บุตรสาวตระกูลเจียง
ดวงใจทมิฬ
ตอนที่ 1
แคว้นโจว แคว้นใหญ่อีกแคว้นทางด้านทิศเหนือ
ยามโฉ่ว (01.00 – 02.59 น.) ฤดูหนาวในแคว้นโจวนั้นหนาวยิ่งนัก แม้จะอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้อยู่ใกล้ภูเขาน้ำแข็งที่ตั้งสูงอยู่บนเทือกเขาที่ทอดแนวไปจนสุด ชาวบ้านต่างหลับนอนอย่างสบายเพราะอากาศหนาวเกินกว่าจะทำอะไร
สตรีในคราบบุรุษแอบเดินลัดเลาะไปยังที่หมายที่นางได้นัดเจอกับคนที่นางอยากใช้ชีวิตด้วยกันนางไม่อยากอยู่กับคนที่นางไม่รักรวมถึงคนที่สามารถมอบทุกอย่างให้นางได้
“อิงฮวา ในที่สุดเจ้าก็มา”
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่แอบนัดเจอกับนางเอ่ย
“ท่านอ๋อง ข้าคิดถึงท่านเหลือเกินเพคะ”
เจียงอิงฮวาพูดก่อนซบลงบนอกเขา
“ข้าก็คิดถึงเจ้า”
ฉีอ๋องบอกก่อนล้วงเข้าไปภายใต้เสื้อของเจียงอิงฮวา เขาพบนางในวันเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา นางช่างงามจนเขานั้นหลงใหล จึงแอบติดต่อนางจนนางใจอ่อนยอมเป็นของเขา วันนี้ก็เช่นกันที่เขานัดพบนางเพื่อหนีไปแคว้นอิ๋น
“อ๊า ท่านอ๋อง”
เจียงอิงฮวาครางเสียงหวาน ก่อนแยกเรียวขาเพื่อให้เขาสะดวกในการล้วงเข้าไปในโพรงสวาทของนาง
“อื้มม ฮวาเอ๋อร์ ข้าอยากรักกับเจ้าเช่นนี้นานๆ”
เขาบอกก่อนดันกายเข้าไปในโพรงสวาทที่มีน้ำหวานออกมาหล่อเลี้ยง
“อื้อ ท่านอ๋อง ข้าเสียว อ๊า”
เจียงอิงฮวาเด้งรับความแข็งขันของเขาอย่างร่านร้อน เขามอบความสุขให้นางตามที่นางต้องการ ฉีอ๋องก้มลงดูดยอดอกสีหวานที่น่าหลงใหล นางช่างตอดรัดเขาดีจริง ๆ
“อ๊ะ อ๊า ข้าจะแตกแล้ว”
ฉีอ๋องครางบอกนางก่อนกระแทกกายอย่ารัว ๆ ทำให้เกิดเสียงดัง
พั่บ พั่บ พั่บ
ฉีอ๋องปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวนางก่อนขยับกายเพื่อเริ่มต้นอีกรอบ
“ท่านอ๋อง อ๊า ข้าเจ็บ”
นางร้องเสียงดังเพราะเขานั้นกัดที่ยอดอกนางอย่างรุนแรง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเสียงร้องของนางนักยังคงกระแทกกระทั้นนางต่อไป เจียงอิงฮวายิ้มอย่างพอใจ ในที่สุดนางก็หนีออกจากการแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจคนนั้นได้แล้ว
จวนสกุลเจียง
“อิงฮวาหายไปอย่างนั้นหรือ”
ฮูหยินรองเจียวเหม่ยเอ่ยอย่างตกใจเมื่อบ่าวในจวนเข้ามารายงานอย่างร้อนรน นางที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ถึงกับตกใจจน ดอกไม้หลุดมือ
“เจ้าค่ะฮูหยินรอง ข้าพยายามตามหาคุณหนูใหญ่จนทั่วแล้วแต่ไม่เจอเลยเจ้าค่ะ”
แม่นมที่เลี้ยงดูเจียวอิงฮวาว่าอย่างร้อนใจ อีกไม่กี่วัน จะมีงานมงคลเกิดขึ้นที่จวนแต่ตัวเจ้าสาวนั้นดันมาหายตัวไป ทั้งนางและคุณหนูเล็กต่างออกตามหาตั้งแต่ยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.)
“นางหายไปได้อย่างไรกัน แล้วทีนี้จะทำเช่นไร!!”
เจียงหวังพูดอย่าท้อแท้ เขาสู้อุตส่าห์หาทางปลดหนี้จากบ่อนการพนันแล้วแท้ ๆ แต่บุตรสาวคนโตนั้นดันหายไป เขาจะทำเช่นไรดีหากว่าแม่ทัพพยัคฆ์รู้ครอบครัวเขาต้องเกิดหายนะอย่างแน่นอน
“นางหายไปอย่างนั้นหรือ”
เสียงเข้มพร้อมกลิ่นอายของความกดดันดังขึ้นทันที เจียงหวังสะดุ้งด้วยความกลัว เช่นเดียวกับฮูหยินรองที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ก่อนมองไปเห็นบุรุษหนุ่มที่สวมใส่หน้ากากสีดำ ปิดปังรูปโฉมที่งดงามเกินบุรุษใดในแคว้นโจวแห่งนี้ และมีนัยน์ตาสีเขียวมรกตนั่นทำให้ฉายาว่า แม่ทัพปีศาจนั้นเลื่องลือไปไกล
“อะ เอ่อ ท่านแม่ทัพมาตอนไหนหรือขอรับ”
เจียงหวังพูดแบบสั่น ๆ
แม่ทัพพยัคฆ์หรือโจวจื่อหมิงมองไปยังเจียวหวังอย่างคาดคั้นเขามาที่จวนสกุลเจียงเพราะนำเครื่องประดับมาให้เจียงอิงฮวา ไม่คิดว่าทันทีที่เขามาถึงห้องโถงกลับได้ยินเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“ทะ ท่านแม่ทัพ อิงฮวาอาจแค่อยากไปสูดอากาศข้างนอกก็ได้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองรีบแก้ต่างให้กับบุตรสาวคนโตของเจียงหวัง
“งั้นหรือ คงไปสูดอากาศไกลถึงแคว้นอิ๋นแล้วล่ะป่านนี้”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนปรายตามองไปยังเจียงหวังที่ทำหน้าลุกลี้ลุกลน ด้วยบุตรสาวเคยเข้ามาอ้อนขอให้นางได้แต่งงานกับฉีอ๋องแทน แต่เขานั้นปฏิเสธไปเพราะเขารับเงินจากแม่ทัพโจวแล้ว
“ท่านแม่ทัพได้โปรดเถิด ไว้ชีวิตข้าด้วย”
เจียงหวังคุกเข่าขอร้องโจวจื่อหมิง หากโจวจื่อหมิงต้องการเงินคืนเล่า ต่อให้เขาขายคนสกุลเจียงไปทั้งหมดก็ไม่อาจคืนเงินเขาจนหมดได้
“เจ้าสาวของข้าหนีตามบุรุษแคว้นอิ๋นไป จะทำเช่นไรหากข่าวลือนี้ออกไป แล้วตัวท่านเองเจียงหวัง ท่านจะมีปัญญาคืนเงินสินสอดด้วยหรือไม่”
เขาบอกเสียงเรียบ เจียงหวังกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขามีบุตรสาวที่งดงามเพียงอิงฮวา บุตรสาวอีกสามคนนั้นเขาก็ขายออกไปให้กับเศรษฐีต่างเมืองไปแล้ว เหลือเพียงบุตรสาวคนเล็กที่เกิดจากภรรยารองเท่านั้นซึ่งเขาหวังจะขายนางให้กับองค์ชายองค์หนึ่งที่มีทีท่าต้องการนางไปอุ่นเตียง แม้ว่าฉีอ๋องจะมอบทองให้เขาถึงสองหีบ แต่เขาก็เอาไปถลุงกับการพนันจนหมดแล้ว
“ท่านแม่ทัพตอนนี้ข้าทำได้แค่เพียงจะไปตามตัวนางกลับมาจากแคว้นอิ๋น ท่านเลื่อนงานแต่งไปก่อนได้หรือไม่ข้าสัญญาว่าจะพานางกลับมาแต่งกับท่าน”
เจียงหวังพยายามต่อรองด้วยท่าทีร้อนรน
“จะไม่มีการเลื่อนงานแต่งงาน แต่ข้าจะล้มเลิกงานแต่งนี้ บุตรสาวคนเล็กของท่านยังไม่แต่งงาน พรุ่งนี้ข้าจะส่งเกี้ยวมารับนาง เตรียมตัวนางให้ดี”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนมองไปยังร่างเล็กของใครบางคนที่แอบฟังอยู่ แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจคำอ้อนวอนของเจียงหวัง เพราะเจียงหวังนั้นอยากขายบุตรสาวคนนี้ เพื่อเอาเงินไปเล่นการพนันอีกรอบนั่นเอง
เพี๊ยะ !!!
เจียงหวังตบหน้าฮูหยินรองด้วยความโมโห
“ท่านพ่ออย่าทำท่านแม่เลยนะเจ้าคะ”
หญิงสาววัย 16 ปีวิ่งเข้ามาห้ามบิดาโดยเอาตัวบังมารดาไว้จึงโดนเจียงหวังตบหน้านางแทนหนึ่งครั้ง
“ข้าบอกให้เจ้าเฝ้าพี่สาวเจ้าไว้ เหตุใดจึงปล่อยนางให้หนีไป เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าต้องเสียรายได้ไปเท่าไหร่ งั้นก็จงเตรียมตัวไปเป็นนางบำเรอของโจวจื่อหมิงเถอะ!”
เขาตะคอกบุตรสาวคนเล็กอย่างไม่พอใจก่อนเดินออกไป
“ท่านแม่ท่านเจ็บหรือไม่”
บุตรสาวของฮูหยินรองนามว่า เจียงอิ้งเย่ว ถามมารดาด้วยน้ำตานองหน้านางรู้ดีว่าสักวันนางก็ถูกขายไปอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้
“เย่วเอ๋อร์หนีไปเสีย แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องตายเพราะแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจนั่น”
ฮูหยินรองบอกบุตรสาวเพียงคนเดียวของตัวเอง ถึงแม้ว่านางจะปกป้องบุตรสาวไม่ได้แต่นางช่วยให้บุตรสาวไม่ต้องไปทุกข์ทรมานด้วยการเป็นอนุผู้อื่นเช่นเดียวกับนางหรอก
“ท่านแม่ อย่าห่วงข้าเลยนะเจ้าคะ ท่านต้องดูแลหยางเอ๋อร์ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เป็นอะไร”
เจียงอิ้งเย่วบอกผู้เป็นมารดา ถึงแม้ว่าเรื่องของแม่ทัพพยัคฆ์ที่ได้ฉายาว่า แม่ทัพปีศาจนั้นจะไม่ได้มาเพราะข่าวลือ เจ้าสาวของเขาทุกคนล้วนฆ่าตัวตายในคืนเข้าหอถึง 6 ครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังพยายามหาสตรีเพื่อเป็นฮูหยินอยู่ดี
“เย่วเอ๋อร์ แม่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้เลยใช่หรือไม่”
ฮูหยินรองร้องไห้ด้วยสงสารบุตรสาวที่ต้องมาเจอกับบิดาที่ไม่ได้ความเช่นนี้
“ท่านแม่ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี ท่านก็ด้วยนะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วบอกมารดา อย่างน้อยมารดาก็ให้กำเนิดน้องชายให้บิดา เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ของเจียงหวัง มารดาจึงได้เลื่อนขั้นเป็นฮูหยินรอง
หลังจากปลอบมารดาอยู่นาน นางจึงกลับห้องนอนของตัวเองที่อยู่เรือนหลังเล็ก เมื่อคืนนางถูกเจียงอิงฮวาใช้ให้ไปเคี่ยวยาเพื่อขัดตัวในวันนี้นางมักถูกพี่สาวใช้เสมอตั้งแต่จำความได้ แต่นางก็ไม่ได้น้อยใจเพราะนางเต็มใจทำ เจียงอิงฮวาคือคนสวย เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ที่นอนป่วยอยู่ในห้องมาหลายปีแล้ว ด้วยฮูหยินใหญ่มักช่วยเหลือมารดานางเสมอนางจึงคอยรับใช้พี่สาวของนางด้วยความเต็มใจ ยิ่งเมื่อนางหายตัวไปเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจ นางจึงต้องยอมไปเป็นตัวแทนของพี่สาว แม้ตัวนางไม่ยอมเพียงใด แต่นางก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกัน
เจียงอิ้งเย่วที่เก็บเสื้อผ้าอยู่รู้สึกเศร้าใจที่ต้องจากมารดา นางยังเก็บเอาหนังสือเกี่ยวกับการค้าที่นางแอบบิดาเอามาอ่านไปด้วย เผื่อวันไหนเขาทิ้งนางไปน้ำตาก็พลันเอ่อออกมา นางจะทำให้เขาหย่ากับนางเพื่อจะได้มารับมารดาและน้องชายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียทีก่อนปาดน้ำตาทิ้งเพื่อเรียกความเข้มแข็งกลับคืนมา ก่อนที่จะเดินดูห้องนอนน้อย ๆ เพื่อเก็บเอาไว้ในความทรงจำ นางรู้สึกว่าคืนนี้อากาศช่างเหน็บหนาวกว่าทุกคืน ก่อนจะรู้สึกถึงข้อมือที่ถูกกระชากทำให้ร่างบางเซจนเกือบล้มตกเก้าอี้
“เจ้าเป็นใคร ช่วย..อื้อ”
นางถูกเขาก้มลงมาปิดปากนางด้วยปากของเขา แม้นางจะพยายามดิ้นแต่มีหรือว่าแรงของนางจะสู้เขาได้ มือแกร่งบีบหน้าเล็กนั้นด้วยความเกลียดชัง แล้วบดขยี้ริมฝีปากบางนั่นด้วยความรู้สึกโกรธแค้นคนในตระกูลเจียงเป็นอย่างมาก
“จำเอาไว้ว่าบิดาของเจ้ามันช่างโสโครก”
เขากระซิบที่ข้างหูนางเสียงเย็นหลังจากถอนจูบนาง
“เจ้าเป็น อ๊ะ แม่ทัพปีศาจ”
เจียงอิ้งเย่วมองสบตาสีมรกตก็รู้ทันทีว่าเขาคือใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงความรู้สึกเกรี้ยวกราดอยู่นั้นคงเป็นใครไม่ได้นอกจากเขา โจวจื่อหมิง
“เรียกว่าที่สามีของตัวเองว่าปีศาจเช่นนี้ คงไม่อยากมีชีวิตรอดสินะ”
โจวจื่อหมิงพูดก่อนผลักนางลงบนเตียงแล้วเดินไปหานาง
“อย่าเข้ามานะ ไม่เช่นนั้นข้าจะเรียกให้คนช่วย”
นางขู่เขาก่อนขยับตัวไปยังมุมหนึ่งของเตียงนอน
“เจ้าคิดว่าจะมีผู้ใดสนใจเจ้ากัน”
เขาก้มลงมาบอกนางก่อนยกยิ้มให้ มือหน้าเอื้อมไปที่คอเล็กแล้วออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อขู่ ก่อนเดินออกไปยืนที่ประตู
“พรุ่งนี้เจ้าเตรียมตัวรับผลกรรมแทนคนตระกูลเจียงไว้ได้เลย”
จวนแม่ทัพพยัคฆ์
“ท่านแม่”
โจวจื่อหมิงทำหน้าประหลาดใจที่เห็นมารดามานั่งอยู่ที่จวน เขากลับมาจากการไปเจอหน้าว่าที่อนุภรรยาคนใหม่ของเขา เขาเจ็บแค้นคนตระกูลเจียงเป็นอย่างมาก เพราะเจียงอิงฮวาหลอกใช้ความรักที่เขามอบให้นางด้วยการให้เขามอบเงินสินสอดเพื่อให้บิดาของนางไปใช้หนี้พนัน เขาน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเจียงอิงฮวานั้นต้องการอะไร แต่ก็อย่างว่า ความรักทำให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น
“แม่ทัพพยัคฆ์โดนสตรีหลอกเข้าให้แล้วสินะ”
องค์หญิงเหวินหง องค์หญิงจากแคว้นจ้าวผู้เป็นมารดาเอ่ย ก่อนมองไปที่บุตรชายคนเล็กที่แม้จะอายุได้สามสิบแล้วก็ยังทำให้นางอดที่จะห่วงไม่ได้ ยิ่งได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกับบุตรีตระกูลเจียงที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่า เจียงหวังนั้นขายบุตรสาวกิน นางก็ยอมหลับตาข้างหนึ่งด้วยหวังจะให้บุตรชายนั้นมีความสุข
“ข้าต้องขออภัยที่ทำให้ท่านแม่ผิดหวัง”
โจวจื่อหมิงบอกมารดา ก่อนก้มหน้าอย่างเสียใจ เขาทำพลาดอีกแล้วสินะ ครั้งที่เจ็ดแล้ว..
“หมิงเอ๋อร์ แม่ไม่เคยโกรธเจ้า แค่เพียงไม่อยากเห็นลูกต้องเจ็บอีกแล้ว”
องค์หญิงเหวินหงพูดกับบุตรชายก่อนดึงตัวเขามากอดด้วยความรัก นางเห็นบุตรชายถูกข่าวลือว่าเป็นปีศาจก็ปวดใจ ยิ่งเจอสตรีที่แต่งเข้ามาฆ่าตัวตายหนีเขาไปจนหมดยิ่งทรมานใจที่บุตรชายต้องเจอกับข่าวลือนั้น
“ลูกไม่เป็นไรขอรับ ตระกูลเจียงจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ”
โจวจื่อหมิงว่า ก่อนมองมารดาด้วยสายตาที่เรียบ องค์หญิงเหวินหงได้แต่มองบุตรชายอย่างสงสาร
“หมิงเอ๋อร์ แม่ว่าเจ้าไปอยู่ที่ชายแดนสักเดือนดีหรือไม่ เรื่องงานที่เมืองหลวงให้พี่ชายเจ้าจัดการแทน”
องค์หญิงเหวินหงถามบุตรชาย เขาเป็นแม่ทัพที่ทำงานหนักมาหลายปี หากลาพักสักเดือนคงไม่เป็นอะไรหรอก
“ลูกกำลังคิดว่าจะไปพรุ่งนี้ขอรับ ลูกส่งหนังสือให้ฝ่าบาทแล้ว หวังว่าเขาคงอนุญาต”
ถึงฮ่องเต้ไม่อนุญาตเขาก็จะไปเอง ฝั่งฮ่องเต้ได้แต่ส่ายหัวให้สหายที่ถูกสตรีหลอกจะช่วยเหลืออะไรก็ไม่สน ครั้นจะหาสตรีที่ดีให้ก็ไม่เอา ฮ่องเต้จึงยอมอนุญาตให้เขาลาพักงานได้ถึงสองเดือน
“ดีแล้ว ๆ เจ้าจะได้พักผ่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกนะ”
มารดาบอกก่อนยิ้มให้บุตรชาย
วันต่อมา
ยามเฉิน (07.00 – 08.59 น.)
จวนสุกลเจียง
เจียงอิ้งเย่วที่ถูกบิดาบังคับนางให้ขึ้นเกี้ยวของโจวจื่อหมิงที่มารอรับตั้งแต่เช้าไปโดยที่ไม่ให้นางร่ำลากับมารดาหรือน้องชายเลยแม้แต่น้อย
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกว่าตัวเองนั้นเหลือตัวคนเดียว ไม่มีมารดาคอยช่วยเหลือนางแล้วอีกต่อไปมองดูถนนจากจวนที่เคยอยู่ห่างไกลสายตาขึ้นมาเรื่อย ๆ ประมาณ 1 เค่อ (15 นาที) ก็มาถึงจวนแม่ทัพพยัคฆ์แล้ว
“ถึงแล้ว”
เสียงห้วน ๆ ของคนแบกเกี้ยวเอ่ยบอกนาง นางลงมาจากจวนก็พบว่าเกี้ยวมาหยุดที่ประตูด้านหลังจวนเพราะการรับอนุภรรยานั้นไม่สามารถเดินเข้าข้างหน้าจวนได้ เพราะเป็นแค่อนุภรรยา นางจึงเก็บเอาข้าวของที่มีไม่มากเดินตามสตรีวัยกลางคนที่ยืนรออยู่แล้วเข้าไปในจวน ทางเดินที่คับแคบและวกวนทำให้นางเกือบหลงทางไม่น้อย นางพยายามก้าวให้เร็วเพื่อเดินตามหญิงวัยกลางคนไป
“นี่คือที่พักของเจ้า อย่าลืมว่าเย็นนี้ท่านแม่ทัพจะเข้ามาหาเจ้าจงเตรียมตัวให้ดี อาบน้ำแล้วใส่ชุดที่ข้าเตรียมไว้ให้ด้วย”
นางสั่งแล้วไม่พูดอะไรก่อนเดินออกไป เจียงอิ้งเย่วที่มองดูชุดที่เตรียมไว้ให้ก็หน้าแดงก่ำ นางจะใส่ชุดแบบนี้ได้ยังไง
“บ้าเอ๊ย เห็นข้าเป็นอะไรกัน”
เจียงอิ้งเย่วบ่น ก่อนปาชุดนั้นทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี ชุดที่บางจนแทบปกปิดอะไรไม่ได้ ทำไมนางต้องใส่ด้วย นางรีบเอาชุดนั้นไปวางไว้ใกล้ ๆ ก่อนเดินออกมาสำรวจรอบ ๆ เรือนที่พักแห่งนี้ ช่างเงียบจนวังเวงเสียจริง
“คงอยู่ไกลจากเรือนใหญ่มากสินะ”
นางพูดก่อนเดินกลับไปในห้องพักอย่างเศร้าใจ
เรือนใหญ่ในจวนแม่ทัพพยัคฆ์
ตอนนี้เขากำลังนั่งอ่านบางอย่างที่ให้คนไปสืบมาแล้วขยำมันทิ้งด้วยความรู้สึกโมโห
เจียงหวังเป็นคนติดพนันมาก เขาใช้เงินสินสอดของเจ้าไปใช้หนี้ แต่ฉีอ๋องยังมอบทองให้สองหีบ เขาก็ยังหมดไปกับการพนัน การขายบุตรสาวกินดูจะเป็นสิ่งเดียวที่เขาถนัด เขายังขายบุตรสาวคนเล็กให้เจ้าแทนที่อิงฮวา หากวันไหนเจ้าเขี่ยนางทิ้ง เขาก็จะขายนางต่อไปให้คนที่ต้องการเช่นเดียวกันกับบุตรสาวอีกสามคนของเขา
“เรียกว่าบิดายังกระดากปาก”
จิ้นเล่อ รองแม่ทัพและสหายของเขาบอก ก่อนมองดูสหายที่ตอนนี้ยกไหสุราขึ้นมาดื่มราวกับจะกินให้หมดทั้งไหในรวดเดียว
“หึ ข้าเกลียดอะไรแบบนี้ที่สุด”
โจวจื่อหมิงพูดก่อนยกไหสุรามาดื่มต่อ เขาเจอเหตุการณ์แบบนี้มา 7 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ดูหนักสุดสำหรับเขา
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อกับ เจียงอิ้งเย่ว”
จิ้นเล่อถามเขาไม่เข้าใจว่าทำไมโจวจื่อหมิงไม่ขอสินสอดคืนก็น่าจะจบเรื่องแล้ว
“ข้าแค่อยากช่วยนาง”
โจวจื่อหมิงตอบ ก่อนหลบตาสหายที่มีสายตาคาดคั้นอย่างแปลกใจ
“อะไรกัน เจ้ามีวิธีช่วยมากกว่านี้นี่นา ให้นางมาเป็นอนุเจ้านี่นะ หรือว่าเจ้าชอบนาง”
จิ้นเล่อพูดอย่างรู้ทันสหาย
“ข้าจะชอบนางลงได้ยังไง สตรีตระกูลเจียงคงมีนิสัยเช่นเดียวกับบิดาของนาง”
โจวจื่อหมิงว่า แล้วยกไหสุรามาดื่มอึกใหญ่
“งั้นเจ้ายกนางให้ข้าได้หรือไม่ ข้าเคยเจอนางครั้งหนึ่งที่ตลาด นางช่างน่ารักมาก โดยเฉพาะริมฝีปากบางนั่น โอ๊ย เจ้าทำอะไรเนี่ย”
จิ้นเล่อโวยวายเพราะโจวจื่อหมิงสาดสุราใส่ตัวเขา
“นางเป็นของข้า”
โจวจื่อหมิงบอกเสียงเข้ม ก่อนทำหน้านิ่ง ๆ แล้วจิบสุราต่อ
“แล้วก็บอกว่าไม่สน ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อนเจ้านี่มันชอบทำร้ายข้าจริง ๆ”
จิ้นเล่อพูดแล้วลุกขึ้น ก่อนยิ้มในใจเพราะสหายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แสดงว่าแม่นางเจียงคนนี้คงทำอะไรกับสหายของเขาอย่างแน่นอน
ยามจื่อ (23.00 – 24.59 น.)
เจียงอิ้งเย่วที่หลับไปแล้วนอนหลับอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่าตอนนี้แม่ทัพปีศาจที่นางเรียกได้ปรากฏตัวอยู่ในห้องของนางแล้ว ประตูห้องนอนถูกปิดลงอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าร่างบางเล็กบนเตียงนั้นจะตื่น
โจวจื่อหมิงเดินตรงไปยังเตียงนอนอย่างช้า ๆ ก่อนจะพบว่านางไม่ได้ใส่ชุดที่เขาสั่งให้ใส่ก็รู้สึกขัดใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องถอดมันออกอยู่ดี เขาค่อย ๆ ขยับกายเข้าไปใกล้นาง กลิ่นหอมบาง ๆ จากตัวของนางบวกกับสุราที่ดื่มไปเยอะพอสมควรทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เขายิ้มอย่างร้ายกาจเมื่อนึกถึงที่สิ่งที่บิดาของร่างเล็กตรงหน้าทำไว้กับเขา มือหนาเลื่อนผ่านซอกคอมายังใบหน้านวล ก่อนก้มลงสูดดมความหอมจากกายนาง แล้วใช้มือลูบไล้ลงมาที่ซอกคอ
“อ๊ะ ท่ะ ท่านจะทำอะไร”
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกตัวเพราะนางสัมผัสได้ถึงการลูบไล้เรือนกายนาง ก่อนที่จะถูกเขารวบข้อมือตรึงไว้เหนือหัว
“อย่านะ ท่านคิดจะทำอะไร เจ้าคนบ้า!!”
นางโวยวาย พยายามส่งเสียงออกไปให้คนอื่นในจวนรู้
“คิดว่าจะมีใครมาช่วยเจ้าอย่างงั้นหรือ เจียงอิ้งเย่ว… เจ้าลืมสถานะตอนนี้ของเจ้าไปแล้วหรือ เจ้าเป็นอนุของข้า ข้าจะทำอะไรกับเจ้านั้น เจ้าไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้า!!”
สายตาของโจวจื่อหมิงนั้นน่ากลัวมาก เจียงอิ้งเย่วรับรู้ได้ถึงความเกลียดชังจากสายตาเขามองมาที่นาง พลันนึกถึงข่าวลือการฆ่าตัวตายของบรรดาเจ้าสาวของเขาแล้วความกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกินจิตใจ
“ท่าน จะฆ่าข้าเช่นเดียวกับเจ้าสาวของท่านใช่หรือไม่”
เจียงอิ้งเย่วกลั้นใจเอ่ยถามเขาด้วยความกลัว แม้นางจะทำใจมาแล้วก็ตาม
“หึ ข้าไม่ได้ฆ่าพวกนาง แต่ถึงอย่างไรการที่ข้าจะฆ่าเจ้าตอนนี้ มันก็ไม่เพียงพอที่เจ้าจะชดใช้ในสิ่งที่ข้าเสียไปหรอกนะ”
โจวจื่อหมิงตอบนางก่อนจะก้มลงดมซอกคอหอม นางพยายามหนีสัมผัสนั้น
“อย่าคิดจะหนีมัน ความทรมานที่เจ้าจะได้รับต่อจากนี้ต่างหากคือสิ่งที่ข้าอยากได้”
เขากระซิบบอกนางแล้วจูบซอกคอขาว ก่อนก้มลงขบเม้มซอกคออย่างกระหาย
“ข้ากลัว ฮึก”
เจียงอิ้งเย่วร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว โจวจื่อหมิงเห็นแบบนั้นก็ใช้มือสากเกลี่ยน้ำตานางออกจากหน้างาม ก่อนจูบนางอย่างดุดันจนนางรู้สึกเจ็บที่ปากเขาดูดดึงและขบกัดนางราวสัตว์ป่าที่หิวกระหาย
“โอ๊ยย ฮึก อย่าทำข้าเลยนะ..”
นางประท้วงเขาที่กัดตรงไหล่กลมมน แต่เขาไม่ได้สนใจคำขอร้องของนางแม้แต่น้อย
แคว่ก!!
เขาฉีกชุดบนตัวนางทิ้ง นางไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แม้แต่น้อย แม้จะพยายามใช้ขายันเขาแล้วแต่ร่างหนาที่กำลังทับตัวนางอยู่ไม่สะทกสะท้านเลย
ลิ้นหนาสอดเข้ามาล่วงล้ำภายในโพรงปากของนางอย่างรุนแรง ร่างกายของนางรู้สึกราวถูกไฟแผดเผาจนรู้สึกแทบจะหายใจไม่ออกกับจูบที่เขามอบให้นาง เขาถอนริมฝีปากออกไปพร้อมมองนางด้วยแววตาที่เกลียดชัง
“รู้สึกดีหรือไม่เล่า”
เขากระซิบถามก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนมาบีบลำคอของนาง แล้วกดมือให้แน่นเพื่อหวังอยากจะฆ่านาง
“อึก ปล่อยข้านะ ข้าเจ็บ ฮืออ”
เจียงอิ้งเย่วร้องเพราะหายใจไม่ออก น้ำตาไหลออกมาเป็นสายเพราะกลัวเขามือบางที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระพยายามทุบตีให้เขาหยุดการกระทำ
“หยุดร้องไห้ซะ ข้าไม่ชอบน้ำตาของเจ้า!”
เขาคลายมือออกจากลำคอนาง ก่อนที่มือหนาจะล้วงเข้าไปยังกลีบกุหลาบงามที่กำลังเบ่งบานรอการสัมผัสจากเขาอยู่นิ้วเรียวยาวค่อย ๆ สอดเข้าไปในกลีบกุหลาบงามที่คับแน่น
“ไม่ อย่านะ อ๊ะ”
เจียงอิ้งเย่วพยายามหนีบขาเข้าหากันเพื่อไม่ให้เขาได้สัมผัสกลีบกุหลาบของนาง เขาจึงใช้ริมฝีปากซุกไซร้เนินอกอวบก่อนจะขบกัดจนเกิดรอยแดงไปทั่ว นางพยายามกระถดกายหนี มือน้อยพยายามดันอกแกร่งให้ออกห่างแต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขาดูดดึงยอดอกและกัดมัน ความเกลียดชังถูกส่งผ่านการกระทำที่แสนป่าเถื่อนนี้เขาจะไม่หยุดแม้ว่านางจะขอร้องจนน้ำตาเป็นสายเลือดก็ตาม โจวจื่อหมิงจับเรียวขางามให้แยกออก และส่งลิ้นหน้าเข้าครอบครองกุหลาบงามอย่างรวดเร็ว
“อ๊า อย่า อ๊า อ๊ะ..”
สัมผัสแปลกใหม่ทำให้เจียงอิ้งเย่วครางออกมา นางพยายามกลั้นเสียงครางของตัวเองเพื่อไม่ให้ออกมา
“ร้องออกมา”
เขาเงยหน้าสั่งนางก่อนจะก้มลงไปชิมน้ำหวานในกุหลาบงามที่เริ่มไหลออกมา เขาขบเม้มและส่งลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดชิมน้ำหวานของนางอย่างรุนแรง ร่างกายของนางตอบสนองต่อสัมผัสของเขาที่มอบให้ เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองและเสียงครางได้อีกต่อไป
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อื้อ อ๊า…”
เสียงหวานร้องดังขึ้นอย่าง ก่อนเผลอจิกไหล่เขาด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่คิดว่าเจ้าจะหวานถึงเพียงนี้”
เขาบอกนางก่อนลุกขึ้นมาดูดอกอวบอย่างเมามัน ก่อนจับขาเรียวแยกออกจากกัน กายแกร่งที่พร้อมเต็มที่ได้จ่อที่จุดกึ่งกลางนางจึงทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น เขาดันมันเข้าไปในทันทีเพราะคิดว่านางคงไม่เหลือความบริสุทธิ์แล้ว
“กรี๊ดดดดดดด ฮึก…”
เลือดสีแดงไหลออกมาตามขาเรียว ความรู้สึกเจ็บปวดราวโดนเหล็กแหลมร้อนแทงเข้ามาในกายนี้ทำให้นางรู้สึกหมดแรงขัดขืน น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง
“เอาออกไปนะ ขอร้อง อื้ออ”
นางขอร้องเขา แต่เขากลับเหยียดยิ้มให้นาง แล้วกระแทกเข้าออกโดยไม่สนใจเธอ เสียงของความทรมานดังขึ้นจากร่างเล็กยิ่งทำให้เขากระแทกนางให้มากขึ้นและเร็วขึ้น
“อ๊า แน่นมาก”
โจวจื่อหมิงครางต่ำก่อนแช่กายแกร่งไว้ กลิ่นเลือดที่ลอยอยู่ทำให้เธอแทบอยากจะขาดใจตายลงตั้งแต่ตอนนี้ คนตัวโตก้มลงมาจูบนางอย่างโหยหา ก่อนจะค่อย ๆ สะกิดยอดอกเพื่อเพิ่มความเสียว เอวหนากระแทกเข้าออกเพราะน้ำหวานไหลมาหล่อลื่นทำให้ขยับสะดวกขึ้น
“อ๊ะ อ๊ะ ข้า อ๊า”
เสียงหวานครางออกมากับความรู้สึกแปลกใหม่นี้ กุหลาบน้ำกระตุกตอดรัดกายแกร่งที่กระแทกกระทั้นเพื่อบอกว่าร่างเล็กนี้ได้เสร็จสมแล้ว
“อื้มมม แน่นมากเย่วเอ๋อร์ของพี่..”
เขาครางเสียงต่ำ ก่อนที่จะส่งน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวนางทุกหยาดหยด
น้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปในร่างกายของเจียงอิ้งเย่วความรู้สึกเกลียดคนตรงหน้า แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ภายหลังได้ยินคำที่เขาเรียกนาง
“อ่าห์ เย่วเอ๋อร์ของข้า”
โจวจื่อหมิงกระซิบที่ข้างหูนางก่อนค่อย ๆ ถอดถอนกายออกช้า ๆ ก่อนจูบที่แก้มบางความอบอุ่นแผ่ซ่านไปในใจของนาง เหตุใดเขาจึงเรียกนางเช่นนี้กัน โจวจื่อหมิงมองนางด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิมก่อนกระชากร่างนางให้เข้ามาใกล้แล้วกดลงจูบนางอย่างดุเดือดอีกครั้ง เขาใช้ผ้าห่มห่อร่างนางก่อนจะอุ้มนางขึ้นมา แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของเขาที่เรือนใหญ่ เหล่าบรรดาคนใช้ในบ้านล้วนแปลกใจที่ท่านแม่ทัพอุ้มสตรีที่เป็นอนุภรรยาไปยังห้องนอนตน
“ให้ตายสิ ทำอะไรเกรงใจคนโสดบ้างสิจื่อหมิง เจ้านี่มัน”
เสียงสบถของจิ้นเล่อไล่ตามหลังสหายไป เขานั่งดื่มสุราที่ห้องโถงเรือนใหญ่คนเดียว แต่กลับเห็นสหายอุ้มเจียงอิ้งเย่วที่อยู่ในสภาพนั้นมาโดยไม่ปริปากอะไรแม้แต่น้อย
“ปกติให้สตรีเข้าห้องตัวเองที่ไหนกัน”
จิ้นเล่อบ่นพึมพำ ก่อนยกสุรามาดื่มต่อ
ห้องนอนของเจ้าของจวน ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงบนเตียงโดยไม่สนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่
“ข้าเจ็บนะ!!! ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม”
เจียงอิ้งเย่วถามก่อนพยายามกระเถิบกายหนี นางปล่อยให้เขาอุ้มนางมายังเรือนใหญ่ ท่ามกลางสายตาของเหล่าคนใช้ที่ดูแปลกใจนั่นอีก
“ข้าให้เจ้าถามได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เขาว่า ก่อนจับนางดึงลงไปให้นอนราบก่อนแยกเรียวขางามออก ถอดชุดของตนออกไปอย่างรำคาญ แล้วดูดหน้าอกอวบอย่างรุนแรงจนเกิดรอยแดง
“อ๊ะ ข้าเจ็บ ได้โปรด…”
เสียงอ้อนวอนของเจียงอิ้งเย่วร้องขอนางเจ็บระบมไปหมด เขาก้มลงมองกุหลาบงามที่มีรอยช้ำ บวมแดงเปล่งจากการร่วมรักครั้งแรก ก่อนค่อย ๆ ดันแก่นกายที่ร้อนเข้าไปในกุหลาบงามอีกครั้ง
“อึก อ๊า ข้าเจ็บ อ๊ะ”
นางใช้มือเล็กพยายามดันตัวเขาออกเพื่อระบายความเจ็บปวด และความเสียวซ่านเกิดขึ้นมาในตัวนางปนเปกันไปหมด ก่อนที่เขาจะกระแทกแก่นกายอย่างเป็นจังหวะเพื่อบรรเทาความรู้สึกกระหายในตัวนาง
“อื้มมม แน่นมาก เจ้าทำให้ข้าคลั่ง”
เขาบอกนางแล้วยกสะโพกนางขึ้นมาก่อนและพลิกตัวนางให้หันหลังให้เขาโดยที่แก่นกายยังคงเสียบไว้อย่างนั้น แล้วกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างเสียวซ่าน
“อ๊า อ๊ะ อื้อ อ๊ะ”
เจียงอิ้งเย่วร้องครางทั้งเจ็บและจุก มันลึกมากทำให้นางรู้สึกทรมานนางมุดใบหน้าลงที่เตียงแล้วกัดริมฝีปากเพื่อบรรเทาความเจ็บนี้
โจวจื่อหมิงที่กระแทกกายอยู่ก้มลงมาพรมจูบนางทั่วแผ่นหลัง มืออีกข้าขยำหน้าอกงามที่เด้งรับการกระแทกอย่างแรง
“ทรมานหรือเสียวกันแน่หืม..”
เขากระซิบนางก่อนขบเม้มที่ใบหูนาง ก่อนส่งแก่นกายเข้าไปลึกสุด และกระแทกอย่างไม่ยั้ง
“อื้ออ จะ เจ็บ”
เจียงอิ้งเย่วพยายามประท้วงเขา แต่ก็ไร้ผลเขาส่งนิ้วยาวเข้าไปในช่องทางรักของนางอีกครั้งบีบบี้ติ่งน้อย ๆ แห่งความกระสัน พร้อม ๆ กับขยับแก่นกายเข้าออก
“อ๊า อ๊ะ ตะ ตรงนั้นมัน อ๊ะ”
ความรู้สึกบางอย่างกำลังทำให้นางแตกสลาย นางกำลังจะเสร็จสมอีกครั้งเพราะนิ้วร้ายที่เขามอบให้นางพร้อมกับแก่นกายที่กระแทกนางอยู่
“หึ”
เขายิ้มร้ายก่อนกระแทกกายอย่างแรงแล้วจนกุหลาบงามปลดปล่อยน้ำหวานออกมารวมกับน้ำรักของเขาในก่อนหน้า ทำให้มันไหลออกมาเลอะขางามอีกครั้ง เจียงอิ้งเย่วหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า นางเจ็บระบมตรงกุหลาบงาม และร่างกายของเขายังคงทาบทับนางอยู่ ความแข็งขึงยังคงอยู่ในตัวนาง
..................
ฝากทุกคนติดตามนิยายของเราด้วยน๊า