“หึ”
เขายิ้มร้ายก่อนกระแทกกายอย่างแรงแล้วจนกุหลาบงามปลดปล่อยน้ำหวานออกมารวมกับน้ำรักของเขาในก่อนหน้า ทำให้มันไหลออกมาเลอะขางามอีกครั้ง เจียงอิ้งเย่วหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า นางเจ็บระบมตรงกุหลาบงาม และร่างกายของเขายังคงทาบทับนางอยู่ ความแข็งขึงยังคงอยู่ในตัวนาง เช่นเดียวกับโจวจื่อหมิงที่พลิกตัวหน้าให้มาเผชิญหน้ากับเขา
“ขะ ขอร้อง ข้าไม่ไหว อึก”
“งั้นหรือ”
โจวจื่อหมิงมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้วกระแทกกายแกร่งใส่นางโดยไม่สนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่
“กรี๊ดดด ปะ ปล่อยข้า ฮือ เจ็บ..”
เจียงอิ้งเย่วเจ็บจากการกระทำของเขา เขากระแทกนางต่อไปพร้อม ๆ กับดูดดึงหน้าอกนาง ตอนนี้บนตัวนางล้วนมีแต่รอยแดงที่เกิดจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาทั้งนั้น
“อ่าห์ เจ้าทำให้ข้าหยุดไม่ได้”
เขาพูดกับนางแล้วกระแทกนางอีกครั้ง แล้วจูบนางปากเล็กนั่นบวมช้ำจากการจูบที่รุนแรง ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในด้วยนางอีกครั้ง ก่อนล้มตัวลงนอนข้าง ๆ นางแล้วดึงนางเข้ามากอด ความรู้สึกอบอุ่นทั้งนางและเขาล้วนถ่ายทอดให้แก่กันและกัน เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางและเขา
“อย่าคิดว่าข้าจะนึกพิศวาสเจ้าเล่า เจ้าเป็นแค่อนุที่มีไว้อุ่นเตียงเท่านั้นจำใส่หัวของเจ้าเอาไว้”
โจวจื่อหมิงย้ำเตือนถึงสถานะของนาง เจียงอิ้งเย่วที่ได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยการกระทำและคำพูดของเขานั้นทำให้นางสับสน
“ท่านยังคงคิดถึงพี่อิงฮวาใช่หรือไม่ เหตุใดท่านไม่ไปตามนางกลับมาเล่า ทำไมต้องเป็นข้า!!”
เจียงอิ้งเย่วถามก่อนลุกขึ้นนั่ง แม้จะเจ็บตรงกลางกายเพียงใดก็ตาม
“เจ้าก็เป็นแค่ตัวแทนของนาง..”
โจวจื่อหมิงมองหน้าคนตัวเล็กที่ตอนนี้น้ำตาคลออีกครั้ง
“ข้าเป็นภรรยาของท่าน”
เจียงอิ้งเย่วบอกก่อนถูกเขาดึงนางลงนอน จูบนางอีกครั้ง แล้วขึ้นคล่อมบนตัวนาง
“หากเจ้าอยากจะเป็น…”
โจวจื่อหมิงเอ่ย แล้วบทรักก็เริ่มต้นอีกครั้ง
น้ำอุ่น ๆ ไหลเข้าไปในร่างกายของเจียงอิ้งเย่วความรู้สึกเกลียดคนตรงหน้า แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ภายหลังได้ยินคำที่เขาเรียกนาง
“อ่าห์ เย่วเอ๋อร์ของข้า”
โจวจื่อหมิงกระซิบที่ข้างหูนางก่อนค่อย ๆ ถอดถอนกายออกช้า ๆ ก่อนจูบที่แก้มบางความอบอุ่นแผ่ซ่านไปในใจของนาง เหตุใดเขาจึงเรียกนางเช่นนี้กัน โจวจื่อหมิงมองนางด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิมก่อนกระชากร่างนางให้เข้ามาใกล้แล้วกดลงจูบนางอย่างดุเดือดอีกครั้ง เขาใช้ผ้าห่มห่อร่างนางก่อนจะอุ้มนางขึ้นมา แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของเขาที่เรือนใหญ่ เหล่าบรรดาคนใช้ในบ้านล้วนแปลกใจที่ท่านแม่ทัพอุ้มสตรีที่เป็นอนุภรรยาไปยังห้องนอนตน
“ให้ตายสิ ทำอะไรเกรงใจคนโสดบ้างสิจื่อหมิง เจ้านี่มัน”
เสียงสบถของจิ้นเล่อไล่ตามหลังสหายไป เขานั่งดื่มสุราที่ห้องโถงเรือนใหญ่คนเดียว แต่กลับเห็นสหายอุ้มเจียงอิ้งเย่วที่อยู่ในสภาพนั้นมาโดยไม่ปริปากอะไรแม้แต่น้อย
“ปกติให้สตรีเข้าห้องตัวเองที่ไหนกัน”
จิ้นเล่อบ่นพึมพำ ก่อนยกสุรามาดื่มต่อ
ห้องนอนของเจ้าของจวน ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงบนเตียงโดยไม่สนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่
“ข้าเจ็บนะ!!! ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม”
เจียงอิ้งเย่วถามก่อนพยายามกระเถิบกายหนี นางปล่อยให้เขาอุ้มนางมายังเรือนใหญ่ ท่ามกลางสายตาของเหล่าคนใช้ที่ดูแปลกใจนั่นอีก
“ข้าให้เจ้าถามได้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เขาว่า ก่อนจับนางดึงลงไปให้นอนราบก่อนแยกเรียวขางามออก ถอดชุดของตนออกไปอย่างรำคาญ แล้วดูดหน้าอกอวบอย่างรุนแรงจนเกิดรอยแดง
“อ๊ะ ข้าเจ็บ ได้โปรด…”
เสียงอ้อนวอนของเจียงอิ้งเย่วร้องขอนางเจ็บระบมไปหมด เขาก้มลงมองกุหลาบงามที่มีรอยช้ำ บวมแดงเปล่งจากการร่วมรักครั้งแรก ก่อนค่อย ๆ ดันแก่นกายที่ร้อนเข้าไปในกุหลาบงามอีกครั้ง
“อึก อ๊า ข้าเจ็บ อ๊ะ”
นางใช้มือเล็กพยายามดันตัวเขาออกเพื่อระบายความเจ็บปวด และความเสียวซ่านเกิดขึ้นมาในตัวนางปนเปกันไปหมด ก่อนที่เขาจะกระแทกแก่นกายอย่างเป็นจังหวะเพื่อบรรเทาความรู้สึกกระหายในตัวนาง
“อื้มมม แน่นมาก เจ้าทำให้ข้าคลั่ง”
เขาบอกนางแล้วยกสะโพกนางขึ้นมาก่อนและพลิกตัวนางให้หันหลังให้เขาโดยที่แก่นกายยังคงเสียบไว้อย่างนั้น แล้วกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างเสียวซ่าน
“อ๊า อ๊ะ อื้อ อ๊ะ”
เจียงอิ้งเย่วร้องครางทั้งเจ็บและจุก มันลึกมากทำให้นางรู้สึกทรมานนางมุดใบหน้าลงที่เตียงแล้วกัดริมฝีปากเพื่อบรรเทาความเจ็บนี้
โจวจื่อหมิงที่กระแทกกายอยู่ก้มลงมาพรมจูบนางทั่วแผ่นหลัง มืออีกข้าขยำหน้าอกงามที่เด้งรับการกระแทกอย่างแรง
“ทรมานหรือเสียวกันแน่หืม..”
เขากระซิบนางก่อนขบเม้มที่ใบหูนาง ก่อนส่งแก่นกายเข้าไปลึกสุด และกระแทกอย่างไม่ยั้ง
“อื้ออ จะ เจ็บ”
เจียงอิ้งเย่วพยายามประท้วงเขา แต่ก็ไร้ผลเขาส่งนิ้วยาวเข้าไปในช่องทางรักของนางอีกครั้งบีบบี้ติ่งน้อย ๆ แห่งความกระสัน พร้อม ๆ กับขยับแก่นกายเข้าออก
“อ๊า อ๊ะ ตะ ตรงนั้นมัน อ๊ะ”
ความรู้สึกบางอย่างกำลังทำให้นางแตกสลาย นางกำลังจะเสร็จสมอีกครั้งเพราะนิ้วร้ายที่เขามอบให้นางพร้อมกับแก่นกายที่กระแทกนางอยู่
“หึ”
เขายิ้มร้ายก่อนกระแทกกายอย่างแรงแล้วจนกุหลาบงามปลดปล่อยน้ำหวานออกมารวมกับน้ำรักของเขาในก่อนหน้า ทำให้มันไหลออกมาเลอะขางามอีกครั้ง เจียงอิ้งเย่วหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า นางเจ็บระบมตรงกุหลาบงาม และร่างกายของเขายังคงทาบทับนางอยู่ ความแข็งขึงยังคงอยู่ในตัวนาง เช่นเดียวกับโจวจื่อหมิงที่พลิกตัวหน้าให้มาเผชิญหน้ากับเขา
“ขะ ขอร้อง ข้าไม่ไหว อึก”
“งั้นหรือ”
โจวจื่อหมิงมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้วกระแทกกายแกร่งใส่นางโดยไม่สนใจว่านางจะเจ็บหรือไม่
“กรี๊ดดด ปะ ปล่อยข้า ฮือ เจ็บ..”
เจียงอิ้งเย่วเจ็บจากการกระทำของเขา เขากระแทกนางต่อไปพร้อม ๆ กับดูดดึงหน้าอกนาง ตอนนี้บนตัวนางล้วนมีแต่รอยแดงที่เกิดจากการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาทั้งนั้น
“อ่าห์ เจ้าทำให้ข้าหยุดไม่ได้”
เขาพูดกับนางแล้วกระแทกนางอีกครั้ง แล้วจูบนางปากเล็กนั่นบวมช้ำจากการจูบที่รุนแรง ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในด้วยนางอีกครั้ง ก่อนล้มตัวลงนอนข้าง ๆ นางแล้วดึงนางเข้ามากอด ความรู้สึกอบอุ่นทั้งนางและเขาล้วนถ่ายทอดให้แก่กันและกัน เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางและเขา
“อย่าคิดว่าข้าจะนึกพิศวาสเจ้าเล่า เจ้าเป็นแค่อนุที่มีไว้อุ่นเตียงเท่านั้นจำใส่หัวของเจ้าเอาไว้”
โจวจื่อหมิงย้ำเตือนถึงสถานะของนาง เจียงอิ้งเย่วที่ได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกเสียใจไม่น้อยการกระทำและคำพูดของเขานั้นทำให้นางสับสน
“ท่านยังคงคิดถึงพี่อิงฮวาใช่หรือไม่ เหตุใดท่านไม่ไปตามนางกลับมาเล่า ทำไมต้องเป็นข้า!!”
เจียงอิ้งเย่วถามก่อนลุกขึ้นนั่ง แม้จะเจ็บตรงกลางกายเพียงใดก็ตาม
“เจ้าก็เป็นแค่ตัวแทนของนาง..”
โจวจื่อหมิงมองหน้าคนตัวเล็กที่ตอนนี้น้ำตาคลออีกครั้ง
“ข้าเป็นภรรยาของท่าน”
เจียงอิ้งเย่วบอกก่อนถูกเขาดึงนางลงนอน จูบนางอีกครั้ง แล้วขึ้นคล่อมบนตัวนาง
“หากเจ้าอยากจะเป็น…”
โจวจื่อหมิงเอ่ย แล้วบทรักก็เริ่มต้นอีกครั้ง
ยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.)
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกตัวเองอีกครั้งเมื่อคนใจร้ายรังแกนางจนยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.) เขาไม่สนใจเสียงร้องขอของนางแม้แต่น้อย ความเคยชินที่ต้องตื่นเช้ามาคอยเตรียมน้ำไว้ให้เจียงอิงฮวาปลุกให้นางต้องตื่นขึ้นมา
“อ๊ะ เจ็บจัง”
นางยันกายลุกขึ้นอย่างอ่อนล้า ความรู้สึกเมื่อยขบเกิดขึ้นไปทั้งร่างบาง นางก้มมองสภาพของตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยช้ำสีแดงบนตัว กุหลาบงามกลางกายบวมช้ำจากบทรักที่รุนแรงที่เขามอบให้นาง นางเก็บความเสียใจไว้ในใจ นางจะไม่ร้องไห้ ก่อนเหลือบมองไปยังคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ได้สวมหน้ากากแล้วดูแล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจให้กับนาง
“เอาแต่จ้องหน้าข้าอยู่แบบนี้ อยากโดนอีกงั้นหรือ”
คนตัวโตเอ่ยขึ้น แม้จะไม่ได้ลืมตาแต่ก็ทำให้นางตกใจอยู่ไม่น้อย
“ข้าแค่…อื้อ”
ไม่ทันที่เจียงอิ้งเย่วได้ตอบอะไรเขาก็โดนเขาดึงนางเข้าไปจูบ ลิ้นหนาคว้านชิมความหวานจากปากนุ่ม ก่อนลืมตาขึ้นมาจ้องหน้างามที่พยายามข่มกลั้นความเจ็บไว้ เขารู้ดีว่านางนั้นเจ็บแค่ไหน แต่เขาไม่อยากใจอ่อนให้น้องสาวของสตรีที่หลอกใช้ความรักของเขาเพียงแค่นี้เขายังสะใจไม่พอหรอกนะ
“ลุกไปอาบน้ำ และเตรียมตัวได้แล้ว”
โจวจื่อหมิงถอนริมฝีปากออกมาก่อนบอกนางแล้วลุกขึ้นยืนแล้วหยิบชุดของตัวเองนั้นโยนให้คนบนเตียง
“ท่านทำอะไร แล้วจะให้ข้าเตรียมตัวไปไหนกัน”
เจียงอิ้งเย่วงงกับการกระทำของเขา
“ต่อไปนี้ หน้าที่ของเจ้าคือ แต่งกายให้ข้าทุกวันแต่ตอนนี้เจ้ารีบเตรียมตัวเพราะต้องเดินทาง”
โจวจื่อหมิงสั่งนาง เจียงอิ้งเย่วจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นใช้ผ้าบางพันรอบกายแล้วถูกเขาดึงเข้าไปใกล้
“เร็วเข้า อย่ามัวแต่อ้อยอิ่ง”
“ทะ ท่านก็สอนข้าสวมชุดให้ท่านสิ”
นางเถียง อีกอย่างนางไม่เคยแต่งตัวให้บุรุษมาก่อน
“หึ บิดาเจ้าไม่ได้สอนให้เอาใจบุรุษหรือ”
โจวจื่อหมิงเอ่ยก่อนก้มลงมองร่างเล็กที่เผยผิวเนียนที่มีรอยช้ำที่เขาทำอยู่ ก่อนค่อย ๆ ก้มลงมองนางที่ตอนนี้ในความรู้สึกของเขานางช่างยั่วยวนเหลือเกิน
“มีบิดาผู้ใดบ้างทำเช่นนั้น”
เจียงอิ้งเย่วว่า ก่อนพยายามสวมชุดให้เขาอย่างเงอะงะ เขาจับข้อมือนางแน่นก่อน จับมือนางให้ทำตามเขา ความใกล้ชิดจนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาทำให้เจียงอิ้งเย่วก้มหน้างุดซ่อนความอายไว้ ฝั่งคนตัวโตที่เฝ้ามองอยู่เหยียดยิ้มด้วยเพราะคิดว่านางช่างดูไร้เดียงสา หรือแท้จริงแล้วเป็นมารยาของสตรีตระกูลเจียงกันแน่
“จำไว้ล่ะว่าต้องแต่งกายให้ข้าอีก รีบแต่งตัวเสียอีกหนึ่งชั่วยามเราจะเดินทาง”
เขาหันไปบอกนาง ก่อนเดินออกไปจากห้อง แล้วพยักหน้าให้สาวใช้ที่รออยู่หน้าห้องเข้าไปช่วยนางแต่งตัวและเก็บของ
“พวกเจ้าจะทำอะไร”
เจียงอิ้งเย่วถามเหล่าบรรดาสาวใช้ที่เดินเข้ามา
“พวกข้าได้รับคำสั่งจากท่านแม่ทัพให้มาแต่งตัว และเก็บของให้แม่นางเจียงเจ้าค่ะ”
สาวใช้หนึ่งในสาวนางตอบก่อนเร่งมือจัดการแต่งตัวให้นางใหม่ โดยที่ไม่สนใจว่านางจะมีความเงอะงะเพราะเขินอายเลยแม้แต่น้อย
เจียงอิ้งเย่วถูกสาวใช้จัดการแต่งกายให้นางด้วยชุดสีเขียวอ่อน พร้อมกับการเกล้าผมแล้วปักเพียงปิ่นเงินแต่สลักลวดลายของพยัคฆ์ไว้ นางมองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกท้อใจเพราะร่องรอยที่เขาทิ้งไว้นั้นมันปกปิดไม่ได้เลยสักนิด
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ แล้วของใช้ของคุณหนูเจียงจะให้พวกข้าเก็บอันไหนบ้างเจ้าคะ”
“เอ่อ ข้าจะเอาแค่หนังสือห้าเล่มนี้ไป แต่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะว่าท่านแม่ทัพจะเดินทางไปไหนหรือคะ”
เจียงอิ้งเย่วพูด
“เดินทางไปทางชายแดนทางเหนือเจ้าค่ะ รีบเถอะนะเจ้าคะ”
สาวใช้บอกก่อนรีบเก็บหนังสือเกี่ยวกับการค้าที่ใช้สาวใช้อีกคนไปหยิบมาให้นางจากเรือนเล็ก
เวลาผ่านไปราว 1 เค่อ (15 นาที)
ลานกว้างหน้าเรือนใหญ่ตอนนี้เหล่าบรรดาคนใช้ต่างจัดเตรียมของให้พร้อมเพื่อเดินทางไกล ส่วนแม่ทัพพยัคฆ์นั้นยืนรอใครบางคนอยู่
“ท่านแม่ทัพ ทุกอย่างพร้อมแล้วขอรับ”
พ่อบ้านเดินเข้ามารายงาน
“อืม”
เขาพยักหน้ารับ
“ทุกอย่างพร้อมแล้วเราออกเดินทางกันได้แล้วนะท่านแม่ทัพ”
จิ้นเล่อบอกเขา
“เจ้าจะรีบไปไหนของเจ้า”
โจวจื่อหมิงว่าก่อนมองไปยังร่างเล็กที่เดินออกมาพร้อมของใช้ของนางที่มีเพียงห่อผ้าห่อเดียว ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจนัก
“อ๋อ รอภรรยาเจ้านี่เอง แล้วนางจะไปด้วยอย่างไร ไหนเกี้ยวสำหรับนางเล่า”
จิ้นเล่อพูด
“นางจะเดินเท้าไป”
โจวจื่อหมิงบอก
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ทางเหนือต้องใช้เวลาถึงสามวันเชียวนะ เจ้าจะให้นางเดินเท้าอย่างนั้นหรือ”
จิ้นเล่อโวยวาย พอดีกับเจียงอิ้งเย่วเดินมาถึงพอดี นางได้ยินสิ่งที่โจวจื่อหมิงต้องการให้นางเดินแล้วมองเขาด้วยความน้อยใจ ถึงแม้ว่านางจะเป็นแค่อนุภรรยา เขาก็ควรจะให้นางนั่งเกี้ยวเขาคงอยากให้นางลำบากมากสินะ
“ได้ยินแล้วสินะ ออกเดินทางได้แล้ว”
โจวจื่อหมิงออกคำสั่งขบวนเดินทางจึงออกเดินทางไปโดยทันที
ตะวันเริ่มบ่ายคล้อยทุกคนเริ่มเมื่อยล้า เมื่อเดินเข้าป่าลึก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้เดินทางไปยังชายแดนทางเหนือเพียงแห่งเดียวแม่ทัพพยัคฆ์จึงสั่งให้ทุกคนหยุดพักค้างแรมกันที่ลานกว้างที่ใช้เป็นที่พักนักเดินทางของแคว้นโจว เจียงอิ้งเย่วที่เดินรั้งท้ายขบวนด้วยเพราะนางไม่เคยต้องเดินทางไกล ๆ แบบนี้มาก่อนทำให้นางรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย นางนั่งพักอยู่ห่าง ๆ จากคนในขบวนเพราะทุกคนไม่ได้สนใจนางมากนัก แม้แต่สาวใช้ห้าคนที่เดินทางมาด้วยก็เช่นกัน
“ไหวหรือไม่”
เสียงทุ้มของจิ้นเล่อดังขึ้นข้างหลังของนาง
“เอ่อ นิดหน่อยเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วตอบ ก่อนขยับตัวออกห่าง ๆ จิ้นเล่อที่ถือวิสาสะมานั่งใกล้ ๆ
“พักผ่อนเถอะ อีกสักพักจะมีคนเอาข้าวมาให้ จริงสิข้าลืมแนะนำตัวข้าชื่อจิ้นเล่อ เป็นรองแม่ทัพ”
จิ้นเล่อบอกยิ้ม ๆ
“เจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วยิ้มตอบให้เขาหลังจากนั้นจิ้นเล่อก็ชวนนางคุยโน่นนี่จนนางรู้สึกว่าหายเหนื่อยอยู่ไม่น้อย ทำให้โจวจื่อหมิงไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนเดินตรงมาหานางและจิ้นเล่อที่นั่งอยู่
“ลุกขึ้น”
เขาสั่งนางเสียงเรียบ ก่อนมองจิ้นเล่ออย่างไม่ชอบใจนัก
“จะพานางไปไหน นางยังไม่กินข้าวเลย”
จิ้นเล่อท้วง แล้วแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาที่ไม่พอใจของสหาย
“นั่นมันเรื่องของนาง ตามข้าเขาไปในกระโจม”
เขาพูด เจียงอิ้งเย่วจึงต้องลุกขึ้นแล้วเดินตามเขาไป
ภายในกระโจมที่ถูกจัดขึ้นมีเตียงขนาดเล็กและถังน้ำที่ใช้สำหรับอาบน้ำอยู่
“มัวชักช้าอยู่ได้ รีบถอดเสื้อผ้าให้ข้าสิ”
ภายในกระโจมที่ถูกจัดขึ้นมีเตียงขนาดเล็กและถังน้ำที่ใช้สำหรับอาบน้ำอยู่
“มัวชักช้าอยู่ได้ รีบถอดเสื้อผ้าให้ข้าสิ”
“อะไรนะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างตกใจ อะไรกันจะให้นางถอดเสื้อให้นี่นะ แม่ทัพปีศาจแบบเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“หูเจ้ามีปัญหาหรืออย่างไร ข้าบอกให้เจ้ามาถอดเสื้อให้ข้าไง”
โจวจื่อหมิงบอกเสียงเข้ม เขารู้สึกขัดใจเมื่อนางยอมก้มหน้าเดินมาตลอดการเดินทาง นางไม่ร้องขอให้เขาช่วยเหลืออย่างที่เขาคิดไว้ หึ อยากลองดีหรืออย่างไร
“ทำไมท่านไม่ถอดเองเล่า”
เจียงอิ้งเย่วพูด เรื่องแค่นี้เหตุใดต้องใช้นางกัน แล้วดูทำหน้าเข้าสิ กะจะฆ่านางหรือยังไง
“ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นอะไรกับข้าเร็วเข้าสิ”
ดวงตาสีมรกตนั่นจ้องมองนาง ก่อนดึงนางให้เข้ามาใกล้แล้วสังเกตว่าผมที่จัดมานั้นเริ่มหลุดลุ่ยจากอากาศที่ร้อนและความเหนื่อยล้าจากตัวนางจึงยกยิ้มที่มุมปาก
เจียงอิ้งเย่วกัดริมฝีปากด้วยความเหนื่อยใจ นางจึงค่อย ๆ ใช้มือแกะผ้าผูกเอวของเขา แล้วตามด้วยชุดหนา เมื่อถอดออกหมดก็เผยให้เห็นถึงกล้ามท้องที่ดูแข็งแรง สัดส่วนของร่างกายเขาช่างดูสมบูรณ์แบบ เจียงอิ้งเย่วก้มหน้าลงเพราะนางพยายามจะไม่มองร่างกายที่เปล่าเปลือยของเขา แก้มบางนั้นเผยสีแดงระเรื่อซ่อนความอายเอาไว้ โจวจื่อหมิงยิ้มอย่างพอใจก่อนลงไปแช่ในถังน้ำอย่างสบายอารมณ์
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม ลงมาด้วยกันสิ”
โจวจื่อหมิงบอกนาง
“ขะ ข้าค่อยอาบทีหลังท่านก็ได้”
เจียงอิ้งเย่วพูด ใครกันอยากจะอาบน้ำร่วมกันกับเขา
“หากไม่อาบตอนนี้เจ้าจะไม่ได้อาบอีก”
โจวจื่อหมิงพูดเสียงเรียบ เขาสั่งนางก็แค่ทำตาม ใยนางจึงดื้อดึงเพียงนี้
“นี่ท่าน!!”
เจียงอิ้งเย่วพยายามกลั้นอารมณ์โมโหไว้ เขาจะแกล้งนางไปถึงไหนกัน เดินทางมาเหนื่อยมีใครบ้างไม่อยากอาบน้ำ นางจึงยอมถอดชุดก่อนใช้มือปิดหน้าอกอวบ และกุหลาบงามไว้ โจวจื่อหมิงเห็นอย่างนั้นก็จ้องมองร่างเล็กที่พยายามปกปิดร่างกายตัวเอง เขาจึงดึงนางลงมาในถังไม้
“ว้าย..นี่ท่าน”
เจียงอิ้งเย่วโวยวายเขาดึงนางลงมาจนน้ำแทบกระเด็นออกหมด หนำซ้ำยังให้นางนั่งอยู่บนตักเขาอีก
“อยู่นิ่ง ๆ หากไม่อยากให้ข้าทำอะไรเจ้า”
เขากระซิบบอกนางก่อนค่อย ๆ ใช้มือถูแผ่นหลังให้นางอย่างใจเย็น ก่อนค่อย ๆ วนมาลูบไล้มาที่หน้าอกงาม เขี่ยยอดอกอย่างช้า ๆ จนมันชูชันเพราะเริ่มมีอารมณ์หวาบหวาม
“อ๊ะ ท่านทำอะไร”
เจียงอิ้งเย่วพยายามห้ามไม่ให้เขาสะกิดยอดอกนาง เขาก็มิได้สนใจนักยังคงลูบไล้ และถูไถน้ำมันหอมบนตัวนางทุกซอกทุกมุม ก่อนใช้ขันตักน้ำตักล้างตัวนางเจียงอิ้งเย่วเริ่มรู้สึกเคลิ้มตามเขา ก่อนถูกเขาจับร่างนางให้หันไปเผชิญหน้ากับนาง
“ทีนี้ตาเจ้าอาบให้ข้าบ้าง อย่าหลับตาสิ ลืมตาขึ้นมา”
เจียงอิ้งเย่วจึงยื่นมือไปรับน้ำมันหอมจากมือของเขา แล้วค่อย ๆ ใช้มือละเลงลงบนหน้าอกของเขาโดยที่โจวจื่อหมิงจับมือของนางให้ทำตาม
“อ๊ะ อะไรน่ะ”
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แข็งขึงอยู่ตรงก้นของนาง
“อ่าห์ อย่าขยับสิ”
โจวจื่อหมิงบอกนาง แต่คนตัวเล็กที่ยังไม่รู้อะไรก็ขยับตัวไปมาจนทำให้เขานั้นทนไม่ไหวแล้วอุ้มนางขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ!!”
เจียงอิ้งเย่วรีบโอบรอบคอเขาไว้เพราะกลัวจะตก
“เจ้ายั่วยวนข้าเอง…”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนอุ้มนางมาที่เตียง แล้วขึ้นมาคร่อมนางและประกบริมฝีปากนางทันที รสหอมหวานจากปากของนางทำให้เขาแทบอดใจไม่ไหว เขาชิมความหวานจากปากของนาง จนแทบไม่ปล่อยให้นางได้หายใจ ร่างงามที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ใด ๆ บนร่าง มีรอยรักที่เขาฝากฝังไว้ทุกที่ ยิ่งมองนางก็ยิ่งเหมือนเจียงอิงฮวา ความรู้สึกชิงชังเกิดขึ้นภายในใจแล้วบีบคอนางเพราะนึกถึงเจียงอิงฮวาก่อนค่อย ๆ ปล่อยมือออก
“ท่านแม่ทัพ..”
เจียงอิ้งเย่วรีบสูดอากาศเข้าไปทันที น้ำตาไหลพรากนางดิ้นรนเพราะถูกเขาบีบคอนางรู้สึกอึดอัดเขาไม่พูดอะไร ก่อนก้มลงมาประกบริมฝีปากอีกครั้ง จูบนี้ช่างรุนแรง ก่อนบีบเค้นสองเต้าอวบอิ่มตามแรงอารมณ์ แล้วถอนจูบ ดวงตาสีมรกตจ้องมองนางอย่างอ่อนโยน
“เจียงอิ้งเย่วเจ้าจงจำเอาไว้ ว่าเจ้านั้นเป็นของข้า อย่าได้ให้บุรุษใดเข้าใกล้..”
โจวจื่อหมิงกระซิบบอกแล้วลูบไล้ไปยังสะโพกกลมมืออีกข้างแตะที่ริมฝีปากบาง
“รวมถึงรอยยิ้มของเจ้าก็มีไว้ให้ข้าเพียงคนเดียว”
ก่อนที่เขาจะจูบนางอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่อยากให้นางยิ้มให้ผู้ใด
“ข้าไม่ใช่สิ่งของ..ข้าไม่ใช่ตัวแทนของใคร”
เจียงอิ้งเย่วบอกเขาก่อนพยายามดันตัวเขาออก
“ลองพยายามดูสิ เผื่อข้าจะเห็น”
โจวจื่อหมิงพูดก่อนก้มลงจูบซอกคอของนาง บีบเค้นเต้างามแล้วกลืนกินมันอย่างรุนแรง
“อ๊ะ ข้าจะพยายาม ท่านอย่ารักข้าก็แล้วกัน”
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกเสียวซ่านทุกครั้งที่เขาสัมผัส ใบหน้าของเขายังซุกอยู่ที่หน้าอกอย่างไม่ยอมห่าง แล้วใช้นิ้วเรียวทักทายกุหลาบงามที่เริ่มมีน้ำหวานไหลออกมา
“ข้าจะรอ..เจ้าไม่ใช่สิ่งของของข้า จำเอาไว้ว่าเจ้าคืออนุของข้า”
เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าก่อนค่อย ๆ สอดแก่นกายเข้าไป ความคับแน่นของนางยังคงเหมือนเดิม แต่นางมิได้เจ็บปวดเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว
“อ๊ะ อ๊า ท่านแม่ทัพ”
เสียงหวานร้องครางเพราะแก่นกายร้อน ๆ สอดเข้ามาในตัวนาง
“ท่านพี่..เรียกข้าใหม่สิ”
โจวจื่อหมิงสั่งก่อนขยับแก่นกายอย่างช้า ๆ
“ทะ ท่านพี่ อ๊า อะ อ๊ะ”
เจียงอิ้งเย่วเอ่ยเรียกเขา แล้วครางอย่างสุขสมเพราะถูกเขากระแทกแก่นกายเข้าออก และกระแทกกระทั้นนางเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุดก่อนจะปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นเข้าไปในตัวนางอีกครั้ง
“ข้าขอสั่งให้เจ้าเป็นของข้าตลอดไป…”