ตอนที่ 8 ของขวัญแทนใจ

1908 Words
ตอนที่ 8 ของขวัญแทนใจ ตกบ่ายวันเดียวกันมีคนมาจากตระกูลฟาง เอ่ยบอกว่าขอเข้าพบท่านแม่ทัพสักครู่ มีเรื่องสำคัญจะบอก ทว่าท่านแม่ทัพกลับมาจากตระกูลไป๋ได้พักใหญ่ เขากำลังฝึกซ้อมกระบี่อยู่ที่ลานฝึก เมื่อได้ยินถ้อยคำของผู้มาใหม่ เขาก็ร้อนใจยิ่งนัก เมื่อคืนก็เห็น ๆ อยู่ว่านางมิได้ป่วยอันใดกันนี่นา ครั้นจะเอ่ยซักถามก็เกรงว่าจะไม่ได้ความ เช่นนั้นนึกได้ว่าเมื่อคืนนางบ่นว่าอยากจะกินปลา เขาก็ขันรับอาสาจะหาปลามานึ่งให้นางได้ลิ้มรส อยากจะรู้นักระหว่างพ่อบ้านเฟยผู้ชายตัดแขนเสื้อแต่อบอุ่น กับผู้ชายเช่นเขาที่ปากร้ายแต่ก็รักเพียงแค่นางคนเดียว นางจะเลือกใครกัน “เดี๋ยวข้าตามไป” คำตอบสั้น ๆ สีหน้าซุกซ่อนความร้อนใจเอาไว้ ชายคนที่แจ้งข่าวเขาจึงเดินทางกลับด้วยม้าตัวใหญ่ ท่านแม่ทัพเปลี่ยนจากปลาเป็นขนมแทน ยามเด็ก ๆ นางมักชอบอ้อนกินน้ำผึ้งเห็นทีว่าเขาต้องหาน้ำผึ้งก้อนไปให้นางเสียหน่อยแล้ว คิดจะเอาของไปหลอกล่อนาง แววตาของเขาก็ยกยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากำลังเตรียมตัวจะไปหาคนรัก ทหารรายหนึ่งเดินเข้ามากล่าวรายงานเรื่องที่ให้ไปสืบมาเรื่องนี้ร้ายแรงพอสมควร เขาจะทำเช่นไรดีเล่า ว่าที่ภรรยาก็ป่วย งานก็เร่ง หันซ้ายทีขวาทีเผอิญเจอเป้าหมายที่สำคัญเข้าให้ เขาจึงได้ร้องทักทายอย่างดีใจ “เกาเหวิน” ท่านรองแม่ทัพจ้าวเกาเหวิน รูปงามเป็นหนึ่ง สมองเป็นเลิศทีเดียว “ขอรับท่านแม่ทัพ” เกาเหวิน ยกมือขึ้นประสาน รอรับคำสั่งผู้บัญชาการ สีหน้าของเขาราบเรียบดูราวกับชายไร้ใจ แข็งแกร่งราวกับภูผา หญิงใดมิเคยชายตาแล หยางเฟยเทียนแจกแจงรายละเอียดจนหมดสิ้นใช้เวลาไปครู่ใหญ่กว่าจะสั่งการกำชับแผนการทุกอย่างเอง น้อยคนก็ยิ่งดี งานนี้ย่อมสำเร็จเท่านั้น ทว่ายังกำชับท่านรองแม่ทัพอีกหลายคำ เขาบอกว่าขอเวลาสักครู่ แล้วจะรีบตามไปให้ทัน เกาเหวินพยักหน้ารับคำทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนเอ่ยซักซ้อมแผนการอย่างรวบรัด เมื่อเห็นว่าทหารอีกสามคนพร้อมก็ออกเดินทางได้ หยางเฟยเทียนจึงเร่งควบม้ามาให้ทัน จนหลงลืมไปว่าจะนำน้ำผึ้งก้อนมามอบให้คนป่วย คนตัวโตควบม้าผ่านตลาดร้านใดก็ไม่มีน้ำผึ้งที่อยากได้ เผอิญเจอกับเจ้าเมาเข้าให้ มันกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดจากเจ้าโก่วตัวใหญ่ ท่านแม่ทัพเห็นเช่นนั้น จึงได้คว้าจับเอาเจ้าเมาหรือลูกแมวตัวเล็กสีขาวขนฟูฟ่องเอามากอดปลอบอยู่พักหนึ่ง เจ้าโก่วตัวใหญ่ขู่กระโชกโฮกฮากหมายจะกัดให้ได้ เจ้าสุนัขตัวนี้ดุร้ายเสียจริง ท่านแม่ทัพจึงทำเพียงแค่ ดีดก้อนหินเข้าไปใส่มันที่ลำตัว เจ้าโก่วหรือสุนัขขนสีน้ำตาล ขนมันวาววิ่งหนีหายไปส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด “เจ้าแมวน้อยไม่เป็นไรแล้วนะ ข้าจะพาเจ้าไปพบสาวงาม ท่านแม่ของเจ้า แล้วข้าคือท่านพ่อดีหรือไม่” น้ำผึ้งก้อนที่หวังเอาไว้ก็ไม่ได้ แต่ดันได้ลูกแมวสีขาวขนฟูมาแทน ดูน่ารักยิ่งนัก ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะมีหัวใจอ่อนโยนเช่นนี้ สตรีน้อยนางหนึ่งพบเห็นเข้าโดยบังเอิญ นางกำลังจะเดินเข้ามาพูดคุยทว่าท่านแม่ทัพกระโดดขึ้นนั่งบนอานม้าควบมายังจุดหมายปลายทาง สาวน้อยนางนี้ใบหน้างดงามพริ้มเพราไม่ได้ต่างจากไป๋อวี้ชิงสักนิด นางยังไม่ทันก้าวเท้าไปทักทายพูดคุยทำความรู้จัก เขาก็ไปเสียแล้ว ทำให้นางอดเสียดายไม่ได้ “คุณหนูกลับกันเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยเอ่ยเรียกสติเจ้านายของนาง “ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้ น่าเสียดายนัก” นางเอ่ยขึ้นดวงตาของนางเป็นประกายวาววับดุจดวงดาราน้อยใหญ่ “น่าเสียดายอันใดกันเจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้เอียงคอเล็กน้อยสีหน้าของนางดูเหมือนกำลังตั้งคำถามพลางสงสัยหนักนา “ก็น่าเสียดายที่เขารักกับคุณหนูไป๋นะสิ ช่างดูแตกต่างกันยิ่งนัก ยังมีคู่หมั้นที่เป็นเพียงแค่ลูกสาวพ่อค้าก็ยิ่งน่าเห็นใจ” แววตานึกเหยียดหยามน้ำเสียงหยามหยันอีกฝ่ายที่เป็นสตรีด้วยกันดูถูกชาติกำเนิดของคู่หมั้นท่านแม่ทัพ “สักวันข้าจะหาโอกาสพูดคุยกับเขาให้ได้ รับรองว่าผู้หญิงสองคนนั้นเขาจะไม่ชายตามองพวกนางเลย” หญิงสาวรายนี้ดูมั่นใจนักว่าจะชนะใจของท่านแม่ทัพได้ไม่ยาก “เจ้าค่ะ” สาวใช้พูดขึ้นก่อนจะพากันกลับจวนของพวกนาง คนป่วยที่ท่านแม่ทัพเร่งรีบมาหา นางนอนนิ่งใบหน้าขาวซีดเพราะบางอย่าง ริมฝีปากม่วงดูน่าสงสารยิ่งนักแววตาจดจ้องอยู่ที่ประตูอย่างมีความหวัง ร่างบอบบางท้องร้องขึ้นมาเสียดื้อ ๆ มัวแต่ตื่นเต้นจนหลงลืมรับอาหารมื้อกลางวัน อาถงได้ยินเสียงคำรามดังออกมาก็หัวเราะ “คุณหนู รับอาหารก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่ทัพก็คงยังไม่ทันจะมาแน่ ๆ เจ้าค่ะ” บางทีก็อยากจะบอกว่า ให้คุณหนูนั้นตาสว่างเสียหน่อย เขาไม่มาแน่ ๆ “อืมก็ดีเหมือนกัน” ผิงอันลุกขึ้นพรวดพราดทันทีด้วยความที่นางหิ้วท้องรออาหาร หิมะกำลังตกลงมา ดีที่ว่าไม่หนักหนานัก ร่างบอบบางยามเอ่ยพูดมักจะมีไอออกมาจากริมฝีปากเสมอ อาการหนาวเย็นเช่นนี้ ทำให้คนงามอาจล้มป่วยได้ทุกเมื่อ นั่นเพราะเมืองหลวงอากาศค่อนข้างที่จะไม่ร้อนและไม่หนาว เย็นสบายตลอดทั้งปี จะหนาวมากหน่อยก็ตอนหน้าฝนเพียงเท่านั้นเอง เสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่ห่อหุ้มร่างเล็ก ๆ อย่างมิดชิด คนตัวเล็ก ค่อย ๆ เดินอย่างระมัดระวังเพราะว่าจู่ ๆ ขาของนางก็รู้สึกปวดร้าวไปหมด ผิงอันเดินไม่ไหวจึงได้นั่งรออาถงที่ห้องโถงกลาง ท่านแม่ทัพมาถึงประตูหน้าจวนตระกูลฟาง เขารีบลงจากม้าอุ้มเจ้าลูกแมวตัวสีขาวเอาไว้ มอบความอบอุ่นให้มันเกรงว่ามันจะหนาวตายเอาได้ สองเท้าหนาแกร่งเดินฉับ ๆ อย่างว่องไวเร่งรีบเข้าไปข้างใน เขารู้จักทิศทางเป็นอย่างดี พ่อบ้านชายชราเห็นหน้าเขาเอ่ยทักทาย ทว่าถูกยกมือขึ้นปัดเขาเร่งรีบไปหาคนป่วยด้วยใจที่ร้อนรนทนไม่ไหว เพียงแค่ครู่เดียวก็มาถึงแล้ว เห็นนางนั่งอยู่ในห้องโถงไร้เตาร้อน “มานั่งทำอันใดตรงนี้ หากป่วยหนักจะว่าอย่างไร” คนตัวโตเอ่ยดุเข้าให้ด้วยความเป็นห่วง น้ำเสียงนั้นดูจะเกรี้ยวกราดยิ่งนัก เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงของชายหนุ่ม ผิงอันหันขวับตามเสียง ใบหน้างดงามดวงตาหวานอาบด้วยม่านน้ำตาเล็ก ๆ นางแอบคิดว่าเขาจะไม่มาหานางเสียด้วยซ้ำไป “พี่เฟยเทียน” คนตัวเล็กลุกขึ้นกำลังจะเดินทว่าขาของนางก็เจ็บแปลบปวดร้าวไม่อาจเดินได้ นางกำลังฝืนอาการป่วยที่แท้จริง ก้าวขาได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นนางก็ โซเซถลาจะล้มลง มือหนารีบคว้าร่างบอบบางให้อิงแอบซบเข้าที่แผงอกแกร่ง ดวงตากลมโตสบสายตากับเจ้าขนฟูในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เมื่อครู่จะร้องไห้ด้วยความดีใจ กับยิ้มหัวเราะด้วยความยินดียิ่งนัก “พี่เฟยเทียนไปเอาเจ้าตัวเล็กมาจากไหนกัน ขอข้าได้หรือไม่” ทั้งน้ำเสียงและแววตามีแต่ความสุขล้น “หรือว่าท่านจะนำไปให้คนรักของท่าน” คำทิ้งท้ายทำให้เขาเจ็บแปลบร้าวราน “ข้าช่วยมันเอาไว้ คิดว่าจะนำมาให้เจ้าเลี้ยงดู” ท่านแม่ทัพ ประคองหญิงคนรักให้นั่งที่เก้าอี้ เจ้าลูกแมวตัวน้อยซุกเข้ากับผ้าคลุมขนสัตว์หาความอบอุ่นให้ตนเอง เพียงไม่ถึงอึดใจมันก็หลับตาพริ้มสีหน้าของมันดูมีความสุขนักหลับในอ้อมกอดของนางแล้ว “จะตั้งชื่อว่าอันใดเจ้าคะ” ผิงอันเงยหน้าถามเมื่อเขาไม่นั่งลงเสียที น้ำเสียงสดใสผิดจากคนป่วย ท่านแม่ทัพก็ว้าวุ่นใจ รีบร้อนจะมาพบหน้ายามเห็นหน้าแล้วเขากลับพูดจาอันใดไม่ออกจะเอ่ยซักถามไล่เลียงอาการเจ็บป่วยก็มิได้ถาม เห็นนางยิ้มได้กอดเจ้าแมวน้อยแน่นแบบนี้เขาก็สุขใจ แอบอิจฉาเจ้าแมวน้อยตัวนี้เหลือเกิน ประเดี๋ยวคืนนี้เขาจะกอดนางเอาไว้จนเช้าเลยชดเชยที่นางลืมเขา “ลี่จูดีหรือไม่” คนตัวโตอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นคู่หมั้นสาวสนใจเจ้าแมวน้อยตัวนี้แทนเขา เขาจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เจ้าแมวตัวนี้มีความสำคัญยิ่งกว่าเขาเสียอีก “ลี่จู ที่แปลว่าสวยงาม” หญิงสาวเอ่ยทวนความหมาย นางยังมิเข้าใจว่าเขาจงใจตั้งชื่อนี้เพราะเหตุใดกัน ทว่าเจ้าแมวน้อยก็มุดอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นหลับตาพริ้มอยู่ในวงแขนของเจ้านายแสนสวย “อืม สวยงามเหมือนกับเจ้าอย่างไรเล่า” หยางเฟยเทียนกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของนาง ทำให้ผิงอันใบหน้าแดงระเรื่อรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ ทำให้นางนึกถึงชายหนุ่มคิ้วบากอีกคน ใบหน้าของพ่อบ้านเฟยทาบทับกับใบหน้าท่านแม่ทัพพอดิบพอดี มือเรียวยกมือขึ้นขยี้ตาอันพร่ามัวมองเห็นคู่หมั้นเป็นท่านพ่อบ้านไปได้เสียนี่ เมื่อนึกถึงคำพูดอันหวานหอมชวนลุ่มหลงนางก็นึกหมั่นไส้อยากจะข่วนหน้าหล่อ ๆ ของเขายิ่งนัก พูดจาแบบนี้กับสตรีมากี่คนกันแล้ว หว่านเสน่ห์ไปทั่ว ทอดทิ้งนางเอาไว้เพียงลำพัง มองเห็นเขากับสตรีผู้นั้นโอบกอดนึกถึงทีไรก็ปวดร้าวไม่หาย “หากว่าข้างดงาม เหตุใดท่านจึงรักหญิงผู้นั้นมิใช่ข้า” คนตัวเล็กหดหู่ขึ้นมาทันใด ริมฝีปากบางนั่นสั่นระริกราวกับจะแบะปากร้องไห้ “ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล เอาเป็นว่าเจ้าก็อยู่เฉย ๆ รอเพียงแค่ข้าแต่งงานกับเจ้าก็พอ” เขาตอบเพียงแค่นั้น เกรงว่าหากพูดมากกว่านี้นางจะหาว่าเขาแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ในเมื่อนางเห็นอยู่ทนโท่แบบนั้น มิหนำซ้ำเขายังพูดจากระทบกระแทกใจนางเข้าให้อีก คนอย่างเขาจะแก้ตัวได้หรือ ก็คงจะมีเพียงแค่ยอมรับชะตากรรม หากว่าคนตัวเล็กงอนเขาให้แล้วจริง ๆ จะหาเหตุผลอันใดมาลบล้างความผิดก็คงจะยากยิ่งนัก นางก็คงจะคิดว่าเขาโป้ปดหลอกลวง “พวกผู้ชายเห็นแก่ตัวมักมาก ท่านอย่าคิดว่าแต่งงานกับข้าแล้วข้าจะรับนางมาเป็นภรรยาของท่านอีกคนนะ ไม่มีทางหากมีนางไม่มีข้า” “เหตุใดคนป่วยถึงได้ปากดีเช่นนี้นะ ข้ามีธุระด่วนขอตัว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD