ย่าหยา

2216 Words
“พี่หยาคะ​ นี่เป็นเอกสารของน้องๆ ที่ส่งเข้ามาขอฝึกงานที่บริษัทเรานะคะ” เสียงเลขาสาวบอกกับหัวหน้าที่กำลังยุ่งกับกองเอกสารที่ต้องเซ็น ".........." ใบหน้าหวานมองไปที่คนพูดก่อนจะเปรยยิ้มอย่างอ่อนโยน ปากเรียวสีส้มอิฐเม้มเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อก้มกลับลงไปมองที่เอกสารอีกครั้ง “แล้วพี่หยาจะไปร่วมสัมภาษณ์กับ HR ด้วยไหมคะ” เลขาถามขึ้นพร้อมกับยืนรอคำตอบ “สัมภาษณ์เมื่อไหร่นะ” “วันศุกร์นี้ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบจากเลขา​ตาคมที่แต้มด้วยอายแชโดว์สีทองเข้มเสริมความเฉี่ยวก็เหลือบมองที่ปฏิทินบนโต๊ะ แล้วนับวันเวลา “อีก 2 วัน​  อืม...ถ้าว่างจะไปนะ​ ยังไงก็เผื่อที่ให้พี่ด้วยแล้วกัน” “โอเคค่ะ งั้นหนูขอตัวนะคะ” ใบหน้านวลก้มลงให้ความสนใจกับเอกสารอีกครั้ง  เธอยุ่งเรื่อง​อื่น​เสียจนไม่มีเวลาเคลียร์งาน​  ทำให้เอกสารมันกองท่วมหัวจนแทบจะล้มลงมาทับตาย "เซฮายค่ะคุณย่า” ไม่นานเสียงเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นปั่นประสาท​ พร้อมกับบานประตูห้องทำงานที่เปิดออกโดยไม่มีการเคาะก่อน 'ย่า'​ ที่เพื่อนเรียกนั้นมาจากชื่อเต็มคือ ‘ย่าหยา’ ชื่อดอกไม้งามที่พ่อแม่เลือกมาตั้งให้ลูกสาว “เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนอีเวร มารยาทอะ​ การมีผัวรวยไม่ได้แปลว่ามึงจะไม่ต้องมีมารยาทนะคะ” นิ้วเรียววางปากกาลงทันทีที่เพื่อนเดินตรงมานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้า เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วกับการจิกกัดกันระหว่างเธอทั้งสอง “มีค่ะ​ แต่ไม่ได้ใช้กับมึง” ผู้มาเยือนต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมกัน “มาทำไม ไม่อยู่นอนกกนอนก่ายคุณหมีผัวมึงโน่นล่ะ” “โอ๊ย!! ผัวกูเขาก็มีการมีงานทำไหมล่ะ กูอยู่บ้านเฉยๆ เบื่อมาป่วนออฟฟิศชะนีแก่นอนแผ่....อยู่บนคานดีกว่า” สาวอวบว่าก่อนจะเว้นวรรคปรายตามองต่ำให้อีกฝ่ายคิดเอาเองว่าแผ่อะไร “รำคาญค่ะ คนการงานไม่มีทำ วันๆ เอาแต่อ้า....ดักแมลงวัน” สกิลปากของสองคนนี้ถือว่าเหลี่ยมคนทันกันกินกันไม่ลง ‘กันทิมา’ หรือ เฟิร์นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัท​  อดีตกรรมการบริหารที่เพิ่งลาออกไปเป็นแม่บ้านหลังแต่งงานกับเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีน “นี่อะไรอะ” พอเพื่อนก้มหน้าทำงาน สาวอวบก็ต้องหาอะไรทำคั่นเวลา รอเพื่อนเลิกงานแล้วว่าจะลากไปหาอะไรกิน มืออวบหยิบเอาซองเอกสารจากกองที่เลขาเพิ่งเอามาวางออกมาคลี่ดู “ธิดารัตน์....ชื่อเล่นแอปเปิล ยื่นฝึกแผนกการตลาด...นี่เปิดรับนักศึกษาฝึกงานแล้วเหรอ” “อืม รุ่นแรก จะสัมฯ ศุกร์นี้แล้วสนใจไหมล่ะ" “ถ้ามีงานดีดีก็จะมา” เฟิร์นจีบปากจีบคอตอบ “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง มึงมีผัวแล้วค่ะ” ย่าหยาว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอีกซองขึ้นมาเปิดดูบ้าง ‘คีตะวัน....คิล (คิว) ยื่นฝึกแผนกการตลาด’ ย่าหยาอ่านในใจ ตาคมกวาดมองใบสมัครอย่างละเอียดถี่ถ้วน โปรไฟล์เด็กคนนี้น่าสนใจเหลือเกิน ทั้งมหา'ลัยที่เรียน เกรดที่ได้​ ประสบการณ์ และความสามารถต่างๆ แต่สิ่งที่ดูจะเข้าตาแม่ประธานบริษัทที่สุดเห็นจะเป็น...หน้าตาที่หล่อเหลาคมคายของเขาเสียมากกว่า​  หนุ่มเซอร์หน้าตี๋ ผมยาวปะบ่า หนวดเคราบางๆ พอได้ชวนให้นึกถึงสัมผัสที่เคราลู่กับผิวมันคงจะสยิวจนดิ้นพล่านแน่​ ส่วนสูงและน้ำหนักที่เขียนมาในใบสมัครนั้น ใครจะคิดว่าประธานบริษัทคนนี้จะสามารถนำมาต่อยอดนึกถึงรูปร่างและสัดส่วนของเด็กคนนี้ได้เสียจนเห็นภาพเตลิดไปไกล “อีย่า!!เฮ้!! อีย่า!!” “อะไร!! มึงจะเสียงดังหาพระถังซัมจั๋งอะไรห๊า!! น่ารำคาญ มีผัวจีนเข้าหน่อยกลายเป็นคนขี้โวยวายไปเลยเหรอ” คนถูกเรียกโวยลั่น “หืมมม ว่ากูขี้โวยวาย กูย่าๆๆ จนปู่กูจะมาแทนแล้วมึงเหม่ออะไรก็ไม่รู้​ ทำหน้าทำตาเหมือนชะนีหิวกล้วยด้วย  ทำไมเจอเด็กงานดีเหรอเอามาดูหน่อย” มืออวบเอื้อมไปหมายกระชากใบสมัครจากมือเพื่อนสาว แต่ความไวก็ไม่มากพอที่จะแย่งเอาใบสมัครไปจากมือแม่ประธานบริษัทได้ “มึงจะมาสนใจอะไร รอเฉยๆ สิวะอย่ามาเล่นเอกสารกู เดี๋ยวก็หายหมด” “ไม่มีพิรุธอะไรเลยอะจริงๆ” เฟิร์นพูดทั้งที่สายตายังคงจ้องจับจังหวะจะแย่งเอาเอกสารจากมือเพื่อน “พิรุธอะไรของมึง” “เอามาดู!! อย่าให้ต้องแย่ง เอกสารจะขาดเอาเปล่าๆ” สาวอวบออกคำสั่ง “จะไปกินข้าวใช่ป่ะเนี่ยเดี๋ยวกูเก็บของ....” “ไม่ต้อง!! เอามา กูไม่รีบ เคลียร์งานของมึงให้หมด กูรอได้ เร็วๆ เอามา!!” แต่ไม่ว่าย่าหยาจะอ้างอะไรแม่กันทิมาก็จะเอาเอกสารให้ได้​  "..... อ๊ะ" สุดท้ายคุณประธานสาวก็ต้องยอมยื่นเอกสารให้กับเพื่อนแต่โดยดี​  “โอ๊ยยย กูว่าแล้ว!! หล่อดิบหล่อเถื่อน หล่อลากกระชากมดลูกกูไปเลยค่ะ” ทันทีที่เห็นเพียงรูปนักศึกษาที่แนบมากับใบสมัคร​ กันทิมาก็โวยลั่นทันที “แต่รูปแบบนี้มันผิดระเบียบป่ะ” กันทิมาถามก่อนจะหันหน้าใบสมัครให้เพื่อนดูพร้อมกับชี้ไปที่รูป “ไม่เห็นจะเป็นไร กูไม่ตัดสินคนที่ภายนอกหรอกน่า มึงอ่านประวัติที่กรอกมา ของดีมากค่ะ” “ตาลุกวาวเลยนะอีชะนีเฒ่า!! แล้วผัวเด็กคนเก่ามึงล่ะ” “ได้แล้วเบื่อ” ย่าหยาจีบปากจีบคอพูดอย่างไม่อายฟ้าอายดิน แต่คนเป็นเพื่อนนั้นรู้ดีว่าเพื่อน​มีนิสัย​แบบไหน​ "อย่าไปพลาด​ท่าให้เด็กไหนล่ะ​ เบื่อง่ายจริงมึง~~" แม่สาวอวบรู้ดีว่าเพื่อน​มี​ความ​หลัง​ใน​ใจกับ​คนรักเก่า​  ทำให้คนสวยอย่างย่าหยาครองโสดมาจนอายุ  29  จะแตะ 30 แบบนี้​ พร้อม​กับ​การ​สร้าง​ความ​สุข​ให้​ตัวเอง​ด้วยหญ้า​อ่อน​วัย​หอมหวาน​ที่​เธอ​จะ​เป็น​ฝ่าย​เลือก​เองเท่านั้น เรือนผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบเป็นหางม้าหลวมๆไว้ด้านหลัง  ถูกผูกด้วยโบว์สีแดงสดสีเดียวกับชุดที่เธอสวมใส่  จั๊มสูทขายาวผ่าขากางเกงแหวกยาวขึ้นมาจนถึงโคนขาที่เนียนละเอียด  ด้านหลังปาดเว้าจนแทบถึงเอวเผยให้เห็นแผ่นหลังสีขาวนวลเนียนน่าจับต้อง   มือเรียวหยิบลิปสติกสีแดงเลือดนกขึ้นมาทาเติมบนริมฝีปากเรียวเป็นกระจับได้รูป  แม้จะแต่งหน้าจัดเต็มมาจากบ้านแล้วแต่เพราะเธอเป็นพรานมืออาชีพต้องเล็งอาวุธให้พร้อมสำหรับการล่าเหยื่อเสมอ  ผู้หญิงอย่างย่าหยาจึงใส่ใจรายละเอียดของการแต่งตัวเสมอ “พี่หยาเข้าสัมภาษณ์ด้วยใช่ไหมคะ” เลขาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามาถาม คนสวยหันไปยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับเป็นคำตอบ  คนเป็นเลขาที่ตั้งคำถามรีบออกจากห้องไปบอกกับฝ่ายอื่นๆ  เพื่อการเตรียมความพร้อม ประธานคนสวยเข้าสัมภาษณ์ด้วยทุกอย่างต้องพร้อมและดูดีเสมอสำหรับประธานย่าหยา ฝั่งของคนเข้าสัมภาษณ์ผู้เป็นเป้าหมายของย่าหยาซึ่งไม่ได้กังวลอะไรมากนักต่อการมาสัมภาษณ์  ร่างสูงที่คร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ถอดหมวกกันน็อกออกก่อนจะสะบัดผมยาวปะบ่าให้คลายตัว ใบหน้าคมมองดูกระจกเช็คความเรียบร้อยที่ไม่ได้มีความเรียบร้อยแม้แต่น้อยของตัวเอง  หน้าอกไม่ติดเข็มมหาลัย  ผมเผ้าปล่อยรุงรังไม่มัดรวบ รองเท้าผ้าใบสีขาวกับกางเกงยีนที่สวมมาทั้งที่รู้ว่ามันผิด  เหมือนกับว่าคีตะวันจะลืมไปแล้วว่าเขามาสัมภาษณ์เข้าฝึกงานที่นี่   ร่างสูงโปร่งเดินตรงไปที่ออฟฟิศตรงจุดประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามจุดสัมภาษณ์นักศึกษาฝึกงาน  เขาเรียกความสนใจต่อทุกสายตาได้เป็นอย่างดี ด้วยความสูงและหน้าตาหล่อเหลาที่ดึงดูดผู้มองได้ไม่ยาก “พี่ครับ นักศึกษาฝึกงานสัมภาษณ์ที่ไหนครับ” เขาตรงเข้าไปถามพนักงานที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หญิงมีอายุกวาดตามองเด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสนใจ  ขยับแว่นดูอีกครั้งแต่ไม่โต้ตอบอะไรด้วยรู้ว่าแค่การแต่งตัวก็ไม่ผ่านการสัมภาษณ์แน่ๆ     คนถูกมองมองกลับด้วยความสงสัยเมื่อไม่ได้รับคำตอบ  ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีความท้าทายที่เขาสนใจมากกว่าเดิม “พี่ครับ..” “แต่งตัวแบบนี้คงไม่ผ่านหรอก กลับไปแต่งตัวใหม่ค่อยกลับมาเถอะ” กลับกลายเป็นว่าพนักงานคนนี้ตอบไม่ตรงคำถาม   “.......” เด็กหนุ่มมาดเซอร์ยืนมองอย่างนิ่งๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นป้ายบอกทางไปห้องสัมภาษณ์  ปากหนากระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามป้ายไม่สนใจคนบอก “นี่!! เดี๋ยวสิ” “ครับ” เขาชะงักแล้วหันกลับไปหาพนักงานคนเดิม “จะไปไหน ที่พี่บอกเนี่ยเพราะหวังดีนะ  เรานะ...” “ผมก็หวังดีนะครับ ถ้าพี่อยากเป็นพนักงานที่ดี ตั้งใจทำงานเถอะนะครับ ทำอะไรที่เป็นหน้าที่...อะไรที่มันไม่ใช่หน้าที่ก็อย่าลำบากไปทำเลย”  คีตะวันพูดแล้วเดินหนีออกมาทันที ทิ้งแม่พนักงานสายใหญ่ให้ยืนงงงวยกับประโยคเมื่อสักครู่นี้อยู่คนเดียว เขาเดินขึ้นมาถึงชั้นสองก็พบห้องสัมภาษณ์ที่คนอื่นๆ มาถึงเยอะแล้ว  ดูแล้วทุกอย่างจะผิดคาดไปเสียหมดเมื่อเขาเข้าใจว่าที่นี่เป็นแค่บริษัทเล็กๆ คงไม่มีคนมาสมัครเยอะเท่าไหร่ ด้วยไม่ได้ยื่นสมัครที่อื่นเผื่อไว้เลย....หากไม่ได้ที่นี่เขาต้องยุ่งยากมากแน่ๆ  ‘ไอ้คิลนะไอ้คิล ดันแต่งตัวไม่เรียบร้อยมาด้วยอีก  ถ้าเข้าได้ก็คงฟลุ๊กน่าดู’ เขาด่าทอตัวเองในใจ “คิล...” เสียงใสของหญิงสาวร้องเรียกเขาจากที่นั่งข้างๆ  เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นแอปเปิลเดือนร่วมคณะที่ตอนนี้เขาเองก็คุยๆ อยู่บ้าง  แต่แปลกไม่เห็นเคยบอกว่ายื่นฝึกที่นี่เหมือนกัน “จะฝึกที่นี่เหมือนกันเหรอ” เขาเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าวิตกกังวลของแอปเปิลทำให้เขารับรู้ได้เลยว่าเธอกำลังกดดันอยู่มากๆ “ใช่ เมื่อกี้เราเข้าไปสัม ฯ เราตอบอะไรได้ไม่ค่อยดีเลย กลัวจะไม่ได้จัง” “ถ้าอย่างแอปเปิลไม่ได้ ..แล้วเราล่ะ  อย่าคิดมากเลยนะ” คีตะวันพูดปลอบคนข้างๆ ทำให้รอยยิ้มแสนละมุนของใบหน้าสวยหวานที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางบางเบาส่งกลับมาทันที “ขอบใจนะ แล้วคิลสัมภาษณ์คนที่เท่าไหร่” “ท้ายๆ เลยไปดูรายชื่อมาเมื่อกี้” “เชิญคุณคีตะวันค่ะ....” เสียงพนักงานที่ดูแลส่วนของการเรียกตัวนักศึกษาเดินออกมาเรียกชื่อคนที่ต้องเข้าสัมภาษณ์คนต่อไป ‘อะไรกัน ก็เช็กชื่อแล้วนี่หว่า....ไม่ได้ผิดสักหน่อย แล้วทำไม...’ แม้จะงงงันไปสักหน่อยแต่เจ้าของชื่อก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์อย่างไม่รีรอ  เข้ามาถึงภายในห้องสายตาทุกคู่ของกรรมการสัมภาษณ์ต่างมองเขาเป็นตาเดียว  แน่นอนว่านั่นคือเรื่องของการแต่งตัวที่มันติสท์เสียจนขัดหูขัดตากรรมการรุ่นเดอะ  ความไม่เหมาะสมที่แทบไม่ต้องคาดเดาว่าเขาจะผ่านการคัดเลือกหรือไม่ “เชิญนั่งค่ะ” เสียงเข้มทรงพลังของหญิงสาวในชุดสีแดงสดดึงความสนใจของคีตะวันไปจนหมด เขามองดูคนสวยที่นั่งอยู่ตรงกลางของโต๊ะสัมภาษณ์ที่รัศมีนางพญาบ่งบอกถึงตำแหน่งที่สูงกว่าทุกคนในห้องโดยไม่ต้องเดา    คีตะวันก้มหัวแทนคำขอบคุณก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ทางบริษัทเตรียมให้ เขาเกร็งเล็กน้อยเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่ไม่รู้จักแม้จะเตรียมใจมาอย่างดี   แต่ก็แอบประหม่าเล็กน้อยกับสายตาคมเฉี่ยวของย่าหยาที่มองเป้าหมายอย่างไม่วางตา “แนะนำตัวสิ!!” ย่าหยาพูดขึ้นทั้งที่เธออ่านประวัติของเด็กคนนี้ซ้ำหลายรอบจนท่องจำได้   เธอเพียงอยากเห็นบุคลิกและความมั่นใจของเขาก็เท่านั้น  บุคลิกที่เป็นตัวบอกว่าเขาจะเป็นเหยื่อชั้นดีแค่ไหน “สวัสดีครับ ผมนายคีตะวัน เพียงภู ชื่อเล่นคิล เรียนอยู่มหาวิทยาลัย K เรียนการตลาดครับ รายละเอียดอื่นๆ ผมเขียนลงในเรซูเม่กับพอร์ตฟอริโอหมดแล้ว” เขาตอบอย่างกระชับและเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนคนอื่นที่พูดท่องจำมาพรีเซ็นต์งาน “มีแฟนหรือยัง” คำถามแรกจากย่าหยาพาให้ทั้งตัวคีตะวันและกรรมการงุนงงและพากันมองไปที่แม่นางพญาชุดแดงเพลิงโดยพร้อมเพรียงกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD