น และกำลังพยายามทำหน้านิ่งไม่สนใจสายตาจ้องจับผิดของฮานะต่อไปจนกระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นรถยนต์คันสีดำที่กำลังแล่นมาจอดที่หน้าตึกเรียน “ฮั่นแน่” “เดี๋ยวเถอะฮานะ!” ฉันว่าเสียงดังเมื่อฮานะยังพยายามจะจับผิดฉันไม่เลิก แต่เธอกลับหัวเราะเสียงดังกว่า แล้วเดินหนีฉันไปขึ้นรถที่คุณคิราวะกำลังรีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูรถให้เธอพอดี เอ่อ...ฉันไม่ควรมองหน้าคุณคิราวะสินะ ไม่อย่างนั้นฮานะต้องไม่เลิกล้อแน่ๆ เลย “ริโกะๆ” แต่แล้วระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินตามฮานะไปขึ้นรถ ก็ไม่รู้ว่าโทโมะวิ่งมาจากทางไหน รู้ตัวอีกทีเขาก็วิ่งมายืนหอบหายใจถี่อยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว “มีอะไรเหรอโทโมะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะถามออกไปอย่างงงๆ “เอ่อ...” โทโมะยืนมองหน้าฉันอยู่อย่างนั้นแต่กลับไม่ยอมพูดให้จบ แถมยังเอาแต่เหลือบมองไปที่ฮานะซึ่งยืนอยู่ที่ประตูรถ โดยมีคุณคิราวะที่เปิดประตูรถค้างเอาไว้ยืนอยู่ข้างๆ แล้วตอนนี้ทั้งสายตาของฮานะและสายตาของคุณคิราวะก็กำลังมองมาที่ฉันกับเขาอย่างสนอกสนใจ นานหลายนาทีที่โทโมะเอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา หน้าตาเขาดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจจนฉันเริ่มเป็นกังวลและรู้สึกเป็นห่วง “ทำใจเถอะนะโทโมะ ยังไงนายก็ยังมีฉันนะ” ฉันบอกยิ้มๆ พลางเอื้อมมือไปตบบ่าโทโมะเบาๆ อย่างต้องการจะให้กำลังใจ ถึงเราจะเพิ่งรู้จักและเป็นเพื่อนกันได้ไม่นาน แต่ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลยนะ โทโมะหันไปมองฝ่ามือของฉันที่ยังคงวางอยู่บนบ่าของเขานิดหน่อย สลับกับหันกลับมามองหน้าฉันก่อนจะส่งยิ้มมาให้เหมือนจะเข้าใจถึงความหวังดีของฉัน แต่ว่า... ฟุ่บ! สองตาของฉันต้องเบิกโพลงขึ้นในฉับพลันเมื่ออยู่ๆ โทโมะก็ดันดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้ซะแน่น “โทโมะ ปล่อย” บ้าเอ๊ย! เขาคิดจะทำอะไรของเขากันเนี่ย! “ฟังฉันพูดให้จบก่อนนะริโกะ” โทโมะกระซิบบอกอย่างนั้นทั้งที่ฉันพยายามจะดันตัวของเขาออก ให้ตายสิ! ทำไมเขาถึงได้แรงเยอะขนาดนี้กันนะ แล้วนี่อย่าบอกนะว่าเขาจะประชดความผิดหวังจากฮานะด้วยการมาขอฉันเป็นแฟนเนี่ย ฉันอดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดเป็นตุเป็นตะ ต่อให้มันจะเหมือนเป็นการคิดเข้าข้างตัวเองก็เถอะ “โทโมะ ปล่อยฉันก่อน” “มีผู้ชายคนหนึ่งเขาให้ฉันมาบอกเธอว่าพรุ่งนี้สายๆ เขาจะมารอเธออยู่ที่ประตูหลังโรงเรียนน่ะ” โทโมะพูดแทรกฉันเร็วปร๋อจนฉันฟังแทบไม่ทัน และไม่ได้คิดจะตั้งใจฟังด้วย “โทโมะ ฉันบอกให้ปล่อย ถ้านายไม่ปล่อย ฉันจะร้องให้คุณคิราวะช่วยนะ” “เขาบอกฉันว่าเขาเป็นพ่อของเธอ” “พะ...พ่อเหรอ” ใจหายวาบ ฉันยังไม่ทันจะได้ร้องเรียกให้คุณคิราวะเข้ามาช่วยแบบที่ตั้งใจด้วยซ้ำ ก็เป็นอันต้องเงียบลงในทันทีที่ได้ยินสิ่งที่โทโมะเพิ่งจะพูดออกมา ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าวันหนึ่งฉันจะได้ยินคำคำนั้นอีก “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ล่วงเกินเธอแบบนี้ แต่ผู้ชายคนนั้นย้ำกับฉันว่าให้ฉันบอกเธอแค่คนเดียว ห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นทั้งเธอและเขาจะไม่ปลอดภัย” โทโมะอธิบายเพิ่มเติม สิ่งที่โทโมะอธิบายทำให้ฉันเข้าใจเหตุผลของเขาได้ในทันทีว่าทำไมเขาถึงเลือกจะกอดฉัน เพราะขืนไม่ทำแบบนี้แล้วกระซิบบอก สายตาของคุณคิราวะคงได้ทำโทโมะฉี่ราดและอาจไม่ได้ส่งข่าวให้ฉันรู้ก็ได้ หรือต่อให้เขาจะเรียกฉันไปคุยที่อื่น ก็คงไม่ได้ทำให้ความน่าสงสัยของเขาในสายตาของคุณคิราวะลดลงอยู่ดี เพราะนี่ขนาดโทโมะเลือกจะหลบสายตาของคุณคิราวะด้วยการกอดฉันเอาไว้แล้วหันหน้าไปอีกทางแล้ว ฉันยังรู้สึกได้เลยว่าร่างกายเขาสั่นมากขนาดไหน แถมยังชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งตัว แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันสนใจมากไปกว่าเรื่องที่เขาเพิ่งจะบอกเลยสักนิด… ผู้ชายคนนั้น...ใช่พ่อของฉันจริงเหรอ? “เขาน่าสงสารมากจริงๆ นะริโกะ ร่างกายผอมโซแล้วก็หน้าตาอิดโรยมาก ตอนเขาบอกฉันว่าเขาเป็นพ่อของเธอฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย แต่เขามีหลักฐานเป็นรูปถ่ายตอนเด็กๆ ของเธอ ฉันเลยจนปัญญา พยายามจะโทรบอกเธอแล้ว แต่ติดต่อเธอไม่ได้ ฉันก็เลยต้องเดินมา” โทโมะอธิบายยาวเหยียดและยังคงพูดเร็วปร๋อ เสียงยังคงสั่นทั้งประโยคเหมือนเดิม น่าจะเป็นเพราะว่าโทรศัพท์ของฉันแบตฯ หมดไปตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายแล้ว โทโมะถึงติดต่อไม่ได้ จริงๆ ฉันก็ชาร์จมาเต็มแล้วนะ แต่เหมือนว่าแบตฯ มันน่าจะเสื่อมน่ะ และฉันเองก็ยังไม่อยากจะเสียเงินซื้อมันใหม่ เพราะปกติฉันเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ติดต่อกับใครอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็มีแค่ฮานะที่โทรมาปรึกษาเรื่องการบ้าน แต่ก็ยังไม่บ่อยอยู่ดี ฉันก็เลยไม่ได้ใส่ใจ “ฉันว่าตอนนี้ฉันเริ่มสงสารตัวเองแล้วนะริโกะ ผู้ชายคนนั้นยังมองอยู่เลย เขาจะไม่ฆ่าฉันใช่มั้ย เธอไม่ใช่ผู้หญิงของคุณโอยามะเหมือนฮา เอ่อ เหมือนคุณฮานะใช่มั้ย” เสียงของโทโมะเริ่มสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่พอจะจับใจความได้ มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกสงสารทั้งเขาและตัวเองขึ้นมาแล้วเหมือนกัน “ไม่ใช่สถานะนั้นหรอก” ฉันตอบอ้อมๆ เพราะไม่อยากอธิบายให้เรื่องมันยืดยาว ส่วนเรื่องสายตาของฮานะกับคุณคิราวะ ฉันเองก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขามองอยู่ แต่บอกตามตรงว่าไม่รู้จะต้องทำยังไงเหมือนกัน ฟึ่บ! แต่แล้วอยู่ๆ โทโมะก็ผละตัวออกไป สายตาของเขาสั่นระริกเพราะคงกลัวคุณคิราวะมาก ซึ่งฉันเองก็กลัว เพราะถึงคุณโอยามะไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แต่ฉันก็ไม่ควรทำอะไรที่มันไม่สมควร ดังนั้นถ้าคุณคิราวะเอาเรื่องนี้ไปรายงานคุณโอยามะ ฉันก็คงต้องเดือดร้อนเหมือนกัน แม้จะไม่ถึงขั้นถูกลงโทษ แต่ก็ต้องถูกซักถาม และการตอบคำถามของคุณโอยามะไม่ใช่เรื่องที่น่าลองทำเลย ยิ่งเป็นเรื่องที่โทโมะเพิ่งจะมาบอกด้วยแล้วละก็ ฉันยิ่งไม่อยากพูดถึง พ่อเหรอ? เขาอยากเจอฉันทำไมในเมื่อเขาขายฉันมาแล้ว และฉันจำได้ดีว่าข้อตกลงในสัญญาการซื้อขายฉันให้กับคุณโอยามะ มีข้อหนึ่งที่ระบุไว้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในตัวฉันอีก ห้ามข้องแวะ ติดต่อ หรือพบเจอกันอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดๆ ก็ตาม และฉันจำได้ดีว่าวันนั้นเขาเป็นคนเซ็นชื่อลงในเอกสารสัญญานั้นเองกับมือ ไม่มีแม้แต่ท่าทีจะลังเลหรือสงสารฉันเลยด้วยซ้ำ “ริโกะ” โทโมะพยายามจะกระซิบเรียกฉันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันยังเอาแต่ยืนนิ่ง เขาเขย่าแขนฉันไม่หยุดเลย ไม่สิ เหมือนหยุดเขย่าไม่ได้เลยต่างหาก “ขอบใจนะโทโมะ นายรีบกลับเถอะ เจอกันพรุ่งนี้นะ” ฉันบอกแล้วยิ้มเพื่อขอบคุณโทโมะ ก่อนจะรีบส่งสัญญาณให้เขาเดินออกไปซะ ซึ่งเขาก็รีบพยักหน้าแล้วก้าวฉับๆ ออกไปในทันที ส่วนฉันก็ลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินกลับมาที่รถเงียบๆ “โทโมะมีเรื่องอะไรรึเปล่าริโกะ” ฮานะถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ฉันหันไปมองเธอนิดหน่อยแล้วยิ้มจางๆ พร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่มีอะไร หมอนั่นแค่เดินมาสารภาพรักกับฉันน่ะ สงสัยอกหักจากเธอแล้วเลยเพี้ยน” ปัง! พูดจบฉันก็รีบเข้ามานั่งในรถพร้อมกับปิดประตูรถทันที หวังว่าข้ออ้างนี้คงจะพอใช้ได้ และน่าจะทำให้ฮานะเลิกล้อเรื่องของฉันกับคุณคิราวะไปได้สักพักด้วยก็แล้วกัน บ้าจริง! ฉันจะไปสนใจทำไมนะ ก็แค่ผู้ชายที่เคยพาฉันมาขาย ตอนนี้ฉันควรคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสายตาของคุณคิราวะมากกว่า นี่สมมติว่าถ้าคุณคิราวะเอาเรื่องที่มีผู้ชายเดินมากอดฉันทั้งที่อยู่ในโรงเรียนไปรายงานคุณโอยามะ ฉันจะตอบคำถามคุณโอยามะว่ายังไง “ริโกะ” “คะคุณคิราวะ” ฉันรีบขานรับด้วยความตกใจ พร้อมกับหันไปหาคุณคิราวะในทันที แต่การหันมาสบตาคุณคิราวะในเวลาที่กำลังรู้สึกสับสนแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลย เพราะถ้าเขาไม่ฉลาดและมีไหวพริบอยู่ในระดับดีเยี่ยม คุณโอยามะคงไม่ไว้ใจให้เขามาดูแลฮานะหรอก “มะ...มีอะไรเหรอคะ คุณคิราวะ” ไม่ได้อยากจะตะกุกตะกักเลย สาบานได้ แต่สายตาของคุณคิราวะนิ่งมาก เขาไม่ได้ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่เขาใช้สายตาแบบนั้นมองมานิ่งๆ ฉันก็แทบอยากจะร้องไห้ “คาดเข็มขัดด้วย” คุณคิราวะบอกสั้นๆ แค่นั้น ก่อนที่เขาจะละสายตาไปจากใบหน้าของฉันแล้วขับรถออกมาด้วยความเร็วปกติ มีแค่หัวใจของฉันนี่แหละที่เต้นแรงมากจนฉันแอบกลัวว่าเขาจะได้ยิน กับอีแค่เขาบอกให้คาดเข็มขัด ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะตื่นกลัวอะไรนักหนา โทโมะนะโทโมะ นายทำให้ฉันทั้งรู้สึกแย่แล้วก็รู้สึกกลัวไปหมด ทั้งที่เดินมาพูดแค่ไม่กี่ประโยคกับฉันด้วยซ้ำ “ริโกะ” “คะคุณคิราวะ” “เดี๋ยวถึงคอนโดคุณโอยามะแล้วรอในรถก่อน ฉันมีเรื่องจะต้องขึ้นไปรายงานคุณโอยามะนิดหน่อย” ฆ่าฉันเลยเถอะ! “ดะ...ได้ค่ะ”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ปลอบขวัญปลอบดวงใจ(NC20+)

read
7.3K
bc

หมอดิสม์ nc +++

read
98.7K
bc

พ่อสามีช่วยข้าที

read
5.5K
bc

บอสสายเบิร์น

read
12.4K
bc

พี่เขยซาตาน

read
21.2K
bc

ยอดรักของนายหัว

read
3.5K
bc

ร้อนรักพ่อเลี้ยงไร่ส้ม

read
13.4K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook