
แสงตะวันที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้าลงเรื่อยๆ นั้นมันทำให้ร่างบางที่นั่งทอดอารมณ์อยู่กับที่นี้นานแล้ว หัวใจดวงน้อยมันเริ่มหดหู่ลงทีละนิดๆ หญิงสาวร่างสูงโปร่งที่สวยทั้งรูปทรงองค์เอว ผิวพรรณหน้าตาและพร้อมทั้งชาติตระกูลด้วยนั้น นั่งน้ำตาซึมแบบนี้นานแล้ว คาร์ริน คาซิโอ หล่อนไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมหล่อนจะต้องนึกถึงคำพูดของผู้ชายแสนร้ายกาจคนนั้นด้วย ซึ่งนี้มันก็ล่วงเลยเวลามานานเป็นปีแล้ว หล่อนพยายามลืมเขาให้ได้ รักแรกที่เขาบอกว่าลืมยากนั้น หล่อนเห็นว่ามันคงจะจริงเสียแล้ว หล่อนพยายามลืมใบหน้าของเขา ลืมคำพูดของเขาที่เปรียบเสมือนเข็มทิ่มแทงจิตใจหล่อนนี้ แต่ทำไมมันถึงลืมไม่ได้ซะจริงๆ
คาร์ริน นึกถึงวันนั้น วันที่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นหล่อนตะโกนใส่หน้าหล่อนจนทำให้หน้าสวยๆ นั้นชาวาบ จนบัดนี้หัวใจของหล่อนก็ยังคงเฉยชาอยู่เช่นเดิม
“ถึงน้องไม่อยากแต่ง พี่ก็ไม่แต่งด้วยหรอก มัมของพี่จะมาบังคับจิตใจพี่ได้ไง เรื่องหมั้น,,,,,,มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ให้หมั้นกัน พี่ไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด”
เสียงนี้มันก้องอยู่ในหัวใจหล่อนตลอดเวลา เพราะคำๆ นี้ทำให้หล่อนนึกเกลียดหน้าคู่หมั้นของหล่อน แล้วก็กำลังจะหาวิธีบอกคุณพ่อคุณแม่หล่อนเองให้ถอนหมั้นนั้นเสีย แต่ก็ช่างเหอะ แค่ผู้ชายคนเดียว ทำไมหล่อนจะต้องเก็บเอามาคิดให้มันรกสมองด้วย ในเมื่อเขาไม่รักหล่อน แล้วหล่อนจะไปรักเขาอยู่ทำไมกัน...หึ เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางก็ลุกขึ้นจากโขดหินแล้วเตรียมหันหลังเพื่อกลับไปยังที่พักของหล่อนทันที....
“อุ....อุ้ยยย....ว้ายยย” ร่างเล็กร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่อหล่อนหันไปก็ชนเข้ากับร่างหนาของใครบางคนจนร่างเล็กเซถลาเกือบตกลงไปข้างล่างแถวโขดหินนี้ ดวงตาสวยหวานกระพริบตาถี่ๆ เมื่อหญิงสาวเซเข้าหาอ้อมกอดของชายหนุ่มคนนั้นเข้าอย่างจัง ด้วยความที่มันยังไม่มืดมาก หล่อนจึงรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนที่หล่อนชนแล้วประคองร่างงามของหล่อนอยู่นี้เขาเป็นใคร
“ขะ...ขอโทษคะ..อเล็ก” คาร์รินรีบกล่าวขอโทษแล้วรีบดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของหล่อนทันทีเมื่อหล่อนนั้นทรงตัวได้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับคาร์ริน นั่งคิดอะไรอยู่เหรอครับ ผมมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัวเลย” ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เพื่อนสมัยเรียนมหาลัย ยืนยิ้มร่าถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงปกติ
“อ๋อ คาร์รินคิดเรื่องงานที่บ้านนะคะ” หญิงสาวแสร้งพูดบอกเพื่อนสมัยเรียนที่มาเที่ยวเลี้ยงรุ่นด้วยกันนี้
“อ๋อ..ครับผมนึกว่าคิดถึงหนุ่มที่ไหน” อเล็กแกล้งเย้าหญิงสาวเล่นเป็นการหยั่งเชิงหล่อนด้วย
“ไม่ค่ะ...คาร์รินยังไม่มีแฟนหรือมีหนุ่มที่ไหนหรอกคะ ไม่เชื่อถามยายแอนนาก็ได้นะคะ” คาร์รินบอกชายหนุ่มไปโดยที่ไม่สบตาเขา หล่อนรู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดยังไงกับหล่อน เขาเข้ามาตีสนิทกับหล่อนตั้งแต่งานเลี้ยงรุ่นครั้งแรกเมื่อประมาณ แปดเดือนก่อน และครั้งนี้อีก มีการจัดงานที่ประเทศไทย โดยเพื่อนคนไทยเป็นเจ้าภาพหาสถานที่
“อ๋องั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอคุยได้ไหมครับ” เพื่อนชายของหล่อนรุกหล่อน โดยไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ..ๆ ...ได้ค่ะ ไม่เห็นเป็นไรเลย” คาร์ริน ตอบชายหนุ่มไปตามตรง โดยเจ้าหล่อนไม่รู้เลยว่าคำตอบนั้นมันทำให้คนฟังหัวใจพองโต
“ขอบคุณนะครับ แบบนี้ผมขออนุญาต โทรคุย แล้วก็ไลน์หาได้นะครับ” อเล็กยิ้มให้กับหญิงสาวหลังจากที่เขาเอ่ยถ้อยคำนั้นออกไป คาร์รินเห็นชายหนุ่มที่ยิ้มหน้าบานก็นึกขำ ทำไมเขาถึงดีใจจนออกนอกหน้านะ แต่ก็น่ารักดีไปอีกแบบ บุคลิกของเขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจดี อารมณ์ขัน ชอบทำให้คนอื่นยิ้มตลอดเลย
“คะ...งั้นเราเดินไปที่ทานอาหารกันนะคะ” คาร์รินเอ่ยชวนชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มจริงใจ พรางเดินไปด้วยกันยังกลุ่มเพื่อนที่รอในห้องอาหารของโรงแรมนี้
“ไงคาร์ริน แอนนาหาตั้งนานไปนั่งอยู่แถวไหนอ่ะ ชายทะเลตรงนู้นก็ไม่มี” เสียงแอนนาเพื่อนสาวพูดขึ้น พรางเดินเข้าหาคาร์รินที่เดินเข้ามายังห้องอาหาร
“อ่อ คาร์รินไปนั่งอยู่ตรงโขดหินแถวๆ หน้าผาจุดชมวิวนะจ๊ะ” หญิงสาวตอบเพื่อนสาวคนสนิทที่นอนอยู่ห้องใกล้กันด้วยความจริง
“อ๋อ..จะขึ้นไปหาเพื่อนเมาส์ว่า วันนี้โรงแรมที่เราพักนี้มีดาราดังระดับฮอลิวูดมาด้วยนะ” แอนนารีบเมาส์ใหญ่เลย หล่อนตื่นเต้นที่ได้กระทบไหล่ดาราระดับฮอลิวูด เมื่อช่วงบ่าย เขาควงมากับแฟนหนุ่ม โคตรหล่อเลย
“แหมช่างเขาเหอะแอนนา คาร์รินว่าอย่ามัวเมาส์เลย ทานข้าวกันดีกว่า” คาร์รินกล่าวตัดบทเพื่อนสาวขาเมาส์ รายนี้ชอบเมาส์เรื่องข่าวสังคมชั้นสูง คงเป็นนิสัยของหล่อนที่ทำบริษัทผลิตโฆษณาหละสิ เห็นอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอามาปิ๊งเป็นไอเดียเสียหมด
คาร์รินทานอาหารเสร็จแล้วก็ขอตัวขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า เพราะช่วงสามทุ่มนี้ หล่อนมาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ แถวชายหาด ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องจัดการธุระของตัวเอง คาร์รินพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากการพักผ่อน การปาร์ตี้ หล่อนจะสนุกให้สุดเหวี่ยงไปเลยคืนนี้......>>>>>

