ภูผาเดินเข้าห้องพัก วางสัมภาระทั้งหมดลงอย่างระมัดระวัง ก่อนเอนตัวลงบนโซฟาตัวโปรดด้วยท่าทีผ่อนคลาย รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าคม
“วันนี้สนุกจริง ๆ ได้แกล้งยัยเตี้ยตาโตอีกแล้ว” เขาคิดอย่างอารมณ์ดี
ภูผา หรือที่แฟน ๆ รู้จักกันในชื่อ ซันซัน คือหนึ่งในสมาชิกของวงบอยแบนด์ที่เปิดตัวมาได้ราวสองปี วงของเขามีเพลงที่พอจะติดหูคนฟังอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นโด่งดังเป็นพลุแตกตามที่ค่ายเพลงและต้นสังกัดคาดหวัง ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเชื่อมั่นว่า ความพยายามและแรงใจที่เขากับเพื่อน ๆ ทุ่มเทลงไป จะผลิดอกออกผลสักวัน
ช่วงนี้งานเพลงเริ่มซาลง บริษัทจึงเริ่มมองหาช่องทางใหม่ให้เขา โดยใช้ “หน้าตาหล่อเข้มโดดเด่นกว่าใครในวง” เป็นใบเบิกทาง สุดท้าย ภูผาก็ได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกรรายการเพลงชื่อดัง งานที่เจ้าตัวไม่ได้เต็มใจนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อผู้บริหารพูดเสียงแข็งว่า “นี่คือก้าวแรกของงานแสดงในอนาคต”
ภูผาเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวที่มีลูกสองคน พ่อแม่ของเขาไม่เห็นด้วยกับการเข้าวงการบันเทิงนัก เพราะหวังให้เขาเดินตามรอยพี่ชายที่กำลังเรียนอยู่คณะแพทยศาสตร์ และวางแผนศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอกในสาขาเฉพาะทาง ทว่าภูผากลับเลือกเส้นทางของตัวเองเมื่ออายุ 18 ปี เขาก้าวเข้าสู่วงการเพลงด้วยความฝันจะประสบความสำเร็จให้ได้ แม้จะต้องสวนทางกับความคาดหวังของครอบครัว
แต่โชคชะตาไม่เคยอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ แม้เสียงของเขาจะมีเอกลักษณ์และอบอุ่นจับใจ ทว่าความดุเดือดของวงการเพลงก็กลบเสียงนั้นจนแทบเลือนหายไป วงของเขาเริ่มถูกมองข้าม และล่าสุดบริษัทก็มีแนวโน้มจะให้สมาชิกแต่ละคนแยกย้ายไปรับงานเดี่ยว ก่อนจะปิดฉากวงที่พวกเขาร่วมสร้างด้วยกันลงอย่างเงียบงัน
ภูผาครุ่นคิดถึงปัญหานี้มาพักใหญ่ เขาพยายามต่อสู้สุดกำลัง เรียกร้องให้บริษัทเปิดโอกาสให้วงของเขาได้ทำอัลบั้มใหม่อีกสักชุดหนึ่ง คราวนี้เขาตั้งใจจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งแต่งเนื้อร้องและทำนอง หวังว่าผลงานนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า วงของเขายังมีคุณค่าและศักยภาพพอจะยืนอยู่ในวงการ
แต่ผู้บริหารกลับไม่ให้คำตอบชัดเจน เสียงเงียบจากห้องประชุมกลายเป็นคำตอบที่ดังที่สุดสำหรับเขา แผนการยุบวงยังคงดำเนินต่อไปอย่างเงียบงัน และสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงรอเวลา รอวันที่โชคชะตาจะหันกลับมาเข้าข้างอีกครั้ง
ในระหว่างนั้น งานพิธีกรที่เขาเคยรับอย่างไม่เต็มใจกลับกลายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาความรู้สึก ภูผาพบว่าตัวเองเริ่มสนุกกับมันอย่างคาดไม่ถึง เขาอ่านสคริปต์เพียงครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจ ราวกับคำพูดทุกบรรทัดฝังลงในหัวโดยไม่ต้องท่องจำ...ความสามารถพิเศษที่มักทำให้คนรอบข้างทึ่ง เช่นเดียวกับเวลาที่เขาแต่งเพลง เพียงแค่ได้เห็นเนื้อร้องหรือทำนองผ่านตาเพียงครั้งเดียว เขาก็จำได้อย่างแม่นยำ
เขานั่งเอนหลังพิงเก้าอี้ พลางคิดในใจว่าจะต้องรับมือกับ ยัยตัวเตี้ยตาโต ยังไงดีในเทปหน้า
แน่ล่ะ...เธอต้องมีมุกใหม่ ๆ มาแกล้งเขาให้ตั้งตัวไม่ติดอีกแน่
พอคิดถึงภาพนั้น ภูผาก็หลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
“ยัยตัวเตี้ยนี่...จะกวนให้ได้ทุกเทปเลยใช่ไหมเนี่ย”
แต่แปลกดี เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิด กลับรู้สึก... สนุก
สนุกกับการได้โต้กลับ สนุกกับสีหน้าทะเล้นของเธอ และสนุกกับการได้เห็นรอยยิ้มสดใสบนเวทีนั้น
คิดแค่นั้น ภูผาก็ยกมือขึ้นลูบคางเบา ๆ ก่อนหัวเราะอีกครั้ง
ใช่... เขากำลังตั้งตารอเทปหน้าอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ
…
วันศุกร์หรรษาก็เวียนมาถึงอีกครั้ง
แสงไฟบนเวทีค่อย ๆ สว่างขึ้น เสียงดนตรีแนวเทพนิยายดังคลอไปทั่วสตูดิโอ
กล้องแพนไปยังอันอันในชุด “สโนไวท์” กระโปรงฟูสีเหลืองสด มือถือแอปเปิ้ลแดงวาววับยืนอยู่กลางเวทีอย่างสง่างาม
“สวัสดีค่า~ วันนี้พวกเรากลับมาพร้อมธีมเทพนิยายอีกครั้งนะคะ!”
อันอันกล่าวเสียงใสพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนหันไปทางด้านหลังเวที
“และนี่ค่ะ... ตัวร้ายสุดสวยแห่งปฐพี แม่มดภูผาค่า!”
เสียงหัวเราะดังลั่นทันทีที่ภูผาเดินออกมาจากหลังเวที
ในชุดคลุมสีม่วงเข้ม ผ้าคลุมลากพื้นยาว และหมวกแม่มดแหลม ๆ ที่ดูใหญ่กว่าหน้าเขาแทบเท่าตัว!
มือหนึ่งถือไม้กายสิทธิ์ อีกมือถือกระจกเงาที่ทีมงานแปะสติ๊กเกอร์คำว่า “หล่อสุดในปฐพี” ไว้อย่างเด่นหรา
ภูผาเดินออกมาช้า ๆ ด้วยสีหน้านิ่งสนิท แต่แววตาเต็มไปด้วยความปลงในโชคชะตา
“ขอถามหน่อยครับ...” เขาหยุดพูดหนึ่งจังหวะ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “...ทำไมวันนี้คุณสโนไวท์ไม่พาคนแคระทั้งเจ็ดมาด้วยครับ?”
อันอันขมวดคิ้ว เตรียมจะตอบกลับ แต่ยังไม่ทันได้พูด ภูผาก็ยกมือซ้ายที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุมออกมา...
เผยให้เห็นสายห้อยเอวที่พ่วงด้วยตุ๊กตาคนแคระจิ๋วทั้งเจ็ดตัวเรียงรายครบชุด!
เขายิ้มบาง ๆ “ผมพาทั้งเจ็ดตัวนี้มาให้แล้วครับ คุณอันอัน...ห้อยไว้ที่เอวได้เลยครับ”
อันอันเบิกตากว้าง คิดในใจ
‘หาาา!? อีตาเสาไฟฟ้าเตรียมมาเหรอเนี่ย!’
ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ ภูผาก็ก้มตัวลงช่วยเธอสวมสะพายสายห้อยตุ๊กตาอย่างคล่องแคล่ว
ภาพที่ออกมาคือสโนไวท์อันอันที่มีคนแคระเกาะรอบเอวแน่นราวกับขบวนพาเหรด!
เสียงหัวเราะจากผู้ชมระเบิดขึ้นทันที
ภูผาพูดเสียงเรียบแต่ยกมุมปากอย่างภาคภูมิ “เอาล่ะครับ...คราวนี้ครบองค์แล้ว ทั้งสโนไวท์อันอัน คนแคระทั้งเจ็ด และแม่มดภูผา!”
อันอันหัวเราะจนตัวงอ พูดทั้งยิ้มและหลิ่วตาให้ชายหนุ่ม “งั้นเรามาเริ่มรายการกันเลยนะคะ แม่มดภูผา”
เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังขึ้นทั่วสตูดิโอ กล้องจับภาพทั้งคู่ที่หัวเราะให้กันอย่างเป็นธรรมชาติ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสดใส เสียงแซว เสียงหัวเราะของผู้ชม และรอยยิ้มของทีมงานที่ยืนดูอยู่ข้างเวที
...