เฮ้อออ~ ก็เจอมาเยอะนะลูกค้าที่เมาแล้วกร่างเนี่ยแต่คนแบบนี้ไม่เคยเจอมาชี้หน้าด่าคนอื่นแถมยังดูถูกอีก
“ไม่ได้สอนแค่บอกค่ะเพราะถ้าหากขวดที่ลูกค้าปาไป ๆ โดนคนอื่นเรื่องราวมันจะใหญ่โตเอาได้นะคะ” บอกด้วยความหวังดีนะเพราะในร้านนี้ส่วนมากเป็นคนที่ค่อนข้างรวยและมีฐานะดีทั้งครอบครัวและสังคมถ้าพลาดไปโดนลูกหลานคนใหญ่คนโตเข้าจะเดือดร้อนกันหมด ซึ่งฉันเกลียดความวุ่นวานเป็นที่สุดเลย -.-
“นี่ไง ที่มึงพูดออกมาเนี่ยคือการสั่งสอนรู้ไหมกูเป็นใคร?”
“ไม่รู้ค่ะ เพราะลูกค้าไม่ใช่พ่อของฉัน -_-”
“อีเด็กปากดี!” หมับ ลูกค้าง้างมือกำลังจะตบหน้าของฉันแต่ว่าเฮียบอสตันเข้ามาพอดีเลยพร้อมกับการ์ดในร้านอีกหลายคน
“ที่นี่เป็นสถานที่แห่งความบันเทิงและความสุขอย่ามาทำให้คนอื่นต้องเสียบรรยากาศ” เฮียบอสตันพูด
“มึงเป็นใครวะ?!”
“เจ้าของร้าน...ถ้ามาแดกเหล้าที่ร้านแล้วไม่รู้จักเจ้าของก็ไม่ควรมานะ”
“มึงไม่ใช่พ่อกู! กูไม่จำเป็นต้องรู้จัก!” คิดคำเองไม่เป็นเหรอ?
“ไปเรียกคนทำความสะอาดมาเก็บกวาด” เฮียบอสตันหันมาพูดกับฉัน
“ค่ะ เฮีย”
“ส่วนมึงออกมานี่!” แล้วเขาลากตัวของลูกค้าคนนั้นออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายตลอดทาง
“เชิญลูกค้าทุกท่านสนุกกันต่อเลยครับ” คุณแอดซ์พูดกับลูกค้าเมื่อทุกคนกลับมาเป็นปกติ...
Boston
ตุบ!! ผมจัดการลากตัวของลูกค้าที่สร้างปัญหาออกมานอกร้านก่อนจะโยนมันไปกองกับพื้นโดยมีลูกค้าของผมยืนล้อมอีกเป็นสิบ ส่วนเพื่อนร่วมโต๊ะของมันหนีออกไปตั้งแต่ผมมาแล้วละคงจะรู้จักผมละมั้ง
“พวกมึงกล้าทำแบบนี้กับกูได้ยังไงรู้ไหมกูลูกใคร?!” มาแล้วประโยคเด็ดยอดฮิตแต่มันก็ไม่แปลกหรอกเพราะย่านรวมทั้งร้านของผมนั้นมีแหล่งของพวกไฮโซมีเงิน บางคนก็เป็นลูกหลานของหม่อมทั้งหลาย บางคนก็เป็นทายาทบริษัทใหญ่การเกิดคำถามแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรหรอกก็มันเป็นความจริงนิ แต่ว่าจะใหญ่มาจากไหนไม่รู้แต่ถ้ามามีเรื่องในร้านผม โดนกระทืบหมด
“กระทืบมันสิ”
“ครับ เฮีย” ตุบตับ พลั๊ว พลั๊ว ตับ ๆ ๆ และหลังจากนั้นลูกน้องของผมก็จัดการกระทืบมันโดยไม่มีจังหวะได้หายใจและแก้ตัวอะไรทั้งนั้น
“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บยะอย่านะเว้ย! หยุดนะ! อ๊ากกกกกก!” มันพยายามร้อง
“มือมันน่ะ...หักทิ้งไปซะเดี๋ยวมันจะไปไล่ตบคนอื่นอีก” กล้าดียังไงจะมาตบเมียผมวะ?
“ได้ครับเฮีย”
“ยะอย่านะ! อย่าทำนะ...!” กร๊อบบบบ!!
“...อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!! มือกู!!”
“คราวนี้ก็อย่ามาอวดเก่งอีกโดยเฉพาะกับกู” หมับ! ปึก! ผมกระชากหัวของมันขึ้นมาก่อนจะกระแทกลงไปแรง ๆ กับพื้นถนน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
หลังจากนั้นผมก็ทิ้งมันเอาไว้ตรงนั้นและกลับเข้ามาในร้านมองดูว่ามีตรงไหนที่มีปัญหามีบ้างเพราะว่าจะได้ลากไปกระทืบทีเดียวเลย
“เฮียบอสตันคะ” และในระหว่างที่ผมกำลังตรวจร้านก็มีพนักงานในร้านเดินเข้ามาชื่อว่าญาญ่าเพราะมีชื่อติดอยู่ที่หน้าอก
“มีอะไร?”
“เอ่อ คือว่าญ่า...จะมาถามว่าเฮียบอสอยากได้เครื่องดื่มอะไรไม่ไหมเดี๋ยวญ่าไปเอาให้”
“ไม่เป็นไรขอบใจมาก” ผมจำได้ว่าเธอเคยมาอ่อยผมครั้งนึงแต่ว่าผมไม่ได้สนใจเพราะว่าไม่ชอบเป็นสมภารกินไก่วัดน่ะสิ
“ญ่าเห็นว่าเฮียบอสต้องเหนื่อยเพราะต้องจัดการปัญหาที่วารินสร้างน่าจะอยากได้เครื่องดื่ม...”
“วารินไม่ได้สร้างปัญหาอะไรลูกค้าขี้เมาต่างหากที่สร้าง”
“อะเอ่อ...”
“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็ไปทำงานได้แล้ว”
“ค่ะ...” เธอหน้าจ่อยกลับไปทำงานต่อและผมก็หันไปมองวารินซึ่งเธอก็กำลังมองผมอยู่เช่นกัน แต่ไม่นานเธอก็เลิกสนใจผมแล้วกลับไปทำงานต่อ
เหอะ! คนอื่นพยายามจะอ่อยผมแทบตายแต่วารินกลับไม่สนใจผมเลยสักนิด แต่ถ้าเธอขี้อ้อนผมคงหมดตัวแน่
Warin
เลิกงาน
เอี๊ยดดดดด!
ตอนนี้ได้เวลาเลิกงานแล้วและฉันก็ออกจากร้านเป็นคนสุดท้ายด้วยเลยทำให้ที่จอดรถของพนักงานมีฉันเพียงคนเดียวและในขณะที่ฉันกำลังจะสตาร์รถเพื่อขับกลับหอก็มีรถคันคุ้นตามาจอดข้าง ๆ รถของฉัน เขาลดกระจกลงก่อนจะพูดขึ้น
“ขึ้นรถ” เฮียบอสตันพูดกับฉัน
“ไม่ขึ้นค่ะมีรถมา” ฉันตอบปฏิเสธทันทีก่อนจะคร่อมรถเตรียมขับขี่กลับหอ
“ดื้อจังวะ...มันดึกแล้วเนี่ยจะกลับเองได้ยังไง?”
“ที่ผ่านมาก็กลับเองได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
“ก็ถ้าวันนี้มันมีล่ะ?” จะมีก็เพราะปากไม่เป็นมงคลของเขาเนี่ยแหละ
“ถ้าจะเป็นห่วงพนักงานขนาดนั้นก็ไปส่งทุกคนเลยสิคะญาญ่าเองก็คงอยากให้เฮียไปเหมือนกัน” จู่ ๆ ภาพที่ญาญ่ากำลังคุยอยู่กับเฮียบอสตันก็เด้งเข้ามาในหัวและทำให้ฉันเผลอพูดออกไป
“เกี่ยวอะไรกับคนอื่นเฮียจะไปส่งเรา...คนเดียว”
ตึกตัก
“ไม่เป็นไรค่ะกลับเองได้” ฉันจัดการสตาร์รถและขี่ออกมาจากหน้าร้านทันทีไม่อยากใจอ่อนไปกลับเขาเพราะกลัวว่าตัวเองจะอ่อนไหวไปกลับคำพูดนั่น อย่าลืมว่าเขาแค่รับผิดชอบตามหน้าที่...
บรื้นนนน~ และในขณะที่ฉันกำลังขี่รถกลับหอพักก็มีรถของเฮียบอสตันขับตามหลังมาด้วย
ทุกวันฉันเองก็แอบกลัวนะกับการขี่รถกลับหอคนเดียวแต่ว่าวันนี้รู้สึกอบอุ่นใจแปลก ๆ อาจจะเพราะว่าเขากำลังอยู่ด้านหลังของฉันก็ได้...
วันต่อมา...
หอพักบ้านธานี
ห้อง 1702
ปึก! ปึก! ปึก!
“โอ๊ยยยยยยยย! เสียบ้าอะไรเนี่ย?!” ฉันต้องตื่นขึ้นมาก่อนเวลาปกติเพราะว่าเสียงบางอย่างที่เกิดขึ้นหน้าห้องถึงแม้ว่าไม่นานจะเงียบไปก็เถอะแต่ฉันตื่นแล้วพึ่งนอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ
ฉันมองนาฬิกาตอนนี้พึ่งสิบโมงเช้าเท่านั้นเวลาตื่นปกติคือบ่ายสองเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสองแต่วันนี้ต้องตื่นเพราะเสียงคนทำอะไรหน้าห้อง
“หรือยายเย็นทำความสะอาด?” ฉันตั้งข้อสงสัยส่วนยายเย็นคือเจ้าของหอนี้นั่นเองส่วนชื่อธานีคือลูกชาย
ทำไมต้องไปเหมือนผู้จัดการธานีที่พึ่งโดนไล่ออกไปด้วยนะ แต่คงไม่ใช่แม่ลูกกันหรอกเพราะฉันก็ไม่เคยเขาอที่นี่มาก่อน
ปึก! ปึก! ปึก! อีกแล้ว
พรึ่บ! ฉันเลยลุกจากที่นอนไปส่องตาแมวหน่อยก็เห็นว่าคนกำลังถูพื้นอยู่จริง ๆ และคนนั้นก็ถูแรงมากจนชนประตูห้องต่าง ๆ ด้วย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วฉันเลยตัดสินใจไม่นอนต่อและเก็บที่นอนเก็บเสื้อผ้าลงไปซัก
ห้องซักผ้า
ปึก! เมื่อไม่ได้นอนต่อฉันก็เอาตะกร้าผ้าลงมาซักที่ห้องซักซึ่งเป็นบริการหยอดเหรียญของใต้หอ ฉันจัดการเอาผ้าเอาผงซักฟอกใส่แล้วก็หยอดเหรียญจากนั้นก็รอไปอีกชั่วโมงกว่า ๆ แล้วค่อยกลับมาเอา
“วันนี้หยุดเหรอหนูวาริน?” และเมื่อหันมาก็พบว่ายายเย็นยืนอยู่
“เปล่าค่ะ แต่พอดีว่าวันนี้คนทำความสะอาดถูพื้นแรงไปหน่อยค่ะเลยตื่นเพราะเสียงดัง แหะ ๆ”
“อ้าวเหรอ ยายขอโทษแทนด้วยนะน่าจะเป็นไอ้ลูกชายน่ะ”
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“พอดีว่าเขาพึ่งลาออกจากงานระหว่างหางานใหม่ก็เลยมาอยู่ด้วยน่ะปกติไม่ได้มาหรอก” ถึงว่าไม่เคยเจอ
“เหรอคะดีเลยยายจะได้มีเพื่อนอยู่” เพราะปกติแล้วยายเย็นจะอยู่คนเดียวมากกว่าจะมีคนทำความสะอาดบ้างกับยามดูแลความปลอดภัยเท่านั้นแหละ
“แม่เสร็จแล้วไปก่อนนะ...!” ลูกชายของยายเย็นเดินเข้ามาและความซวยคือเขาธานีคนเดียวกัน!
“ไปไหนละมาขอโทษหนูวารินก่อนเลย”
“เรื่อง?” เขาพูดอย่างไม่พอใจ
“ก็ไปถูพื้นชนประตูห้องจนน้องเขาตื่นเนี่ย!” ยายเย็นดุ
“เหรอ...แล้วอยู่ห้องไหนละ?” เขามองหน้าของฉันและยิ้มมุมปาก
“ไม่เป็นไรค่ะยายหนูไม่ถือสาอะไร งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบตัดบทเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าไหร่...
บ้าเอ๊ย! ทำไมต้องเป็นคนเดียวกันเนี่ย?!