ร้านเลิก
“เอาละ ๆ ทุกคนเสร็จแล้วก็มารวมตัวกันก่อนเร็ววววววววว” เสียงของไอ้ธานีมันเรียกพนักงานหลังจากที่ผมให้แอดซ์มันไปบอกว่าจะประชุมหลังเลิกร้าน
“มีเรื่องอะไรเหรอคะพี่ธานี?” เสียงพนักงานถามมัน
“เฮียบอสตันเรียกประชุมน่ะมาเร็ว ๆ จะได้รีบประชุมแล้วกลับบ้านกัน...อ้าว! เฮียมาแล้วเหรอครับเชิญครับ ๆ” แปะ! แปะ! มันพูดไปปรบมือไปด้วยและมันก็หันมาเจอผมพอดี
“ฉันจะพูดแค่แปบเดียวไม่นานหรอกเพราะงั้นถ้าถามอะไรก็ตอบกันให้เร็ว ๆ ด้วยเพราะมันดึกแล้ว” ผมพูดพร้อมยกแขนข้างที่ใส่นาฬิกาขึ้นมามองเวลาตอนนี้มันจะตีสองแล้วร้านผมปิดประมาณตีหนึ่งแต่พนักงานต้องทำความสะอาดต่ออีกประมารครึ่งชั่วโมงเก็บพวกแก้วและขวดแล้วถึงจะกลับบ้านได้
“ครับ/ค่ะ” พนักงานตอบพร้อมกันซึ่งมีอยู่ประมาณ 50 คน
“เวลาที่หยุดงานกะทันหันหรือป่วยแล้วไม่ได้จะโดนหักเงินใช่ไหม?” ขวับ!!! จบคำถามของผมไอ้ธานีก็หันมามองเห็นของผม
“ใช่ค่ะ/ใช่ครับ”
“ต้องโดนกี่วัน?” ผมถามต่อโดนไม่ได้สนใจสายตาของมัน
“ฮะเฮีย...” มันพยายามเรียกผม
“ขั้นต่ำ 3 วันครับ”
“ถ้างอแงไม่เชื่อฟังก็อาจจะ 5 วันค่ะ แต่เราก็ต้องยอมเพราะเป็นนโยบายร้าน”
“เรายังไม่อยากโดนไล่ออกค่ะ” พนักงานในงานพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เพราะถ้าโดนข่มขู่คงไม่พูดกันออกมาจ่อขนาดนี้หรอก
“มันไม่มีในนโยบายของร้านนะ” ผมบอกออกไปตรง ๆ
“อ้าวววว!!”
“แต่ว่าพี่ธานีเก็บไปตลอดเลยนะครับ!”
“ผู้จัดการมันหมายความยังไงครับเนี่ย?” และเมื่อทุกคนรู้อย่างนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารกันใหญ่
“เงียบ!! เฮียครับเรื่องนี้ผมขออนุญาตอธิบายครับ” มันมายืนตรงหน้าของผมเพื่ออธิบาย
“กูไม่ใช่ใจร้ายอะไรหรอกน่ะงั้นมึงอธิบายมาสิ...”
“มะมันเป็นการสั่งสอนพนักงานครับ ถ้าปล่อยให้หยุดกะทันหันบ่อย ๆ ก็อาจจะเกิดเป็นนิสัยได้ พะเพราะงั้นเลยต้องหัก...”
“แต่ว่าผู้จัดการมาเบิกเงินค่าแรงเต็มจำนวนตลอดเลยนะคะไม่เคยแจ้งว่ามีการหักเงิน?” เสียงของนุ่นฝ่ายบัญชีและการเงินร้านพูดขึ้น
“อะเอ่อ...”
“เก็บเอาไว้สินะ”
“ผมขอโทษครับเฮีย! ผมผิดไปแล้วครับ!!” มันยกมือไหว้ผม
“อ้าว!! งั้นก็คืนเงินมาเลยพวกเราโดนหักตลอดเลยนะหลายปีแล้วด้วย” พนักงานเริ่มโวยวาย
“นั่นสิเอาคืนมาเลยนะ!”
“ใช้ไปหมดแล้วเว้ย! เฮียครับที่ผมลงไปก็เพราะว่าหวังดีต่อร้านนะครับ!”
“มึงทำอะไรลงไปโดนภาระการและไม่มีคำสั่งจากกูแถมเป็นเรื่องเงินทองด้วยนั่นเท่ากับว่ามึงตั้งใจยักยอกเงินกู” หมับ! ผมกระชากหัวของมัน
“ฮะเฮียให้โอกาสผมได้ไหมครับ?”
“ถ้าให้ก็โง่แล้ว...ต่อไปนี้มึงพ้นสภาพการเป็นผู้จัดการร้าน!! ไอ้แวดซ์หาคนใหม่ที่เหมาะสมมาแทน”
“ครับ เฮีย”
“มะไม่นะเฮียบอสตัน!!”
“แล้วก็เอาเงินมาคืนทุกบาททุกสตางค์ไม่อย่างนั้นกูจะแจ้งความจับมึงและฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย”
“...!!”
“ส่วนเงินที่มันเอามาฉันไม่รู้มันเท่าไหร่ต่อไปนี้อีกสองเดือนทุกคนจะได้รับค่าแรงเพิ่มคนละสามร้อย ถือว่าเป็นการชดเชยจากฉันที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วกัน”
“ขอบคุณเฮีย/ขอบคุณค่ะเฮียบอสตัน”
“กลับกันได้แล้ว” ผมปล่อยให้พนักงานกลับบ้าน
“เฮียบอสตัน เฮียจะไล่ผมออกแบบนี้ไม่ได้นะ” มันยังคงโวยวายไม่ยอมจบ
“ทำไมกูจะไล่ไม่ได้? ในเมื่อกูเป็นเจ้าของร้านนี้...เอามันไปโยนนอกร้านและอย่าให้มันเข้ามาอีก” ผมบอกกับการ์ดพลกับยศ
“ครับเฮีย” หมับ และสองคนนั้นก็ลากปีกของไอ้ธานีออกไป
“ปล่อยกูนะเว้ย ไอ้พล ไอ้ยศ ปล่อยกู เฮียยยย เฮียบอสตันนนนนน”
“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจออกมา
ที่ผ่านมาผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยไม่เคยมีพนักงานคนไหนมาบอกหรือถามด้วยคงจะโดนมันข่มขู่นั่นแหละ ถ้าผมไม่ได้ใกล้ชิดกับวารินก็คงไม่รู้เรื่องนี้
“น่าเสียดายครับมันค่อนข้างทำงานดี” ไอ้แอดซ์พูดขึ้น
“ทำงานดีแต่ขี้โกงกูไม่เก็บไว้หรอก”
“ครับเฮีย”
Part Writer
“ปล่อยกูนะเว้ย!!” ตุบ! ธานีโดนการ์ดของร้านโยนที่หน้าร้านหลังจากที่ถูกไล่ออก
“ไม่บอกก็ปล่อยอยู่แล้วละและต่อไปนี้ก็อย่าเสนอหน้ามาที่นี้อีกถ้าไม่อยากโดนโยนออกมาแบบนี้อีก” ยศพูดกับอดีตผู้ร่วมงาน
“ไอ้ยศมึงกล้าพูดกับกูแบบนี้เหรอวะกูเลี้ยงเหล้า! เลี้ยงผู้หญิงมึงตั้งเท่าไหร่!?” ธานีทวงเรื่องราวในอดีต
“มันก็ช่วยกันจ่ายช่วยกันออกนั่นแหละมึงไม่ได้จ่ายคนเดียวซะเมื่อไหร่....ในเมื่ออยากทำตัวเลวก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”
“ไอ้พล!!”
“ไปกันเถอะ” ยศกับพลมองธานีอีกครั้งก่อนจะกลับเข้าร้านไป
“แม่งเอ๊ยยยย!!! ไอ้พวกเหี้ยกูจะเอาคืนพวกมึงที่กล้าไล่กูเหมือนหมูเหมือนหมา!!!” ธานีพูดด้วยความคับแค้นใจและโกธรแค้นต้องการเอาคืนบอสตัน
“อย่าให้กูรู้นะว่าใครไปฟ้องจะตบให้ปากฉีกเลย!! แม่งเอ๊ย! เงินก็ไม่มีแล้วด้วย!” ธานีโมโหมากเพราะว่าเขาไม่มีเงินแล้วแม้ว่าจะทำงานได้เงินเดือนดีแต่เขาก็ไม่เคยเก็บออมเลย เนื่องจากคิดว่าตัวเองหาเงินได้เยอะเลยไม่จำเป็นต้องประหยัด เขาหมดเงินไปกับการหาคอนโดหรูอยู่และขับรถราคาแพงเพื่อเอามาอวดผู้หญิงและสาว ๆ ในร้าน อีกทั้งยังชอบเลี้ยงเพื่อนฝูงหน้าใหญ่ใจโตเลยทำให้เขาไม่มีเงินเก็บยามจำเป็นเลย
“พี่ธานี...”
“ใครวะ?...อ้าว ญาญ่าเองเหรอ?” เขาหันไปตามเสียงก่อนจะพบว่าเป็นญาญ่าซึ่งเธอก็เป็นเด็กที่ธานีเลี้ยงไว้ให้เงินบ้างซื้อของให้บ้าง
“หนูเองอะ...พี่โอเคไหมอะ?” เธอถามเขา
“ไม่เลยอะน้องญาญ่า มันแม่งไม่ฟังอะไรพี่เลยทั้งที่พี่หวังดีกับร้านแท้ ๆ อะ ถ้าไม่ได้พี่ร้านจะมีระเบียบแบบนี้เหรอ?” เขาคิดว่าเพราะตัวเองพนักงานเลยเชื่อฟัง
“นั่นสิแล้วแบบนี้พี่จะเอายังไงต่อเหรอ?” เพราะเธอเองจะหาที่จับใหม่ถ้าหากธานีไม่มีเงินแล้ว
“งานหาเมื่อไหร่ก็ได้ร้านเหล้าเยอะแยะ...แต่ว่าตอนนี้พี่อยากรู้มากกว่าว่าใครมันปากหมาไปบอกเรื่องนี้กับไอ้บอสตัน?!”
“หนูไม่รู้ว่าจะใช่หรือเปล่านะแต่ว่าหนู...” ญาญ่ามาหาเขาเพราะต้องการพูดเรื่องนี้
“อะไรเหรอ?”
“ก็เมื่อหัวค่ำอะหนูเห็นวารินมันขึ้นไปหาเฮียบอสตันจนป่านนี้ก็ยังไม่ออกมาเลยน่ะสิ หนูคิดว่าบางทียัยนั่นอาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกเฮียก็ได้นะ”
“เหอะ นังตัวดี คงเป็นมันนั่นแหละเพราะว่าพี่พึ่งด่ามันไปเรื่องไม่ยอมมาทำงาน....ว่าแต่วันนี้มันมาด้วยเหรอพี่โทรหาและผัวมันบอกรับสายนะ?” ธานีทำหน้างง
“ก็มานะมันทำความสะอาดเสร็จก็ขึ้นไปหาเฮียบอสตันเลย”
“เหอะ คงหนีกลับเพราะกลัวว่าพี่จะรู้ว่ามันฟ้องน่ะสิ”
“หนูก็ไม่แน่ใจนะแต่ว่าคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือวารินนั่นแหละ” ญาญ่าพยายามยุยงและเป่าหูของธานี เนื่องจากเธอต้องการให้เขากำจัดวารินออกไปจากร้านนี้เธอกลัวว่าวารินจะจับบอสตันได้ เพราะเธอเองก็เล็งเขาเอาไว้อยู่เหมือนกันและเธอก็จะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปง่าย ๆ ด้วย
“ขอบคุณที่บอกงั้นวันนี้ไปคอนโดพี่ไหม?” เขาชวนเธอ
“ก็ได้นะเพราะว่าคืนนี้หนู...รู้สึกเหงา ๆ ยังไงก็ไม่รู้อะ” หมับ ญาญ่ากอดแขนของธานีก่อนจะเดินไปที่รถของเขาและขับออกรถไปจากร้านบอสตันทันที