"นั่นอาเจาใช่รึเปล่า"
ก่อนจะคิดไปไกล กลับมีใครบางคนเรียกจากทางด้านหลัง “ครับ” อาเจาหันไปมองก็พบกับผู้ชายตัวใหญ่ที่น่าจะอายุมากกว่าเขา อีกฝ่ายมีหนวดเคราหรอมแหรมตรงมุมปาก
“ขึ้นไปสแกนบัตรสิตรงนั้นนะ” ชี้ไปทางหน้าประตูบริษัท แล้วเดินนำไป
คนไม่รู้จักเดินนำไปถึงจุดนั้นก่อนจะใช้บัตรพนักงานทาบลงบนหน้าจอ เสียงดัง ติ๊ด! มาพร้อมกับตัวเลขก่อนที่อีกฝ่ายจะหลีกทางให้เขา ซึ่งเขาก็ทำตาม ติ้ดๆ! และเดินตามชายคนนั้นไป ภายในบริษัทขนาดสองชั้นถูกแยกเป็นสัดส่วน ด้านหน้าสุดติดป้ายว่า ‘พนักงานต้อนรับ’ ที่ตอนนี้มีพนักงานหญิงหนึ่งคนนั่งส่องกระจกด้านหน้าหันมามองเขาทั้งคู่
“สวัสดีค่ะพี่ต้น..มาเช้านะคะวันนี้” สตรีคนนั้นพูดกับบุรุษตัวใหญ่ พลางยิ้มหวาน
‘อ่อ..คนมีหนวดนี่ชื่อพี่ต้นรึ’ อาเจาคิด
“พี่ก็มาเวลานี้ปกตินะ ตัวเราน่ะสิแตงมาเช้าไปรึปล่าวทุกทีไม่เคยเห็นมานั่งก่อนจุ๊บสักครั้ง” ต้นหัวเราะในลำคอ
“แหม..พี่ก็ แล้วหนุ่มหล่ออ้อปป้าด้านหลังนั่นใครคะ เอ๊ะรึว่าสาวเซอร์หน้าตาเป๊ะเว่อร์” ผู้หญิงชื่อแตงมองอาเจาแล้วถาม
“นี่น้องอาเจา เด็กใหม่ที่เพิ่งมาสมัครงานกับพี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตำแหน่งบัญชีน่ะ” หันมาหาเด็กหนุ่มหน้าสวยด้านหลัง “อาเจาสวัสดีพี่แตงสิ”
“สวัสดี..ครับ” ยกมือไหว้แบบที่พ่อคำปันสอน
“สวัสดีจ่ะ.มาใกล้ๆ พี่หน่อยเร้วววหนุ่มน้อย”
อาเจาเดินไปหยุดยืนด้านหน้าของพี่แตงที่ว่า อีกฝ่ายยกมือขึ้นแล้วกอดคอเขาพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมากด (ถ่ายรูป) แช้ะ!!! อาเจาทำหน้าเหวอ ‘อะไรน่ะ’ หันมองพี่คนนั้น งงๆ จนเธอยื่นรูปในโทรศัพท์มาให้ดูถึงกับตกตะลึง มันมีภาพของเขาและพี่แตงอยู่ในนั้น ‘โทรศัพท์นี่ทำได้ถึงเพียงนี้เลยรึ’ คืนนี้เขาจะต้องกลับไปเรียนรู้ให้ได้
“ทำไมหน้าตาดี ผิวดีอย่างงี้เนี่ยยๆๆ” เอานิ้วชี้จิ้มๆๆ ไปตรงแก้มเนียนใสของน้องอาเจา “ทำไมไม่ไปสมัครเป็นดาราจ๊ะหนุ่มน้อย”
“ฮ่ะๆๆ” อาเจาหัวเราะกับคำพูดที่เขาไม่ค่อยเข้าใจ
แตงยังคงพร่ำเพ้อ “ดัดฟัน มีแก้มบุ๋มข้างซ้ายด้วย…ตายยๆๆ” หันมองต้น “รับมาดับอนาคตสาวๆ ในบริษัทรึพี่ต้น"
“ฮ่าๆๆ พูดไปเรื่อย…อาเจาอย่าไปสนใจพี่แตงเลยอป่ะเดี๋ยวพี่ไปส่งที่โต๊ะ” ต้นเดินนำอาเจาไปอีกทางที่มีกระจกกั้นด้านใน ก่อนหันกลับมาบอกแตงเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ “วันนี้คุณไผ่จะมาเข้าดูงานพร้อมกับมาดูพนักงานบัญชีคนใหม่นะ..อย่าเผลอทำอะไรแปลกๆ ล่ะ”
“พูดอะไรของพี่ ฉันน่ะเหรอจะทำอะไรแปลกๆ” แตงบ่นและนั่งแต่งหน้าต่อ ‘อ๊ายย..คุณไผ่สุดหล่อเข้าบริษัท’ ระริกระรี้ในใจ
&&&&
ด้านในห้องกระจกชั้นหนึ่งขนาดกว้างขวางแบ่งเป็นแผนกโดยใช้ฉากกั้นไว้ อาเจาอ่านตามป้ายด้านหน้าไปเรื่อยๆ ‘ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต ฝ่ายอุปกรณ์ ฝ่ายช่าง ฯลฯ จนมาถึงฝ่ายบัญชี’
“นี่เป็นโต๊ะนั่งของอาเจานะ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของพี่กุ๊กไก่ วันนี้แกคงจะสอนอะไรง่ายๆ แผนกนี้มีแต่ผู้หญิงรวมกับอาเจาตอนนี้ก็3คน ผู้ช่วยคนเดิมเค้าลาคลอดแต่หลังจากนี้สามเดือนหากเขากลับมา เราก็แค่ย้ายที่นั่งไม่มีการปลดออกไม่ต้องกลัวตกงานนะ วันนี้คุณไผ่เจ้าของบริษัทจะเข้ามาดูบัญชีและอาเจาต้องไปรายงานตัวด้วย ทุกครั้งที่มีพนักงานเข้าใหม่พี่ต้องแจ้งคุณไผ่เสมอ” ต้นก้มมองอาเจาที่ตัวเล็กกว่าเขานิ่งๆ ‘เด็กนี่ก็หน้าสวยเหมือนอย่างที่แตงว่าจริงๆ เลยแฮะ’
อาเจามองไปรอบๆ เห็นพี่ต้นเงียบไปจึงเงยหน้าขึ้นมอง เอียงคอเล็กน้อย ตากลมโตมีความสงสัย
“พี่ไม่พูดต่อล่ะครับ” คำถามออกจากปากบาง
ต้นมองเห็นฟันที่ถูกดัดด้วยเหล็กดัดฟันสีฟ้าก็ลอบกลืนน้ำลาย เขาถอนหายใจแล้วหันหน้าไปทางอื่น ‘เฮ่อออ..ดับอนาคตสาวๆ จริงๆ “อาเจา..เป็นผู้ชายจริงๆ ใช่มั้ย” ถามออกไปก็ยังงงตนเอง ทั้งๆที่เขาก็เป็นคนตรวจใบสมัครของอีกฝ่าย
อาเจาที่กำลังลำดับคำพูดให้เหมือนพวกเขาก็งงตัวเอง “หืออ..ถามอย่างไรของพี่”
“ช่างมัน..พี่ก็พูดประหลาดเนาะ” หันไปมองเอกสารแล้วหยิบขึ้นมาแก้เก้อยื่นให้อาเจา “อ่ะ…เอาไปนั่งอ่านรอ” พูดจบก็เดินออกจากแผนกไป
&&&&
ไร่ส้มทิวไผ่งาม
ทางด้านเจ้าของบริษัททิวไผ่งาม ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเคร่งยืนเฝ้าลูกสาวตัวเองอยู่หน้าห้องน้ำ “เสร็จรึยังส้มเช้ง” ก้มมองนาฬิกาที่ตอนนี้แปดโมงครึ่งเข้าไปแล้ว
“ยังค่ะป๊า ห้ามเร่งนะคะส้มเช้งต้องทำอารมณ์ก่อน” สาวน้อยในวัยห้าขวบครึ่งพูดจาฉะฉาน ฉลาดเกินวัย
“วันนี้ป๊าต้องเข้าไปดูบริษัทก่อนนะ แล้วค่อยไปส่งหนูที่โรงเรียน เพราะตอนนี้มันเลยเวลานัดของป๊าไปสิบนาทีละ” เขายังยืนใจเย็นนับเวลาจนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ ตรู้ดดๆๆ ตรู้ดดๆ ติ้ด!“ว่าไงต้น”
“ตอนนี้พนักงานใหม่มาแล้วนะครับ”
“งั้นให้ทำงานช่วยกุ๊กไก่ไปก่อน ฉันยังไม่เสร็จธุระที่บ้าน เข้าไปเมื่อไหร่ก็เจอเองนะ” ติ้ด!! ทิวไผ่กดวางสายโดยไม่พูดต่อ
“ป๊าา..”
เสียงลูกสาวดังก้องห้องน้ำ ทิวไผ่รีบเปิดประตูเข้าไปดู “เสร็จแล้วใช่มั้ย”
เด็กน้อยส่ายหน้า “เปล่าค่ะ..ส้มเช้งอึไม่ออกล้างเลยก็ได้ ส่งป๊าเสร็จหนูจะไปเรียนแล้ว” ทำหน้ามุ่ย
“แล้วถ้าไปปวดที่โรงเรียนจะทำยังไง”
“ก็เข้าห้องน้ำสิคะ..คุณครูเขาจะมาสอนตอนล้างก้น” ยิ้มให้คุณพ่ออย่างน่ารัก
“ก็ตามใจ” ทิวไผ่จัดการล้างทำความสะอาดให้ลูกจนเสร็จแล้วจึงอุ้มออกมาแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนอนุบาลประจำอำเภอ ก่อนจะเดินลงไปจากชั้นสอง
บ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้นแปลกตาสี่ห้องนอนห้าห้องน้ำตั้งตระหง่านอยู่กลาง ‘ไร่ส้มทิวไผ่’ ภายในอาณาเขตห้าสิบไร่ ทั้งไร่นี้ปลูกพืชหมุนเวียนมากมายแต่เน้นส้มเป็นหลัก มีขายทั้งในประเทศและส่งออกนอกประเทศ ไร่ส้มนี้อยู่ห่างจากบริษัททิวไผ่งามในตัวอำเภอใช้เวลาเดินทางสามสิบนาที คนงานในไร่มีถึงหนึ่งร้อยยี่สิบคน ทุกคนล้วนแต่เป็นชาวบ้านในละแวกนี้ทั้งสิ้น มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย อายุมากรึน้อยหากมีแรงทำงาน ทิวไผ่ก็ยินดีรับไว้ทั้งหมด “เดี๋ยวไปที่บริษัทในอำเภอก่อนนะ แล้วค่อยไปส่งส้มเช้ง” ทิวไผ่บอกลุงพลคนขับรถและควบตำแหน่งมือขวาในไร่
“ครับนาย”
ทิวไผ่ ก้มมองลูกสาวที่นั่งอยู่บนตัก ‘ส้มเช้ง’ เป็นลูกที่เกิดมาจากความไม่ตั้งใจของเขาและเพื่อนสาวชื่อ 'หญิง’ คืนนั้นเมื่อหกปีก่อนต่างคนต่างก็ดื่มจนเมา ตัวเขาก็คนโสดคนหนึ่ง แต่หญิงมีแฟนที่เป็นฝรั่งอยู่แล้ว เรื่องนั้นมันเกิดขึ้นตอนที่หญิงมาบ่นๆ เรื่องงานของแฟนฝรั่งที่ต้องย้ายกลับประเทศอังกฤษ บ่นไปบ่นมาและดื่มกันจนเช้ากลับกลายเป็นว่าพวกเค้ามีอะไรกันซะงั้น แล้วหลังจากนั้นหนึ่งเดือน หญิงโทรมาบอกเขาว่าเธอท้อง เขาตกใจมาก สุดท้ายจึงจบลงที่เขารับลูกมาเลี้ยงเอง ส่วนหญิงนั้นหลังจากที่คลอดส้มเช้งได้สองเดือนเธอก็ย้ายไปอยู่กับแฟนฝรั่งที่อังกฤษ โดยที่เรื่องนี้มีคนรู้เพียงแค่สี่คน คือพ่อแม่ พี่ชาย และเขา หากมีใครถามว่าแม่ของส้มเช้งอยู่ไหน คำตอบที่ได้รับกลับไปคือ แม่ส้มเช้งเสียแล้วตั้งแต่ส้มเช้งเกิด ตอนนี้สถานภาพของทิวไผ่คือพ่อม่ายเรือพ่วงวัยสามสิบแปดปี แน่นอนว่ามีดีกรีคือหล่อรวยและเนื้อหอมที่สุดในอำเภอและเขาก็ไม่ได้หลอกตัวเอง
“ถึงแล้วครับนาย” ลุงพลบอก