Kirawa’s part :
Black Life
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะริโกะ” คุณฮานะหันไปโบกมือลาริโกะที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เบาะด้านข้างคนขับ ก่อนที่เธอจะก้าวถอยออกมาเพื่อให้ผมปิดประตูรถให้ตามหน้าที่
แบล็กไลฟ์จัดเป็นคอนโดที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูง เพราะเป็นที่พักส่วนตัวของคุณโอยามะ รวมถึงบอดี้การ์ดอย่างผม และคนอื่นๆ ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใกล้ชิดกับคุณโอยามะ มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและห้ามคนนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาโดยเด็ดขาด ยิ่งเป็นชั้นบนสุดที่เป็นห้องพักของคุณโอยามะกับคุณฮานะแล้ว ขนาดผมยังต้องได้รับคำสั่งเท่านั้นถึงจะขึ้นไปได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าริโกะจะเป็นคนของแบล็กสกอร์เปี้ยนเหมือนกันกับผม และทำงานให้คุณโอยามะมาหลายปีจนเธอได้รับความไว้ใจจากคุณโอยามะในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปถ้าไม่ได้รับคำสั่งโดยตรง ดังนั้นผมจึงสั่งให้เธอรอในรถ
“คิราวะ”
“ครับคุณฮานะ”
“นายจะฟ้องโอยามะเรื่องที่โทโมะกอดริโกะเหรอ”
น้ำเสียงของคุณฮานะเข้มขึ้นทำเหมือนกำลังจะปกป้องเพื่อนสนิท ซึ่งผมได้ยินแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ แม้จะแอบคิดในใจว่าตัวเธอเองยังเอาไม่รอดเลยจะไปปกป้องใครได้ก็ตาม
“การก้าวก่ายหน้าที่คนอื่น มันเสียมารยาทนะครับคุณฮานะ” ผมแกล้งย้อน
จริงๆ ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยสักนิด เพราะถ้าผมอยากรู้เรื่องนั้นจริงๆ ผมว่าผมง้างปากคนในรถด้วยตัวเองง่ายกว่าตั้งเยอะ
“นี่นาย...”
“เชิญครับคุณฮานะ คุณโอยามะรออยู่” ผมตัดบทสั้นๆ พลางผายมือเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้คุณฮานะเดินนำไปที่ลิฟต์ส่วนตัวก่อน ซึ่งเธอก็ยอมเดินออกไปแม้จะมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดบ้างก็ตามที บอกตามตรงว่าผมเห็นจนชินแล้ว
ผมรอจนกระทั่งเห็นกับตาว่าคุณฮานะเดินเข้าลิฟต์ไปอย่างปลอดภัยแล้วผมถึงได้ละสายตาออกมา เพราะถึงผมจะต้องขึ้นไปพบคุณโอยามะที่ชั้นเดียวกัน แต่ว่าผมต้องเดินย้อนไปใช้ลิฟต์อีกตัวที่อยู่คนละด้านกันของตัวตึกน่ะ ลิฟต์ส่วนตัวมีแค่คุณโอยามะกับคุณฮานะเท่านั้นที่ใช้ได้
หลังจากที่คุณฮานะขึ้นลิฟต์นำผมไปก่อนแล้ว ผมก็หันกลับมามองริโกะอีกครั้ง ซึ่งทันทีที่ผมได้สบตากับเธอโดยบังเอิญ เธอก็รีบก้มหน้าหลบสายตาของผมในทันที
นี่มันลักษณะของคนที่กำลังกลัวความผิดชัดๆ ต่อให้เป็นคนอื่นที่ไม่ได้ถูกฝึกมาอย่างผม ผมว่าก็คงดูออกเหมือนกัน จะว่ายังไงดีล่ะ ต้องโทษผมที่ไหวพริบดีมากกว่าคนปกติหรือโทษเธอที่เก็บอาการไม่เก่งเอง
ก๊อกๆๆ
แล้วผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปเคาะกระจกรถ แต่ทั้งที่มั่นใจว่าไม่ได้เคาะแรงมาก ผมกลับเห็นว่าคนด้านในถึงกับสะดุ้งตัวโยน และเหมือนจะตั้งสติอยู่หลายวินาทีกว่าจะกดลดกระจกลงได้
ผมสตาร์ตเครื่องยนต์ไว้น่ะ เพราะคิดว่าผมน่าจะคุยกับคุณโอยามะสักพัก เดี๋ยวจะมีคนขาดอากาศหายใจตายคารถไปซะก่อน
“คะคุณคิราวะ”
“ยี่สิบนาที” ผมบอกเสียงเรียบและพูดเพียงแค่สั้นๆ เพราะรู้ว่ามันเป็นวิธีสร้างความกดดันให้คนในรถได้เป็นอย่างดี สายตาของผมยังคงมองตรงไปที่คู่สนทนาอย่างตั้งใจจะสบตาด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้หลบสายตาผม แต่นัยน์ตาคู่นั้นก็ไม่ได้มุ่งมั่นเหมือนที่ผมเคยเห็น แม้จะไม่ได้สั่นมาก แต่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่อาการปกติ
“ไม่เป็นไรค่ะ ริโกะรอได้” ริโกะบอกหลังจากนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังคิดคำตอบ ริมฝีปากสีระเรื่อระบายยิ้มออกมาจางๆ และยิ้มแค่แวบเดียว เธอแค่แสร้งยิ้มเพราะต้องการใช้รอยยิ้มนั้นกลบเกลื่อนบางอย่างที่ผมคิดว่าอีกไม่นานผมคงจะได้รู้
“ฉันหมายถึงเธอมีเวลายี่สิบนาทีในการคิดคำตอบไว้รอ”
แล้วผมก็ทำให้ใบหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วซีดลงได้อีกหนึ่งระดับ แถมยังประดับไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราวทั้งที่ในรถแอร์เย็นเฉียบ
ริโกะเม้มริมฝีปากเข้าหากันนิดหน่อย สะท้อนถึงความไม่มั่นใจและเริ่มหวาดกลัวออกมาชัดเจน
“ฉันอยากได้ยินคำตอบที่ถูกต้องมากกว่าคำตอบที่ถูกใจ” ผมย้ำเบาๆ ก่อนจะผละตัวออกมาอย่างตั้งใจจะทิ้งความกดดันเอาไว้ให้คนด้านหลัง เพราะถึงจะรู้ว่าคำพูดของผมอาจทำให้เธออึดอัดไม่สบายใจ แต่อีกใจผมก็รู้ดีว่าเธอฉลาดมากพอจะหาคำตอบดีๆ มาตอบเพื่อเอาตัวรอด
ริโกะเป็นเด็กฉลาดและโตมาในสภาพแวดล้อมที่บังคับให้เธอเคยชินกับความรู้สึกกดดัน แต่บางทีมันก็ทำให้เธอไม่หลงเหลือความสดใสแบบที่เด็กสาวอายุแค่สิบเก้าปีควรจะมี ซึ่งถ้ามีทางเลือกอื่น ผมคงไม่ทำแบบนี้กับเธอ แต่มันไม่มีน่ะสิ ผมเองก็ไม่ชอบให้ตัวเองเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ชอบให้ใครมาถึงเนื้อถึงตัวเธอมากกว่า
ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมรู้สึกว่าเรื่องของเธอทำให้ผมเสียจุดสมดุลระหว่างความคิดกับอารมณ์ เพราะปกติแล้วผมมักควบคุมตัวเองได้ดี แต่พอเป็นเรื่องของเธอทีไร เหมือนผมจะหัวร้อนง่ายตลอด
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่ประตูด้านหน้าของผมจะเคลื่อนตัวออกจากกันเมื่อพาผมขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของแบล็กไลฟ์
ผมก้าวเดินไปยังประตูบานสุดท้ายของโถงทางเดิน เอื้อมมือไปกดอินเตอร์คอมตรงหน้าประตูแล้วยืนเงียบๆ เพื่อรอฟังคำอนุญาตจากคุณโอยามะเพื่อจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปด้านใน
“เข้ามา”
ทันทีที่คุณโอยามะเอ่ยปากอนุญาต ผมก็เอื้อมมือออกไปเปิดประตูแล้วก้าวเท้าเข้ามายังห้องประชุม ก้มหัวทำความเคารพผู้ชายร่างสูงที่นั่งสง่าอยู่ที่หัวโต๊ะ กวาดสายตามองไปที่ผู้ชายห้าหกคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาเป็นอย่างดีเพราะทำงานร่วมกันมานาน ก่อนจะเดินผ่านทุกคนมานั่งประจำที่ของผม ซึ่งก็คือด้านขวามือของคุณโอยามะ ผู้ชายที่เป็นทุกอย่างของแบล็กสกอร์เปี้ยน ผู้ชายที่กุมมารุทั้งเมืองเอาไว้ในกำมือ
“ขอโทษที่มาช้าครับ”
“นั่งเถอะ จะได้เริ่มกันสักที”
น้ำเสียงของคุณโอยามะยังคงความเด็ดขาดเอาไว้เสมอ
“ตรงหน้าคุณโอยามะและทุกคนคือรายงานการเคลื่อนไหวผลกำไรของแบล็กซิโนเมื่อไตรมาสที่แล้ว ริโกะเพิ่งส่งให้ผมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาครับ” ผมรายงานต่อหน้าคุณโอยามะ
ก่อนหน้านี้ผมให้ริโกะจัดเตรียมเอกสารสำหรับการประชุมในวันนี้เรียบร้อยแล้ว และผมเองก็อ่านมันมาหมดทุกบรรทัดแล้วตั้งแต่ได้รับรายงาน
“ฉันอ่านแล้ว ไอ้ไดสึเกะยักยอกผลกำไรเข้ากระเป๋าตัวเองไปเดือนละแปดเปอร์เซ็นต์” คุณโอยามะพูดพลางกวาดสายตามองไปยังเอกสารรายงานตรงหน้า โดยที่ยังไม่ขยับตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ครับ ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะสอดคล้องกับตัวเลขของเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีลับของไดสึเกะ ที่คนของเรารายงานอยู่ตลอด แต่ครั้งนี้ผมเช็กอย่างละเอียดแล้วแต่กลับไม่พบยอดเงินดังกล่าวครับ”
“หมายความว่าเงินก้อนนั้นไม่ได้ถูกโยกเข้าบัญชีของไดสึเกะ”
“ครับ รายละเอียดคัตซึจะเป็นคนรายงานต่อ”
แล้วผมก็มอบหน้าที่ต่อให้คัตซึ เจ้าหน้าที่ไอทีมือหนึ่งของแบล็กสกอร์เปี้ยน ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกลดตำแหน่งไปเป็นมาเฟียสายพ่อบ้านให้คุณฮานะชั่วคราวโทษฐานบกพร่องต่อหน้าที่ ทำให้คุณฮานะสามารถแอบเข้ามาในคอนโดของคุณโอยามะได้โดยพลการ (อ่านเพิ่มเติมได้จาก Black scorpion มาเฟียคลั่งรัก)
คัตซึก้มหัวทำความเคารพคุณโอยามะและผมนิดหน่อย ก่อนที่เขาจะยกเลเซอร์พอยเตอร์ขึ้นเพื่อชี้ไปที่จอโปรเจกเตอร์แล้วเริ่มอธิบาย
“จากข้อมูลที่ผมสืบค้นมาได้ เส้นทางการไหลของเงินที่ถูกคุณไดสึเกะยักยอกไป ถูกกระจายไปในหลายเส้นทางครับ มันเป็นการฟอกเงินแบบที่เรารู้มาตลอด แต่สุดท้ายแล้วมันจะถูกโอนกลับเข้าบัญชีของคุณไดสึเกะ เพียงแต่ครั้งนี้...ชื่อของเจ้าของบัญชีเปลี่ยนไปเป็นบัญชีของผู้ชายที่ชื่อโยชิดะ ประธานของกลุ่มเสือขาว”
ชื่อของกลุ่มเสือขาวทำให้ผมมองเห็นประกายบางอย่างจากแววตาของคุณโอยามะในทันที
แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีกลุ่มแก๊งหรือพรรคไหนๆ ในมารุกล้าต่อกรกับแบล็กสกอร์เปี้ยน และเสือขาวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เราถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอดจนกระทั่งเมื่อช่วงหลังที่ผมเองก็เริ่มรู้สึกว่ากลุ่มเสือขาวเริ่มมีท่าทีที่แปลกไป จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ผมเองก็ยังไม่มั่นใจนัก รู้แต่ว่าไม่น่าไว้วางใจ และถ้าหากข้อมูลที่คัตซึพูดมาเป็นความจริงและสามารถพิสูจน์ได้ นั่นก็หมายความว่าไดสึเกะกำลังคิดจะทรยศ
“หลักฐาน” คุณโอยามะเอ่ยปากสั้นๆ เพื่อถามหาหลักฐานต่อในทันที ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าก่อนจะรายงานอะไรออกไป ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่พูดควรค่าแก่การเสียเวลาของคุณโอยามะ
“หลักฐานเป็นเอกสารทางการเงินที่เราได้มาจากธนาคาร และภาพจากกล้องวงจรปิดภายในแบล็กซิโนตลอดช่วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาครับ ผมตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว โยชิดะจะมาที่แบล็กซิโนทุกเย็นวันพุธและวันศุกร์ ช่วงเวลาประมาณสองทุ่ม และจะกลับออกไปในช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งครึ่งครับ”
“ทุกครั้ง”
“ครับ ทุกครั้ง”
“เป็นไปได้มั้ยครับว่าคุณไดสึเกะจะเสียการพนัน” มากิโตะถามขึ้นมาเสียงเรียบ
หน้าที่ของพวกเราทุกคนในตอนนี้คือต้องช่วยกันคาดเดาคำตอบของสาเหตุการมาของโยชิดะ รวมถึงเหตุผลที่ไดสึเกะจะส่งเงินมากมายที่ตัวเองยักยอกไปให้กับโยชิดะ การที่คนเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ได้อย่างไดสึเกะจะทำแบบนั้น แปลว่าเหตุผลของการเสียผลประโยชน์ที่ตัวเองควรจะได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะปล่อยผ่านไปได้
“ถ้าดูจากภายนอกไดสึเกะอาจไม่ฉลาดเท่าไหร่ แต่ถ้ามันไม่ฉลาด มันคงไม่สามารถทำให้พวกเราทุกคนมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่นี่ได้”
“หมายความว่ายังไงครับคุณโอยามะ” คัตซึถามพลางเลิกคิ้วสูง หากแต่สายตาของคุณโอยามะกลับมองมาที่ผมราวกับต้องการจะขอความคิดเห็นจากผม
“ผมคิดว่าคุณไดสึเกะกำลังหลอกใช้โยชิดะครับ” ผมพูดออกไปตามที่ผมคิด
ถึงจะมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีเรื่องการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะยังไงซะเงินทั้งหมดนั้นรวมถึงสถานที่เกิดเหตุก็เป็นแบล็กซิโนอยู่แล้ว แต่การที่คนอย่างไดสึเกะจะเสียพนันในที่ที่ตัวเองมีอำนาจสูงสุด (ไม่นับรวมคุณโอยามะที่อยู่เบื้องหลัง) มันก็ดูโง่เกินไปหน่อย ซึ่งผมคิดว่าต่อให้จะเสียจริงๆ คนอย่างไดสึเกะก็ย่อมหาวิธีตุกติกเพื่อเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
“คัตซึ”
“ครับคุณโอยามะ” คัตซึขานรับแล้วรอฟังคำสั่ง
“ตรวจสอบเส้นทางการเงินของโยชิดะ รวมถึงพรรคเสือขาวแล้วรายงานฉันด่วนที่สุด” คุณโอยามะกำชับเสียงเข้ม แววตาของคุณโอยามะยังคงมุ่งมั่นเสมอเวลาที่เขามองเห็นถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
“ครับ”
“มากิโตะ ส่งคนของเราเข้าไปในกลุ่มเสือขาว จับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสือขาวให้ดี ถ้าได้กลิ่นอะไรที่ผิดปกติ ให้รีบรายงานฉัน”
“ครับคุณโอยามะ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ครับผม”
“คิราวะ”
“ครับคุณโอยามะ”
แล้วก็มาถึงหน้าที่ของผม
“ฉันอยากให้นายไปสืบข่าวที่แบล็กซิโน ตรวจทุกอย่างให้เข้มกว่าเดิม รู้นะว่าต้องทำตัวยังไง”
“ทราบครับ”
“ระหว่างนี้ให้โยชิรับหน้าที่รับส่งฮานะกับริโกะแทนนายชั่วคราว” คุณโอยามะสั่งทิ้งท้ายอย่างนั้น ซึ่งก็ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก
“ครับคุณโอยามะ”
ตรงกันข้ามกับโยชิที่รีบรับหน้าที่อย่างแข็งขัน
“มีอะไรข้องใจตรงไหนคิราวะ”
“ไม่มีครับ” ผมตอบคำถามของคุณโอยามะออกไปในทันที แม้จะรู้สึกไม่สบายใจในคำสั่งนั้น แต่หน้าที่ที่ผมได้รับมอบหมายมาย่อมสำคัญกว่าความรู้สึกส่วนตัว
“ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้ช่วยกันจับตาดูความเคลื่อนไหวของไดสึเกะให้ดี ถ้าใครพบเห็นว่ามันทำอะไรที่น่าสงสัยให้รายงานฉันได้ตลอดเวลา”
“ครับ” ทุกคนพร้อมใจกันรับคำสั่ง
หลังจากที่คุณโอยามะมอบหมายหน้าที่ให้ผมและทุกคนเรียบร้อย คุณโอยามะก็กำชับงานกับคนอื่นๆ ต่ออีกนิดหน่อย ในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนสมาธิหลุดไปชั่วขณะ
“คิราวะ”
“ครับคุณโอยามะ”
“เดี๋ยวนายลงไปรอฉันที่รถ ส่วนริโกะ ให้โยชิแวะไปส่งที่แบล็กวิลล์”
“ครับ” ผมรับคำสั่งอีกครั้งก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวให้คุณโอยามะที่กำลังจะเดินกลับออกไป ซึ่งเมื่อคุณโอยามะไปแล้ว ในห้องนี้ก็คงเป็นผมที่ตำแหน่งใหญ่ที่สุดที่จะต้องเดินตามแผ่นหลังของคุณโอยามะออกไปก่อน หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือต้องเดินเรียงตามลำดับตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่งของพวกเราที่ปฏิบัติต่อๆ กันมานาน
“คุณคิราวะครับ” คัตซึกระซิบเรียกผมเบาๆ ซึ่งผมก็หันไปมองเขานิดหน่อยแล้วรอให้เขาเริ่มพูด ระหว่างนี้คนอื่นๆ ก็ยังคงก้มหัวให้ผมอยู่
“ผมจะจับตาดูให้ครับ ไม่ต้องห่วง”
“ทำตามหน้าที่เถอะคัตซึ” ผมย้ำเสียงเข้ม ทำให้คัตซึหน้าจ๋อยลงนิดหน่อยก่อนจะรีบก้มหน้าลงเหมือนคนอื่นๆ
ถึงผมจะรู้สึกยังไงกับริโกะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะสามารถละเลยหน้าที่ที่ผมได้รับมอบหมายได้หรอก ยังไงซะสิ่งที่คุณโอยามะย้ำกับผมและคนอื่นๆ มาตลอดนั่นก็คือเรื่องของการเรียงลำดับความสำคัญ
...ถ้าเราเรียงลำดับความสำคัญไม่ถูกต้อง ผลกระทบที่ตามมาอาจเป็นการสูญเสีย...