EPISODE 03 : โลกเหวี่ยงเธอกลับมา

1451 Words
“You see I never stopped loving you, even though I couldn’t see you.” -The End Of The Affair- (เธอก็รู้ ฉันไม่เคยหยุดรักเธอเลย แม้ฉันไม่สามารถเห็นเธอได้ก็ตาม) ‘เรื่องนี้...’ ‘อย่าคิดมากสิษา...ถ้าหนูจันทร์ไม่ยินยอมพวกเราก็จะไม่บังคับ’ วราลีเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าอย่างเข้าใจ ‘ถ้าจันทร์ตกลงษาคงสบายใจมากกว่านี้’ ‘หมายความว่ายังไง’ วราลีเอ่ยถามเพื่อนรักออกไปอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ ในตอนแรกเธอคิดว่าสุพรรษาจะลำบากใจที่เธอขอหนูจันทร์เจ้าให้กับพันทิวาลูกชายของเธอซะอีก... ‘ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเร็วมากจนษากับคุณกรณ์ตั้งตัวไม่ทัน ษาคิดว่ามันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลค่ะ และด้วยนิสัยของจันทร์เจ้าถ้าไม่พาเธอไปอยู่ที่อื่นเธอไม่มีทางปล่อยมือจากเรื่องนี้ง่ายๆ อย่างแน่นอน’ ‘…/…’ ‘ษากลัวลูกจะไม่ปลอดภัยน่ะค่ะ’ ‘กลับบ้านเรากันไหม ที่นั่นตอนรับษากับหนูจันทร์เสมอเลยนะ’ วราลีเอ่ยบอกกับเพื่อนรักเสียงอ่อนพร้อมกับดึงร่างบางตรงหน้ามากอดอย่างหลวมๆ วราลีกับสุพรรษาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่ของสุพรรษาย้ายเข้ามาตั้งรกรากอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของวราลี ตั้งแต่นั้นมาทั้งคู่ก็ได้รู้จักกันและสนิทกันอย่างรวดเร็วด้วยนิสัยที่คล้ายกันจึงทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอแน่นแฟ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ‘ษาก็คิดว่าจะกลับไปอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่คงต้องรอให้คุณกรณ์หายดีก่อนน่ะ’ ‘เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการให้เอง’ พันแสงที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้น ก่อนจะมองไปยังร่างบางตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง ‘ษาเกรงใจ...’ ‘ไม่เอาสิ...ถ้าไม่ได้ษาในวันนั้นลีกับแสงก็คงไม่มีวันนี้หรอกนะ ษายังจำคำที่เคยพูดไว้กับลีได้ไหม ‘เราเป็นเพื่อนรักกันเรื่องแค่นี้เพื่อนช่วยเพื่อนได้เสมอ’ ลีจำได้นะ จำได้ไม่เคยลืมเลย’ ‘…’ ‘ในวันนั้นทุกคนหันหลังให้กับลีและแสงมีเพียงษาคนเดียวที่อยู่ข้างลี และวันนี้ลีก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน’ ‘ขอบใจมากนะ’ ... -ไร่พันแสง จังหวัดเชียงใหม่- “พ่อกับแม่หายไปไหนกันมาครับ ทิโทรไปตั้งหลายสายก็ไม่รับ รู้ไหมว่าทิเป็นห่วง” ทันทีที่พันแสงและวราลีรถมาจากรถ พันทิวาลูกชายคนโตซึ่งตอนนี้รับช่วงต่อดูแลไร่พันแสนแทนพวกเขาก็บ่นเสียงยกใหญ่ ทั้งสองยังไม่ทันได้นั่งพักให้หายเหนื่อยจากการขับรถมาหลายร้อยกิโลเลยก็ต้องมาฟังลูกชายบ่นเสียแล้ว “กลัวลูกชายจะขึ้นคาน พ่อกับแม่ก็เลยไปหาเมียให้ลูกชายมาครับ” วราลีเอ่ยบอกกับลูกชายของเธอด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับจิบน้ำเปล่าเย็นๆ ในแก้วตรงหน้าของเธอไปด้วย “ห๊ะ? พูดเป็นเล่นทิไม่แต่งครับ พ่อกับแม่บังคับทิไม่ได้หรอก” “กับหนูจันทร์เจ้าลูกสาวน้าสุพรรษาแกก็ไม่อยากแต่งงั้นสิ” พันแสงพูดขึ้นอย่างรู้ทันพร้อมกับมองไปยังลูกชายคนโตอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาของพันทิวาที่ชะงักนิ่งงันไปทันทีที่ได้ยินชื่อเธอคนนั้น เขาก็อดขำออกมาไม่ได้ ถึงคนอื่นจะไม่รู้ว่าทำไมทิวาถึงเป็นอย่างนี้ แต่เขาเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้มาเองกับมือทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าลูกชายของเขาคิดอะไรอยู่ “นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?” พันทิวาเอ่ยถามพ่อกับแม่ของเขาออกไปด้วยความสงสัย ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ตรงหน้าของทั้งสองคน พันแสงและสุพรรษาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของจันทร์เจ้าให้กับลูกชายฟังทั้งหมด สำหรับวราลีแล้วขอเพียงลูกชายเธอยอมแต่งงานเพื่อช่วยครอบครัวของเพื่อนรักเพียง 1 ปีรอให้ทุกอย่างมันคลี่คลาย แล้วจากนั้นเด็กทั้งสองคนจะตัดสินใจยังไงเธอก็จะไม่บังคับทั้งนั้น ที่สำคัญเธอมั่นใจว่ายังไงพันทิวาลูกชายของเธอไม่มีทางทำร้ายจันทร์เจ้าเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่เข้าหาหลานสาวของเธอในตอนนี้อย่างแน่นอน “ถ้าลูกไม่อยากแต่งแม่จะหา...” “แต่งก็แต่งสิครับ” พันทิวาเอ่ยบอกกับพ่อแม่ของเขาเสียงเรียบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ใครจะรู้ว่าหัวใจของเขากำลังทำงานหนักขนาดไหน “หึหึ” “แม่นอนคิดทั้งคืนเลยว่าจะพูดยังไงให้ลูกยอมแต่งเพื่อช่วยหนูจันทร์ ไม่คิดว่าลูกจะตอบตกลงง่ายขนาดนี้” “แล้วยัยหัวเน่าจะยอมแต่งงานกับทิเหรอครับ” ร่างสูงเอ่ยถามคุณแม่ของเขาออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตากลับจ้องไปที่ร่างบางตรงหน้าเพื่อรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “ตาทิอย่าไปเรียกแบบนี้ให้น้องได้ยินนะ หนูจันทร์ของแม่โตเป็นสาวแล้วสวยมากด้วย หัวเน่าอะไรกัน...” “ตอบคำถามของทิก่อนสิครับ” “น้องตอบตกลงแล้ว เดี๋ยวบ่ายนี้แม่กับน้าษาจะไปหาพระอาจารย์ที่วัด หาฤกษ์งามยามดียิ่งไวยิ่งดี” วราลีเอ่ยบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงสดใจ ถึงนี้จะเป็นการแต่งงานหลอกๆ แต่เธอก็แอบหวังอยู่นิดๆ ว่าเด็กทั้งสองคนจะตกหลุมรักและสร้างครอบครัวด้วยกันจริงๆ ในสักวัน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วทิขอไปดูน้องแตงไทก่อนนะครับ” พูดจบพันทิวาก็เดินออกมาจากบ้านใหญ่ของตัวเองทันทีโดยไม่ถามอะไรผู้เป็นพ่อและแม่ของเขาต่อ พันทิวาเดินมาขึ้นรถจี๊ปคันใหญ่ของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะขับออกไปทันทีพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มออกมาด้วยความยินดี “15 ปีแล้วสินะ” ‘เป็นอะไรของมึง?’ ขุนศึกเอ่ยถามพันทิวาออกมาเสียงเรียบก่อนที่ฝาแฝดอย่างเสือและสิงเพื่อนรักของเขาทั้งคู่จะเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงของขุนศึก พร้อมกับจ้องมองไปยังร่างสูงที่มาใหม่เป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ก่อนหน้านี้พวกเขารู้เพียงว่าพันทิวาจะไปสารภาพรักกับสาวน้อยหน้าตาน่ารักที่ชื่อว่า ‘จันทร์เจ้า’ ถึงเธอคนนั้นจะเป็นคู่กัดกับทิวาเพื่อนรักของพวกเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอคนนั้นได้หัวใจทั้งดวงของผู้ปากปีจอคนนี้ไปเต็มๆ ‘มึงไปสารภาพรักกับน้องจันทร์เจ้าไม่ใช่เหรอวะ?’ ‘แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มีสภาพแบบนี้กลับมาล่ะเนี่ย?’ เสือเอ่ยถามขึ้นก่อนที่สิงจะเอ่ยถามสมทบด้วยอีกคน ทั้งสามคนมองไปยังทิวาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรอฟังคำตอบ ทิวาเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ‘เฮ้ออออ!!’ ‘อยากพูดก็พูดออกมาไอ้ทิ’ ขุนศึกเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกมาอย่างกับคนที่พอจะเดาความรู้สึกของเพื่อนรักออก... ‘ไปแล้ว’ ‘อะไรวะ’ เสือเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ทิวาพูดออกมา ‘จันทร์เจ้าเธอไปแล้ว’ ‘ไปไหนวะ’ ‘ไปกรุงเทพ’ ‘เชี้ย!/…/…’ เพื่อนทั้งสามคนมองมาที่พันทิวาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ดูจากหน้าของเพื่อนรักแล้วทำให้พวกเขารู้ว่ามันไม่น่าพูดเล่นอย่างแน่นอน ‘เอาน่า...ถ้าคู่กันจริงต่อให้น้องจันทร์เจ้าไปไกลจากมึงเท่าไหร่ สุดท้ายโลกก็จะเหวี่ยงเธอกลับมาให้มึงอยู่ดี แต่ถ้าเธอไม่กลับมาก็ยอมรับความจริงและใช้ชีวิตของมึงต่อไปซะ’ ขุนศึกเอ่ยบอกกับพันทิวาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมกับบีบไหล่แกร่งของร่างสูงตรงหน้าเบาๆ อย่างต้องการให้กำลังใจ “ในเมื่อเธอวนกลับมาเป็นของฉันแล้ว ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอีก...ยัยหัวเน่าของฉัน” พันทิวาหยิบแว่นตากันแดดที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาใส่ ก่อนจะขับรถไปยังฟาร์มโคนมของเขาที่อยู่ไม่ไกล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD