เจียงอิ้งเย่วที่หลับใหลทันทีที่เขาผละออกจากตัวของนาง โจวจื่อหมิงจึงห่มผ้าให้นาง และผละออกมาสวมชุดก่อนออกมาข้างนอกกระโจมเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนเหลือบไปเห็นจิ้นเล่อที่กำลังนั่งดื่มสุราอยู่คนเดียว
“เย่วเอ๋อร์ล่ะ”
จิ้นเล่อถามหานางทันทีที่เห็นสหายเดินออกมารู้ทันทีว่าสหายนั้นรังแกเด็กน้อยคนนั้นอีกแล้ว
“เจ้ามีสิทธิ์เรียกนางแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
โจวจื่อหมิงตอบอย่างไม่ชอบใจนัก
“นางอายุจนจะเป็นบุตรเจ้าได้แล้วนะ ให้ตายสิ อย่าบอกว่าหึงนางแม้กระทั่งกับข้านะ”
จิ้นเล่อว่า เขาคิดกับนางเหมือนน้องสาวก็เท่านั้นเอง ใยสหายมองเขาราวศัตรูไปได้
“หึ อย่าเข้าใกล้นางอีกเป็นครั้งที่สอง”
โจวจื่อหมิงเอ่ยสั้น ๆ ก่อนเดินไปตรวจความเรียบร้อยต่อ
“หวงอะไรหนักหนา ไหนบอกไม่คิดอะไรอย่างไร”
จิ้นเล่อตะโกนไล่หลังอย่างเอือม ๆ กับนิสัยไม่ค่อยตรงปกของสหายโจวจื่อหมิงเดินมาที่บริเวณทำครัว
“ท่านแม่ทัพจะรับอาหารเลยหรือไม่ขอรับ”
พ่อครัวเอ่ยถาม
“ช่วยเตรียมไว้ให้ทีนะ ที่เหลือเดี๋ยวข้ามาจัดการเอง”
เขาบอกก่อนเดินกลับไปยังกระโจมของตน ตอนนี้ร่างเล็กหลับโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อยก็นั่งลงหยิบหนังสือในห่อผ้านางมาเปิดอ่านด้วยความสนใจ
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงยามซวี (19.00 – 20.59 น.) เจียงอิ้งเย่วลุกขึ้นมาเพราะตอนนี้ท้องของนางเริ่มประท้วงแล้ว ด้วยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องนางเลย ก่อนหันไปเจอโจวจื่อหมิงนั่งอ่านหนังสือของนางอยู่
“หิวหรือยัง”
เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่มองนาง
“เจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว ข้าขอตัวไปดูว่าพอจะมีอาหารเหลือหรือไม่นะเจ้านะท่านแม่ทัพ”
เจียงอิ้งเย่วหยิบชุดตัวเดิมของนางกำลังจะใส่ แต่ถูกเขาดึงไว้ แล้วยื่นอีกชุดให้นาง
“ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร”
“เอ่อ ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วก้มหน้าลงไม่กล้าเงยหน้าเพื่อสบตาเขามากนักแม้ว่าเขาและนางจะมีอะไรเกินเลยมาหลายครั้งแล้ว นางก็ไม่ชินที่จะเรียกเขาว่าท่านพี่อยู่ดี
“ใส่ชุดข้าเสีย แล้วรออยู่นี่”
โจวจื่อหมิงว่าอย่างพอใจก่อนเดินออกไปเอาอาหารมาให้นาง
เจียงอิ้งเย่วสวมชุดของเขาแบบเงอะงะเพราะมันตัวใหญ่ทำให้หลวมมาก จึงต้องพับแขนเสื้อขึ้น แต่นางก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้ เพราะไม่รู้ว่าหากขัดใจแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
อาหารถูกยกเข้ามาโดยมีโจวจื่อหมิงเป็นคนยกเข้ามาทั้งหมด มีทั้งปลาผัดสามรส และซุปเต้าหู้ส่งกลิ่นหอมจนทำให้ท้องของนางปั่นป่วนไปหมดนางเดินมานั่งยังโต๊ะไม้ที่มีอาหารวางไว้
“กินเสีย จะได้มีแรง”
โจวจื่อหมิงบอกนางก่อนคีบปลาสามรสไว้บนถ้วยข้าวให้นาง เจียงอิ้งเย่วคีบปลาเข้าปากด้วยความหิว รสชาติของปลานั้นช่างกลมกล่อม ไม่เค็มและหวานเกินไป ส่วนซุปเต้าหู้นั้นรสชาติดีมากจนทำให้นางนั้นกินข้าวจนหมด
“ท่านพี่ ข้าขอกินข้าวอีกชามได้หรือไม่เจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วถามเขา เพราะนางรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังไม่อิ่ม โจวจื่อหมิงนิ่งเงียบไปสักพักก่อนลุกไปตักข้าวให้นางอีกครั้ง จนกระทั่งรอบที่สี่เขาได้แต่นั่งมองนางที่กินอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่นางจะขอถ้วยซุปเต้าหู้ยกขึ้นกินก่อนวางลงทำให้เขาถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่านางจะกล้าทำ
“อร่อยมากหรือ”
“อื้มม อร่อยมากเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วว่าก่อนส่งยิ้มให้เขา
“ถ้าเช่นนั้นหน้าที่การทำอาหารในจวนที่ชายแดนให้ข้าก็ต้องให้เจ้าทำแล้วล่ะ”
โจวจื่อหมิงบอก
“อะไรนะเจ้าคะ ท่านจะให้ข้าทำอาหารให้ท่าน..”
เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างตกใจ นางทำอาหารอร่อยเสียที่ไหนกัน
“ทำไมหรือ ภรรยาทำอาหารให้สามีมันน่าแปลกตรงไหน”
โจวจื่อหมิงว่าก่อนเก็บถ้วยชามแล้วลุกออกไป
“กินไม่ได้ก็อย่ามาว่าข้านะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วพูดไล่หลังก่อนลุกขึ้นเช็ดโต๊ะ นางจะเอาคืนอีตาแม่ทัพบ้านี่อย่างสาสมเลย
เมื่อถึงเวลานอน โจวจื่อหมิงให้นางนอนข้าง ๆ บนเตียงเดียวกันซึ่งจะไม่อะไรเลยหากเขาไม่กอดนางด้วยนี่สิ
“เหตุใดยังไม่นอนอีก”
เขากระซิบถามนางที่ข้างหู
“ขะ ข้ารู้สึกแปลก ๆ น่ะเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วตอบตามจริง นางไม่เคยนอนร่วมเตียงกับบุรุษเลยนี่นา
“เดี๋ยวก็ชิน รีบนอนเสียหากไม่อยากให้ข้าทำอะไรกับเจ้าตอนนี้”
เขาบอกก่อนกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
ทุกคนต่างเก็บข้าวของเพื่อเดินทางต่อ เจียงอิ้งเย่วก็เช่นกันนางไม่อยากเดินด้วยซ้ำ แต่พอคิดอีกแง่ การเดินนั้นก็ดีเช่นกันมันทำให้นางสังเกตเห็นถึงคนในขบวนที่ล้วนแล้วแต่เคารพโจวจื่อหมิงมาก แต่ก็ยังเย็นชากับนางอยู่ดี แม้นางจะพยายามตีสนิทด้วยก็ตาม ยังดีที่นางตกสาวใช้นางหนึ่งได้ เสี่ยวถงนั่นเองที่ยอมคุย และช่วยเหลือนางตลอดการเดินทาง
เมืองอันหนาน เมืองชายแดนของแคว้นโจว
ขบวนของแม่ทัพพยัคฆ์มาถึงล้วนมีชาวบ้านมารอรับ พวกเขาล้วนเคารพรักโจวจื่อหมิงเป็นอย่างมากที่คอยปกป้องคนในเมืองชายแดนเล็ก ๆ นี้ ให้อยู่อย่างสงบสุขมานานถึงสิบปีแล้ว
“โน่นไง ๆ ท่านแม่ทัพมาแล้ว”
เด็ก ๆ ล้วนชี้ไปยังโจวจื่อหมิงนี่ควบม้าเดินเข้ามาในตลาด
“เย้ ๆ ท่านแม่ทัพมาแล้ว”
ทุกคนต่างยินดีที่เห็นเขามาที่นี่ และยิ่งยินดีเมื่อมีข่าวลือว่าเขานั้นจะมาอยู่ที่นี่อีกนาน
“ทุกคนดูดีใจที่ท่านแม่ทัพมาที่นี่ขนาดนี้เชียวหรือเสี่ยวถง”
เจียงอิ้งเย่วกระซิบถามเสี่ยวถง หนึ่งในสาวใช้ที่ยอมคุยกับนาง
“เจ้าค่ะ ทุกคนล้วนรักท่านแม่ทัพมาก เพราะท่านแม่ทัพช่วยเหลือคนในเมืองนี้ทุกคนเลยนะเจ้าคะ โดยเฉพาะเรื่องของทุนที่ช่วยให้ทุกคนนั้นมีทุนในการทำกิน แถมยังแบ่งที่นาให้ชาวบ้านทำกินอีก”
เสี่ยวถงตอบพร้อมทำหน้ายิ้ม ๆ จนกระทั่งขบวนมาถึงจวน ทุกคนต่างขนของเข้าไปในจวน ทหารที่ติดตามมาล้วนแยกย้ายกันกลับไปที่บ้านของตน จึงเหลือเพียงกลุ่มคนใช้เพียงเท่านั้น
“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว”
เสียงของสตรีหลายนางดังขึ้นพร้อม ๆ กับเดินเข้ามาหาโจวจื่อหมิงที่ยืนอยู่ สตรีทุกนางล้วนยิ้มแย้มเพราะเห็นโจวจื่อหมิงกลับมาที่จวนในรอบหลายเดือน
“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว”
เสียงของสตรีหลายนางดังขึ้นพร้อม ๆ กับเดินเข้ามาหาโจวจื่อหมิงที่ยืนอยู่ สตรีแต่ละนางนั้นล้วนงามกันทั้งนั้น
“เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ พวกข้าเตรียมอาหาร แล้วก็ผ้าชุบน้ำเย็น ๆ ไว้ให้ท่านแล้ว”
“อืม”
เขาสั้น ๆ ก่อนเดินไปหาเจียงอิ้งเย่วที่ยืนงง ๆ อยู่
“ตายจริง นางเป็นนางโลมจากเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”
สตรีนางหนึ่งที่ดูเป็นผู้มีอายุสุดเอ่ยถามสตรีทุกนางต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“เอ่อ ข้าไม่ใช่นางโลมเจ้าค่ะ ข้าชื่อเจียงอิ้งเย่วเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วแนะนำตัว ทุกคนต่างมองนางนิดหนึ่งก่อนจะทำเป็นไม่สนใจนาง
“ต่อไปนี้นางจะมาอยู่ที่จวนกับข้าในฐานะ อนุภรรยา มี่จินเจ้าช่วยดูแลนางด้วยเพราะนางจะมาดูแลจวนนี้ ส่วนเสี่ยวถงเจ้ามาเป็นสาวใช้ของนาง”
เขาย้ำถึงสถานะนางก่อนดึงนางให้เดินตามเขาไป
“โอ้ ท่านแม่ทัพน่ะหรือจะมีอนุ”
อดีตนางโลมที่มีชื่อเสียงของหอบัวสวรรค์ หอนางโลมที่ขึ้นชื่อของสามเมืองชายแดนทางเหนือเอ่ยขึ้น ทำให้สตรีอีกสี่คนพยักหน้าเห็นด้วย
“ต่อไปนางอาจจะเป็นภรรยาเอกก็ได้”
จิ้นเล่อพูดลอย ๆ ก่อนเดินกลับจวนตัวเองไปทิ้งให้สตรีทุกคนล้วนมองหน้ากัน หรือว่าท่านแม่ทัพจะเจอสตรีที่จะคอยอยู่เคียงข้างแล้วหรือ
ทางด้านโจวจื่อหมิงที่ลากนางมายังห้องนอนของตน
“จะให้ข้านอนที่ไหนหรือเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วเอ่ยถามเขาอย่างงง ๆ เขาจะลากนางมาที่ห้องนอนของเขาทำไมกัน
“นอนห้องเดียวกับข้านี่ล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วมี่จินจะพาเจ้าไปซื้อชุดเพิ่ม”
เขาบอกก่อนเดินออกไป เสี่ยวถงเดินนำชุดใหม่เข้ามาให้นาง หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดแล้วระหว่างเดินไปหามี่จินเจียงอิ้งเย่วก็ได้เอ่ยถามเรื่องของสตรีในจวน
“เสี่ยวถง สตรีพวกนั้นเป็นอนุของท่านแม่ทัพหรือ”
“จริง ๆ แล้วคนในเมืองก็คิดว่าพวกนางคืออนุของท่านแม่ทัพนั่นล่ะเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพเรียกหาพวกนางเลยสักนิด”
เสี่ยวถงตอบตามตรง
“ท่านแม่ทัพมักช่วยเหลือสตรีที่มาจากหอนางโลมเจ้าค่ะ สตรีพวกนี้ล้วนถูกบังคับ ลักพามาทั้งนั้นเมื่อก่อนมีเยอะกว่านี้นะเจ้าคะ แต่คงแยกย้ายไปทำอาชีพอื่นไม่ก็ไปมีครอบครัวแล้ว”
พอนางเอ่ยถามพ่อบ้านที่ดูแลที่นี่ต่างได้คำตอบว่าสตรีพวกนั้นได้ออกไปอยู่กินกับสามีใหม่แล้วนั่นเอง
“อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะคุณหนู ข้าว่าท่านแม่ทัพคงเห็นท่านเป็นภรรยาจริง ๆ สักที”
เสี่ยวถงว่า เพราะดูแล้วท่านแม่ทัพคงให้ความสำคัญกับเจียงอิ้งเย่วจริง ๆ ต่างจากสตรีนางอื่นที่แต่งงานด้วยก่อนหน้า
“มากันแล้วเหรอ ข้าขอแนะนำตัวข้าชื่อ มี่จิน เป็นอนุ อ้อ เป็นแค่คนอาศัยอยู่ในจวนนี้ แล้วนี่ก็อินหย่ง ฟาหวา เสี่ยวหนิง แล้วก็จินหยุน”
มี่จินพูดก่อนมองเจียงอิ้งเย่วตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงสัย หน้าตาจืดชืด ดูอย่างไรก็ไม่ใช่หญิงในฝันของท่านแม่ทัพ
“ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างเกร็ง ๆ เพราะโดนสาวงามทั้งห้ามองนางอย่างประเมิน
“ข้าไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพพาสตรีอื่นที่ไม่ใช่นางโลมมาอยู่ที่นี่ แถมยังยกเจ้าเป็นอนุอีก เจ้ามีดีอะไรอย่างนั้นหรือ”
ฟาหวาที่แต่งกายดูงดงามสุดเอ่ยถาม
“ข้า เอ่อ ข้ามาเป็นอนุแทนพี่สาวน่ะเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วตอบแบบเลี่ยง ๆ
“อ้อ เป็นเช่นนี้เอง มาเถอะพวกข้าจะหาชุดให้เข้ากับเจ้าเอง”
จินหยุนบอกก่อนที่ทั้งหมดจะพานางมายังร้านขายผ้าเพื่อตัดชุด และเลือกเครื่องประดับให้ เจียงอิ้งเย่วได้แต่ยืนให้พวกนางสั่งลองนั่นลองนี่จนเหนื่อย สตรีทั้งห้าล้วนแต่งกายเก่งนัก
“เหนื่อยมากเลยนะเนี่ย โชคดีที่เย่วเอ๋อร์ใส่อะไรก็งาม”
อินหย่งว่า ก่อนหันไปส่งยิ้มให้เจียงอิ้งเย่ว คราแรกคิดว่านางจะเย่อหยิ่งเช่นเดียวกับคุณหนูในเมืองหลวง แต่เปล่าเลยนางนั้นนิ่งสงบ และไม่อารมณ์ร้ายเลยแม้แต่น้อย
“ข้าว่าพาวันนี้เราเลี้ยงฉลองต้อนรับนางดีหรือไม่”
เสี่ยวหนิงกล่าว ทุกคนล้วนเห็นด้วย
จวนแม่ทัพ
“เย่วเอ๋อร์นี่โดนท่านแม่ทัพรังแกเกินไปแล้ว”
มี่จินเอ่ยหลังจากฟังเรื่องราวจากปากของเจียงอิ้งเย่วเอง พวกนางจัดอาหารที่อร่อยสุดในเมืองเพื่อต้อนรับนาง
“ท่านแม่ทัพปกติจะใจดี เหตุใดจึงใจร้ายนัก ที่สตรีที่แต่งเข้าไม่อยากเป็นภรรยาเขาก็ยังปล่อยไป แล้วเหตุใดกับเย่วเอ๋อร์จึงไม่ยอมปล่อย”
ฟาหวาพูด
“พี่ฟาหวาหมายถึงเจ้าสาวที่ฆ่าตัวตายนั้นหรือเจ้าคะ”
“สตรีพวกนั้นไม่ได้ตายเสียหน่อย พวกนางล้วนได้ไปอยู่กับคนรัก นั่นก็แค่ข่าวลือที่ท่านแม่ทัพสร้างขึ้นเพื่อช่วยพวกนางเอง ข้าเองก็ไม่เข้าใจเขาเช่นกันว่าทำแบบนั้นไปทำไม เขาทั้งเพียบพร้อมทุกอย่าง เหตุใดสตรีพวกนั้นไม่ยอมอยู่กับเขากัน”
เสี่ยวหนิงบอกก่อนยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม
“สตรีที่แต่งงานกับท่านแม่ทัพนั้นล้วนถูกที่บ้านบังคับ มิมีผู้ใดเต็มใจ ท่านแม่ทัพคงไม่อยากฝืนใจใครหรอกนะ อีกอย่างพวกข้าเป็นแค่อนุในนามเท่านั้นแหละ พวกเรามีคนรักแล้ว และท่านแม่ทัพก็ช่วยไถ่ตัวพวกเราออกมาเท่านั้นเอง”
อินหย่งพูดขึ้น
“ท่านแม่ทัพน่ะหรือเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วเอ่ยอย่างแปลกใจ
“เขาคงใจร้ายแค่กับเจ้าเท่านั้นล่ะ”
มี่จินบอกนางอย่างอารมณ์เสีย ท่านแม่ทัพจะรักเจียงอิ้งเย่วหรือต้องการเอาคืนพี่สาวของนางกันแน่ เห้อ คิดแล้วก็กลุ้มใจยิ่ง
“ข้าจะพยายามทำให้เขาเห็นนะเจ้าคะ ว่าข้าก็มีอะไรดีบ้าง”
เจียงอิ้งเย่วพูด สตรีทั้งห้าล้วนมองนางก่อนยิ้มให้กำลังใจ
“น้องเย่วเอ๋อร์ช่างกล้าหาญนัก มา พวกเรามาดื่มให้นางกัน”
ฟาหวาบอกทุกคนต่างยกจอกสุรามาดื่มเพื่อเป็นกำลังใจให้เจียงอิ้งเย่วชนะใจท่านแม่ทัพให้ได้
แคว้นอิ๋น
เจียงอิงฮวาเข้ามาอยู่ที่จวนฉีอ๋องในฐานะชายารอง นางนั้นใช้อำนาจเหนือชายาเอกอย่างไม่เกรงกลัวอะไรอยู่แล้วเพราะฉีอ๋องนั้นตามใจนางมาก แต่ทว่าเขากลับยุ่งกับงานอื่น ๆ จนแทบไม่มีเวลาให้นางแม้แต่น้อย
“ท่านอ๋องไม่กลับจวนอีกแล้วหรือ”
เจียงอิงฮวาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีที่องครักษ์ที่เฝ้าติดตามนางมารายงาน ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาองครักษ์ส่วนตัวของนาง แล้วลูบไล้แผงอกกำยำนั้นด้วยความรู้สึกร่าร้อน
“พระชายารองท่านไม่ควรทำเช่นนี้”
องครักษ์นาม ไป๋จิ้น บอกนาง
“เจ้ากับข้าทำกันกี่รอบแล้วเล่า ใยจึงห้ามนัก”
เจียงอิงฮวาว่า เพราะทั้งนางและเขาล้วนมีสัมพันธ์กันทุกครั้งที่ฉีอ๋องไม่อยู่จวน เจียงอิงฮวานั้นมีอารมณ์ทางเพศค่อนข้างสูง ฉีอ๋องนั้นตอบสนองนางได้ไม่เต็มที่นัก นางถอดชุดตัวเองออกเห็นเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่า ก่อนค่อย ๆ ลูบไล้ปลุกอารมณ์เขาอย่างยั่วยวน
“เราไม่ควรทำเช่นนี้ อ๊า”
ไป๋จิ้นว่า ในขณะที่เจียงอิงฮวานั้นก้มลงดูดแก่นกายของเขาอย่างหิวโหย
“ปากบอกว่าไม่ แต่เจ้ากับชอบที่ข้าทำแบบนี้”
เจียงอิงฮวาพูดแล้วผลักเขาให้นั่งลงก่อนขึ้นคล่อมแล้วค่อย ๆ ขึ้นขย่มเขาอย่างร่านร้อน
“อ๊า พระชายา”
ไป๋จิ้นร้องครางด้วยความเสียวซ่านที่เจียงอิงฮวาทำอยู่ เขากระแทกสะโพกสวนอย่างเป็นจังหวะใส่โพรงสวาทของนางอย่างรุนแรง ก่อนขบกัดเต้างามที่เด้งตามจังหวะที่เขากระแทก
“อ๊ะ อ๊ะ ไป๋จิ้นเจ้าช่างเอาข้าเก่งยิ่ง”
เจียงอิงฮวาครางอย่างสุขสม แม้ฉีอ๋องจะตามใจนาง แต่เรื่องขนาดของท่อนรักและลีลาเวลาร่วมรักนั้นนางยกใจให้ไป๋จิ้นจนหมดแล้ว ทั้งสองต่างเสพสมอารมณ์พิศวาสจวบจนเช้าของอีกวัน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปที่เจียงอิ้งเย่วนั้นมาอยู่ที่จวนเมืองอันหนาน นางเรียนรู้ และเข้ากับคนที่จวนได้แล้ว ทุกคนต่างล้วนเอ็นดูนางมาก แต่โจวจื่อหมิงนั้นกลับหายไปยังป้อมปราการที่ชายแดนจนถึงวันนี้เช่นเดียวกัน
“นี่นายหญิงข้าช่วยเองเจ้าค่ะ”
เสี่ยวถงที่เปลี่ยนสรรพนามเรียกเจียงอิ้งเย่วรีบแย่งผ้าในมือนางไปเก็บก่อนที่นายหญิงของตนนั้นจะเย็บเสื้อผ้าอีก
“เสี่ยวถงไยจึงชอบมาห้าม”
เจียงอิ้งเย่วดุ ก่อนยิ้มให้สาวใช้ของตนอย่างเอ็นดู
“พี่มี่จิน และพี่สาวทั้งสี่ห้ามไว้ ท่านควรอยู่เฉย ๆ นะเจ้าคะ”
เสี่ยวถงบอกก่อนทำหน้าตาตลก ๆ จนเจียงอิ้งเย่วอดที่จะขำไม่ได้
“อยู่นี่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าจนทั่ว”
เสี่ยวหนิงเดินเข้ามาหาพวกนางทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นี่เย่วเอ๋อร์ เย็นนี้ท่านแม่ทัพจะกลับมา อย่าลืมชงชาที่ข้าให้ไว้ให้เขาดื่มเหล้าอีกอย่างเขาสั่งให้เจ้าทำอาหารเย็นไว้รอด้วย”
เสี่ยวหนิงว่า ก่อนโบกพัดในมือไปมาอย่างอารมณ์ดี
“เขาสั่งข้าไว้แล้วล่ะเจ้าค่ะ พี่เสี่ยวหนิงขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วรับคำ ก่อนจะลุกเดินตามไป เสี่ยวหนิงอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่าชาที่ให้เจียงอิ้งเย่วชงนั้น นางใส่ยาปลุกกำหนัดอ่อน ๆ ไว้ด้วย อยากรู้นักว่าหากท่านแม่ทัพโดนแล้วจะเป็นอย่างไร น้องเย่วเอ๋อร์ของพวกนางคงโดนเขาลงโทษแน่ ๆ แต่คงจะมีหลานให้พวกนางเร็ววัน
ที่โรงครัว
ทุกคนต่างสงสัยว่านายหญิงน้อยจะเข้าครัวมาทำอาหารให้ท่านแม่ทัพทำไมกัน ในเมื่อมีพ่อครัวอยู่แล้ว
“นายหญิงจะทำปลาสามรส กับซุปเต้าหู้หรือขอรับ”
พ่อหัวเอ่ยอย่างตกใจ เมนูพวกนี้เป็นของต้องห้ามสำหรับท่านแม่ทัพเชียวเพราะส่วนใหญ่ท่านแม่ทัพนั้นจะมีพ่อครัวประจำตัวที่ตามมาจากเมืองหลวงนั้นทำให้ แต่ตอนนี้พ่อครัวคนนั้นลาเพื่อกลับบ้านตนเอง
“ใช่แล้วค่ะ ข้าอยากทำสองอย่างนี้ ข้าเตรียมวัตถุดิบไว้แล้วท่านแค่บอกวิธีทำและเครื่องปรุงด้วยนะคะ”
เจียงอิ้งเย่วบอก ทุกอย่างไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง แม้ว่านางจะไม่เคยทำก็ตาม
“ขอรับ”
พ่อครัวจำใจรับปากนายหญิง หลังจากบอกวิธีทำกับเครื่องปรุงที่ใช้แล้วเวลาผ่านไปราวชั่วยาม ปลาสามรสกับซุปเต้าหู้ที่มีหน้าตาแปลก ๆ ก็เสร็จลง ทุกคนในครัวต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ด้วยหน้าตาและกลิ่นที่ได้นั้นไม่ใกล้เคียงกับของโปรดของท่านแม่ทัพเลย
โจวจื่อหมิงกลับมาถึงจวนแล้วก็แปลกใจที่คนในจวนนั้นต่างเรียกเจียงอิ้งเย่วว่านายหญิง นางไปทำอะไรให้คนในจวนเขายอมรับกัน พ่อบ้านเข้ามารายงานว่า คนในจวนล้วนเอ็นดูเจียงอิ้งเย่วเพราะนางคอยช่วยงานทุกคนในจวน แม้กระทั่งงานซักล้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
“นางอยู่ที่ไหน”
เขาถามถึงเจียงอิ้งเย่ว
“เอ่อ นางอยู่ที่ครัวขอรับ”
พ่อบ้านตอบ โจวจื่อหมิงเลยตรงไปยังที่โรงครัวก็พบว่า คนในครัวต่างกำลังกินข้าวอยู่ โดยที่มีเจียงอิ้งเย่วคอยตักกับข้าวให้ แล้วยิ้มแย้มอย่างใจดี เมื่อเห็นท่านแม่ทัพเข้ามาพวกเขาต่างหยุดมองก่อนที่จะก้มหน้าลง
“เสี่ยวถงยกกับข้าวที่นางทำมา แล้วตามข้าไปที่ห้องนอน”
โจวจื่อหมิงสั่งก่อนดึงร่างเล็กให้เดินตามไป
“ท่านแม่ทัพคงคิดถึงนายหญิงแน่ ๆ”
“คนหนุ่มสาวนี่ช่างร้อนแรงเสียจริง”
“นี่เพิ่งหัวค่ำเอง ท่านแม่ทัพนี่ใจร้อนเสียจริง”
“พรุ่งนี้เช้าเราทำน้ำแกงไปบำรุงให้นายหญิงดีกว่า”
คนในครัวต่างซุบซิบกันอย่างยินดี
ทางด้านของคนตัวโตที่ทำหน้านิ่งทันทีที่มาถึงห้องนอน เสี่ยวถงรีบนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนชงชาที่เสี่ยวหนิงนำมาให้ไว้ ก่อนเดินออกไปอย่างรีบร้อนเพราะท่านแม่ทัพยืนกดดันอยู่
“ท่านมาเหนื่อย ๆ ข้าจะไปเอาอ่างล้างหน้ามาให้นะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วบอกก่อนเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กที่มีผ้าวางไว้อยู่มายื่นให้เขา เขารับมันไปล้างหน้า ล้างมือแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วนั่งลงจิบน้ำชาที่นางรินให้ก่อนมองอาหารที่มีหน้าตาประหลาดเกินกว่าจะกินได้
“ข้าไม่อยู่ตั้งหลายวันไม่คิดว่าเจ้าจะสนิทสนมกับคนในจวนได้เร็วขนาดนี้”
เขาบอกก่อนคีบปลาสามรสเข้าปากแล้วนิ่งไปสักพัก
“อร่อยไหมเจ้าคะ ข้าทำสุดฝีมือเลยนะ”
เจียงอิ้งเย่วยิ้มในใจ ใช่นางใส่เกลือสุดฝีมือเลยล่ะ
“อืม อร่อยดี”
โจวจื่อหมิงบอกแล้วตั้งใจกินต่อไปจนหมด เจียงอิ้งเย่วมองตามด้วยความฉงน ใยเขากินแล้วไม่รู้สึกไม่เค็มกันนะ
“ข้ารินน้ำชาให้นะเจ้าคะ”
นางว่าก่อนรินน้ำชาให้เขา โจวจื่อหมิงรับมาดื่มก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในตัวเขา
“ใบชานี่เจ้าเอามาจากไหน”
เขาถามก่อนจะหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้น เขาคงถูกยาปลุกกำหนัดสินะ
“พี่เสี่ยวหนิงให้มาเจ้าค่ะ”
นางตอบก่อนมองเขาที่มีอาการแปลก ๆ
“เอาล่ะข้าอิ่มแล้ว ทีนี้ก็ถอดชุดของเจ้าออกเสีย”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนมองหน้านางด้วยแววตาหื่นกระหาย เขารู้ว่านางแกล้งทำอาหารให้เค็มเพื่อแกล้งเขา แต่คราวนี้ชาที่ผสมยาปลุกกำหนัดเริ่มทำงาน ถึงเวลาที่นางต้องโดนเขาเอาคืนบ้าง
“ไม่ ข้าไม่ถอด”
เจียงอิ้งเย่วว่าก่อนจะถอยตัวออกห่างจากเขาเพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองนั้นจะโดนอะไร
“เจ้าดื้อกับข้าเองนะ เย่วเอ๋อร์”
โจวจื่อหมิงพูดก่อนจะกวาดชามลงไปยังพื้นจนจานและชามที่ใส่อาหารนั้นตกลงแตกกระจายไปทั่ว
“อ๊ะ ท่านแม่ทัพ อย่า”
เจียงอิ้งเย่วห้ามเขาทันทีที่เขารั้งร่างของนางให้เข้าไปใกล้ แล้วพยายามถอดชุดของนางแม้นางจะขัดขืน แต่เขาก็สามารถถอดชุดนางออกจนหมดได้
“ข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร”
เขาพูดเสียงเข้มก่อนผลักร่างนางลงบนโต๊ะอาหาร แล้วพาร่างกำยำของตัวเองมาทาบทับในทันที หลังจากนั้นเขาก็ซุกหน้าลงตรงหน้าอกงาม ดูดกินอย่างกระหาย พร้อมกับการขบเม้มจนเกิดเป็นรอยช้ำทั่วทั้งเต้า ก่อนลากริมฝีปากไปที่บนลำคอระหง แล้วขบเม้มแสดงความเป็นเจ้าของไว้
“พะ พอแล้ว ท่านพี่”
เจียงอิ้งเย่วพยายามห้ามเขา ใยเขาชอบทำรอยนักนะ
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ห้ามข้า”
โจวจื่อหมิงว่าก่อนก้มลงดูดเม้มที่ยอดอกอีกครั้ง
“ข้าขอโทษเรื่องอาหาร ข้าจะไปทำให้ท่านใหม่อีกครั้ง”
นางพูดพร้อมดันหน้าของเขาออกจากอกอวบนาง
“พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้”
พูดจบเขาก็ประกบปากกดบดจูบนางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ชิมความหวานจากปากของนางทีละนิด จนนางยอมให้ความร่วมมือด้วยการพยายามจูบตอบเขาอย่างเงอะงะ ทั้งสองแลกลิ้นและจูบกันต่อเนื่องจนคนตัวโตถอนจูบออกมา แล้วจ้องหน้านางอีกครั้ง
“ข้าจะสอนบทรักครั้งนี้ให้กับเจ้า แล้วอย่าไปรับอะไรจากใครมาให้ข้ากินอีก รู้หรือไม่ว่าชานั้นมียาปลุกกำหนัด”
โจวจื่อหมิงว่าก่อนแยกขาเรียวงามออกจากกัน แล้วจับแก่นกายดันเข้าไปในกุหลาบงามที่ฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำหวานอยู่เพียงเล็กน้อย
“อื้ออ อ๊า อ๊ะ ๆๆ ขะ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ อ๊ะ”
เจียงอิ้งเย่วร้องครวญครางเมื่อไม่ชินกับความคับแน่นในครั้งนี้ นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าชานั่นมียาปลุกกำหนัดอยู่ พี่เสี่ยวหนิงแกล้งนางแรงเกินไปแล้ว
โจวจื่อหมิงพึมพำ กระแทกกายแกร่งเข้าออกไปมา
“อ๊ะ ท่านพี่..”
นางร้องเสียงกระเส่า ก่อนจิกมือไปที่หลังของเขาอย่างรู้สึกดีคนตัวโตก้มลงดูดดุนหน้าอกงามทั้งสองข้าง ทั้งขบทั้งเม้มจนนางเสียวซ่านเขากดบดจูบนางอีกครั้งแล้วจับร่างเล็กพลิกไปให้อยู่ในท่าคลานก่อนสอดใส่แก่นกายเข้าไป
“อื้อ อ๊า จะ จุก”
คนตัวเล็กประท้วงเขาจึงจับสะโพกนางยึดไว้แล้วขยับเอวเข้าออกเป็นจังหวะ กายแกร่งที่มีน้ำหวานชโลมนี้เข้าออกช่องทางรักของนางจนรู้สึกได้ถึงความเสียวมากกว่าครั้งไหน
กึก กึก
เสียงโต๊ะดังลั่นจากการกระแทกของเขาและนาง
“อ๊ะ ๆๆๆ”
เสียงครางของร่างเล็กนั้นดังขึ้นนางทั้งจุกและเสียวปนกันไป นางรู้สึกถึงความสุขสมที่เขามอบให้ ก่อนจะถึงเขาดึงนางให้หันหน้ามาเจอเขาแล้วกระแทกย้ำ ๆ อีกครั้ง
“อื้มมม เย่วเอ๋อร์”
เขากระแทกนางจนร่างบางสั่นสะท้าน แล้วปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวนาง
“ท่านพี่ข้าเหนื่อย”
คนตัวเล็กบ่นพึมพำ
“ขออีกรอบนะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าให้พัก”
โจวจื่อหมิงกระซิบบอกนางก่อน บทรักบนโต๊ะอาหารจะเริ่มอีกครั้ง