บทที่ 3: คำสั่งสุดท้ายและน้ำตาของคนตลก
เงาแห่งความเศร้าโศก
คืนนั้น เป็นคืนที่อากาศหนาวเย็นผิดปกติ แสงจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ ทำให้บรรยากาศในสำนักเมฆามังกรดูอับเฉาและเงียบงันยิ่งกว่าเดิม จวินเสวียนกำลังนั่งจิบสุราต้มกลั่นที่มุมลับของเขา ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่สั่นคลอนอย่างรุนแรงจากห้องพักของอาจารย์เถียนไห่
ความรู้สึกไม่สบายใจแล่นเข้ามาในใจ จวินเสวียนรีบวิ่งไปที่ห้องพักของอาจารย์ทันที
เมื่อเขาไปถึง ศิษย์หลักและศิษย์รองหลายคนยืนอออยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท่านอาจารย์เถียนไห่ได้ล้มป่วยด้วยอาการทรุดหนักมาหลายเดือนแล้ว และคืนนี้ ดูเหมือนว่าวาระสุดท้ายของท่านจะมาถึงแล้ว
จวินเสวียนเบียดตัวฝ่ากลุ่มศิษย์เข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเขาบีบรัดอย่างแรง—อาจารย์เถียนไห่นอนอยู่บนเตียงไม้ ใบหน้าซีดเซียว พลังชี่ที่เคยคุ้มครองร่างกายกำลังจางหายไปราวกับควัน
“อาจารย์! ท่านต้องไม่เป็นอะไรนะขอรับ!” จวินเสวียนทรุดตัวลงข้างเตียง น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาที่ปกติเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อาจารย์เถียนไห่พยายามยื่นมืออันเหี่ยวย่นมาแตะที่ศีรษะของศิษย์ผู้เป็นที่รักเบา ๆ รอยยิ้มสุดท้ายของท่านเจือด้วยความเมตตา
“เสวียนเอ๋อร์... อย่าร้องไห้เลย... ชีวิตคนเราก็เหมือนการต้มกลั่นสุรา... ต้องผ่านความร้อนและความกดดันก่อนถึงจะได้รสชาติที่ยอดเยี่ยม” เสียงของท่านแหบพร่าและอ่อนแรงลงอย่างน่าใจหาย
ศิษย์คนอื่น ๆ ยืนมองอย่างเงียบ ๆ ด้วยความเคารพ แต่ก็มีเสียงกระซิบกระซาบถึงความโง่เขลาของจวินเสวียนที่ยังมาแสดงความรู้สึกกับอาจารย์ที่กำลังจะตายอย่างเปิดเผย
“เจ้าศิษย์ไร้ค่า… ถึงเวลาแล้วที่มันจะไม่มีคนหนุนหลัง” หลิงเฟิงพึมพำกับศิษย์ข้าง ๆ
จวินเสวียนไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขากุมมืออาจารย์ไว้แน่น และพยายามส่งพลังชี่อันน้อยนิดของตัวเองเข้าไปในร่างของอาจารย์อย่างสิ้นหวัง
“อาจารย์... ท่านต้องอยู่ต่อเพื่อชิมเหล้าสูตรใหม่ของข้าให้ได้นะขอรับ! มันอร่อยกว่าเดิมสิบเท่าเลยนะ!”
อาจารย์เถียนไห่หัวเราะแผ่วเบา “เหล้าของเจ้า... อร่อยเสมอแหละ, เสวียนเอ๋อร์”
แล้วสายตาของท่านก็เปลี่ยนไป ท่านหันไปมองกลุ่มศิษย์ที่ยืนอยู่ และกล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด
“ศิษย์ทุกคน... ฟังข้าให้ดี” ท่านหันกลับมามองจวินเสวียน “จวินเสวียน, เจ้าไม่ใช่คนไร้ค่า... พรสวรรค์ของเจ้าไม่ได้อยู่ที่พลังชี่ แต่อยู่ที่หัวใจและความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณ... เจ้าเท่านั้นที่เหมาะกับภารกิจนี้”
คำพูดนี้สร้างความแตกตื่นให้กับศิษย์คนอื่น ๆ พวกเขามองจวินเสวียนอย่างไม่เข้าใจ
“ภารกิจอะไรหรือขอรับ อาจารย์?” จวินเสวียนถามด้วยความสับสน
อาจารย์เถียนไห่หยิบม้วนผ้าไหมเก่า ๆ ที่ดูธรรมดาออกมาจากใต้หมอน ม้วนผ้านั้นมีกลิ่นอายของพลังโบราณที่แม้แต่จวินเสวียนที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถรับรู้ได้
“นี่คือ... แผนที่” อาจารย์กระซิบเสียงเบา “แผนที่ที่นำไปสู่ที่ซ่อนของ คัมภีร์บรรพกาล... คัมภีร์ที่ไม่ได้มอบพลังทำลายล้าง... แต่มอบพลังในการ เปลี่ยนแปลง โลก... และเจ้าจะต้องเป็นคนนำมันกลับมา”
หลิงเฟิงก้าวออกมาทันที “อาจารย์! เหตุใดต้องเป็นเขา! เขาไม่มีพลังวิญญาณพอที่จะปกป้องตนเองได้ด้วยซ้ำ! ข้า! ข้าต่างหากที่เหมาะสม!”
อาจารย์เถียนไห่ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “คัมภีร์นี้เลือกคน... ไม่ได้เลือกพลัง... หลิงเฟิง, เจ้ามีพลัง แต่จิตใจเจ้ายังไม่สงบพอ” ท่านจ้องมองจวินเสวียนอีกครั้งด้วยความรักและเชื่อมั่น “เสวียนเอ๋อร์... เจ้าต้องรักษาสุขภาพให้ดี... พกเหล้าของเจ้าไปให้มาก... และจงจำไว้ว่า... อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น”
จวินเสวียนรับม้วนผ้าไหมมาด้วยมือที่สั่นเทา เขารู้สึกถึงน้ำหนักของมัน—น้ำหนักของความไว้วางใจ, ความหวัง, และหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่เกินตัว
“ข้า... ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่างขอรับ!” เขาตอบเสียงสั่นเครือ “ข้าจะตามหาคัมภีร์นั่นและนำมันกลับมาให้ท่าน!”
อาจารย์เถียนไห่ยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นจนทำให้จวินเสวียนรู้สึกเหมือนได้กลับไปในอ้อมกอดของพ่อแม่ในโลกเดิมของเขา
“ดี... ศิษย์รักของข้า... ลาก่อน”
แล้วลมหายใจของท่านอาจารย์เถียนไห่ก็หยุดลงอย่างสงบ พลังชี่สุดท้ายได้สลายไปในอากาศ ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและความเศร้าโศก
จวินเสวียนไม่ได้ร้องไห้อย่างรุนแรง แต่เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ และต่อเนื่อง เขาไม่ได้แสดงท่าทีตลกขบขันเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกในครั้งนี้ เพราะความเศร้าโศกนี้มันจริงแท้และบาดลึกเกินกว่าจะปลอมแปลงได้
ศิษย์คนอื่น ๆ ถอยห่างออกไปเพื่อเตรียมพิธีศพ ปล่อยให้จวินเสวียนนั่งอยู่ข้างเตียงของอาจารย์ที่จากไปอย่างโดดเดี่ยว
“อาจารย์...” จวินเสวียนกระซิบเบา ๆ พลางกอดม้วนผ้าไหมไว้แนบอก “ท่านวางใจในตัวข้ามากเกินไปแล้วนะ... ข้าเป็นแค่คนไร้ค่าที่ต้มเหล้าเก่งคนหนึ่งเอง...”
แต่เมื่อเขานึกถึงรอยยิ้มสุดท้ายและคำพูดที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นของอาจารย์, ไฟแห่งความมุ่งมั่นก็ถูกจุดขึ้นในใจ
“ไม่ว่าคัมภีร์นี้จะนำไปสู่ความตายหรือความรุ่งโรจน์... ข้าจะออกเดินทางและทำภารกิจนี้ให้สำเร็จเพื่อท่านอาจารย์เถียนไห่!”
เขากำม้วนผ้าไหมแน่น, เช็ดน้ำตาออก, และเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาดูถูกของหลิงเฟิงที่มองตามหลังมา
จวินเสวียนรู้ดีว่าหลังจากนี้, เขาจะถูกกดดันและถูกข่มเหงมากขึ้นแน่นอน แต่เขาไม่ได้สนใจแล้ว สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวคือ การออกเดินทางและเหล้าต้มคู่ใจ
เขาตรงไปยังถ้ำลับของเขา, รวบรวมเสื้อผ้าที่จำเป็น, พกมีดสั้นสนิมเขรอะที่อาจารย์เคยให้ไว้, และที่สำคัญที่สุด... สุราชำระดวงจิต ที่ถูกบรรจุไว้ในขวดดินเผาหลายสิบขวด เขาจัดการซ่อนม้วนผ้าไหมไว้ในเสื้อคลุมอย่างมิดชิด
ก่อนรุ่งเช้าจะมาถึง, จวินเสวียนได้ก้าวออกจากสำนักเมฆามังกรอย่างเงียบ ๆ—ไม่ได้ออกไปเพื่อตามหาความยิ่งใหญ่, แต่ออกไปเพื่อทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของอาจารย์ที่รัก และเพื่อค้นหาอิสรภาพที่เขาต้องการมานานแสนนาน