“มึงว่าเขาสองคนโกรธกันไหมวะ”
“วันนั้นคุณหนูเสือน่าจะโกรธจริง ๆ ว่ะ ก็อุตส่าห์ขับรถวนไปหาน้องเขาที่มหาลัยอีกรอบ แต่ก็ไม่เจอ แถมยังติดต่อไม่ได้อีก วันนี้กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอารมณ์ไหน” ภูเขากับเพื่อนสองคนที่อยู่ปิดอู่ซ่อมรถอย่างทุกวันแอบกระซิบกระซาบกันเสียงเบา เขาเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่เลยว่าลูกรักเฮียดีนกล้าปล่อยแฟนสาวของตัวเองให้นอนในร้านคนเดียวได้อย่างไร ถึงแม้ว่าระบบความปลอดภัยของที่นี่จะถูกทำใหม่ให้ดีกว่าเมื่อก่อนแล้วก็ตาม แต่ยังไงเอมิลก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว
หรือไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องที่เขายังไม่รู้ไปมากกว่านี้ก็ได้
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”
“เปล่าครับ ๆ คุณหนู”
“งั้นวันนี้รบกวนพวกพี่มามากแล้ว เดี๋ยวยังไงกลับกันได้เลยนะครับ ผมปิดร้านให้เอง”
“ขอบคุณครับ แล้วข้าวน้องเขา...”
“ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกครับ”
“โอเค งั้นพวกพี่กลับแล้วนะครับ”
เสือส่งพนักงานของบิดาเสร็จเขาก็เดินลิ่วขึ้นขั้นสองทันที ได้ข่าวจากอาดีนมาว่ายัยเด็กนั่นไม่ยอมทานข้าวที่พวกพี่ ๆ เขาอุตส่าห์หามาประเคนให้ถึงที่ นั่นคงเพราะจะไม่พอใจที่เขากล่าวดุไปวันนั้น
ก็คนมันเป็นห่วง เอ๊ะ ยังไงวะ ไม่ใช่ดิ ก็เลิกเรียนแล้วไม่กลับร้านใครมันจะไม่นึกเป็นห่วงบ้าง ก็ต้องเป็นกังวลตามสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์หรือไม่
อีกอย่างเธอก็คล้ายกับว่าเป็นเด็กในปกครองของเสือแล้ว หากเป็นอะไรไปชีวิตคนคนหนึ่งใครมันจะไปรับผิดชอบไหว
“กูเอง เสือ เข้าไปได้ไหม มึงนอนหรือยัง”
“แล้วใครมันจะนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดคะ”
“อย่ามาเถียง แล้วมาเปิดประตู”
ต้องได้กล่าวดุกันอีกรอบ ผู้อาศัยภายในห้องนอนที่ยึดเขาไปแล้วเรียบร้อยจึงยอมเปิดประตูให้กัน เอมิลยังอยู่ในชุดนักศึกษาที่เสือคิดว่าเขาคงจะต้องหาใหม่ให้เธอได้ใส่เสียแล้ว เพราะไม่รู้ขนาดตัวอีกฝ่ายอย่างแม่นยำจึงทำให้มันรัดเข้ารูปไปหมด ปีหนึ่งยังขนาดนี้ ปีต่อไปถ้าไม่ใส่เสื้อคลุมออกไปด้วยเขาคิดว่าเด็กมันต้องโดนล่อสักวันแน่ ๆ ล่ะ
“ทำไมมองหนูแบบนั้น”
“มองไม่ได้?”
“มันเสียมารยาทค่ะ มันเหมือนพวกตาแก่โรคจิตที่ชอบมองเด็กแล้วคิดไปไหนต่อไหน”
แม้ว่าจะเคยเจอมาเยอะจนชวนสะอิดสะเอียนแบบแทบไม่อยากจะนึกถึง แต่ถ้ากล่าวให้ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดใจขึ้นมาได้บ้างเอมิลก็อยากที่จะเอาคืนเหมือนกัน
เสือกลับมานิ่งเช่นเดิม อยากจะใช้มือเคาะหัวกลม ๆ มันสักที เขาเป็นห่วงกลัวว่าคนอื่นจะมองมันในเชิงไม่ดี แต่หญิงสาวกลับมาบอกเขาว่าเหมือนโรคจิตซะเอง หรือเผลอใช้สายตามองน้องมันแบบนั้นจริง ๆ วะ
“กูจะพาไปกินข้าวข้างนอก แม่งไม่พาไปละ มึงเข้าห้องไปนอนเลยไป”
“ดะ...เดี๋ยวสิคะ! ไปค่ะ หนูอยากไป” ถึงแม้ว่าจะโกรธเขาเรื่องวันนั้นอยู่มาก เพียงแต่เอมิลคิดว่าการมีเพื่อนทานข้าวมันก็คงจะดีกว่าการนั่งทานคนเดียว หลายวันมานี้เธอเลยเลือกที่จะไม่กินแล้วเข้านอนเลย ส่วนเรื่องวันนั้นก็ต้องอ้างเหตุผลร้อยแปดประการไปขอโทษไอรัก ยังดีที่เพื่อนนั้นเก็บกระเป๋าเอาไว้ให้แทนที่จะโยนทิ้งเพราะอาจจะคิดว่าเอมิลคงชิ่งหนีค่าข้าวไปแล้ว ก็เพราะเราเพิ่งรู้จักกันเอง รวมถึงขอแลกช่องทางการติดต่อแบบข้อความเอาไว้ จะได้บอกตอนมีธุระสำคัญ หรือคุยงานกลุ่มกันในนั้นด้วย
“งั้นก็ไปเปลี่ยนชุด กูให้สิบนาที รอข้างล่างนะ”
ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าต้องถึงขั้นจองร้านอาหารหรูโซนส่วนตัวเอาไว้เพื่อง้อเด็กคนนี้เชียวหรือ เพราะอีกฝ่ายก็ทำเอาเขากับพวกพี่ ๆ ในอู่ซ่อมรถวุ่นวายกันจริง ๆ
ไหนจะนาทีที่มันดันตาดีเห็นถนนที่ปิดให้คนเดินบริเวณที่เขาขับผ่านแล้วต้องเลือกที่จะตามใจอีกฝ่ายจนต้องจอดเปลี่ยนแพลนทั้งหมดกะทันหันเพื่อหาอะไรกินที่นี่แทน
คิดไม่ถึงเช่นกันว่ายัยเด็กคุณหนูนี่จะอยู่ง่ายกินง่ายได้มากกว่าที่คิด เพราะขนาดที่ว่าเสือพาซ้อนมอเตอร์ไซค์มาด้วยถึงจะมีท่าทางที่กล้า ๆ กลัว ๆ ให้เห็นอยู่บ้างแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร อีกทั้งเดินผ่านอะไรก็ดูจะตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
“มีเงินให้ยืมไหมคะ”
“ยังไงนะ”
“บัตรหนูโดนตัดไปแล้วค่ะ ไม่มีเงินสดติดตัวสักบาทเลย”
“แล้วที่ผ่านมามึงอยู่ยังไงเนี่ย”
“ก็ตอนเช้ากับตอนเย็นพวกพี่เขาซื้อข้าวเอาไว้ให้ไงคะ”
“แล้วตอนเที่ยง?”
“...หนูไม่หิวค่ะ”
“โอ้ย กูจะบ้า มึงลูกบ้านไหนเนี่ย ไม่ใช่ว่าเขาคิดว่ากูขโมยลูกเขามาลำบากด้วยกันแล้วเหรอ” ไม่หิวอะไรล่ะ ขนาดเขายังทานมื้อเที่ยงไปวันละจานสองจานเลย อีกอย่างตัวก็แค่นี้ วัยกำลังโตอีก ข้าวกลางวันไม่แดกเดี๋ยวโรคกระเพาะอาหารก็ได้ถามหากันพอดี
“ก็ลำบากอยู่นะคะ”
“เงียบไปเลย อยากแดกอะไรชี้ กูซื้อให้เอง”
“แลกกับอะไรคะ”
“หมายถึง?”
“ก็บนโลกนี้ไม่ได้มีอะไรที่จะได้มาฟรี ๆ”
“มึงอยู่กับกูจะเป็นเดือนแล้วเด็ก คิดย้อนหลังจ่ายไหวไหมล่ะครับ”
“พี่จะเอาอะไรล่ะ ถ้าไหวหนูจะจ่ายให้”
“หึ ไม่ต้องมาช้อนตามอง ไปเลือกของกินเร็ว ๆ ยังไม่ได้แดกอะไรมาเลยไม่ใช่เหรอ” ยัยเด็กแสบนี่เห็นแบบนี้มันก็ร้ายจะตาย ถ้าอยู่กันสองคนมันจะพูดกับเขาแบบสื่อความหมายแบบนี้ไหมล่ะ ก็คงไม่ เพราะตอนนี้มันกลางตลาดไง ใครจะไปกล้าพูดเรื่องที่ไม่สมควรพูดวะ
ถ้าไม่มีอะไรให้ก็เอาตัวมาแลกแบบนี้เหรอ เช่นนั้นมีหวังเราจะได้ยืดเยื้อกันไปมากกว่าเดิม
“พี่ เขากินอันนั้นกันด้วยเหรอคะ”
“ถ้าเห็นขายก็กินหมดนนั่น...แหละ” เสือเสียงแผ่วลงทันทียามหันไปมองตามมือเล็กที่ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยของกินเล่นจนเขาชักกลัวว่ามันจะอิ่มแทนข้าวแล้ว
“แต่มันมีพิษนะคะ”
“เขาเอาออกละไง เดินไปหาข้าวกินได้แล้ว มันเสียเวลา”
“แต่ว่าหนูอยากลองชิม แต่ ๆ ก็กลัวด้วย พี่ชิมเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหมคะ”
ไอ้ห่าเอ้ย เสือได้แต่สถบคำหยาบออกมาภายในใจ ร้านของกินมีเกือบเป็นร้อยมันก็เสือกมาสะดุดตากับร้านแมลงทอดที่เขาเกลียดนักหนา
ตัวที่เอมิลอยากลองยิ่งเคยมีประเด็นกับเขาตอนที่ไปเยี่ยมคุณตากับคุณยายที่ต่างจังหวัด นั่นก็เพราะไอ้เสือที่เกิดมาไม่เคยจะกลัวอะไรดันเล่นซนในวัยเด็กจนโดนแมงป่องต่อยเต็ม ๆ เจ็บจนร้องไห้อยู่เป็นวันสองวัน
“กูหิวข้าวแล้ว”
“หรือจริง ๆ พี่ไม่กล้าคะ”
“พี่ ผมเอาอีตัวดำ ๆ นั่นสองตัวครับ เท่าไหร่คิดตังค์มาเลย”
TBC.