อาการป่วยของแม่ทรุดจนน่าห่วง ผู้เป็นแม่ขอร้องให้ย้ายลงใต้ไปอยู่ภูเก็ตเพราะมีที่ดินหลงเหลืออยู่ รินรดายอมตามใจย้ายจากกรุงเทพมาปักหลักอยู่ภูเก็ตและหางานทำ
พอคลอดลูกสาวได้ไม่ถึงปี แม่ก็เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด รินรดาทำใจไว้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ งานศพของแม่ได้ท่านประธานของบริษัทมาเป็นเจ้าภาพ เพื่อนร่วมงานเดินทางมาฟังพระสวดแทบทุกคืนไม่ขาด โชคยังดีที่มีญาติของแม่หลงเหลือ อยู่ช่วยงานทำให้เบาแรงไปได้เยอะ
รินรดาเหนื่อยล้าจากการจัดงานมากเพราะมีลูกน้อยต้องกระเตงไว้ข้างตัวไม่ห่าง ยังดีที่ได้นิรนาทช่วยอุ้มผ่อนแรงได้บ้างเป็นครั้งคราว
“ขอบคุณมากนะคะพี่น้อย “
“เงินซองพอจ่ายค่าจัดงานรึเปล่า “หลังจบงานรินรดาก็นำซองที่ได้มาแกะแล้วเช็กยอดเพื่อนำถวายวัด
“แค่ซองคุณภาคย์ก็เกินพอแล้วค่ะ “
“มีเจ้านายดีก็แบบนี้แหละ คุณภาคย์ไม่เคยทิ้งลูกน้องอยู่แล้ว แถมยังเอ็นดูยอมให้แก้มพาลูกอินไปเลี้ยงที่ทำงานอีกด้วย “รินรดารู้สึกซาบซึ้งที่ได้เจ้านายดีและเพื่อนร่วมงานที่น่ารักเช่นนี้ กำลังใจเปี่ยมล้นทำให้ดวงหน้าหวานมีแต่รอยยิ้ม แม้จะเป็นงานสีดำของแม่ แต่รินรดาก็ยิ้มได้เพราะความมีน้ำใจของทุกคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“นั่นสิคะ ถือเป็นโชคดีของลูกอินกับแก้ม จากนี้ไปแก้มจะตั้งใจทำงานอยู่ช่วยบริษัทจนกว่าคุณภาคย์จะเอ่ยปากไล่แก้มถึงจะไป”
“คงยากอยู่หรอก พี่คิดว่า “
“พี่น้อยคะ “รินรดารีบปรามเพราะรู้ว่านิรนาทกำลังจะสื่อถึงเรื่องของภาคภูมิกับเธอ บอกหลายครั้งแล้วว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ เธอก็แค่เด็กใจแตกเรียนไม่จบแถมยังมีลูกติด ไม่เหมาะสมและคู่ควรกับผู้ชายแสนเพอร์เฟคอย่างภาคภูมิ มองยังไงก็ไม่คู่ควรสักนิด ผู้หญิงอย่างเธอไร้ค่าตั้งแต่ยอมพลีกายเพื่อเงินไปแล้ว ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าขายตัว แค่ไม่มีใครรู้ เธอตั้งใจจะเก็บความลับนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่อับอายแค่ไม่อยากให้เขาคนนั้นเสียชื่อเพราะได้เธอเป็นเมียต่างหาก
นี่ก็ปีกว่าที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับลูก บางครั้งก็แอบคิดถึงแม่ที่จากไปบ้างบางครา พัฒนาการของลูกสาวทำให้แม่อย่างรินรดารู้สึกทึ้งทุกวัน พี่ๆ ที่บริษัทเอ็นดูลูกอินมาก เวลามีคนเดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอจะต้องมีถุงสีขาววางทิ้งไว้ทุกครั้ง ใครไปใครมาก็ต้องทำแบบนั้นประจำ
“หม่ำๆ “
“รู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร หม่ำอย่างเดียวไม่ได้นะลูก “ใครนะช่างซื้อของเล่นพัฒนาการมาให้ ลงทุนขนาดนี้เชียวหรือ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ลูกอินไปโปรยเสน่ห์ใส่พี่ๆ คนไหนถึงได้หน้ามืดซื้อของแพงแบบนี้มาให้
“ลุง”
“หือ “รินลดาขมวดคิ้วสงสัยแล้วหมุนตัวไปมองด้านหลัง
“เรียกลุงได้แล้วหรือ แบบนี้สิค่อยคุ้มกับของเล่นหน่อย “
“ของคุณภาคย์เองหรือคะ “สาวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูรีบวิ่งอ้าแขนไปหาภาคภูมิด้วยความดีใจ รินรดาอ้าปากหวอไม่คิดว่าลูกอินจะยอมให้เจ้านายหนุ่มยอมอุ้มถึงขั้นวิ่งไปหาเองเช่นนี้
ภาคภูมิยิ้มแย้มและกอดเจ้าตัวเล็กแน่น ไม่คิดเหมือนกันว่าจะทำให้เด็กวิ่งเข้าหาได้
“เสริมพัฒนาการน่ะ แรกๆ ก็สอนเขาก่อน อย่าเพิ่งให้เขาจริงจังจนเกินเหตุ “รินรดาพยักหน้าเข้าใจ แอบเกรงใจเสียด้วยซ้ำที่เจ้านายเสียเงินซื้อของพวกนี้มาให้
“ลูกอินมาหาแม่ดีกว่าคุณภาคย์จะไปทำงานแล้ว มาลูกมา “
“ไม่ๆ “ลูกสาวหมุนตัวกลับโอบรอบคอของภาคภูมิไว้แน่น สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เจ้านายหนุ่มเป็นอย่างมาก
“เอาเถอะ ผมว่างพอดี ห้องผมก็กว้างพอที่จะให้ลูกอินวิ่งเล่น คุณทำงานไปเถอะ ผมดูแลลูกอินให้เอง “
“แต่แก้มเกรงใจนี่คะ แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว “เรื่องเลี้ยงลูกในที่ทำงานคงไม่มีบริษัทไหนยอมขนาดนี้ รินรดาได้เจ้านายดีชีวิตเธอกับลูกก็เลยไม่ลำบาก หากต้องจ้างพี่เลี้ยง เธอก็ต้องเจียดเงินเดือนอันน้อยนิดที่มีจ่ายค่าจ้างนั่นไป แลกกับความเสี่ยงบางทีอาจไม่คุ้ม อีกเรื่องเธอไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้นนอกจากตัวเองและรุ่นพี่อย่านิรนาท
ส่วนตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง
“โอเค แม่แก้มยอมใจอ่อนแล้ว ไปเล่นห้องลุงดีกว่า บ๊ายบายคุณแม่ก่อนเร็ว “
“บาย “รินรดาแอบยิ้มให้ร่างสูงที่เดินหายเข้าไปในลิฟต์ ไม่อยากเชื่อสายตาว่าภาคภูมิสามารถเข้ากับลูกอินได้ดี ยังยืนยันว่าสถานะของเธอกับภาคภูมิจะเป็นแค่นายจ้างกับลูกน้องเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะในใจของเธอตอนนี้รักใครไม่ได้อีกแล้ว
เขายังเป็นที่หนึ่งในใจของเธอเสมอ แม้จะไม่มีวันได้เขามาครอบครอง เธอก็ยังเก็บเขาเอาไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว
------