“It’s our instinct to chase what’s getting away, and to run away from what’s chasing”
-The great Gatsby-
(สัญชาตญาณของคนเราคือไล่ตามสิ่งที่กำลังหนีเรา และวิ่งหนีสิ่งที่กำลังไล่ตามเราอยู่)
“ใครอีกวะเนี่ย” นภพลหันกลับไปมองยังชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ พร้อมกับพูดออกมาอย่างหัวเสีย
“ลี!” สุพรรษาร้องเรียกร่างบางที่เดินเข้ามาให้ด้วยความดีใจ ก่อนจะดึงมือของลูกสาวให้เดินตามเธอไปหาคนที่พึ่งเข้ามาใหม่
“คุณป้าลีกับคุณลุงแสงเหรอคะ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามขึ้นก่อนที่เธอจะยกมือไหวทั้งสองคนที่มาใหม่อย่างนอบน้อม ตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียกที่กรุงเทพ จนกระทั่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เจอพวกท่าน แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้
“ไหว้พระนะลูก / หลานสาวของป้าไม่ได้เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นเยอะเลย” วราลีเดินเข้ามากอดจันทร์เจ้าเอาไว้ด้วยความคิดถึง ก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อนเสียงหวาน
“คุณลุงกับคุณป้าสบายดีนะคะ จันทร์ไม่ได้กลับไปเยี่ยมเลยตั้งหลายปีแล้ว”
“ลุงกับป้าสบายดีลูก”
“น่ารำคาญว่ะ ตกลงว่าไงถ้าไม่มีเงินมาให้ฉัน 20 ล้าน ยัยนี้ก็ต้องไปกับฉัน” นภพลที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะมองไปที่ลูกหนี้ตรงหน้าอย่างต้องการรอฟังคำตอบ
“เอาสัญญามา แล้วนายจะได้เงิน 20 ล้านอย่างที่ต้องการ” พันแสงพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังร่างสูงตรงหน้านิ่งๆ อย่างไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยสักนิด
“...” ซึ่งการกระทำของพันแสงทำให้นภพลรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก เพราะเขามั่นใจเสียเหลือเกินว่ายังไงเกมนี้เขาก็เหนือกว่าทุกๆ คน
“ว่าไง” พันแสนเอ่ยถามชายตรงหน้าขึ้นอีกครั้ง
“ได้ แต่ฉันขอเป็นเงินสด”
“แน่นอนฉันเตรียมมาแล้ว”
หลังจากที่พันแสงและวราลีจัดการใช้หนี้นภพลแทนครอบครัวของจันทร์เจ้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าหนี้หน้าเลือดก็เดินออกจากคฤหาสน์หลังงามนี้ไปอย่างหัวเสีย
“จันทร์ขอขอบคุณคุณลุงกับคุณป้ามากนะคะที่ช่วยเหลือครอบครัวของเราไว้ จันทร์จะรีบหาเงินมาคืนให้เร็วที่สุดเลยค่ะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับผู้มีพระคุณทั้งสองคนออกไปเสียงอ่อน ถ้าไม่ได้ท่านทั้งสองคนช่วยเอาไว้เธอกับแม่ของเธอจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
“ไม่ต้องหาเงินมาคืนป้าหรอกลูก”
“คะ?”
“อะ เอ่อ แม่กับป้าลีคุกกันเอาไว้แล้วว่าอยากให้หนูแต่งงานกับทิวาลูกชายของป้าลีกับลุงพันแสง...” สุพรรษาเอ่ยบอกกับลูกสาวคนเดียวเสียงอ่อนอย่างรู้สึกผิด ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเลี้ยงจันทร์เจ้ามาไม่เคยบังคับหรือทำให้ลูกของเธอต้องลำบากใจเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ ทั้งหมดก็เพื่อตัวของจันทร์เจ้าเอง
“อะไรนะคะ?”
“ป้าไม่บังคับหนู ถ้าหนูไม่อยากแต่งกับตาทิลูกชายป้าก็ไม่เป็นไรลูกพวกเราเข้าใจหนู” วราลีเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าพร้อมกับยื่นมือไปลูบมือบางของเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับส่งยิ้มไปหาเธออย่างเอ็นดู
“คือ” จันทร์หันไปมองแม่ของเธอพร้อมกับกำลังใช้ความคิดไปด้วย ถึงเธอจะอยากร้องไห้มาแค่ไหน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ต้องมานั่งคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เธอต้องคิดถึงปัจจุบันที่จะส่งผลถึงอนาคตของครอบครัวเธอให้เยอะที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
“พวกเราเคารพการตัดสินใจของหนู” พันแสงเอ่ยบอกกับหลานสาวตรงหน้าด้วยอีกคนเพื่อไม่อยากให้เธอกดดันมากเกินไป
“ที่พวกเราอยากให้หนูแต่งงานกับทิวาเพราะเรามั่นใจว่าทิวาเป็นคนเดียวในตอนนี้ที่จะปกป้องหนูจากคนพวกนี้ได้ ไอ้นภพลค่อนข้างมีอิทธิพลและขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงพวกเรากลัวว่าหนูจะเป็นอันตรายน่ะลูก” วราลีเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าของเธออีกครั้ง
“ใช่ลูกนี่เป็นความคิดของแม่เอง แม่จะวางใจมากกว่าถ้าลูกมีคนที่ดีและสามารถปกป้องลูกสาวของแม่ได้อยู่เคียงข้าง” ตามมาด้วยเสียงหวานๆ ของสุพรรษาที่เอ่ยบอกกับลูกสาวของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ตกลงค่ะ แต่จันทร์มีเรื่องอยากขอคุณแม่ค่ะ” จันทร์เจ้าใช้เวลาคิดไม่นานก่อนจะตอบตกลงไปทันที เธอเข้าใจถึงความหวังดีของผู้ใหญ่เป็นอย่างดี แต่งไปก่อนและค่อยไปตกลงเรื่องการหย่ากับทิวาทีหลังก็ยังได้ เพราะจันทร์เจ้ามั่นใจเหลือเกินว่าทิวาเองก็คงไม่อยากแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน
“ว่ามาได้เลยลูก”
“คุณแม่คะ เราพาคุณพ่อกลับไปอยู่กับคุณยายที่เชียงใหม่นะคะ หนูไม่อยากทิ้งคุณพ่อกับคุณแม่ไว้ที่นี่ หนูรู้สึกว่านภพลอะไรนั่นไม่น่าจะหยุดแค่นี้ค่ะ”
“เราจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่บ้านของเรากันลูกรัก แต่แม่จะตามหนูไปทีหลังนะคะ เพราะแม่อยากจะไปพร้อมกับคุณพ่อของหนู”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยษา พี่มีเพื่อนเป็นหมอเก่งๆ อยู่ให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้ให้กับพวกเราได้” พันแสงเอ่ยบอกกับสุพรรษาเพื่อนรักของภรรยาออกไปอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะมองไปที่หลานสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู เรื่องที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพทิวาลูกชายของเขายังไม่รู้เรื่อง แต่เขามั่นใจว่าทิวาไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน ‘ผู้ชายด้วยกันมันดูกันออกอยู่แล้ว’
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เอาไม่ต้องขอบคุณพวกเราแล้วลูกเราคนกันเองทั้งนั้น ต่อไปพวกเราก็จะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” วราลีเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าพร้อมกับลูบหัวน้อยๆ ของเธออย่างเอ็นดู
“แล้วทิวาจะโอเคเหรอคะ นานขนาดนี้แล้วเขายังไม่มีภรรยาอีกเหรอคะ” จันทร์เจ้าเอ่ยถามผู้มีพระคุณออกไปด้วยความสงสัย ทิวาโตกว่าเธอ 3 ปีก็จริง แต่เขาก็เป็นทั้งเพื่อนเล่นและคู่กัดกับเธอมาตั้งแต่จำความได้ จนกระทั่งเธอต้องย้ายมาเรียนที่กรุงเทพอย่างกะทันหันจึงไม่ได้มีเวลาบอกเขา จากนั้นเธอก็ไม่เคยเจอกับเขาอีกเลย...
“หึหึ”
“ขำอะไรของคุณคะคุณพันแสง...ยังไม่มีลูกถึงตาทิจะปากร้ายไปหน่อย แต่ป้ารับรองว่าตาทิลูกชายป้าเป็นคนดีแน่นอนลูก” วราลีเอ็ดสามีของเธอเบาๆ อย่างไม่ได้จริงจังมากนัก ก่อนจะหันมาบอกกันร่างบางที่นั่งข้างๆ เสียงอ่อนเสียงหวาน
“ค่ะคุณป้า...”
2 วันก่อนเกิดเรื่อง...
-โรงพยาบาล-
‘ษา!’
‘ลี!’ สุพรรษาหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นร่างบางที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนที่วราลีเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอจะดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่น มือบางลูบลงที่แผ่นหลังบางของเธออย่างต้องการปลอบประโลม
วราลีรู้เรื่องของสุพรรษาเพื่อนรักของเธอจากรายการข่าวเช้า เธอจึงรีบให้พันแสงผู้เป็นสามีของเธอพาเข้ามาในกรุงเทพทันทีโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครเลย แม้กระทั่งลูกชายของเธอที่กำลังยุ่งอยู่กับการแก้ปัญญาภายในไร่จนไม่มีเวลาได้หลับได้นอน
‘เธอมาได้อย่างไงลี’
‘ทำไมเธอไม่บอกฉัน’ วราลีเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าของเธอออกไปเสียงอ่อนอย่างน้อยใจ เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ๆ เด็กๆ แต่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องให้เธอมารู้จากข่าวทางโทรทัศน์ ถึงจะน้อยใจเพื่อนแต่วราลีก็รู้ดีว่าสุพรรษาเป็นคนอย่างไร ถ้าไม่ถึงทางตันจริงๆ เพื่อนคนนี้ของเธอไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากเธออย่างแน่นอน และสุพรรษาก็น่าจะรู้ดีว่าวราลีไม่มีทางปล่อยให้เธอถึงทางตันเช่นกัน
‘ฉันขอโทษนะลี’
‘เธอไม่ได้ทำอะไร ไม่ต้องขอโทษฉัน’
หลังจากที่สุพรรษาเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนรักของเธอฟัง 2 สามีภรรยาก็ตกลงกันได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมากเลย
‘คือว่าเงินมันเยอะ ษาไม่...’
‘อย่างคิดมาก ถือซะว่าเป็นเงินสู่ขอหนูจันทร์ให้ตาทิก็แล้วกัน’ พันแสงเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง