bc

อุบัติรัก ร้อยเสน่หา

book_age18+
1.0K
FOLLOW
6.6K
READ
HE
heir/heiress
sweet
bxb
mystery
brilliant
campus
like
intro-logo
Blurb

“เอี้ยดดด..”

“โอ้ะ...ว้ายย!!..” ร่างเพรียวปราดเปรียวถูกรถหรูเฉี่ยวล้มหน้าคะมำเข่ากระแทกลงไปแต่เธอยกมือทั้งสองดันพื้นไว้อย่างอัตโนมัติเพื่อไม่ให้หน้าถูพื้น

“คุณครับเป็นยังไงบ้างครับ” ร่างสูงจอดรถแล้วลงไปดูอย่างรวดเร็ว

“โอ้ยย..” สิริยากรตกใจทำอะไรไม่ถูกพอได้ยินเสียงคนถามก็จะลุกขึ้นแต่เจ็บเท้าและเข่าที่กระแทกลงบนพื้นถนน

“ผมช่วยครับ ไปหาหมอนะครับคุณ ผมขอโทษที่ขับรถไม่ระวังครับ” ชยางกูรมองหญิงสาวแล้วเขาก็อุ้มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเลือดที่ฝ่ามือและข้อศอกของเธอ

“คุณเสือคะ” เมลดาลงจากรถเมื่อเห็นผู้ชายของเธออุ้มผู้หญิงที่เขาขับรถเฉี่ยวมาที่รถ

“คุณไปนั่งข้างหลังเร็ว ผมจะพาคนเจ็บไปหาหมอ” ชายหนุ่มบอกสาวสวยที่มาด้วย

“ได้ยังไงคะคุณเสือ เธอไม่ได้เจ็บมากนี่คะให้เงินไปหาหมอก็จบค่ะ” ไฮโซสาวมองหญิงสาวในอ้อมแขนของชยางกูรด้วยความไม่พอใจ

“หลีกไป..” ชยางกูรมองหน้าคู่ควงแล้วพูดเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ

“คุณเสือคะ” เมลดาหลีกให้เขาอุ้มหญิงสาวคนนั้นนั่งแทนที่เธอแล้วเดินเร็วอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาไฮโซสาวหน้าเหวอ “คุณเสือ กรี้ดดด..” เมลดากรีดร้องกระทืบเท้าอยู่กับที่ด้วยความโกรธที่ถูกทิ้งไม่สนใจว่าคนดินผ่านไปมามอง

chap-preview
Free preview
บทที่ 1
โรงเรียนชายล้วนชื่อดังกลางกรุงเทพมหานคร กลางสนามหญ้าของโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่มีแต่ลูกท่านหลานเธอและลูกมหาเศรษฐีและเศรษฐีหน้าเก่าหน้าใหม่ทั้งหลายส่งลูกหลานของตัวเองเข้าเรียนเพื่อยกระดับฐานะขอลูกหลานให้ได้อยู่ในสังคมไฮโซจึงมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งกลุ่มตามสังคมที่พ่อแม่สร้างให้ลูกของตัวเองเพื่อให้อยู่เหนือกว่าคนอื่น “เฮ้ย.นั่นมันไอ้กาฝากนี้หว่าใครให้มันมาร่วมทีมวะ” หนุ่มหน้าตาดีวัยสิบเจ็ดปีถามเพื่อนเมื่อเขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วลงมาเตะซ้อมเตะบอลกับเพื่อนเพื่อแข่งขันกับทีมบีของโรงเรียนที่ซ้อมบอลสนามใกล้กัน “ไม่รู้สิวะ มึงอย่าไปสนใจเลยไอ้ป้อมยังไงมันก็อยู่คนละทีมที่แน่ๆเราจะแพ้ไม่ได้” เท่ห์ตอบเพื่อนเพราะในโรงเรียนชายจะมีการแข่งขันฟุตบอลกระชับสัมพันธ์เป็นประเพณีประจำทุกปี “กูไม่ได้สนใจแต่กูเกลียดมัน” พิรัชย์ตอบเพื่อนมองไปยังคนที่เขาเกลียด “งั้นเราต้องรีบซ้อมจะได้เอาชนะพวกมัน” สองหนุ่มกำลังแตกเนื้อหนุ่มคุยกันแล้วเดินไปหาเพื่อนในทีมที่เตรียมตัวซ้อมบอลหลังเลิกเรียนทุกวันเพราะใกล้จะถึงวันแข่งขันฟุตบอลประจำปีของโรงเรียนสำหรับนักเรียนมัธยมปีที่ห้าและหก “มึงของมาด้วยมั้ยไอ้ป้อม” “เอามาสิวะ เอ้าเอาไป” พิรัชย์ยื่นกล่องดินสอปากกาให้เพื่อนซึ่งด้านในเป็นบุหรี่ “มึงเจ๋งว่ะไอ้ป้อมแล้วมึงหลบอาจารย์มาได้ยังไงวะ” “กูมีวิธีก็แล้วกัน ยังไงพวกมึงก็หลบหน่อยนะเดี๋ยวโดนจับได้ก็จบเห่กันพอดี” จากนั้นหนุ่มๆในทีมก็พากันไปห้องน้ำชายเพื่อแอบสูบบุหรี่ที่พิรัชย์แอบเอาเข้ามาในโรงเรียนเมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็พากันกลับไปซ้อมฟุตบอล นักฟุตบอลทีมบี “เฮ้เสือนั่นญาติของแกนี่” ชเยศบอกเพื่อนเมื่อเห็นญาติผู้น้องของเพื่อนเดินมาที่สนามก่อนจะพากันไปห้องน้ำและพวกเขารู้ว่าพวกนั้นแอบไปสูบบุหรี่ “อย่าไปยุ่งกับเขาเลยบ๊อบ ไปซ้อมบอลดีกว่า” ชยางกูรบอกเพื่อนแล้วเดินไปหาเพื่อนและเพื่อนรุ่นพี่ร่วมทีมที่มาซ้อมบอลกันด้วยความสนุกไม่ได้หวังจะชนะแต่เพื่อมิตรภาพของนักเรียนในโรงเรียน ทั้งทีมเอทีมบีก็ซ้อมเตะฟุตบอลคนละสนามแต่สนามอยู่ติดกันและลูกบอลก็ข้ามไปหากันบ้างแต่ไม่มีใครว่าต่างฝ่ายก็เล่นในเขตของตัวเองจนกระทั่งชยางกูรเตะข้ามฝั่งไปถูกอนันยศเข้าเต็มๆหลัง “เฮ้ยไอ้เสือ” กรินเรียกรุ่นน้องเสียงดังเมื่อเห็นฟุตบอลลอยข้าไปโดนหลังรุ่นน้องทีมเอ ชยางกูรรู้ว่าเตะบอลไปถูกเพื่อนก็วิ่งไปหาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอนันยศล้มลงบนสนามทำให้ทุกคนหยุดการเล่นแล้วไปดูเพื่อนที่โดนลูกบอลฝีเท้าของชยางกูรเข้ากลางหลัง “เป็นยังไงบ้างอนันยศ ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ชยางกูรประคองอนันยศลุกขึ้นเพราะเขาวิ่งไปถึงก่อนใคร “ไม่ต้องมายุ่งกับกู” อนันยศตวาดเสียงดังสะบัดมือของชยางกูรออกไม่ให้มันแตะต้องตัวเขา “มึงแกล้งเพื่อนกูเหรอไอ้เสือ” พิรัชย์ผลักชยางกูรที่นั่งยองๆล้มลงไปด้วยความไม่พอใจ “นี่ไอ้ป้อมพูดกันดีๆสิวะ ไอ้เสือมันไม่ได้แกล้ง” กรินรุ่นพี่มอหกพูดกับรุ่นน้องซึ่งเป็นญาติของชยางกูรและไม่ถูกกันแต่มาเรียนโรงเรียนเดียวกัน “พี่กรินเป็นเพื่อนมันก็เข้าข้างมันสิ” พิรัชย์ตอบรุ่นพี่ด้วยความไม่พอใจที่เข้าข้างไอ้กาฝาก “ไม่ได้เข้าข้าง ก็เห็นกันอยู่ว่าไอ้เสือมันไม่ได้ตั้งใจถ้าตั้งใจมันคงเล็งที่หัวแล้วแหละ ขอโทษกันซะจะได้จบ” กรินบอกรุ่นน้องทั้งสอง “ขอโทษนะอนันยศ” “เออ..” อนันยศรับคำของโทษแต่ในใจคุกกรุ่นด้วยความโกรธเขาจะต้องเอาคืนไอ้เสือแน่นอน “ดีมากน้อง พวกเราเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องเรียนโรงเรียนเดียวกันรักกันไว้เถิด แยกย้ายกันไปซ้อมบอลได้แล้ว” ธานีพูดขึ้นทำให้รุ่นน้องทั้งหลายแตกฮือเพราะเกรงใจรุ่นพี่ทั้งสอง หลักจากนั้นทีมเอก็ตั้งใจก่อกวนทีมบีเตะบอลข้ามฝั่งมาบ่อยจนเพื่อนร่วมทีมบีไม่พอใจเพราะรู้ว่านี่มันจงใจหาเรื่องกันแต่ก็อดทนเพราะไม่อยากมีเรื่องจึงซ้อมกันไปเรื่อยจนกว่าจะหมดเวลา “ตกลงพวกมึงจะเอายังไงวะ” ชาลีคว้างบอลใส่พิรัชย์เพราะมันจงใจเตะบอลใส่พวกเขาก่อนจนนับไม่ถ้วนจนเขาทนไม่ไหว “ใจเย็นสิวะชาลี” ชยางกูรเดินมาหาเพื่อนจับไหล่ชาลีไว้ “กูย็นไม่ไหวแล้วว่ะเสือ แม่ง ไอ้เท่ห์กับไอ้ป้อมมันจงใจเตะบอลใส่พวกเรานะ” “กูไม่ได้ตั้งใจ การเตะบอลก็มีพลาดบ้างสิวะจริงมั้ยไอ้เท่ห์ ไอ้กาฝาก” พิรัชย์ตอบอย่างกวนและคำสุดท้ายไม่ได้พูดออกเสียงแต่รู้ว่ามันว่าให้ชยางกูร “พอได้แล้ว วันนี้ไม่ต้องซ้อมแยกย้ายกันกลับบ้านไป” กรินบอกรุ่นน้องทั้งสองฝ่ายที่ฮึ่มฮ่ำใส่กัน “ได้ยังไงพี่กริน เด็กของพี่มาหาเรื่องทีมของผมก่อนนะครับ” สัตยาท้วงขึ้นเมื่อรุ่นพี่บอกให้แยกย้ายกันกลับ “แล้วมึงจะเอายังไงไอ้ปอร์” กรินถามรุ่นน้องเพราะเขาเป็นรุ่นพี่และยังเป็นประธานนักเรียนไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายมีปัญหาหากฝ่ายปกครองรู้ก็จะโดนทัณฑ์บนกัน “ไห้ไอ้พวกนี้มันขอโทษพวกผมสิเพราะมันมาหาเรื่องก่อน” สัตยาตอบรุ่นพี่แล้วมองทีมบีอย่างเยาะเย้ย “มันจะมากไปแล้วนะไอ้ปอร์ พวกมึงสิต้องมาขอโทษพวกกูที่เตะบอลใส่เป็นสิบๆครั้งถ้าคิดไม่ได้มึงไปเลี้ยงควายโน่น” อานนพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจตั้งแต่ที่มันว่าเพื่อนของเขาแล้ว “ไอ้เรย์.. พลั้วะๆๆ..” อนันยศโกรธอานนที่ว่าเขาเป็นควายก็ส่งกำปั้นออกไปปะทะหน้าของอานนทันที “เฮ้ยไอ้เท่ห์หยุดนะ” ชยางกูรเดินไปห้ามอนัยศแล้วผลักออกไปให้ห่างจากเพื่อน “ไอ้กาฝาก” พิรัชย์ไม่พอใจตั้งแต่แรกแล้วจึงปรี่เข้าไปฟาดกำปั้นเข้าใส่กรามชยางกูรที่ไม่ทันตั้งตัวเพราะมัวแต่ห้ามเพื่อนทั้งสองถึงกับหน้าหัน และชยางกูรก็ไม่ยอมถูกต่อยฟรีเขาหันมาก็เห็นกำปั้นของพิรัชย์ลอยมาใกล้ใบหน้าอีกครั้งจึงรับมือไว้แล้วสวนกลับด้วยกำปั้นไปอย่างแรงไม่ออมมือเพราะพิรัชย์ลงมือก่อน “พลั้วะๆๆ/ตุ้บตั้บๆๆ..” จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ซัดกันชุลมุลวุ่นวายแม้กรินกับธานีจะห้ามก็เอาไม่มีใครฟังเขาจึงเรียกเจ้าหน้าที่รปภ.มาช่วยแต่ไม่มีใครหยุดจนกระทั่งอาจารย์ฝ่ายปกครองมาถึงเป่านกหวีดเสียงดังลั่นทำให้ทุกคนชะงักแต่ก็ยับเยินกันทุกคน “มันเกิดอะไรขึ้น” อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดเสียงดังลั่นมองนักเรียนทุกคนที่เลือดกลบปากหน้าแหกกันยับเยินจึงเดินดูแต่ละคนไม่มีใครอาการหนักมากถึงกับหามส่งโรงพยาบาล “คือมีปัญหาเรื่องเตะบอลครับอาจารย์” กรินตอบอาจารย์เพราะเขาไม่ได้ลงมือกับรุ่นน้อง “ทำไมนายไม่ห้าม” “ผมห้ามแล้วครับอาจารย์ แต่เพื่อนๆน้องๆตั้งสี่สิบห้าสิบคนผมกับธานีจะห้ามได้ยังไงครับ” กรินตอบอาจารย์ว่าเขาห้ามแล้วแต่ไม่มีใครฟัง “นายกรินนายธานีจดชื่อทุกคนมาให้อาจารย์แล้วพาทุกคนไปหาหมอแล้วพรุ่งนี้ให้ผู้ปกครองของทุกคนมาประชุมพร้อมกันเวลาสิบนาฬิกา อย่าให้อาจารย์ต้องออกจดหมายเรียนผู้ปกครองนะ” อาจารย์ฝ่ายปกครองพูดจบก็รอประธานนนักเรียกกับรองประธานจดชื่อนักรียนทุกคนมาส่งให้เขาก่อนจให้ทุกคนไปหาหมอและเอาใบรับรองแพทย์มาให้ในวันพรุ่งนี้เพื่อไต่สวนทีเดียวต่อหน้าผู้ปกครอง อาจารย์ประจำชั้นและผู้อำนวยการโรงเรียน “ไปหาหมอกันก่อนนะเสือ” ชเยศบอกเพื่อนที่ไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่พิรัชย์เลือดกลบปากคิ้วแตกแก้มบวมโย้ “ไปรถบ้านกูนะป่านนี้ลุงก้อนมารอแล้วล่ะ ที่เหลือไปแท็กซี่นะแล้วไปโรงพยาบาลของพ่อกูนะจะได้ไม่เจอพวกนั้น” อานนพูดขึ้นแล้วทุกคนก็พยักหน้าแล้วเดินตามกันออกไปขึ้นรถหน้าโรงเรียนเพื่อไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยังเขม่นกันอยู่ก่อนจะขึ้นรถไปหาหมอ “คุณหนูเป็นอะไรครับ” นายก้อนถามคุณหนูของเขาที่ปากแตกหน้าบวม “ตะลุมบอลกันมาครับลุง ไปโรงพยาบาลของพ่อนะครับ” “ครับคุณหนู ยังไงก็โทรบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะครับ” “ครับลุง อู้ยย..เจ็บเป็นบ้าวะ” อานนสูดปากด้วยความเจ็บ “เมื่อกี้มึงยังเก่งอยู่เลยนะไอ้เรย์” ชยางกูรว่าเพื่อนที่ถูกต่อยก่อนแล้วมันก็ต่อยคืนอนันยศชนิดหมัดแลกหมัดจากนั้นทุกอย่างก็ชุลมุนเขาก็ไปช่วยเพื่อนไม่ได้เพราะพิรัชย์ไล่ต่อยเขาและเขาก็ป้องกันตัวออกหมัดไม่กี่หมัดแต่โดนเต็มๆทุกหมัดเช่นกัน “ตอนนั้นมันหน้ามืดแล้วโว้ย ถ้าไอ้เท่ห์ไม่ต่อยก่อนกูจะทำมันมั้ยล่ะ” ในเมื่ออนันยศเริ่มก่อนเขาก็เอาคืนเรื่องอะไรจะยอมให้มันต่อยฝ่ายเดียว “แล้วตอนนี้ล่ะเป็นไงวะไอ้เรย์” ชาลีถามเพื่อนเพราะเขาใส่ภาคีก่อน “เจ็บสิวะ กูว่างานนี้พวกเราถูกทำทัณฑ์บนแน่ๆว่ะ” เขาไม่ได้กลัวแต่เรื่องนี้ทำให้พ่อแม่ต้องอับอายที่มีเรื่องชกต่อยกัน ชยางกูรก็คิดตามเขาไม่ได้อยากหาเรื่องใครไม่อยากให้พ่อแม่ถูกญาติๆต่อว่าที่เอาเขามาเลี้ยงแล้วทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงก็เขาเป็นแค่กาฝากของตระกูลปัญญาวนิชยา เมื่อไปหาหมอเรียบร้อยอานนก็ให้ลุงก้อนตระเวรส่งเพื่อนๆในรถถึงบ้านทุกคนและชยางกูรเป็นคนสุดท้ายเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านของอานน “ขอบใจมากนเรย์ ขอบคุณครับลุงก้อน” “ไม่เป็นไรน่าเพื่อน ไปนะ” อานนยกมกำปั้นชกกับเพื่อนเบาๆประตูรถตู้หรูคันใหญ่ก็ปิดลง ชยางกูรมองจนรถของเพื่อนแล่นออกไปจนลับสายตาก็เดินไปที่ประตูเล็กลุงยามก็เปิดประตูให้เจ้านายน้อยเข้าบ้านและไม่ได้ถามอะไรรู้แต่ว่าวันนี้คุณเสือซ้อมบอลและจะกลับพร้อมเพื่อน “ขอบคุณครับลุง” ร่างสูงของเด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีเดินเอื่อยๆเข้าไปในบ้านหรือคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาอาศัยมาตตั้งแต่เด็กพอโตขึ้นเขาก็ถูกญาติวัยเดียวกันว่าเป็นกาฝากของตระกูลจึงไปถามพ่อกับแม่และท่านก็บอกความจริงให้เขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาทั้งสองท่านเสียชีวิตและท่านทั้งสองไปเจอพอดีก็ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงท้องแก่พาไปส่งโรงพยาบาลเพื่อทำคลอดและเขาก็ปลอดภัยส่วนพ่อแม่ก็เสียชีวิตและญาติของพ่อแม่แท้ๆก็ไม่มีใครพร้อมจะดูแลเขาจึงทำให้พ่อและแม่รับเขาเป็นลูกชายบุญธรรมและบอกไม่ต้องสนใจใครจะว่ายังไงเขาก็เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ “คุณพ่อคะ ศิไม่ยอมนะคะดูสิคะตาป้อมหน้าตาบวมปูดยับเยินขนาดนี้คุณพ่อต้องจัดการไอ้กา เอ่อ นายเสือนะคะ” ภัคสินีภรรยาของ รณรัต ปัญญาวนิชยาร้องโวยวายเสียงดังเอาเรื่องหลานชายกาฝากของตระกูลด้วยความไม่พอใจที่ทำร้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอและไม่ไต่ถามว่าเรื่องราวเป็นมายังไงพอลูกชายบอกว่ามีเรื่องชกต่อยกับชยางกูรก็รีบพาลูกชายมาเอาเรื่องถึงบ้าน “เดี๋ยวก่อนแม่สิ นี่มันเรื่องอะไรกันมาถึงก็โวยวายเสียงดังแบบนี้ไม่มารยาทจริงๆ” บัณทูรพูดขึ้นเมื่อลูกสะใภ้มาถึงก็โวยวายเสียงดังบัณทูร ปัญญาวนิชยา ประมุขของตระกูล ปัญญาวนิชยา วัย77 ปี ส่วนภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบสามปีก่อน มีลูกชายสามคน ยุทธเลิศ วัย47 ลูกชายคนโตแต่งงานกับชยานี ลูกสาวนักการเมืองไม่มีลูกด้วยกันเพราะยุทธเลิศเป็นหมันจึงรับเด็กชายชยางกูร ปัญญาวนิชยา มาเป็นลูกบุญธรรมตอนนี้ก็17ปีแล้ว รณรัต วัย45 ปีลูกชายคนรองแต่งงานกับภัคศินี มีลูกชายสองคนคือ พิรัชย์ วัย17ปีคนโตและพลวัตลูกชายวัย 15ปี และเมทัส วัย43ปีลูกชายคนเล็กแต่งงานกับจิรญา มีลูกสาวสองคนและลูกชายหนึ่งคน เมลิสาวัย16ปี มาสิตาวัย14ปี เมธิชัยวัย12ปี “ฝีมือตาเสือเหรอ” ยุทธเลิศถามหลานชายที่หน้าตาแดงก่ำบวมปูดไม่บอกก็รู้ว่ามีเรื่องชกต่อยกัน “ใช่,พี่ยุทธต้องจัดการให้ตาป้อมนะครับ” รณรัตพูดกับพี่ชายอย่างไม่พอใจที่ไอ้กาฝากมันมาต่อยลูกชายของเขา “ใจเย็นๆก่อนนะคะคุณรัต คุณสิ” “พี่นิจะให้สิใจเย็นได้ยังไงคะ พี่นิก็เห็นว่าลูกของสิเจ็บขนาดไปไหน” วาสินีพูดกับพี่สะใภ้ด้วยความไม่พอใจที่เขาข้างไอ้กาฝากตลอด “แม่สิจะให้พ่อตัดสินใจโดยฟังความข้างเดียวมันไม่ถูกต้อง พ่อยุทธโทรหาเจ้าเสือสิว่าอยู่ไหนให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย” บัณทูรบอกลูกชายคนโต “ครับคุณพ่อ” “ลูกมาแล้วค่ะคุณยุทธ เสือมานี่ก่อนลูก” ชยานิเรียกลูกชายของเธอเข้ามาในห้องรับแขกที่กำลังร้อนระอุเพราะน้องชายกับน้องสะใภ้ของสามีจะเอาเรื่องลูกชายของเธอทั้งที่ยังไม่รู้ความจริง ชยางกูรเดินเข้าไปในห้องรับแขกที่มีปู่พ่อแม่อาและพิรัชย์นั่งอยู่ในห้องทุกสายตามองเขาแตกต่างกันไป ปู่ยกยิ้มให้นิดหนึ่งพ่อแม่ยิ้มให้เขาแต่อาทั้งสองมองเขายังกับจะกินเลือดกินเนื้อและเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขาจำความได้ว่านอกจากปู่กับพ่อแม่ก็ไม่มีใครชอบเขา “สวัสดีครับคุณปู่ คุณพ่อคุณแม่คุณอา” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อมแล้วไปนั่งข้างแม่ “เสือบอกทุกคนได้มั้ยลูกว่าเกิดอะไรขึ้นลูกกับตาป้อมถึงชกต่อยกัน” คนเป็นแม่ถามลูกชายอย่างอ่อนโยนเพราะรู้จักนิสัยของลูกชายดีว่าไม่ทำใครก่อนหากไม่ถึงที่สุดจริงๆแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากเหมือนหลานชาย “เกิดเรื่องที่โรงเรียนครับคุณแม่” “เรื่องเป็นยังไงเล่าให้ปู่กับทุกคนฟังหน่อยสิเจ้าเสือ” บัณทูรบอกหลานชายนอกไส้ที่เขารักเหมือนหลานแท้ๆไม่ต่างจากหลานทุกคนเพราะชยางกูรเป็นคนตรงพูดจริง “วันนี้ผมกับเพื่อนซ้อมเตะบอลที่โรงเรียนครับ และที่โรงเรียนก็มีสองทีมและสนามอยู่ใกล้กันผมเตะพลาดไปโดนเพื่อนทีมเอแล้วผมก็ขอโทษก็จบเรื่องกันไป" “มึงตั้งใจเตะใส่ไอ้เท่ห์” “เจ้าป้อมเงียบ แล้วพูดจาให้มันดีๆหน่อยอย่ามาขึ้นไอ้ขึ้นมึงกูที่นี่ แล้วยังไงต่อเจ้าเสือ” บัณทูรบอกหลานชายอีกคนทีพูดแทรกขึ้นมาและพูดจาไม่สุภาพจึงปรามหลานชาย “พอจบเรื่องแล้วพวกเราต่างก็ไปซ้อมเตะบอลต่อแต่ทางทีมเอก็เตะบอลใส่ทีมผมสิบกว่าครั้งแล้วเพื่อนในทีมของผมก็ถามว่าจะเอายังไงก็ทะเลาะกันแล้วทีมเอก็ชกหน้าอานนครับ จากนั้นพวกเราก็ตะลุมบอลกันจนอาจารย์ฝ่ายปกครองมาห้าม เรื่องก็มีเท่านี้ครับ” ชยางกูรพูดไปตามความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นแต่ไม่ได้บอกว่าพิรัชย์ว่าเขาเป็นไอ้กาฝาก “ที่เจ้าเสือพูดมาจริงหรือเปล่าเจ้าป้อม” บัณทูรถามหลานชายที่นั่งหลบตา “ครับคุณปู่” “แต่นายเสือมันต่อยลูกของสินะคะคุณพ่อ สิไม่ยอมค่ะ” "แล้วเจ้าป้อมได้ต่อยเจ้าเสือหรือเปล่า" "เอ่อ,ครับคุณปู่" พิรัชย์ตอบเบาๆเพราะเขาชกชยางกูรก่อน “เธอจะให้ฉันทำยังไงแม่สิ ในเมื่อเจ้าป้อมก็ต่อยเจ้าเสือ” “คุณพ่อต้องลงโทษมันค่ะ” “ลงโทษตาเสือเรื่องอะไรคะคุณสิ ทั้งที่เด็กๆทะเลาะกันเป็นกลุ่มใหญ่แต่คุณสิให้คุณพ่อลงโทษลูกชายพี่คนเดียวมันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ” ชยานิถามน้องสะใภ้ที่จะให้พ่อสามีลงโทษลูกชายของเธอโดยที่เด็กๆมีความผิดเหมือนกัน “พี่นิอย่าเข้าข้างไอ้เสือมันสิครับ ตาป้อมเป็นหลานแท้ๆของพี่นะครับ ไม่ใช่ไอ้ลูกกาฝากอย่างไอ้เสือนะครับ” รณรัตว่าพี่สะใภ้ที่เห็นชยางกูรดีกว่าลูกชายของเขา “นายรัต จะพูดจะจาอะไรก็เกรงใจพี่หน่อยนะยังไงตาเสือก็เป็นลูกชายของพี่ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่พี่ก็รักเหมือนลูกอย่าให้พี่ได้ยินเรียกลูกชายพี่ว่ากาฝากอีก” ยุทธเลิศพูดกับน้องชายด้วยความไม่พอใจที่ว่าลูกชายของเขา “เข้าข้างมันเข้าไป วันหนึ่งเถอะไอ้ลูกเสือลูกตะเข้มันจะแว้งกัดพี่” รณรัตพูดด้วยความโกรธพี่ชายที่เข้าข้างชยางกูร “พอได้แล้ว นี่มันเรื่องของเด็กแล้วผู้ใหญ่จะมาทะเลาะกันทำไม พวกแกจะต้องสอนลูกให้รักกันมากกว่าจะให้มาทะเลาะกันนะเจ้ายุทธเจ้ารัต” “ก็พี่ยุทธ..” “พ่อบอกให้พอไง” “งั้นคุณพ่อต้องลงโทษไอ้เสือ” รณรัตไม่ยอมจะให้พ่อของเขาลงโทษสิงหนาท “ใครเป็นคนลงมือก่อนเจ้าป้อม” คนเป็นปู่ก็ยุติธรรมพอเขาไม่คิดจะลงโทษหลานชายทั้งสอง “เอ่อ..” “ตอบคุณปู่ไปเลยลูกไม่ต้องกลัว” ภัคสินีบอกลูกชายและมองชยางกูรอย่างไม่พอใจ “คือว่า..” พิรัชย์ไม่กล้าสบตาปู่จึงหันมองหน้าพ่อแม่ที่ลุ้นให้เขาพูด “ว่าไงเจ้าป้อม” แค่นี้ท่านก็รู้แล้วว่าพิรัชย์เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเหมือนทุกครั้งที่เด็กทั้งสองมีเรื่องกันแต่ไม่ได้ถึงขึ้นชกต่อย “ผมครับคุณปู่” พิรัชย์ตอบปู่เบาๆทำเอาพ่อแม่หน้าเสียที่ใส่ชยางกูรไว้เยอะ “แล้วอย่างนี้แม่สิจะให้พ่อลงโทษใครดีล่ะ” “ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะค่ะคุณพ่อ” ภัคสินีเสียหน้าอย่างแรงตอบพ่อสามีเบาๆ “งั้นเรื่องนี้ก็ให้มันแล้วกันไปซะ ยังไงเจ้าป้อมกับเจ้าเสือก็เป็นพี่น้องกันใช้นามสกุลเดียวกันเป็นหลานปู่เหมือนกันก็รักกันสามัคคีกันไว้ภายภาคหน้าจะได้ช่วยกันดูแลบริหารบริษัทของเรา” บัณทูรพูดกับหลานชายทั้งสอง “ครับ/ครับคุณปู่” “ผมขอตัวนะครับคุณพ่อ ไปคุณสิ ตาป้อมกลับบ้าน” รณรัตบอกพ่อแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างไม่สนใจไหว้พี่ชายพี่สะใภ้และหลานชายนอกไส้เพราะอาย บัณทูรมองตามลูกชายลูกสะใภ้หลานชายเดินออกไปจากห้องรับแขกแล้วถอนหายใจที่เลี้ยงลูกอย่างตามใจและไม่คิดจะถามก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่โวยวายก่อน “เจ็บมั้ยลูก” ชยานิถามลูกชายประคองใบหน้าหล่อไว้มองสำรวจรอยช้ำตรงมุมปากและแก้มบวม “ไม่เจ็บครับคุณแม่” “ไปอาบน้ำก่อนเถอะลูก แล้วลงมากินข้าว” ยุทธเลิศบอกลูกชายเขารู้อยู่แล้วว่าชยางกูรไม่หาเรื่องใครก่อน “ครับคุณพ่อ เดี๋ยวผมมานะครับคุณปู่” “ไปเถอะ” บัณทูรยิ้มให้หลานชาย ชยางกูรลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องรับแขกขึ้นบันไดไปห้องนอนของเขาที่อยู่ชั้นสองของคฤหาสน์หลังใหญ่กลางกรุงและห้องนอนของเขาก็มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ขาดเหลืออะไรแม้แต่ความรักที่พ่อมแม่บุญธรรมมอบให้เขาและเขาก็ตั้งใจไว้จะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ตลอดไป “แม่สิกับเจ้ารัตนี่ไม่ไหวจริงๆ เลี้ยงลูกตามใจแบบนี้วันหน้าเจ้าป้อมจะแย่เอานะ ส่วนเจ้าเสือมันเป็นเด็กดีมีความคิดแม่นิเลี้ยงลูกได้ดีมากนะวันหน้าจะเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ได้” บัณทูรพูดขึ้นเพราะเขาเลี้ยงลูกมาไม่ได้ตามใจถึงจะมีฐานร่ำรวยมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดก็สอนให้ลูกเป็นคนดีมีเหตุผลเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่ใช้อำนาจและใช้พระเดชพระคุณให้ถูกที่ถูกทาง “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” “ผมไม่ชอบเลยนะครับคุณพ่อที่นายรัตสอนลูกแบบนี้ แทนที่จะสอนให้พี่น้องรักกันแต่นี่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปใส่สมองลูกและตาเสือก็ไม่ใช่กาฝากของตระกูล ตาเสือเป็นทายาทของผมซึ่งวันหน้าจะต้องเป็นผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูล” ยุทธเลิศพูดกับพ่อตามที่เขาคิดไว้ ตอนแรกที่เขากับภรรยาพยายามมีลูกแต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงพากันไปตรวจร่างกายและผลออกมาเขาเป็นหมันมีลูกไม่ได้ ทำให้น้องชายคนรองคาดหวังว่าลูกของพวกเขาจะเป็นทายาทของตระกูลและเป็นทายาทของพี่ชายซึ่งตอนนั้นมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาทแต่พอเขาอุ้มชยางกูรเข้ามาอยู่ที่บ้านในฐานะลูกชายก็ทำให้น้องชายทั้งสองก็ทักท้วงไม่ยอมแต่เขากับภรรยาก็ไม่ยอมจึงมีปัญหากันมาตั้งแต่นั้นมาและโชคดีที่พ่อของเขาเข้าใจและยอมรับชยางกูรเป็นหลานชาย

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Secret Love ซ่อนรักคุณหมอมาเฟีย

read
1.4K
bc

เมียแต่งที่คุณไม่เคยต้องการ

read
1K
bc

บำเรอรักขัดดอก

read
2.8K
bc

พลาดรักนายคาสโนว่า

read
23.2K
bc

ยั่วรัก หม้ายสาวสายแซ่บ

read
22.6K
bc

พี่สามีอย่ารังแกข้า

read
5.5K
bc

แอบเสียวจนได้ผัว (NC20+)

read
60.2K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook