Boston
ผมมาที่นี่ก็เพื่อเธอว่าเป็นยังไงบ้างหลังจากที่ได้ข้อมูลจากแวดซ์มาแล้วก็พบว่าอยู่คนเดียวและไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหนด้วยแถมเพื่อนก็ยังไม่มีเพราะไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนกันคนอื่นบางคนเพราะเธอเป็นเด็กกำพร้า จากที่อ่านและดูมาเนี่ยเธอมีชีวิตที่ค่อนข้างโชคร้ายนิดหน่อยแล้วยังมาเจอเรื่องผมเมื่อคืนอีกเลยคิดว่าเธอน่าจะไม่โอเคและกำลังแสร้งทำตัวเข้มแข็งอยู่ แต่ไป ๆ มา ๆ ผมกลับไม่อย่างนั้นผมคิดว่าเธอเข้มแข็งจริงและไม่สนใจผมด้วย -0- ไม่ใช่ไม่สนใจธรรมดานะเรียกว่าไม่แยแสเลยดีกว่า
เพราะว่าพนักงานหญิงในร้านหลายคนชอบเข้ามาวุ่นวายและเสนอตัวให้ผมเลยทำให้ผมได้เจอหน้าตาของพนักงาบ้างแต่นี่เธอทำงานในร้านผมมา 3 ปีแต่ผมกลับไม่เคยเจอเธอเลยและเธอก็ไม่เคยพาตัวเองมาใกล้ผมด้วย
“คนเราไม่มีทางจะทำอะไรให้ใครสักคนฟรี ๆ หรอก...อ๊ะ” ในขณะที่วารินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างจู่ ๆ ก็เหมือนเธอจะเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา ผมเลยรับตัวของเธอเอาไว้ก่อนจะล้มและนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าเธอตัวร้อนมากคงจะเป็นไข้จริง ๆ นั่นแหละ
“เป็นไรไหมเนี่ยไปหาหมอเถอะ” ผมพูดและค่อย ๆ วางตัวเธอลงที่เตียงช้า ๆ
“นอนพักก็หายแล้ว...นี่เฮียบอสไม่มาก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก -_-”
“โทษกันเหรอ?”
“อืม” ตอบได้หน้าตายมากนี่ถ้าไม่เห็นว่าไม่สบายนะจะจับจูบแม่งเลย หมั่นไส้ปากนิ่ม ๆ นั่น
“นอนพักแล้วกินยาอะไรไปบ้างแล้ว?”
“กินไปหมดแล้วขอนอนสักพักก่อนแล้วกัน” เธอพูดและหันนอนให้ผม
นี่ผมเป็นผู้ชายนะแถมยังอยู่ในห้องของเธอด้วย เธอไม่กลัวว่าผมจะทำอะไรหรือไง?
“เฮ้อออ!” หลังจากนั้นวารินก็หลับไปผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอ ค่อยคุยกันก็แล้วกัน
ระหว่างที่เธอกำลังนอนอยู่ผมก็สำรวจห้องนอนของเธอไปด้วย มันเป็นห้องเล็ก ๆ ที่มีห้องน้ำในตัว ตัวตึกของหอพักก็ไม่ได้ใหม่อะไรมากแต่เมื่อเข้ามาในห้องของเธอแล้วก็พบว่ามันน่าอยู่ใช่เล่น ห้องที่ได้รับทำความสะอาดอย่างดีและสม่ำเสมอ ได้รับการตกแต่งแบบมินิมอลน่ามองและสบายตามีระเบียงเล็ก ๆ ซึ่งมองเห็นผู้คนด้านล่างมีต้นไม้แคนตัสวางอยู่หลายสิบต้นเพิ่มให้บรรยากาศสดชื่นมาก ๆ มีไฟประดับห้อยอยู่ซึ่งผมรู้เลยว่าถ้ากลางคืนเปิดไฟห้องนี้ต้องน่าอยู่เพิ่มขึ้นแน่นอนเลย
“สั่งอาหารมารอแล้วกัน” หลังจากนั้นผมก็กดสั่งอาหารผ่านแอปไรเดอร์รอคนป่วยตื่นขึ้นมากิน
และระหว่างนี้ผมก็จะคิดแผนการให้เธอยอมรับการรับผิดชอบจากผมด้วย ถ้าถามว่าทำไมต้องพยายามรับผิดชอบด้วยทั้งที่เธอไม่ต้องการ??
นั่นก็เพราะว่าผมเริ่มถูกใจเธอนิด ๆ แล้วละสิ
“หึ!”
Rrrrrrr! และในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยอยู่นั่นเองโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น และเมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นแม่ของผมนั่นเอง แพทย์หญิงกรรณา...
“ครับแม่” ผมรับสายและปิดประตูระเบียงเพราะกลัวว่าเสียงคุยโทรศัพท์ของผมจะรบกวนวาริน
(อยู่ไหนฮะแม่มาหาที่ร้านไม่เจอ แวดซ์บอกแม่เราออกไปข้างนอก?)
“อยู่ห้างครับหาอะไรกิน”
(ไปหาผู้หญิงอีกแล้วละสิ...แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้คนจริงจังได้แล้ว)
“ก็หาอยู่ครับ...” ผมพูดและมองเข้าไปในห้องผ่านหน้าตาบานเกร็ด
(เจอหรือยังละ?)
(ไม่ตั้งใจหามันจะเจอไหม?)
“ก็...อาจจะเร็ว ๆ มั้งครับ??” แต่คนนั้นยังไม่รู้ตัวเลย
(จริงเหรอ?!)
“แต่ผมขอเวลาหน่อยนะครับพอดีคนนี้...เล่นตัวมาก”
(หึ! เพราะเขารู้วีกรรมของลูกไง)
“ก็ไม่เถียงครับ...แต่ว่ารู้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับจะได้ไม่ต้องสวมหน้ากากหากัน”
(ผู้หญิงหนีหมดละสิ)
“แค่นี้ก่อนนะครับแม่...ขอไปดูแลคนป่วยก่อน”
(ใครเป็นอะ...) ติ๊ด! ผมตัดจบบทสนทนาของแม่เมื่อเห็นว่าวารินขยันตัวแต่ก็ยังไม่ได้ตื่น ผมเข้ามาดูก่อนจะพบว่ายาวางอยู่ใกล้ ๆ และแน่นอนว่ามันมียาคุมฉุกเฉินอย่างที่เธอบอกไว้จริง ๆ
“ระวังตัวจังนะ...” ผมยิ้มและมองเธอ
และอยู่ ๆ ผมก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้จากตอนแรกที่ผมต้องการรับผิดชอบเธออย่างบริสุทธิ์ใจแต่เธอไม่เชื่องั้นผมก็สร้างเงื่อนไขเพื่อรับผิดชอบเธอซะสิ... ให้เธอคิดว่าสิ่งที่เธอคิดมันถูกแล้วผมมีจุดประสงค์อื่นอยู่จริง ๆ
“หึ”
Warin
เวลาต่อมา
“อืออ~” ฉันลืมตาขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารลอยไปทั่วห้องจนฉันสงสัยใครทำอะไรในห้องของฉันอยู่ ก่อนจะพบว่าเฮียบอสตันยังอยู่ในห้องของฉันไม่ไปไหน ฉันเริ่มหมดความอดทนแล้วนะ
“ตื่นแล้วเหรอ?” เขาถามฉัน
“ทำไมยังอยู่?” ฉันถามพร้อมกับมองนาฬิกาเพราะตอนนี้มันทุ่มกว่าแล้วเขาไม่เข้าร้านหรือไง?
“สั่งอาหารมาไว้แล้วเนี่ยลุกมากินก่อน”
“เฮ้อ!” ทำไมเขามันดื้อด้านขนาดนี้นะฉันไม่น่ายื่นมือเข้าไปตั้งแต่แรกเลย เหอะ!
ฉันลุกขึ้นและเดินไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าก่อนตอนนี้อาการของฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีอาการมึนหัวและปวดหัว และไม่มีอาการคลื่นไส้แต่อย่างใดส่วนตรงนั้นก็ไม่ได้เจ็บมากแล้วการได้นอนพักผ่อนมันดีอย่างนี้เอง
ซ่า! กึก! ฉันปิดก่อนจะเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดหน้า
“มากินก่อนเร็วกำลังร้อน ๆ เลยเนี่ย” เฮียบอสตันเรียกฉัน
“สรุปมาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าเฮียต้องการอะไรกันแน่??”
“อืม กินก่อนไม่ได้เหรอ?” เขาถามฉัน
จ๊อกกกก! และท้องเจ้ากรรมมันดันร้องขึ้นมาซะได้
“ก็แค่...ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า -////-” มันน่าขายหน้าไหมเนี่ย?
“งั้นก็กินก่อนสิแล้วเราค่อยมาพูดเรื่องของเรากัน” เขาพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก
เวลาต่อมา
“อิ่มมม!” ฉันพูดขึ้นหลังจากที่กินอาหารที่เฮียบอสตันซื้อมาจนหมดทั้งพิซซ่า ไก่ทอด ราเมงเกลี้ยงงงง! ก็ของดีทั้งนั้นอะนะและเมื่อเงยหน้าของอาหารแล้วก็พบว่าเขากำลังนั่งเท้าคางและมองหน้าของฉันอยู่
“....”
“ว่าเรื่องที่ต้องการพูดมาได้เลยค่ะ”
“อย่างที่เธอบอกนั่นแหละวารินที่ฉันต้องการรับผิดชอบเพราะมีเหตุผลบางอย่าง”
“-_-” นั่นไงคิดไว้แล้วไม่มีผิดเลย เหอะ ๆ คนอย่างเขาไม่มีทางรับผิดชอบใครง่าย ๆ เพราะนอนด้วยกันครั้งเดียวหรอกไม่งั้นเขาคงต้องรับผิดชอบผู้หญิงเป็นร้อยแล้ว ไม่สิ อาจจะถึงพันคนก็ได้
“แม่ของฉันอยากให้ฉันแต่งงานน่ะ...ฉันเลยอยากให้เธอช่วยปลอมเป็นคนรักฉันหน่อย”
“ไม่เป็น”
“ฟังก่อนสิ”
“เอามาห้าแสนเรื่องจบแยกย้าย” ฉันไม่ต้องการทำให้ชีวิตของฉันมันยุ่งเหยิง
“ถ้าเธอยอมตกลงเป็นคนรักปลอม ๆ เธอจะได้มากกว่านั้นและแน่นอนว่าฉันจะส่งเธอเรียนหนังสือด้วย” กึก! เหมือนเขารู้เลยแหะว่าฉันต้องการอะไรในชีวิต
ความจริงแล้วตอนนี้ฉันกำลังพยายามทำงานเก็บเงินเพื่อไปเรียนต่ออยู่ แม้ว่าชีวิตของฉันเหมือนจะไม่ได้ต้องการอะไรแล้วก็เถอะแต่ลึก ๆ แล้วฉันอยากเรียน อยากมีความรู้ อยากลองมีสังคมเพื่อนในมหาวิทยาลัยบ้าง
“....”
“เธอจะได้ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยโดยที่ฉันจะออกเงินให้ทุกบาททุกสตางค์หรือจะอยากเรียนอย่างเดียวก็ได้ฉันจะให้เงินเธอเอง”
“...”
“แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องเป็นแฟนฉัน”
“แฟนปลอมๆ”
“จะแฟนอะไรก็ไม่สำคัญหรอกแค่วารินยอมรับข้อเสนอเฮียก็พอ”
“...”
“ถ้าไม่สนใจก็รับเงินห้าแสนไปแล้วแยกย้าย แต่เงินนั่นไม่พอเรียนหรอกนะ...กว่าจะจบมันมากกว่านั้นแน่นอน”
“....”
“เป็นเด็กเฮียไม่แย่หรอกนะ ใคร ๆ ก็อยากเป็น” ยกเว้นฉันนี่ไง -0-
แต่ว่าฉัน...อยากเรียนต่อนี่น่า...
“...”
“ถ้าตกลงพรุ่งนี้เตรียมตัวเข้าเรียนได้เลย”
“...!”