สตรีของแม่ทัพปีศาจ NC

4386 Words
เจียงอิ้งเย่วที่หลับใหลทันทีที่เขาผละออกจากตัวของนาง โจวจื่อหมิงจึงห่มผ้าให้นาง และผละออกมาสวมชุดก่อนออกมาข้างนอกกระโจมเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนเหลือบไปเห็นจิ้นเล่อที่กำลังนั่งดื่มสุราอยู่คนเดียว “เย่วเอ๋อร์ล่ะ” จิ้นเล่อถามหานางทันทีที่เห็นสหายเดินออกมารู้ทันทีว่าสหายนั้นรังแกเด็กน้อยคนนั้นอีกแล้ว “เจ้ามีสิทธิ์เรียกนางแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” โจวจื่อหมิงตอบอย่างไม่ชอบใจนัก “นางอายุจนจะเป็นบุตรเจ้าได้แล้วนะ ให้ตายสิ อย่าบอกว่าหึงนางแม้กระทั่งกับข้านะ” จิ้นเล่อว่า เขาคิดกับนางเหมือนน้องสาวก็เท่านั้นเอง ใยสหายมองเขาราวศัตรูไปได้ “หึ อย่าเข้าใกล้นางอีกเป็นครั้งที่สอง” โจวจื่อหมิงเอ่ยสั้น ๆ ก่อนเดินไปตรวจความเรียบร้อยต่อ “หวงอะไรหนักหนา ไหนบอกไม่คิดอะไรอย่างไร” จิ้นเล่อตะโกนไล่หลังอย่างเอือม ๆ กับนิสัยไม่ค่อยตรงปกของสหายโจวจื่อหมิงเดินมาที่บริเวณทำครัว “ท่านแม่ทัพจะรับอาหารเลยหรือไม่ขอรับ” พ่อครัวเอ่ยถาม “ช่วยเตรียมไว้ให้ทีนะ ที่เหลือเดี๋ยวข้ามาจัดการเอง” เขาบอกก่อนเดินกลับไปยังกระโจมของตน ตอนนี้ร่างเล็กหลับโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อยก็นั่งลงหยิบหนังสือในห่อผ้านางมาเปิดอ่านด้วยความสนใจ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงยามซวี (19.00 – 20.59 น.) เจียงอิ้งเย่วลุกขึ้นมาเพราะตอนนี้ท้องของนางเริ่มประท้วงแล้ว ด้วยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องนางเลย ก่อนหันไปเจอโจวจื่อหมิงนั่งอ่านหนังสือของนางอยู่ “หิวหรือยัง” เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่มองนาง “เจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว ข้าขอตัวไปดูว่าพอจะมีอาหารเหลือหรือไม่นะเจ้านะท่านแม่ทัพ” เจียงอิ้งเย่วหยิบชุดตัวเดิมของนางกำลังจะใส่ แต่ถูกเขาดึงไว้ แล้วยื่นอีกชุดให้นาง “ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร” “เอ่อ ท่านพี่ ท่านพี่เจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วก้มหน้าลงไม่กล้าเงยหน้าเพื่อสบตาเขามากนักแม้ว่าเขาและนางจะมีอะไรเกินเลยมาหลายครั้งแล้ว นางก็ไม่ชินที่จะเรียกเขาว่าท่านพี่อยู่ดี “ใส่ชุดข้าเสีย แล้วรออยู่นี่” โจวจื่อหมิงว่าอย่างพอใจก่อนเดินออกไปเอาอาหารมาให้นาง เจียงอิ้งเย่วสวมชุดของเขาแบบเงอะงะเพราะมันตัวใหญ่ทำให้หลวมมาก จึงต้องพับแขนเสื้อขึ้น แต่นางก็ไม่สามารถขัดใจเขาได้ เพราะไม่รู้ว่าหากขัดใจแล้วจะเกิดอะไรขึ้น อาหารถูกยกเข้ามาโดยมีโจวจื่อหมิงเป็นคนยกเข้ามาทั้งหมด มีทั้งปลาผัดสามรส และซุปเต้าหู้ส่งกลิ่นหอมจนทำให้ท้องของนางปั่นป่วนไปหมดนางเดินมานั่งยังโต๊ะไม้ที่มีอาหารวางไว้ “กินเสีย จะได้มีแรง” โจวจื่อหมิงบอกนางก่อนคีบปลาสามรสไว้บนถ้วยข้าวให้นาง เจียงอิ้งเย่วคีบปลาเข้าปากด้วยความหิว รสชาติของปลานั้นช่างกลมกล่อม ไม่เค็มและหวานเกินไป ส่วนซุปเต้าหู้นั้นรสชาติดีมากจนทำให้นางนั้นกินข้าวจนหมด “ท่านพี่ ข้าขอกินข้าวอีกชามได้หรือไม่เจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วถามเขา เพราะนางรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังไม่อิ่ม โจวจื่อหมิงนิ่งเงียบไปสักพักก่อนลุกไปตักข้าวให้นางอีกครั้ง จนกระทั่งรอบที่สี่เขาได้แต่นั่งมองนางที่กินอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่นางจะขอถ้วยซุปเต้าหู้ยกขึ้นกินก่อนวางลงทำให้เขาถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่านางจะกล้าทำ “อร่อยมากหรือ” “อื้มม อร่อยมากเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วว่าก่อนส่งยิ้มให้เขา “ถ้าเช่นนั้นหน้าที่การทำอาหารในจวนที่ชายแดนให้ข้าก็ต้องให้เจ้าทำแล้วล่ะ” โจวจื่อหมิงบอก “อะไรนะเจ้าคะ ท่านจะให้ข้าทำอาหารให้ท่าน..” เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างตกใจ นางทำอาหารอร่อยเสียที่ไหนกัน “ทำไมหรือ ภรรยาทำอาหารให้สามีมันน่าแปลกตรงไหน” โจวจื่อหมิงว่าก่อนเก็บถ้วยชามแล้วลุกออกไป “กินไม่ได้ก็อย่ามาว่าข้านะเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วพูดไล่หลังก่อนลุกขึ้นเช็ดโต๊ะ นางจะเอาคืนอีตาแม่ทัพบ้านี่อย่างสาสมเลย เมื่อถึงเวลานอน โจวจื่อหมิงให้นางนอนข้าง ๆ บนเตียงเดียวกันซึ่งจะไม่อะไรเลยหากเขาไม่กอดนางด้วยนี่สิ “เหตุใดยังไม่นอนอีก” เขากระซิบถามนางที่ข้างหู “ขะ ข้ารู้สึกแปลก ๆ น่ะเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วตอบตามจริง นางไม่เคยนอนร่วมเตียงกับบุรุษเลยนี่นา “เดี๋ยวก็ชิน รีบนอนเสียหากไม่อยากให้ข้าทำอะไรกับเจ้าตอนนี้” เขาบอกก่อนกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง เช้าวันต่อมา ทุกคนต่างเก็บข้าวของเพื่อเดินทางต่อ เจียงอิ้งเย่วก็เช่นกันนางไม่อยากเดินด้วยซ้ำ แต่พอคิดอีกแง่ การเดินนั้นก็ดีเช่นกันมันทำให้นางสังเกตเห็นถึงคนในขบวนที่ล้วนแล้วแต่เคารพโจวจื่อหมิงมาก แต่ก็ยังเย็นชากับนางอยู่ดี แม้นางจะพยายามตีสนิทด้วยก็ตาม ยังดีที่นางตกสาวใช้นางหนึ่งได้ เสี่ยวถงนั่นเองที่ยอมคุย และช่วยเหลือนางตลอดการเดินทาง เมืองอันหนาน เมืองชายแดนของแคว้นโจว ขบวนของแม่ทัพพยัคฆ์มาถึงล้วนมีชาวบ้านมารอรับ พวกเขาล้วนเคารพรักโจวจื่อหมิงเป็นอย่างมากที่คอยปกป้องคนในเมืองชายแดนเล็ก ๆ นี้ ให้อยู่อย่างสงบสุขมานานถึงสิบปีแล้ว “โน่นไง ๆ ท่านแม่ทัพมาแล้ว” เด็ก ๆ ล้วนชี้ไปยังโจวจื่อหมิงนี่ควบม้าเดินเข้ามาในตลาด “เย้ ๆ ท่านแม่ทัพมาแล้ว” ทุกคนต่างยินดีที่เห็นเขามาที่นี่ และยิ่งยินดีเมื่อมีข่าวลือว่าเขานั้นจะมาอยู่ที่นี่อีกนาน “ทุกคนดูดีใจที่ท่านแม่ทัพมาที่นี่ขนาดนี้เชียวหรือเสี่ยวถง” เจียงอิ้งเย่วกระซิบถามเสี่ยวถง หนึ่งในสาวใช้ที่ยอมคุยกับนาง “เจ้าค่ะ ทุกคนล้วนรักท่านแม่ทัพมาก เพราะท่านแม่ทัพช่วยเหลือคนในเมืองนี้ทุกคนเลยนะเจ้าคะ โดยเฉพาะเรื่องของทุนที่ช่วยให้ทุกคนนั้นมีทุนในการทำกิน แถมยังแบ่งที่นาให้ชาวบ้านทำกินอีก” เสี่ยวถงตอบพร้อมทำหน้ายิ้ม ๆ จนกระทั่งขบวนมาถึงจวน ทุกคนต่างขนของเข้าไปในจวน ทหารที่ติดตามมาล้วนแยกย้ายกันกลับไปที่บ้านของตน จึงเหลือเพียงกลุ่มคนใช้เพียงเท่านั้น “ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว” เสียงของสตรีหลายนางดังขึ้นพร้อม ๆ กับเดินเข้ามาหาโจวจื่อหมิงที่ยืนอยู่ สตรีทุกนางล้วนยิ้มแย้มเพราะเห็นโจวจื่อหมิงกลับมาที่จวนในรอบหลายเดือน “ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว” เสียงของสตรีหลายนางดังขึ้นพร้อม ๆ กับเดินเข้ามาหาโจวจื่อหมิงที่ยืนอยู่ สตรีแต่ละนางนั้นล้วนงามกันทั้งนั้น “เหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ พวกข้าเตรียมอาหาร แล้วก็ผ้าชุบน้ำเย็น ๆ ไว้ให้ท่านแล้ว” “อืม” เขาสั้น ๆ ก่อนเดินไปหาเจียงอิ้งเย่วที่ยืนงง ๆ อยู่ “ตายจริง นางเป็นนางโลมจากเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” สตรีนางหนึ่งที่ดูเป็นผู้มีอายุสุดเอ่ยถามสตรีทุกนางต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย “เอ่อ ข้าไม่ใช่นางโลมเจ้าค่ะ ข้าชื่อเจียงอิ้งเย่วเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วแนะนำตัว ทุกคนต่างมองนางนิดหนึ่งก่อนจะทำเป็นไม่สนใจนาง “ต่อไปนี้นางจะมาอยู่ที่จวนกับข้าในฐานะ อนุภรรยา มี่จินเจ้าช่วยดูแลนางด้วยเพราะนางจะมาดูแลจวนนี้ ส่วนเสี่ยวถงเจ้ามาเป็นสาวใช้ของนาง” เขาย้ำถึงสถานะนางก่อนดึงนางให้เดินตามเขาไป “โอ้ ท่านแม่ทัพน่ะหรือจะมีอนุ” อดีตนางโลมที่มีชื่อเสียงของหอบัวสวรรค์ หอนางโลมที่ขึ้นชื่อของสามเมืองชายแดนทางเหนือเอ่ยขึ้น ทำให้สตรีอีกสี่คนพยักหน้าเห็นด้วย “ต่อไปนางอาจจะเป็นภรรยาเอกก็ได้” จิ้นเล่อพูดลอย ๆ ก่อนเดินกลับจวนตัวเองไปทิ้งให้สตรีทุกคนล้วนมองหน้ากัน หรือว่าท่านแม่ทัพจะเจอสตรีที่จะคอยอยู่เคียงข้างแล้วหรือ ทางด้านโจวจื่อหมิงที่ลากนางมายังห้องนอนของตน “จะให้ข้านอนที่ไหนหรือเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วเอ่ยถามเขาอย่างงง ๆ เขาจะลากนางมาที่ห้องนอนของเขาทำไมกัน “นอนห้องเดียวกับข้านี่ล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วมี่จินจะพาเจ้าไปซื้อชุดเพิ่ม” เขาบอกก่อนเดินออกไป เสี่ยวถงเดินนำชุดใหม่เข้ามาให้นาง หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดแล้วระหว่างเดินไปหามี่จินเจียงอิ้งเย่วก็ได้เอ่ยถามเรื่องของสตรีในจวน “เสี่ยวถง สตรีพวกนั้นเป็นอนุของท่านแม่ทัพหรือ” “จริง ๆ แล้วคนในเมืองก็คิดว่าพวกนางคืออนุของท่านแม่ทัพนั่นล่ะเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพเรียกหาพวกนางเลยสักนิด” เสี่ยวถงตอบตามตรง “ท่านแม่ทัพมักช่วยเหลือสตรีที่มาจากหอนางโลมเจ้าค่ะ สตรีพวกนี้ล้วนถูกบังคับ ลักพามาทั้งนั้นเมื่อก่อนมีเยอะกว่านี้นะเจ้าคะ แต่คงแยกย้ายไปทำอาชีพอื่นไม่ก็ไปมีครอบครัวแล้ว” พอนางเอ่ยถามพ่อบ้านที่ดูแลที่นี่ต่างได้คำตอบว่าสตรีพวกนั้นได้ออกไปอยู่กินกับสามีใหม่แล้วนั่นเอง “อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะคุณหนู ข้าว่าท่านแม่ทัพคงเห็นท่านเป็นภรรยาจริง ๆ สักที” เสี่ยวถงว่า เพราะดูแล้วท่านแม่ทัพคงให้ความสำคัญกับเจียงอิ้งเย่วจริง ๆ ต่างจากสตรีนางอื่นที่แต่งงานด้วยก่อนหน้า “มากันแล้วเหรอ ข้าขอแนะนำตัวข้าชื่อ มี่จิน เป็นอนุ อ้อ เป็นแค่คนอาศัยอยู่ในจวนนี้ แล้วนี่ก็อินหย่ง ฟาหวา เสี่ยวหนิง แล้วก็จินหยุน” มี่จินพูดก่อนมองเจียงอิ้งเย่วตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงสัย หน้าตาจืดชืด ดูอย่างไรก็ไม่ใช่หญิงในฝันของท่านแม่ทัพ “ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างเกร็ง ๆ เพราะโดนสาวงามทั้งห้ามองนางอย่างประเมิน “ข้าไม่เคยเห็นท่านแม่ทัพพาสตรีอื่นที่ไม่ใช่นางโลมมาอยู่ที่นี่ แถมยังยกเจ้าเป็นอนุอีก เจ้ามีดีอะไรอย่างนั้นหรือ” ฟาหวาที่แต่งกายดูงดงามสุดเอ่ยถาม “ข้า เอ่อ ข้ามาเป็นอนุแทนพี่สาวน่ะเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วตอบแบบเลี่ยง ๆ “อ้อ เป็นเช่นนี้เอง มาเถอะพวกข้าจะหาชุดให้เข้ากับเจ้าเอง” จินหยุนบอกก่อนที่ทั้งหมดจะพานางมายังร้านขายผ้าเพื่อตัดชุด และเลือกเครื่องประดับให้ เจียงอิ้งเย่วได้แต่ยืนให้พวกนางสั่งลองนั่นลองนี่จนเหนื่อย สตรีทั้งห้าล้วนแต่งกายเก่งนัก “เหนื่อยมากเลยนะเนี่ย โชคดีที่เย่วเอ๋อร์ใส่อะไรก็งาม” อินหย่งว่า ก่อนหันไปส่งยิ้มให้เจียงอิ้งเย่ว คราแรกคิดว่านางจะเย่อหยิ่งเช่นเดียวกับคุณหนูในเมืองหลวง แต่เปล่าเลยนางนั้นนิ่งสงบ และไม่อารมณ์ร้ายเลยแม้แต่น้อย “ข้าว่าพาวันนี้เราเลี้ยงฉลองต้อนรับนางดีหรือไม่” เสี่ยวหนิงกล่าว ทุกคนล้วนเห็นด้วย จวนแม่ทัพ “เย่วเอ๋อร์นี่โดนท่านแม่ทัพรังแกเกินไปแล้ว” มี่จินเอ่ยหลังจากฟังเรื่องราวจากปากของเจียงอิ้งเย่วเอง พวกนางจัดอาหารที่อร่อยสุดในเมืองเพื่อต้อนรับนาง “ท่านแม่ทัพปกติจะใจดี เหตุใดจึงใจร้ายนัก ที่สตรีที่แต่งเข้าไม่อยากเป็นภรรยาเขาก็ยังปล่อยไป แล้วเหตุใดกับเย่วเอ๋อร์จึงไม่ยอมปล่อย” ฟาหวาพูด “พี่ฟาหวาหมายถึงเจ้าสาวที่ฆ่าตัวตายนั้นหรือเจ้าคะ” “สตรีพวกนั้นไม่ได้ตายเสียหน่อย พวกนางล้วนได้ไปอยู่กับคนรัก นั่นก็แค่ข่าวลือที่ท่านแม่ทัพสร้างขึ้นเพื่อช่วยพวกนางเอง ข้าเองก็ไม่เข้าใจเขาเช่นกันว่าทำแบบนั้นไปทำไม เขาทั้งเพียบพร้อมทุกอย่าง เหตุใดสตรีพวกนั้นไม่ยอมอยู่กับเขากัน” เสี่ยวหนิงบอกก่อนยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม “สตรีที่แต่งงานกับท่านแม่ทัพนั้นล้วนถูกที่บ้านบังคับ มิมีผู้ใดเต็มใจ ท่านแม่ทัพคงไม่อยากฝืนใจใครหรอกนะ อีกอย่างพวกข้าเป็นแค่อนุในนามเท่านั้นแหละ พวกเรามีคนรักแล้ว และท่านแม่ทัพก็ช่วยไถ่ตัวพวกเราออกมาเท่านั้นเอง” อินหย่งพูดขึ้น “ท่านแม่ทัพน่ะหรือเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วเอ่ยอย่างแปลกใจ “เขาคงใจร้ายแค่กับเจ้าเท่านั้นล่ะ” มี่จินบอกนางอย่างอารมณ์เสีย ท่านแม่ทัพจะรักเจียงอิ้งเย่วหรือต้องการเอาคืนพี่สาวของนางกันแน่ เห้อ คิดแล้วก็กลุ้มใจยิ่ง “ข้าจะพยายามทำให้เขาเห็นนะเจ้าคะ ว่าข้าก็มีอะไรดีบ้าง” เจียงอิ้งเย่วพูด สตรีทั้งห้าล้วนมองนางก่อนยิ้มให้กำลังใจ “น้องเย่วเอ๋อร์ช่างกล้าหาญนัก มา พวกเรามาดื่มให้นางกัน” ฟาหวาบอกทุกคนต่างยกจอกสุรามาดื่มเพื่อเป็นกำลังใจให้เจียงอิ้งเย่วชนะใจท่านแม่ทัพให้ได้ แคว้นอิ๋น เจียงอิงฮวาเข้ามาอยู่ที่จวนฉีอ๋องในฐานะชายารอง นางนั้นใช้อำนาจเหนือชายาเอกอย่างไม่เกรงกลัวอะไรอยู่แล้วเพราะฉีอ๋องนั้นตามใจนางมาก แต่ทว่าเขากลับยุ่งกับงานอื่น ๆ จนแทบไม่มีเวลาให้นางแม้แต่น้อย “ท่านอ๋องไม่กลับจวนอีกแล้วหรือ” เจียงอิงฮวาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีที่องครักษ์ที่เฝ้าติดตามนางมารายงาน ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาองครักษ์ส่วนตัวของนาง แล้วลูบไล้แผงอกกำยำนั้นด้วยความรู้สึกร่าร้อน “พระชายารองท่านไม่ควรทำเช่นนี้” องครักษ์นาม ไป๋จิ้น บอกนาง “เจ้ากับข้าทำกันกี่รอบแล้วเล่า ใยจึงห้ามนัก” เจียงอิงฮวาว่า เพราะทั้งนางและเขาล้วนมีสัมพันธ์กันทุกครั้งที่ฉีอ๋องไม่อยู่จวน เจียงอิงฮวานั้นมีอารมณ์ทางเพศค่อนข้างสูง ฉีอ๋องนั้นตอบสนองนางได้ไม่เต็มที่นัก นางถอดชุดตัวเองออกเห็นเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่า ก่อนค่อย ๆ ลูบไล้ปลุกอารมณ์เขาอย่างยั่วยวน “เราไม่ควรทำเช่นนี้ อ๊า” ไป๋จิ้นว่า ในขณะที่เจียงอิงฮวานั้นก้มลงดูดแก่นกายของเขาอย่างหิวโหย “ปากบอกว่าไม่ แต่เจ้ากับชอบที่ข้าทำแบบนี้” เจียงอิงฮวาพูดแล้วผลักเขาให้นั่งลงก่อนขึ้นคล่อมแล้วค่อย ๆ ขึ้นขย่มเขาอย่างร่านร้อน “อ๊า พระชายา” ไป๋จิ้นร้องครางด้วยความเสียวซ่านที่เจียงอิงฮวาทำอยู่ เขากระแทกสะโพกสวนอย่างเป็นจังหวะใส่โพรงสวาทของนางอย่างรุนแรง ก่อนขบกัดเต้างามที่เด้งตามจังหวะที่เขากระแทก “อ๊ะ อ๊ะ ไป๋จิ้นเจ้าช่างเอาข้าเก่งยิ่ง” เจียงอิงฮวาครางอย่างสุขสม แม้ฉีอ๋องจะตามใจนาง แต่เรื่องขนาดของท่อนรักและลีลาเวลาร่วมรักนั้นนางยกใจให้ไป๋จิ้นจนหมดแล้ว ทั้งสองต่างเสพสมอารมณ์พิศวาสจวบจนเช้าของอีกวัน หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปที่เจียงอิ้งเย่วนั้นมาอยู่ที่จวนเมืองอันหนาน นางเรียนรู้ และเข้ากับคนที่จวนได้แล้ว ทุกคนต่างล้วนเอ็นดูนางมาก แต่โจวจื่อหมิงนั้นกลับหายไปยังป้อมปราการที่ชายแดนจนถึงวันนี้เช่นเดียวกัน “นี่นายหญิงข้าช่วยเองเจ้าค่ะ” เสี่ยวถงที่เปลี่ยนสรรพนามเรียกเจียงอิ้งเย่วรีบแย่งผ้าในมือนางไปเก็บก่อนที่นายหญิงของตนนั้นจะเย็บเสื้อผ้าอีก “เสี่ยวถงไยจึงชอบมาห้าม” เจียงอิ้งเย่วดุ ก่อนยิ้มให้สาวใช้ของตนอย่างเอ็นดู “พี่มี่จิน และพี่สาวทั้งสี่ห้ามไว้ ท่านควรอยู่เฉย ๆ นะเจ้าคะ” เสี่ยวถงบอกก่อนทำหน้าตาตลก ๆ จนเจียงอิ้งเย่วอดที่จะขำไม่ได้ “อยู่นี่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าจนทั่ว” เสี่ยวหนิงเดินเข้ามาหาพวกนางทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นี่เย่วเอ๋อร์ เย็นนี้ท่านแม่ทัพจะกลับมา อย่าลืมชงชาที่ข้าให้ไว้ให้เขาดื่มเหล้าอีกอย่างเขาสั่งให้เจ้าทำอาหารเย็นไว้รอด้วย” เสี่ยวหนิงว่า ก่อนโบกพัดในมือไปมาอย่างอารมณ์ดี “เขาสั่งข้าไว้แล้วล่ะเจ้าค่ะ พี่เสี่ยวหนิงขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วรับคำ ก่อนจะลุกเดินตามไป เสี่ยวหนิงอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่าชาที่ให้เจียงอิ้งเย่วชงนั้น นางใส่ยาปลุกกำหนัดอ่อน ๆ ไว้ด้วย อยากรู้นักว่าหากท่านแม่ทัพโดนแล้วจะเป็นอย่างไร น้องเย่วเอ๋อร์ของพวกนางคงโดนเขาลงโทษแน่ ๆ แต่คงจะมีหลานให้พวกนางเร็ววัน ที่โรงครัว ทุกคนต่างสงสัยว่านายหญิงน้อยจะเข้าครัวมาทำอาหารให้ท่านแม่ทัพทำไมกัน ในเมื่อมีพ่อครัวอยู่แล้ว “นายหญิงจะทำปลาสามรส กับซุปเต้าหู้หรือขอรับ” พ่อหัวเอ่ยอย่างตกใจ เมนูพวกนี้เป็นของต้องห้ามสำหรับท่านแม่ทัพเชียวเพราะส่วนใหญ่ท่านแม่ทัพนั้นจะมีพ่อครัวประจำตัวที่ตามมาจากเมืองหลวงนั้นทำให้ แต่ตอนนี้พ่อครัวคนนั้นลาเพื่อกลับบ้านตนเอง “ใช่แล้วค่ะ ข้าอยากทำสองอย่างนี้ ข้าเตรียมวัตถุดิบไว้แล้วท่านแค่บอกวิธีทำและเครื่องปรุงด้วยนะคะ” เจียงอิ้งเย่วบอก ทุกอย่างไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง แม้ว่านางจะไม่เคยทำก็ตาม “ขอรับ” พ่อครัวจำใจรับปากนายหญิง หลังจากบอกวิธีทำกับเครื่องปรุงที่ใช้แล้วเวลาผ่านไปราวชั่วยาม ปลาสามรสกับซุปเต้าหู้ที่มีหน้าตาแปลก ๆ ก็เสร็จลง ทุกคนในครัวต่างมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ด้วยหน้าตาและกลิ่นที่ได้นั้นไม่ใกล้เคียงกับของโปรดของท่านแม่ทัพเลย โจวจื่อหมิงกลับมาถึงจวนแล้วก็แปลกใจที่คนในจวนนั้นต่างเรียกเจียงอิ้งเย่วว่านายหญิง นางไปทำอะไรให้คนในจวนเขายอมรับกัน พ่อบ้านเข้ามารายงานว่า คนในจวนล้วนเอ็นดูเจียงอิ้งเย่วเพราะนางคอยช่วยงานทุกคนในจวน แม้กระทั่งงานซักล้างเล็ก ๆ น้อย ๆ “นางอยู่ที่ไหน” เขาถามถึงเจียงอิ้งเย่ว “เอ่อ นางอยู่ที่ครัวขอรับ” พ่อบ้านตอบ โจวจื่อหมิงเลยตรงไปยังที่โรงครัวก็พบว่า คนในครัวต่างกำลังกินข้าวอยู่ โดยที่มีเจียงอิ้งเย่วคอยตักกับข้าวให้ แล้วยิ้มแย้มอย่างใจดี เมื่อเห็นท่านแม่ทัพเข้ามาพวกเขาต่างหยุดมองก่อนที่จะก้มหน้าลง “เสี่ยวถงยกกับข้าวที่นางทำมา แล้วตามข้าไปที่ห้องนอน” โจวจื่อหมิงสั่งก่อนดึงร่างเล็กให้เดินตามไป “ท่านแม่ทัพคงคิดถึงนายหญิงแน่ ๆ” “คนหนุ่มสาวนี่ช่างร้อนแรงเสียจริง” “นี่เพิ่งหัวค่ำเอง ท่านแม่ทัพนี่ใจร้อนเสียจริง” “พรุ่งนี้เช้าเราทำน้ำแกงไปบำรุงให้นายหญิงดีกว่า” คนในครัวต่างซุบซิบกันอย่างยินดี ทางด้านของคนตัวโตที่ทำหน้านิ่งทันทีที่มาถึงห้องนอน เสี่ยวถงรีบนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนชงชาที่เสี่ยวหนิงนำมาให้ไว้ ก่อนเดินออกไปอย่างรีบร้อนเพราะท่านแม่ทัพยืนกดดันอยู่ “ท่านมาเหนื่อย ๆ ข้าจะไปเอาอ่างล้างหน้ามาให้นะเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วบอกก่อนเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กที่มีผ้าวางไว้อยู่มายื่นให้เขา เขารับมันไปล้างหน้า ล้างมือแล้วเช็ดให้แห้ง แล้วนั่งลงจิบน้ำชาที่นางรินให้ก่อนมองอาหารที่มีหน้าตาประหลาดเกินกว่าจะกินได้ “ข้าไม่อยู่ตั้งหลายวันไม่คิดว่าเจ้าจะสนิทสนมกับคนในจวนได้เร็วขนาดนี้” เขาบอกก่อนคีบปลาสามรสเข้าปากแล้วนิ่งไปสักพัก “อร่อยไหมเจ้าคะ ข้าทำสุดฝีมือเลยนะ” เจียงอิ้งเย่วยิ้มในใจ ใช่นางใส่เกลือสุดฝีมือเลยล่ะ “อืม อร่อยดี” โจวจื่อหมิงบอกแล้วตั้งใจกินต่อไปจนหมด เจียงอิ้งเย่วมองตามด้วยความฉงน ใยเขากินแล้วไม่รู้สึกไม่เค็มกันนะ “ข้ารินน้ำชาให้นะเจ้าคะ” นางว่าก่อนรินน้ำชาให้เขา โจวจื่อหมิงรับมาดื่มก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในตัวเขา “ใบชานี่เจ้าเอามาจากไหน” เขาถามก่อนจะหน้าแดงก่ำด้วยความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้น เขาคงถูกยาปลุกกำหนัดสินะ “พี่เสี่ยวหนิงให้มาเจ้าค่ะ” นางตอบก่อนมองเขาที่มีอาการแปลก ๆ “เอาล่ะข้าอิ่มแล้ว ทีนี้ก็ถอดชุดของเจ้าออกเสีย” โจวจื่อหมิงบอกก่อนมองหน้านางด้วยแววตาหื่นกระหาย เขารู้ว่านางแกล้งทำอาหารให้เค็มเพื่อแกล้งเขา แต่คราวนี้ชาที่ผสมยาปลุกกำหนัดเริ่มทำงาน ถึงเวลาที่นางต้องโดนเขาเอาคืนบ้าง “ไม่ ข้าไม่ถอด” เจียงอิ้งเย่วว่าก่อนจะถอยตัวออกห่างจากเขาเพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองนั้นจะโดนอะไร “เจ้าดื้อกับข้าเองนะ เย่วเอ๋อร์” โจวจื่อหมิงพูดก่อนจะกวาดชามลงไปยังพื้นจนจานและชามที่ใส่อาหารนั้นตกลงแตกกระจายไปทั่ว “อ๊ะ ท่านแม่ทัพ อย่า” เจียงอิ้งเย่วห้ามเขาทันทีที่เขารั้งร่างของนางให้เข้าไปใกล้ แล้วพยายามถอดชุดของนางแม้นางจะขัดขืน แต่เขาก็สามารถถอดชุดนางออกจนหมดได้ “ข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไร” เขาพูดเสียงเข้มก่อนผลักร่างนางลงบนโต๊ะอาหาร แล้วพาร่างกำยำของตัวเองมาทาบทับในทันที หลังจากนั้นเขาก็ซุกหน้าลงตรงหน้าอกงาม ดูดกินอย่างกระหาย พร้อมกับการขบเม้มจนเกิดเป็นรอยช้ำทั่วทั้งเต้า ก่อนลากริมฝีปากไปที่บนลำคอระหง แล้วขบเม้มแสดงความเป็นเจ้าของไว้ “พะ พอแล้ว ท่านพี่” เจียงอิ้งเย่วพยายามห้ามเขา ใยเขาชอบทำรอยนักนะ “เจ้าไม่มีสิทธิ์ห้ามข้า” โจวจื่อหมิงว่าก่อนก้มลงดูดเม้มที่ยอดอกอีกครั้ง “ข้าขอโทษเรื่องอาหาร ข้าจะไปทำให้ท่านใหม่อีกครั้ง” นางพูดพร้อมดันหน้าของเขาออกจากอกอวบนาง “พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้” พูดจบเขาก็ประกบปากกดบดจูบนางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ชิมความหวานจากปากของนางทีละนิด จนนางยอมให้ความร่วมมือด้วยการพยายามจูบตอบเขาอย่างเงอะงะ ทั้งสองแลกลิ้นและจูบกันต่อเนื่องจนคนตัวโตถอนจูบออกมา แล้วจ้องหน้านางอีกครั้ง “ข้าจะสอนบทรักครั้งนี้ให้กับเจ้า แล้วอย่าไปรับอะไรจากใครมาให้ข้ากินอีก รู้หรือไม่ว่าชานั้นมียาปลุกกำหนัด” โจวจื่อหมิงว่าก่อนแยกขาเรียวงามออกจากกัน แล้วจับแก่นกายดันเข้าไปในกุหลาบงามที่ฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำหวานอยู่เพียงเล็กน้อย “อื้ออ อ๊า อ๊ะ ๆๆ ขะ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ อ๊ะ” เจียงอิ้งเย่วร้องครวญครางเมื่อไม่ชินกับความคับแน่นในครั้งนี้ นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าชานั่นมียาปลุกกำหนัดอยู่ พี่เสี่ยวหนิงแกล้งนางแรงเกินไปแล้ว โจวจื่อหมิงพึมพำ กระแทกกายแกร่งเข้าออกไปมา “อ๊ะ ท่านพี่..” นางร้องเสียงกระเส่า ก่อนจิกมือไปที่หลังของเขาอย่างรู้สึกดีคนตัวโตก้มลงดูดดุนหน้าอกงามทั้งสองข้าง ทั้งขบทั้งเม้มจนนางเสียวซ่านเขากดบดจูบนางอีกครั้งแล้วจับร่างเล็กพลิกไปให้อยู่ในท่าคลานก่อนสอดใส่แก่นกายเข้าไป “อื้อ อ๊า จะ จุก” คนตัวเล็กประท้วงเขาจึงจับสะโพกนางยึดไว้แล้วขยับเอวเข้าออกเป็นจังหวะ กายแกร่งที่มีน้ำหวานชโลมนี้เข้าออกช่องทางรักของนางจนรู้สึกได้ถึงความเสียวมากกว่าครั้งไหน กึก กึก เสียงโต๊ะดังลั่นจากการกระแทกของเขาและนาง “อ๊ะ ๆๆๆ” เสียงครางของร่างเล็กนั้นดังขึ้นนางทั้งจุกและเสียวปนกันไป นางรู้สึกถึงความสุขสมที่เขามอบให้ ก่อนจะถึงเขาดึงนางให้หันหน้ามาเจอเขาแล้วกระแทกย้ำ ๆ อีกครั้ง “อื้มมม เย่วเอ๋อร์” เขากระแทกนางจนร่างบางสั่นสะท้าน แล้วปลดปล่อยสายธารสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวนาง “ท่านพี่ข้าเหนื่อย” คนตัวเล็กบ่นพึมพำ “ขออีกรอบนะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าให้พัก” โจวจื่อหมิงกระซิบบอกนางก่อน บทรักบนโต๊ะอาหารจะเริ่มอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD