ป้ามี่เป็นแผลเต็มเลย

4117 Words
“อิ่มมากค่ะคุณแม่ขา อร่อยที่สุดอย่างกับหนูนี่ตายอดตายอยากมาเลยนะคะคุณแม่ กลับไปเกาหลีคราวนี้คงต้องคิดถึงอาหารไทยแน่เลย พรุ่งนี้เราไปหาร้านส้มตำปูปลาร้าแซบ ๆ กันไหม อยากฉีกปลาร้ามากเลย กินแต่กิมจิจนเบื่อแล้ว” เอมี่กดมือจีบปากพูดร่ายยาวหลังจากกินน้ำจนหมดแก้ว เธอกินข้าวได้เยอะมากด้วยอาหารทุกอย่างมีแต่ของที่ชอบ แต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างอดิศรกลับมองเมนูอาหารด้วยความคิด ทุกอย่างบนโต๊ะอาหารมีแต่ของที่บารมีชื่นชอบ หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่าเธอตรงหน้าคือบารมีหรือไม่ “พี่มีร้านแนะนำ เดี๋ยวซื้อมากินที่บ้านดีไหม” อาวุธเสนอ วันนี้เป็นวันที่สนุกครึกครื้นเมื่อมื้ออาหารมีการสนทนาพูดคุยอย่างไม่ขาดปาก จะเงียบเสียงไปได้อย่างไรเมื่อมีคนพูดมากราวกับเครื่องมือสื่อสารที่เปิดได้ทั้งวันไม่มีหมดอายุ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็มีแต่เรื่องให้พูดให้เล่าไปเสียหมดอย่างไม่ว่างเว้น “ดีเลยค่ะพี่อาวุธขา ถ้ามีไก่ย่างสักตัวด้วยนะแจ่มเลย” “โหพี่!! นี่พี่เป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า ผู้หญิงอะไรกินข้าวเยอะมากเลย” อานัทพูดแทรกเมื่อมองอาหารตรงหน้าของหญิงสาว อีกทั้งยังเมนูอาหารที่คิดขึ้นมาแต่เรื่องกิน ด้วยความรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายก็ยังไม่กินมากขนาดนั้น “แหม น้องอานัทขา พี่จะสอนอะไรให้นะคะ ถ้าไปเจอผู้หญิงที่กินน้อย ห่วงสวย สนใจทาปากว่าสีจะจืดไหม อย่าไปชอบเลยนะ! มันต้องสวยถึกและบึกบึน ไม่ห่วงสวย กินได้เต็มที่ อันนี้รักได้เลยจ้ะ” อานัทยิ้มอย่างขัดเขิน เมื่อในใจของเขาก็อยากที่จะตอบว่า ‘ใช่....รักไปแล้ว’ แต่การพูดจาของหญิงสาวต่างวัยก็ดูจะสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนบนโต๊ะอาหารไม่หยุดหย่อน “คุณพ่อรู้ไหมคะว่าหนุ่ม ๆ ที่เกาหลีสู้หนุ่มไทยไม่ได้เลย มีแต่จืด ๆ พอหนูได้กลับมาเมืองไทยนะคะ อยากมีสามีขึ้นมาเลยค่ะ ฮ่า ๆ ฮะ มีแต่เผ็ด ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ” สายตาคนพูดมองไปยังคนที่นั่งตรงข้ามแบบมีเลศนัย เพราะความเผ็ดร้อนที่เธอได้รับจากที่น้ำตกมันซาบซ่านมากกว่าที่คิด แม้จะรู้เต็มอกว่าไม่มีวันได้สานต่อแต่มันก็รู้สึกดี “แล้วหาได้ไหมล่ะ อย่าเลือกเยอะ” ประกอบหัวเราะชอบใจ “ป้ามี่กินผู้ชายเหรอครับ ป้ามี่ถึงได้รู้ว่าผู้ชายจืด” เด็กชายที่นั่งกินไก่ทอดเอ่ยพูดท่ามกลางกลุ่มคนโต และนั่นก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน “แล้วป้ามี่ลองชิมผมยังครับ ผมเผ็ดไหมครับ” “ฮ่า ๆ ไว้ป้าจะลองชิมนะวีวี่ ว่าจะเผ็ดไหม แต่โตอีกหน่อยน่าจะเผ็ดกว่านี้ ฮุฮุ” “เอมี่ ลูกเราใจแตกหมดพอดี” การุณพูดอย่างขบขัน “เอมี่ดูพูดเก่งเหมือนกับมีมี่เลยนะครับ” ประโยคที่ดังแทรกเสียงหัวเราะทำให้ทุกเสียงบนโต๊ะอาหารเงียบไปสนิท อดิศรจับจ้องไปยังคนตรงหน้าพร้อมกับเพ่งมอง ยิ่งทุกคนทำเป็นเงียบก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ในความจริงว่ามันใช่หรือไม่ “เหมือนนางกะเทยมีมี่...จะผิดตรงไหนคะพี่ศรขา เอมี่บอกไปแล้วนี่คะว่านางเป็นเพื่อนกับเอมี่ อิ่มจังเลย....ขอไปเดินย่อยอาหารก่อนนะ”เอมี่เลี่ยงที่จะอยู่เผชิญหน้ากับคนจับผิด จังหวะที่เขาพูดออกมาก็ทำให้เธอตกใจอย่างมาก เธอคงแสดงตัวตนออกมามากเกินพอดีจนทำให้เขาคิดแบบนั้น “ผมไปด้วยครับพี่มี่” “ผมไปกับป้ามี่ได้ไหมครับ” กรวีเตรียมที่จะร้องตามอานัทและเอมี่ แต่สายตาของคุณแม่ยังสาวอย่างการุณก็ทำให้ลูกไม่กล้า เธอเป็นคุณแม่ใจดีที่มีกฎเหล็กห้ามนอนเกินหนึ่งทุ่ม หากไม่ทำตามกฎก็จะโดนลงโทษ อานัทเดินตามหญิงสาวต่างวัยที่ทำให้เด็กหนุ่มอย่างเขากระชุ่มกระชวย คนที่ถูกเดินตามก็ไม่ได้ว่าอะไรยังเดินเล่นชมนกชมไม้ไปเรื่อย เพราะเธอไม่คิดว่าการกระทำและคำพูดของตัวเองจะทำให้เด็กหนุ่มคิดไปอย่างอื่นได้ แต่เพียงแค่อยากใกล้ชิดให้หายคิดถึงก็เท่านั้น “พี่เอมี่รู้หรือเปล่า ว่าพี่เหมือนพี่มีมี่จริง ๆ” คนที่กำลังเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติพร้อมกับสัมผัสอากาศที่สบายตัวหันมามองจ้อง แต่เธอก็เพียงแต่ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจเท่านั้น “เวลาที่พี่สาวของผมพาพี่มี่มา ผมจะต้องหัวเราะจนท้องแข็ง แล้วก็ถูกพี่มีมี่ผีลวนลามตลอด” “แล้วยังไงยะ ตอนนี้เธอก็เลยคิดถึงกะเทยนั่นเหรอ” คนพูดหันมาทำตาเขียวใส่เมื่อถูกนินทาต่อหน้า “ครับ.. ก็ต้องคิดถึงสิ พี่เขาหายไปนานมากเลย” เอมี่มองหน้าเด็กหนุ่มพร้อมกับความรู้สึกมากมาย หลายอย่างในใจอยากจะให้เธอตอบออกไปว่า บารมี จะหายไปตลอดกาลไม่มีวันได้กลับมา “ผมว่าพี่เหมือนพี่มีมี่ แต่พี่สวยกว่าที่เป็นผู้หญิง ผมชอบพี่มากกว่า” เอมี่บึนปากกลอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้ กับเด็กหนุ่มที่คิดอยากจะจีบสาวแต่อ่อนหัดเหลือเกิน “มองผมแบบนั้นทำไม ผมพูดจริง..ถึงพี่จะเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวไปหน่อยก็เถอะ” “นี่!! แล้วถ้าพี่บอกว่า.................พี่น่ะ......ไม่ใช่ผู้หญิงล่ะ เธอจะชอบพี่ไหม” “ชอบ!!” เด็กหนุ่มอานัทตอบโดยไม่คิด มันก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เอมี่คิดเท่าไหร่ เพราะผู้ชายเวลาที่อยากได้ก็จะพูดทุกอย่างให้เกิดความน่าเชื่อถือ “สมัยนี้แล้ว ผู้ชายรักผู้ชายเป็นเรื่องธรรมชาติ” “นี่เราชอบผู้ชายเหรอ สาว ๆ เสียใจแย่” “ผมเปล่า แต่ผมแค่จะบอกว่า....ถ้าพี่ไม่ใช่ผู้หญิงผมก็ชอบ เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกไงครับ” เอมี่พยายามจะเชื่อในสิ่งที่เด็กหนุ่มเอ่ยบอก เธอไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่เพราะเธอจะอยู่ที่ประเทศไทยอีกแค่ยี่สิบห้าวันเท่านั้น และคงจะต้องเดินทางกลับไปใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยหนุ่มเกาหลีต่อไป “กินอิ่มแล้วพี่ก็ง่วง พี่ไปนอนก่อนนะรูปหล่อ ฝันดีนะ” เอมี่โบกมือให้กับเด็กหนุ่มก่อนที่จะเดินไปยังบ้านกุหลาบ ทิ้งให้เด็กหนุ่มได้แต่ยิ้มอ่อนโบกมือตามหลัง +++++++ อาวุธเดินมาส่งเพื่อนที่รถหลังจากควรแก่เวลาที่เพื่อนจะต้องกลับ ใบหน้าของเพื่อนที่ราบเรียบบ่งบอกว่าเขากำลังมีเรื่องมากมายที่คิดอยู่ในใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะต้องบอกความจริง “ขับรถดี ๆ แล้วพรุ่งนี้ที่จะเอาคนเข้ามาดูเรื่องเวที การจัดงาน พาเข้ามาได้เลยนะ” “อืม!!” อดิศรตอบเพียงสั้น ๆ เขามองไปยังบ้านกุหลาบที่เปิดไฟสว่าง ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสนใจ แต่มันมีความสงสัยว่าทำไมเธอคนนี้ถึงได้คล้ายกับบารมีอย่างไม่น่าเชื่อ “กลับได้แล้ว แกจะแต่งงานแล้ว... และไม่ควรที่จะมองผู้หญิงคนไหน” คำพูดของเพื่อนที่ย้ำชัดเจนให้ได้รู้ตัว เป็นการเตือนสติทั้งที่รู้อยู่เต็มอก สิ่งหนึ่งนอกเหนือจากความรักและความผูกพันของอดิศรที่มีต่อปอแก้ว คือเขารับรู้ได้ถึงความรักที่มีให้เธอลดน้อยลง...นับจากวันที่บารมีหายไปจากชีวิต แต่ที่การแต่งงานเกิดขึ้นเพราะปอแก้วบอกว่าเธอกำลังตั้งท้อง ++++++++++ “กรี๊ด!!อร๊าย!! คุณแม่ขา กรี๊ด!! ตายแล้ว ๆ กรี๊ด...” เอมี่ส่งเสียงร้องไปลั่นบ้านท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของเด็กชายกรวีและอานัท บ่อน้ำหลังบ้านที่อาวุธสั่งให้คนงานดูดน้ำออกเพื่อที่จะได้จับปลา ความคิดสนุกของการุณที่อยากจะให้เพื่อนสาวได้หายคิดถึงบ้านอย่างที่สุด และมันก็ได้ผลเมื่อหลังอาหารเช้าเอมี่แต่งตัวเต็มชุดลงไปจับปลากับคนงาน มือเรียวสวยผิวขาวไม่ได้เกรงกลัวต่อโคลนดำ ถึงปากจะร้องเสียงดังลั่นตามจริตกะเทยแต่เธอก็ยังเต็มไปด้วยความสวยของหญิงสาว ทุกอย่างสร้างรอยยิ้มให้กับกรุณาที่ยืนบนพื้นหญ้าเอาสองนิ้วอุดหู ประกอบก็ได้แต่อมยิ้มที่ทุกคนต่างมีความสุขกับภาพที่เห็น แต่คนผู้มาใหม่อย่างปอแก้วกลับไม่ค่อยพอใจ เมื่อเธอมองว่าหญิงสาวที่ทุกคนกำลังจับจ้องเต็มไปด้วยมารยาเรียกร้องความสนใจ ทั้งการพูดสายตาและการส่งเสียงร้องลั่นอย่างน่าอับอายเกินหญิง สายตาที่ไม่ค่อยพอใจมองไปยังชายคนรักข้างกาย ก่อนจะต้องหงุดหงิดขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นอดิศรมองไปยังหญิงสาวที่อยู่กับโคลนตมด้วยรอยยิ้ม “ศร ไปดูที่จัดเวทีเถอะ” “ให้ทีมงานทำไปสิ เราชี้จุดแล้วนะ คนงานของวุธก็ช่วยอยู่” คนพูดยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองไปยังหญิงสาวที่จับปลาตัวโตได้ แม้จะยิ้มดีใจที่จับปลาแต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยเศษดินที่หางปลากระเด็นใส่ “กรี๊ด!!!! จับได้แล้ว โอ้แม่เจ้า ปลาช่อนเจ้าข้า... ปลาช่อนใหญ่มาฮอดแล้ว.... ฮิฮิ” เอมี่หัวร่อต่อกระซิกด้วยความดีใจ เธอส่งปลาตัวใหญ่ให้กับคนงานก่อนที่จะหันไปหาเป้าหมาย “พี่อาวุธขา น้องขึ้นไม่ได้ ช่วยน้องหน่อยค่ะ” “ไม่เอาอะ พี่รู้ว่าเอมี่จะแกล้งพี่” อาวุธรู้ทันและเลี่ยงที่จะเข้าหา เขายืนหลบหลังภรรยา “ผมช่วย ผมช่วยครับป้ามี่” เด็กชายกรวีที่อยู่บนอกประกอบร้องบอก ก่อนที่จะวิ่งไปกับพื้นหญ้าไปที่ขอบบ่อ “จับมือผมครับป้ามี่” “เอ็นดูวีวี่ของป้า.. แต่ไม่เป็นไรค่ะ ป้ามี่สวย รวย และเก่งมาก ขึ้นเองได้ ว้าย!!!!!!” ร่างบางที่พยายามขึ้นจากโคลนเซล้ม ด้วยฝีมือของอานัทที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาลงมาจับปลากับหญิงสาวตั้งแต่ต้นจนตอนนี้โคลนเริ่มจะเกาะเต็มแล้ว การได้แกล้งและเห็นคนตัวเล็กนั่งพับไปกับโคลนเป็นภาพที่ตลกจนเขากลั้นหัวเราะไม่ได้ “ฮ่า ๆ ๆ สวย รวย และเก่งมาก ฮ่า ๆ ๆ” “อร๊าย!! นายอานัท มาให้ฉันสั่งสอนเดี๋ยวนี้ อร๊าย...ลุกไม่ได้ อร๊าย...ช่วยหน่อยสิ” “คนแก่ก็แบบนี้แหละ เชื่องช้าฮ่า ๆ” อานัทยังไม่หยุดก่อกวน แต่ถึงจะก่อกวนเขาก็ตรงเข้าไปช่วยจับพยุงหญิงสาวให้ยืนขึ้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเอมี่ร้ายกว่าที่คิด เมื่อเธอกอดรวบร่างกายเด็กหนุ่มก่อนที่จะจับกดลงกับโคลนจนเปื้อนไปทั้งตัว “โอ๊ย..ร้ายว่ะ ทำไมพี่มี่ร้าย” “ฮ่า ๆ น้านัทดำหมดเลย ฮ่า ๆ ดำ ๆ” “สมน้ำหน้า อยากแกล้งคนสวย จับปลาช่วยคนงานให้หมดเลยนะ ไม่งั้นปลาช่อนที่พี่จับได้อดกิน” สั่งแล้วเอมี่ก็รีบสาวเท้าขึ้นจากขอบบ่อ เธอเดินตรงไปหาเพื่อนหญิงที่ได้แต่ยิ้มหวาน สายตามองไกลไปยังชายหญิงอีกผู้ที่มองมายังเธอด้วยสายตาแตกต่าง คนหนึ่งมีรอยยิ้มนิด ๆ เมื่อมองสบ กับอีกคนเต็มไปด้วยความอาฆาตราวกับอยากจะฆ่าเธอให้ตายตรงหน้า เพราะความสวยของเธอเป็นเหตุอย่างนั้นเหรอ...ปอแก้วถึงได้ดูหึงหวงขนาดนี้ เธอเตรียมตัวไว้แล้ววันนี้จะเข้าใกล้ชายหนุ่มให้น้อยที่สุด “การุณจ๋า พาเขาไปล้างตัวหน่อยสิ เขาดำหมดเลย” “ทำอ้อนนะ.. ไปสิว้าย” สองมือเรียวถูกจับด้วยมือดำของเอมี่อย่างเต็มเข้า มันทำให้การุณพูดอะไรไม่ออกก่อนที่จะหัวเราะออกมา “เอมี่อ่า เปื้อนหมดแล้ว” “จะได้ไปล้างตัวด้วยกันไงคะที่รัก ปะ” สองเพื่อนหญิงเดินไปล้างตัวข้างรั้วบ้านก่อนที่การุณจะแยกไปอีกทาง เด็กชายกรวีมีส่วนร่วมในการช่วยป้าคนสวยอาบน้ำกลางแจ้ง โดยเขาทำหน้าที่ถือสายน้ำที่ราดไปบนหัวที อกที หน้าทีตามประสาเด็ก คนเป็นป้าก็ไม่ได้คิดว่านั่งเล่นอาบน้ำจนเนื้อตัวสะอาด เนื้อผิวที่ขาวเนียนจนอมชมพูเต็มไปด้วยรอยแดงทั้งแขนและขา เห็นแล้วก็ทำให้คนที่ไกลจากบ้านและความเป็นประเทศไทยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ตอนเด็ก ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นกะเทย เธอชอบเล่นตากแดดจนตัวดำคล้ำ แต่พอรู้ว่าตัวเองเป็นกะเทยก็ดูแลตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่สุด แม้แต่จะเดินออกแดดยังต้องกางร่ม ตอนนี้มีร่างกายเป็นหญิงเต็มตัวกลับไม่ห่วงสวย..ราวกับรู้ว่าอย่างไรก็สวยอยู่แล้ว “ป้ามี่เจ็บไหม ป้ามี่เป็นแผลเต็มเลย” “ไม่ใช่แผลค่ะ เขาเรียกรอยข่วน มันต้องเป็นอะไรใต้น้ำแน่ ๆ” “น้ำสีดำเหรอครับ” กรวีเอ่ยพูด เขาใช้สายยางราดน้ำลงไปเบา ๆ บนรอยแผลคนที่เขาเรียกว่าป้า “วีจะไม่ลงไปในนั้นครับ” “แต่ในนั้นมีปลานะ ถ้าวีวี่อยากได้ปลาต้องลงไปค่ะ ลงไปจับมันเลย รอยข่วนแค่นี้สองวันก็หายแล้ว” “แล้วทำไมวันนี้แม่ไม่ให้วีลงล่ะครับ” เด็กชายตั้งคำถาม เอมี่ยิ้มหวานเดินไปปิดน้ำก่อนที่จะมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเด็กชาย “เพราะวีวี่ตัวเล็กไงครับ ถ้าลงไปตอนนี้น้ำสีดำมิดหัวแน่ ๆ รอให้โตกว่านี้ค่อยลงไปนะ” “เข้าใจแล้วครับ” “งั้นวีวี่วิ่งไปหาแม่การุณนะ ป้าขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเราไปกินปลาช่อนตัวโต๊โตกันดีไหมคะ..สุดหล่อ” เอมี่จับแก้มเด็กชายทั้งสองข้าง เธอเอ็นดูในความน่ารักของเด็กชายเหลือเกิน “ครับโผมมม” ความน่ารักของเด็กชายและหญิงสาวอยู่ในสายตาของอดิศรตลอด แม้ว่าเขาจะย้ำเตือนในสิ่งที่เพื่อนได้บอกกล่าวเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาถึงได้หันมองไปเห็นเพียงเธอเสมอ ราวกับว่าหันไปทางไหนก็จะเจอเธอร่ำไป ทั้งที่เดินเข้ามาในตัวบ้านเพื่อไม่ให้พบเห็น แต่สายตาก็ยังมองไกลไปทางระเบียงพบเธออีกจนได้ อดิศรหมุนตัวเดินเข้าไปยังทีมงานที่เริ่มตระเตรียมสถานที่ในมุมต่าง ๆ มองเห็นปอแก้วที่ตั้งใจจัดแจงทุกอย่างด้วยความสวยงามตามประสาผู้หญิง ทั้งการจัดวางตกแต่งและจุดที่จะใช้ถ่ายรูป “ศรว่าเราทำซุ้มถ่ายรูปตรงนี้ด้วยดีไหม” ปอแก้วถามความคิดเห็น มีทีมงานสองคนที่ยืนถือกระดาษและปากกาจดข้อมูล “อื้ม...ก็ดีนะ” “คุณปอคุณศรครับ ช่วยดูซุ้มในสวนหน่อยครับ แบบไหนที่โอเค” เสียงเรียกจากคนด้านนอกดังขึ้น “งั้นปอดูข้างในไปนะ เราจะไปดูข้างนอก” อดิศรเสนอความคิด เมื่อตกลงทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มจึงได้เดินออกจากตัวบ้านหลังใหญ่ เขาตรงไปยังสนามหญ้าที่มีทีมงานหลายคนหยิบจับยกข้าวของ แต่นอกเหนือจากทีมงานก็คือหญิงสาวร่างเล็กที่เนื้อตัวเปียกชุ่ม เสื้อยืดสีดำแนบไปกับเนื้อและอกอวบเดินผ่านสนามหญ้าไปยังบ้านพักกุหลาบ เธอไม่ได้สนใจสายตาทีมงานที่ล้วนแต่เป็นผู้ชายที่กำลังจับจ้อง ออกจะภูมิใจด้วยซ้ำที่ทุกสายตามองเธอด้วยความต้องการ “ถ้าจะเดินล่อตะเข้ขนาดนี้ ถอดเลยก็ได้มั้ง!!” ++++++++++ “ถ้าจะเดินล่อตะเข้ขนาดนี้ ถอดเลยก็ได้มั้ง!!” เสียงห้วนที่ดังขึ้นลอย ๆ เรียกความสนใจจากคนที่ตัวเปียก เธอหันไปมองรอบด้านก็พบแต่กลุ่มผู้ชายไม่มีผู้หญิง ดังนั้นคนที่เดินล่อตะเข้ก็น่าจะเป็นเธอคนเดียวเท่านั้น เอมี่อยากจะเดินเข้าไปหาและถามอย่างสนิทใจว่า ‘เป็นห่วงเมียเหรอ!’ แต่เพราะเธอตั้งใจว่าจะอยู่ให้ห่างอดิศรไม่ทำให้เพื่อนหญิงต้องหนักอกหนักใจ แค่นี้เธอก็กอบโกยความสุขมามากแล้ว ตัวเองก็ไม่ได้อยากจะทำให้ชีวิตรักใครต้องพัง สองเท้าที่หยุดเดินก้าวต่อไปโดยไม่ได้พูดตอบ คนที่พูดด้วยไม่ได้รับการตอบสนองรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย ทั้งที่รู้สึกได้ว่าหญิงสาวร่าเริงและคล้ายคนที่คุ้นเคย มั่นใจว่าเธอจะต่อปากต่อคำจนเขานั้นเถียงไม่ออก แต่การเดินไปเช่นนี้กลับทำให้รู้สึกไม่ชอบใจ “เป็นอะไรหรือเปล่า” อดิศรสั่งงานกับทีมงานแล้วจึงวิ่งตามมาก่อนที่เอมี่จะถึงบ้านพักกุหลาบ คนถูกดักหน้าหันไปมองอีกทางด้วยเป็นห่วงว่าปอแก้วจะมองเห็น ทั้งที่บริสุทธิ์ใจแต่ก็หยั่งรู้ว่าผู้หญิงทั่วไปคิดแบบไหน คนรักของตัวเองมาสนิทสนมกับคนอื่น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครหญิงสาวจึงได้หันมามองสบอย่างเอาเรื่อง ถ้าเธอเป็นกองไฟชายตรงหน้าก็คงเป็นแมงเม่า เพราะเขาขยันจะเข้าหาเธอเสียจริง “เป็นคนล่อตะเข้ค่ะ ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยนะคะ” “ก็ได้ยินหนิ ทำไมเมื่อกี้ไม่ตอบ” “ไม่คุยด้วยแล้ว เอมี่ไม่อยากให้แฟนของพี่ศรมาฉีกอก ขอตัวค่ะ” เอมี่พูดเสียงหม่นพร้อมกับจะเดินเข้าไปยังบ้านกุหลาบ “ไหนบอกว่าเรื่องระหว่างเราจะไม่มีใครรู้ไง” มือที่กำลังไขกุญแจเป็นต้องหยุดชะงัก มันถูกต้องอย่างที่อดิศรเข้าใจ แต่คำพูดนั้นเกิดขึ้นเมื่อเธอมีความต้องการ ความปรารถนาที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่รัก ผิดกับตอนนี้ที่เธอได้คิดใคร่ครวญแววตาของเพื่อนหญิงที่พยายามจะบอกว่าสิ่งที่ทำมันผิด “มีร้านเหล้าน่านั่งมาก คนก็ไม่ค่อยเยอะ...ไปไหม พี่จะพาไป” อดิศรจ้องมองคนที่ยังก้มหน้านิ่งเฉย เขารวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดออกไป เพราะเขาอยากจะทำความรู้จักเธอมากกว่านี้ เพื่อทำให้ข้อสงสัยทุกอย่างได้กระจ่างชัดเจน คนฟังที่กำลังก้มหน้าตาแดงก่ำ เธอไม่เคยรู้เลยว่าจะรู้สึกหวั่นไหวได้ขนาดนี้ เพราะเธออยากจะใกล้ชิดและมีเขาในทุกเวลาที่อยู่ที่นี่ แต่เธอก็ไม่อยากทำสิ่งที่ผิด เพราะเธอเป็นหญิงเต็มตัวที่ทำให้เขาเกิดความต้องการจนลืมผู้หญิงอีกคน หรือเพราะว่าเธอคล้ายกับใครอีกคนที่เขาชอบพูดถึงบ่อย เธอไม่เคยรู้คำตอบแต่เธอดีใจพร้อมกับความรู้สึกเสียใจที่มันปะปนกัน ความรู้สึกที่ไม่มีจุดยืน “เอมี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ศรเป็นคนเจ้าชู้ มีมี่เล่าให้ฟังว่าพี่เป็นผู้ชายที่พูดน้อย น่ารัก และเป็นผู้ชายที่มีมี่อยากอยู่ใกล้มากที่สุด เป็นผู้ชายที่มั่นคงในความรัก ทุกอย่างที่มีมี่เล่าให้ฟัง....ไม่เคยมีเรื่องเจ้าชู้” อดิศรนิ่งในคำถามที่ก่อเกิด จริงทุกอย่างตามที่หญิงสาวได้เอ่ย แต่ที่ไม่จริงเลยคือ...เขาไม่ได้มั่นคงในความรัก “เอมี่ขอตัวนะคะ” “ถ้าเปลี่ยนใจจะไป เจอกันที่หน้าไร่ตอนสามทุ่ม” เอมี่ปิดประตูโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองใครอีกคน ประโยคที่ฟังชัดเจนประจักษ์หู หัวใจเต้นแรงยืนพิงประตูด้วยความสับสน อีกไม่กี่วันก็กลับแล้วและโอกาสแบบนี้จะมีอีกไหม หัวใจเจ้ากรรมไม่เคยฟังสมองสักนิด มันเต้นไหวบีบตัวสูบฉีดเลือดไม่เป็นจังหวะ เธอไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร ปาร์ตี้ส้มตำที่เอมี่ยังคงรักษาความร่าเริงของตัวเองเอาไว้ได้ ทุกอย่างยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะโดยที่เธอไม่หันไปมองอดิศรสักครั้ง หัวสมองสั่งการแล้วว่าให้พอ แค่ได้เห็นเขาเป็นสุขเท่านี้ก็ดีหนักหนา แต่ทุกอย่างแห่งการกระทำก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเพื่อน เมื่อการุณมองเห็นสายตาคู่หวานที่อดิศรมองมายังเอมี่หลายครั้ง อีกทั้งใครอีกคนก็ยังพยายามหลบไม่เข้าใกล้และมองหา จนเมื่อจังหวะพอเหมาะการุณจึงลากตัวเพื่อนหญิงออกจากกลุ่มผู้คน เธอต้องการรู้ว่ามันมีเรื่องอะไรกันแน่ มันไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากเห็น หากแต่มันเป็นความรักและความห่วงหาที่มีให้กับเพื่อน “จะลากเพื่อนไปไหนคะการุณ ปลากำลังร้อน ๆ นะ เดี๋ยวอานัทกินหมดพอดี” เอมี่ร้องโวยทั้งที่รู้เต็มอกว่าเพื่อนต้องการอะไร “อย่ามาไขสือกับเรานะ บอกเพื่อนให้หมดเดี๋ยวนี้” “เล่าอะไร ไม่มีอะไรค่ะ” คนพูดลอยหน้าลอยตา “เล่า....เราโกรธนะ โกรธมากด้วย” บทเจ้าแง่แม่งอนทำให้เอมี่ใจอ่อนจนได้ หญิงสาวคนเดียวที่ไม่รู้ทำไมมาเอาความรักจากเขาไปได้มากขนาดนี้ ตั้งแต่หลายปีก่อนจนวันนี้เอมี่ก็ยังรู้สึกว่ารักและรักเธอเสมอ “เขา.....ชวนไปเที่ยวผับ ตอนสามทุ่มวันนี้ นัดเจอที่หน้าไร่ ก็แค่นั้น” “ให้เราไปเป็นเพื่อนไหม เรารู้ว่าเอมี่อยากไป...” “นี่!! ถ้าเกิดฉันมีอารมณ์อยากจะกินกัน เธอก็จะไปเหรอ....บ้าแล้วค่ะ ไม่ไปหรอก เลี้ยงลูกอยู่บ้านไปนะคะ” แม้เสียงจะอ่อนหวานแต่สายตาของเอมี่และจริตการพูดก็ยังคงความเป็นบารมี “ไม่ต้องทำหน้าเศร้าค่ะ ไม่ไปหรอก เขากำลังจะแต่งงาน ไม่ไปทำลายครอบครัวเขาหรอก” “เรารักเอมี่นะ” การุณโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความรัก ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนหากคนตัวเล็กช่วยอะไรไม่ได้ก็จะทำเพียงกอดให้กำลังใจ แต่กอดเหล่านี้เองที่ทำให้เอมี่ไม่เคยรู้สึกอ้างว้าง มันยังเต็มไปด้วยความรักที่เพื่อนมีให้กันเสมอ เวลาล่วงเลยผ่านมื้ออาหารในเย็นย่ำ การุณแอบจดจ้องเป็นห่วงใครอีกคน เธอมองไกลไปยังบ้านพักกุหลาบอย่างมีความหมาย แม้เธอจะได้ยินจากปากว่าเพื่อนจะไม่ไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอก็รู้ดีว่าเพื่อนรักใครคนนั้นมาเสมอ “มีอะไรหรือเปล่าการุณ ดึกแล้วนะ...” อาวุธเดินตามหญิงคนรักมายังระเบียง ตอนนี้เวลาจวนเจียนจะสี่ทุ่มแล้ว “พี่ศรชวนเอมี่ไปเที่ยวค่ะ บอกว่าเจอกันตอนสามทุ่ม” “แต่ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วนะ” อาวุธแย้ง ไม่ทันที่การุณจะได้พูดตอบอะไรสายตาก็มองเห็นเอมี่ในชุดเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเดินออกจากบ้าน เธอสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเรียวขาสวย รองเท้าส้นสูงก้าวไปตามทางเดินบ่งบอกว่าไปหน้าไร่ “เอมี่คงอยากรู้.......ว่าสี่ทุ่มแล้ว พี่ศรยังรอไหม แต่ถ้า.....พี่ศรยังรอ น้องว่า.......มันต้องมีอะไรให้ปวดหัวแน่ ๆ เพราะถ้าเป็นน้อง น้องคงไม่กลับไปโดยไม่ได้ทำอะไรเลย” “งั้นเราก็ไปนอน เตรียมรับมือกับเรื่องปวดหัวเถอะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD