เช้าวันต่อมา
ร่างเล็กที่ถูกคนตัวโตรังแกตั้งแต่เมื่อคืนยืนมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาจับนางกินหลายรอบจนนางแทบยืนไม่ไหว เช้านี้ก็ยังถูกเขาปลุกขึ้นมาอาบน้ำพร้อม ๆ กับเขาอีก
“ใยทำหน้าเช่นนั้น หืม”
เขาก้มลงมองนางที่ทำสีหน้าไม่ชอบใจ แถมยังทำแก้มป่อง ๆ ให้ดูเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจอีก ดูแล้วก็น่ารักดี แต่นางน่ะหรือจะน่ารัก เขาพูดแย้งเบา ๆ ในใจ
“ข้าแค่อยากจะนอนต่ออีกหน่อยนี่นาเจ้าคะ”
นางบอกก่อนค่อย ๆ จัดชุดให้เขา โจวจื่อหมิงจึงก้มลงมอบจูบให้นางอีกครั้ง ก่อนเลื่อนลงไปสัมผัสกับกุหลาบงามที่ยังช้ำอยู่
“อ๊ะ ท่านพี่”
เจียงอิ้งเย่วพยายามผลักเขาออก
“อย่าห้ามข้า”
โจวจื่อหมิงว่าก่อนจับขางามแยกออกแล้วละเลงลิ้นชิมน้ำหวานจากกลีบกุหลาบงามอย่างอารมณ์ดี
“อึก อ๊า อ๊ะ ท่านพี่ อ๊ะ อ๊า”
เจียงอิ้งเย่วครางเสียงหวานอีกครั้ง เพราะปลายลิ้นของเข้านั้นแหย่เข้าไปถึงโพรงสวาทของนางจนนางไม่สามารถกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้ เขาเร่งจังหวะของลิ้นให้เร็วขึ้นจนรู้สึกได้ถุงน้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาจากกุหลาบงาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองดูร่างเล็กที่ตอนนี้นางหลับตาพริ้ม แล้วก้มลงจูบที่แก้มเนียนที่ตอนนี้มีเหงื่อซึมออกมาประปราย
“หมดแรงแล้วหรือ หืม”
เขาถามก่อนดึงนางให้นั่งตักแล้วจัดเสื้อผ้าให้นางอย่างเรียบร้อย แล้วยิ้มอย่างพอใจที่ได้แกล้งนางอีกครั้ง
“ท่านแกล้งข้า”
นางต่อว่าเขาก่อนพยายามดันตัวเขาออก ทำไมเขาชอบยิ้มแบบนี้กันนะ ยิ้มทีไรนางแทบจะละลายอยู่แล้ว นี่นางเป็นอะไรไป เขาแกล้งนางอยู่นะ
“หากเดินไม่ไหว ข้าจะอุ้มเจ้าเอง”
โจวจื่อหมิงจ้องหน้านางอีกครั้ง แต่นางลุกออกจากตักเขาพร้อมทำหน้าไม่ชอบใจ
“ข้าเดินเองได้”
เจียงอิ้งเย่วบอก ขืนให้เขาอุ้มนางออกไปมีหวังพี่สาวทั้งห้าคงได้ล้อนางอย่างแน่นอน
วันนี้เขาอนุญาตให้นางไม่ทำกับข้าวได้เพราะถูกเขารังแกจนแทบไม่มีแรง เสี่ยวถงจึงยกน้ำแกงบำรุงมาให้นางและท่านแม่ทัพ เจียงอิ้งเย่วทำหน้าแปลกใจที่เหตุใดอาหารเช้าถึงได้มีแต่น้ำแกง และไข่ลวกเล่า ด้านแม่ทัพก็ทำหน้านิ่ง ๆ คนในจวนของเขาช่างรู้ใจเสียจริงก่อนยกไข่ลวกขึ้นมาดื่ม
“อิ่มหรือไม่ หากไม่อิ่มค่อยไปกินที่ป้อมต่อ”
เขาบอก
“ไปกินที่ป้อม หมายถึงให้ข้าไปด้วยหรือคะ”
เจียงอิ้งเย่วทำตาโต นางอยากออกไปข้างนอกจนใจจะขาดแล้ว เขาพยักหน้าตอบ
หลังจากกินเสร็จเขาก็พานางมายังหน้าจวน
“รอรถม้ามาก่อน”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนดึงนางให้มายืนข้าง ๆ เขาที่หน้าจวน ทำให้ชาวบ้านต่างมองเจียงอิ้งเย่วด้วยความสนใจที่มีสตรีอยู่ข้าง ๆ เขา
“เอ่อ”
นางพยายามก้มหน้าเพื่อหลบสายตาที่สงสัยของชาวบ้าน โจวจื่อหมิงที่สังเกตเห็นรถม้าเข้ามาจอดเทียบที่หน้าจวนเขาก็ยื่นมือไปให้นางจับเพื่อขึ้นรถม้าไป
“เร็วเถอะน้องหญิง เดี๋ยวพี่จะไปตรวจงานที่ป้อมสาย”
โจวจื่อหมิงพูดเสียงดังทำให้ชาวบ้านต่างตกใจกับสรรพนามที่เขาเรียกนาง จนกระซิบกันต่อไปเรื่อย ๆ
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกประหม่าที่เขาเรียกนางแบบนั้น แต่ก็พยายามนั่งนิ่ง ๆ เมื่อรถม้าเคลื่อนที่ออกไป
“อ๊ะ ท่านพี่”
เขาดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกอดนางหลวม ๆ
“อยู่นิ่ง ๆ”
เมื่อถึงป้อมปราการที่มีค่ายทหารตั้งอยู่ เหล่าทหารล้วนแปลกใจที่วันนี้ท่านแม่ทัพนั่งรถม้ามา แต่ยิ่งแปลกใจมากกว่าที่มากับสตรีนางหนึ่งที่ดูน่ารักไม่น้อย
“นี่พวกเจ้า ฝึกต่อไปได้แล้ว อยากโดนลงโทษหรือไง”
จิ้นเล่อตะโกนสั่ง เพราะสายตาของเหล่าทหารล้วนจดจ้องอยู่แต่กับสตรีข้างกายแม่ทัพพยัคฆ์
“วันนี้งดฝึกได้ พวกเจ้าไปพักเถอะ" ก่อนหันไปมองทหารอีกคน "ข้าจะพานางไปหมู่บ้านนอกด่าน แล้วเตรียมม้าให้ข้าด้วย”
โจวจื่อหมิงบอก เหล่าทหารต่างดีใจเพราะปกติแล้วท่านแม่ทัพไม่เคยสั่งให้พักในช่วงสัปดาห์แห่งการฝึก
“เอาล่ะ ๆ ไปพักกันได้แล้ว”
จิ้นเล่อพูด ก่อนหันมามองเจียงอิ้งเย่วที่ตอนนี้ถูกโจวจื่อหมิงบังนางไว้
“ไยจึงพานางมาที่นี่”
“ข้าจะพานางไปหมู่บ้านนอกด่าน เผื่อว่านางจะช่วยอะไรได้บ้าง”
โจวจื่อหมิงพูด เพราะเท่าที่เขาอ่านหนังสือที่นางพกมาด้วยนับว่านางสนใจการค้าขายแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมต่างจากบิดาของนางมาก
“งั้นข้าไปด้วยแล้วกัน”
จิ้นเล่อว่า มีเพียงเจียงอิ้งเย่วคนเดียวที่ไม่รู้ว่าคนตัวโตจะให้นางนั้นทำอะไร
“จะให้นางขี่ม้าหรืออย่างไร”
เขาถามสหายเพราะรถม้านั้นไม่สามารถเข้าไปยังหมู่บ้านนี้ได้ด้วยถนนที่ขรุขระ และเต็มไปด้วยน้ำแข็ง
“นางจะไปกับข้าเอง”
โจวจื่อหมิงตอบก่อนมองไปยังทหารที่เตรียมม้าไว้ให้เขาแล้ว เขาให้นางขี่ม้าตัวเดียวกันกับเขาโดยให้นางนั่งข้างหลัง
“ขะ ข้ากลัว”
เจียงอิ้งเย่วบอกเขาเพราะนางไม่เคยขี่ม้ามาก่อน เขาอุ้มนางให้ไปอยู่บนหลังม้าก่อนที่เขาจะตามขึ้นมา แล้วดึงมือนางให้กอดเอวเขาไว้
“กอดข้าไว้”
โจวจื่อหมิงบอก เจียงอิ้งเย่วจึงซุกหน้าลงไปยังแผ่นหลังของเขา ยิ่งขี่ออกมาห่างจากตัวด่าน เขาจึงแกล้งนางให้กอดเขาไว้นาน ๆ ด้วยการขี่ม้าเร็ว ๆ เพื่อที่จะให้ร่างเล็กนั้นไม่ปล่อยมือออกจากเอวเขานั่นเอง ทำให้จิ้นเล่อได้แต่มองบนด้วยความหมั่นไส้สหายมาก แล้วคิดในใจว่า อีกไม่นานเขาคงมีหลานมาวิ่งเล่นแน่นอน
จวนของผู้นำหมู่บ้านนอกด่าน
“ท่านแม่ทัพ ท่านรองแม่ทัพแล้วเอ่อ แม่นางท่านนี้เชิญเข้ามาข้างในบ้านก่อนเถอะขอรับ อากาศหนาวมากนัก”
ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยเชิญทั้งสามคนให้เขาไปในตัวบ้านที่ตอนนี้มีเหล่าตัวแทนของแต่ละบ้านมารออยู่
“เป็นอย่างไรบ้าง”
โจวจื่อหมิงเอ่ยถามหัวหน้าหมู่บ้านก่อนนั่งลงที่พื้นบนศาลาที่ชาวบ้านนั่งรวมตัวกันอยู่
“แย่มากเลยเจ้าค่ะ ผลผลิตของชาวบ้านนั้นปลูกไม่ขึ้น ครั้นจะเข้าไปล่าสัตว์ก็อากาศหนาวเหลือเกิน”
ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านตอบ
“ข้าขอถามได้ไหมเจ้าคะว่า หากเราเลี้ยงไหมแล้วจะสามารถช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้พอที่จะเจือจุนครอบครัวในช่วงนี้หรือไม่”
เจียงอิ้งเย่วบอก นางสังเกตเห็นชุมชนในด่านนั้นปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงไหม แต่ไม่ได้มีการแปรรูปใด ๆ
“เลี้ยงไหมงั้นหรือแล้วเราจะเลี้ยงเพื่อทอผ้าหรือ”
หญิงวัยกลางคนนางหนึ่งเอ่ย
“เจ้าค่ะ หากทอผ้าอย่างน้อยก็มีพ่อค้าจากเมืองอื่น ๆ มารับซื้อในราคาที่สมเหตุสมผลได้ในระหว่างที่รออากาศดีขึ้น”
เจียงอิ้งเย่วเสนอ เพราะในหมู่บ้านมีทรัพยากรที่คอยสนับสนุนได้
“ฟังแล้วน่าสนใจดี ใบหม่อน กับตัวไหมนั้นเราปลูกและเลี้ยงได้”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านว่า ก่อนหันไปขอความเห็นจากทุก ๆ คนซึ่งทุกคนก็ล้วนพยักหน้าเห็นด้วยทั้งหมด
“แล้วหากเราทำลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน สินค้าของเราอาจจะเป็นที่นิยมมากจากคนในเมืองหลวงด้วยนะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วเสนอต่อ
“หากใช้หนังสัตว์มาผสมผสานกันดู น่าจะขายได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนะเจ้าคะ แล้วหากทำเครื่องประดับขายด้วยข้าก็คิดว่าน่าลอง”
“แม่นางผู้นี้พูดถูก ที่หมู่บ้านของเรานั้นมีหนังสัตว์มากมาย ล้วนขายไม่ได้ทั้งนั้นเพราะคนในด่านไม่นิยมสวมหนังสัตว์หากลองดัดแปลงดูก็น่าทำดูไม่น้อย”
หัวหน้าหมู่บ้านพูด ทุกคนล้วนคล้อยตาม ก่อนที่เจียงอิ้งเย่วจะเข้าไปเสนอความเห็นให้กับชาวบ้าน ในขณะที่โจวจื่อหมิงนั่งมองดูอย่างสบายใจ
“ไม่น่าเชื่อว่านางจะทำอะไรแบบนี้ได้”
จิ้นเล่อพูดก่อนมองสหายที่ดูภูมิใจจนน่าหมั่นไส้
“ภูมิใจในตัวภรรยาหรืออย่างไร”
“หึ อย่างน้อยนางก็ทำตัวมีประโยชน์บ้าง”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนเดินไปหาเจียงอิ้งเย่วที่ลองวาดแบบเครื่องประดับให้คนในชุมชนดูหลายชั่วยามผ่านไปจนคนในหมู่บ้านเข้าใจว่าต้องทำอย่างไรแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพยายามมาหาพวกท่านบ่อย ๆ นะเจ้าคะเผื่อจะช่วยแนะนำอะไรเพิ่มเติม”
เจียงอิ้งเย่วพูด ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านต่างยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“หิวหรือยัง”
โจวจื่อหมิงถามคนตัวเล็กทันทีที่ขี่ม้ากลับด่าน
“ข้าง่วงเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วตอบก่อนหลับไปในที่สุด โจวจื่อหมิงจึงยิ้มอย่างพอใจ สงสัยวันนี้นางจะเหนื่อยมากสินะ
“นางหลับแล้วหรือ”
ระหว่างทางจิ้นเล่อเอ่ยถามสหายทันทีเพราะเจียงอิ้งเย่วดูนิ่งไปแล้ว
“อืม”
โจวจื่อหมิงตอบสั้น ๆ เมื่อถึงค่ายทหารแล้วเขาก็อุ้มนางไปห้องพักของตนเพราะไม่อยากรบกวนคนตัวเล็ก เขาค่อย ๆ วางนางลงอย่างเบามือบนเตียงนอน ก่อนผละออกมาข้างนอกที่มีจิ้นเล่อนั่งดื่มสุราอยู่
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเจ้านัก ไหนว่าเกลียดนางอย่างไรเล่า”
จิ้นเล่อถาม และรินสุราให้สหาย
“แล้วเหตุใดเจ้าต้องมายุ่งเรื่องของนางกับข้าด้วย”
โจวจื่อหมิงตอบก่อนมองจิ้นเล่ออย่างกวน ๆ จิ้นเล่อจึงส่ายหัวให้กับสหายที่ปากแข็งของตน
เช้าวันต่อมา
เจียงอิ้งเย่วตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เพราะนางได้นอนเต็มอิ่ม แต่ที่น่าแปลกใจคือนางตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่ใช่ห้องนอนของนาง ก่อนจะได้กลิ่นอาหารที่คนตัวโตยกเข้ามาพอดี
“หอมจัง”
เจียงอิ้งเย่วบอกก่อนนั่งลงบนโต๊ะด้วยความหิว
“โจ๊กปลาน่ะ กินเถิด”
โจวจื่อหมิงบอกก่อนคนตัวเล็กจะตักกินโจ๊กด้วยความหิว
“กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงทำอย่างอื่น”
โจวจื่อหมิงพูด ทำให้เจียงอิ้งเย่วสำลักทันทีที่ได้ยิน
“แค่ก แค่ก”
เจียงอิ้งเย่วไอก่อนจะจิบน้ำชาเพื่อช่วยให้ดีขึ้นก่อนมองคนตัวโตที่ทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็พานางนั่งรถม้ากลับจวนโดยที่จิ้นเล่ออาสาขี่รถม้าให้
“อ๊ะ ท่านพี่”
เจียงอิ้งเย่วตกใจที่เขาใช้ฝ่ามือลูบล้วงเข้าไปใต้ชุดของนาง เกี่ยวชั้นในให้พ้นทางก่อนสอดแทรกนิ้วร้อนเข้าสู่โพรงกุหลาบงาม และถูไถติ่งไตที่อ่อนไหว
“อ๊ะ อื้อ..”
นางส่งเสียงหวานครางออกมาก่อนถูกคนตัวโตใช้ริมฝีปากบดเคล้าเข้าหา และสอดนิ้วเรียวเข้าไปในโพรงสวาทอย่างซาบซ่าน จนนางแทบทนไม่ไหว
“อย่าร้องดังเล่า เดี๋ยวจิ้นเล่อได้ยิน”
เขากระซิบบอกนางก่อนตักตวงความหวานอันคุ้นเคย เจียงอิ้งเย่วที่ขยับสะโพกรับนิ้วเรียวของเขาก่อนดึงนางเข้ามานั่งบนตัก ก่อนปลดปล่อยแก่นกายที่ขยายตัวออกมาสู่ภายนอก เจียงอิ้งเย่วสัมผัสถึงความร้อนที่บดเบียดนางอยู่
โจวจื่อหมิงช้อนสะโพกนางขึ้นมาก่อนจะจ่อแก่นกายเข้าไปในกลีบกุหลาบที่บอบบาง
“อื้อออ..”
นางร้องครางเพราะกุหลาบงามนั้นครอบครองกายแกร่งนั้นไว้จนหมด ช่องท้องวูบวาบ ก่อนที่จะถูกเขาเสยสะโพกนางขึ้นลงให้เป็นจังหวะ
“จิ้นเล่อ เจ้าช่วยอ้อมไปอีกทางที”
โจวจื่อหมิงสั่งเพราะไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเขาในตอนนี้
“แต่มันจะถึงจวนแล้ว”
จิ้นเล่อตะโกนบอกสหาย
“ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็จงทำตามคำสั่ง!”
เสียงเข้มพูดก่อนจะกระแทกกายแกร่งเข้าไปในร่างเล็กที่ตอนนี้นางเกร็งและตอดรัดเขาอย่างดี
“อ๊า อื้อ ท่ะ ท่าน”
เจียงอิ้งเย่วที่นั่งบนตักแกร่งถูกเขาดูดดุนอกงามและฝังรอยรักไว้อีกครั้ง ส่วนล่างนั้นขยับเข้าออกจนนางแทบขาดใจเพราะทั้งจุก และเสียวซ่านไปหมด ร่างเล็กที่โยกไปมาตามจังหวะที่เขาจับตัวนางให้ขยับตามยิ่งเพิ่มแรงอารมณ์
“อ่าห์ เย่วเอ๋อร์”
คนตัวโตครางเสียงหลงเพราะตอนนี้นางช่างดูยั่วยวนเขามาก เขากระแทกกายเข้าหากุหลาบงามอย่างบ้างคลั่งจนกระทั่งปลดปล่อยทุกอย่างเข้าไปในตัวนางจนหมดสิ้น แต่เขายังไม่ยอมถอนกายแกร่งนั้นออกมา
“พะ พอเถอะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วบอก นางกลัวว่าจิ้นเล่อจะได้ยินเสียงน่าอายนี้ แต่คนตัวโตกลับไม่สนใจก่อนก้มลงดูดดุนหน้าออกงามอีกครั้ง
“ข้ายังไม่อิ่ม”
เขาบอกก่อนมองหน้านางที่ส่งสายตาต่อว่าเขา
“หากเจ้ายังมองข้าอยู่เช่นนี้ เห็นทีคงต้องให้จิ้นเล่อขี่รถม้าชมเมืองจนถึงตอนเย็นแล้วล่ะ”
เจียงอิ้งเย่วจึงเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเขาอย่างเอาอกเอาใจอย่างยอมจำนน เขายิ้มที่มุมปากก่อนคิดในใจว่า กระต่ายน้อยรู้จักออดอ้อนแล้ว ก่อนเร่งจังหวะรักต่อจนกระทั่งเย็น ถึงกลับจวนทำให้จิ้นเล่อได้แต่คิดในใจว่า ไม่น่า ไม่น่าอาสาขี่รถม้ามาส่งเลยจริง ๆ
เจียงอิ้งเย่วที่ถูกอุ้มเข้ามาในจวนด้วยสภาพที่อ่อนแรงทำให้เสี่ยวถงรีบเข้ามาดูแลนายหญิงอย่างเป็นห่วง แต่ก็พบว่าบนตัวของนายหญิงนั้นล้วนมีแต่ร่องรอยที่ถูกทำโดยท่านแม่ทัพทั้งสิ้นส่วนโจวจื่อหมิงหลังจากที่พานางมาส่งเขาก็กลับไปยังป้อมปราการทันที
“ท่านแม่ทัพจะรังแกน้องเย่วเอ๋อร์เกินไปแล้ว”
มี่จินบอก หลังจากเสี่ยวถงมาบอกนาง
“ข้าว่าเราต้องหาทางที่จะแย่งตัวน้องเย่วเอ๋อร์ให้อยู่ห่างจากเขาดีไหม”
เสี่ยวหนิงเสนอ ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นเราก็ช่วยน้องเย่วเอ๋อร์ดีหรือไม่”
ฟาหวาว่า อินหย่งก็พยักหน้าเห็นด้วย
เจียงอิ้งเย่วรู้สึกแปลกใจที่พี่สาวทั้งห้ามารอนางทันทีที่นางตื่นขึ้นมา
“น้องเย่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
อินหย่งถามก่อนเข้ามาสำรวจตัวเจียงอิ้งเย่วแล้วส่ายหน้า
“ท่านแม่ทัพนี่เกินไป ใช้งานเจ้าไม่ให้พักเลยหรืออย่างไร”
ฟาหวาส่ายหัวกับความเอาแต่ใจของท่านแม่ทัพ
“พวกเราจะปกป้องเจ้าเองดีหรือไม่”
มี่จินบอก
“เอ่อ พี่สาวทั้งห้าเจ้าคะ ข้าไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ แต่ข้าอยากจะชวนพวกท่านไปหมู่บ้านที่นอกด่าน..”
เจียงอิ้งเย่วพูด ก่อนเล่าถึงงานที่เขาให้นางทำที่นอกด่านเลยเอ่ยปากชวนพี่สาวทั้งห้าให้ร่วมด้วย
“ข้าชอบเครื่องประดับ งั้นเราไปช่วยน้องเย่วเอ๋อร์กัน”
เสี่ยวหนิงบอกทุกคนจึงช่วยกันออกแบบเครื่องประดับและลายผ้าให้กับชาวบ้านที่อยู่นอกด่าน
“ข้าว่าเราควรไปสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ด้วยดีไหม คนที่อยู่นอกด่านน่ะไม่ดีรับโอกาสให้เรียนหนังสือเฉกเช่นเด็กในตัวด่านด้วยนะเจ้าคะ”
เจียงอิ้งเย่วเสนอ
“น้องเย่วเอ๋อร์ของพวกเราช่างเก่ง และน่ารักเสียจริง เจ้าลองไปขออนุญาตท่านแม่ทัพดูนะ”
มี่จินชมกับความคิดที่ดูมีประโยชน์ของเจียงอิ้งเย่ว แต่ติดอยู่ที่ท่านแม่ทัพจะอนุญาตหรือไม่
“เจ้าต้องอ้อนเข้าใจหรือไม่”
อินหย่งบอก
“ใช้สายตาออดอ้อน พร้อมเสียงหวาน ๆ นั่นอย่างไร”
ฟาหวาพูดก่อนทำให้ดู ทุกคนต่างหัวเราะมีเพียงเจียงอิ้งเย่วที่หน้าแดงด้วยความอาย
“ข้าจะอ้อนเขาได้จริงหรือคะ”
เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างไม่มั่นใจ
“แค่เป็นเจ้า ท่านแม่ทัพก็ยอมแล้ว เชื่อข้า”
เสี่ยวหนิงบอก ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
จนกระทั่งกลางดึก โจวจื่อหมิงกลับมาถึงจวนเหล่าบรรดาสาวงามจึงแยกย้ายกลับห้องของตน ทิ้งไว้แต่เจียงอิ้งเย่วที่นั่งมองเขาอยู่ที่ห้องโถงอย่างงง ๆ
“ทำอะไรจนดึกดื่น”
โจวจื่อหมิงถาม เขาตามเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของพวกนางมาจนมาเจอคนตัวเล็กที่นั่งคุยและเสนอความเห็นเรื่องช่วยชาวบ้านให้สตรีทั้งห้าฟังอย่างตั้งใจ จนเขาเข้ามาพวกนางจึงขอตัวกลับห้อง
“ข้าแค่มาขอให้พี่สาวช่วยออกแบบลายและเครื่องประดับให้น่ะเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วตอบก่อนมองเขาอย่างเขิน ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่สาวทั้งห้า
“มีอะไรอีกหรือหืม”
เขาตรงเข้ามานั่งก่อนดึงนางให้นั่งตัก ใช้คางเกยไหล่บางแล้วหอมแก้มนางเบา ๆ
“ข้าอยากจะขอท่านพี่ให้พวกเราไปสอนเด็ก ๆ ที่นอกด่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
นางหันหน้าเข้าหาเขาก่อนใช้ขาเกาะเกี่ยวเอวเขาไว้เพราะกลัวตก
“หืมมม หากข้าอนุญาตให้ไปแล้วข้าจะได้อะไรหรือ”
เขาว่าก่อนดึงนางลงมาจูบ รสจูบที่หวานละมุนทำให้เขาแทบอยากจะจับนางกินเสียให้ได้ในตอนนี้
“อื้อ ท่านพี่ข้าก็จะทำอาหารและแต่งตัวให้ท่านอย่างไรเจ้าคะ”
นางบอก ก่อนพยายามสบตาเขาเพื่ออ้อน
“นั่นมันเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ แต่ก็มีบางอย่างที่อยากจะให้เจ้าทำ…หากเจ้าทำได้ ข้าก็ยินดีที่จะให้เจ้าไปนอกด่านได้”
โจวจื่อหมิงว่า แล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์ โดยที่เจียงอิ้งเย่วไม่รู้เลยว่านางจะโดนเขาแกล้งอะไรอีก
“หากข้าทำได้ ข้ายินดีเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วรับคำ ก่อนจะโดนเขาอุ้มขึ้นมาแล้วเดินกลับห้องนอน
“ยอมให้ข้าจับกินได้ในทุกที่…”
เขากระซิบเสียงพร่าก่อนก้มลงจูบนางอีกครั้ง และอีกครั้ง
“ท่านพี่ ข้า ข้า เหนื่อยเจ้าค่ะ”
เจียงอิ้งเย่วก้มหน้างุดก่อนซ่อนความอายไว้ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ นี่เขาจะจับนางกินทุกที่หรืออย่างไรไยจึงมีข้อเสนอเช่นนี้
“วันนี้เจ้าพักเถอะ ใยในหัวคิดแต่เรื่องลามกเล่า”
เขาพูดก่อนวางนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนแล้วยีหัวนางด้วยความมันเขี้ยว เจียงอิ้งเย่วเถียงในใจ ผู้ใดกันแน่ที่สอนนางเรื่องพวกนี้กัน ท่านแม่ทัพบ้า