หมู่บ้านนอกด่าน NC

3308 Words
เช้าวันต่อมา ร่างเล็กที่ถูกคนตัวโตรังแกตั้งแต่เมื่อคืนยืนมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาจับนางกินหลายรอบจนนางแทบยืนไม่ไหว เช้านี้ก็ยังถูกเขาปลุกขึ้นมาอาบน้ำพร้อม ๆ กับเขาอีก “ใยทำหน้าเช่นนั้น หืม” เขาก้มลงมองนางที่ทำสีหน้าไม่ชอบใจ แถมยังทำแก้มป่อง ๆ ให้ดูเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจอีก ดูแล้วก็น่ารักดี แต่นางน่ะหรือจะน่ารัก เขาพูดแย้งเบา ๆ ในใจ “ข้าแค่อยากจะนอนต่ออีกหน่อยนี่นาเจ้าคะ” นางบอกก่อนค่อย ๆ จัดชุดให้เขา โจวจื่อหมิงจึงก้มลงมอบจูบให้นางอีกครั้ง ก่อนเลื่อนลงไปสัมผัสกับกุหลาบงามที่ยังช้ำอยู่ “อ๊ะ ท่านพี่” เจียงอิ้งเย่วพยายามผลักเขาออก “อย่าห้ามข้า” โจวจื่อหมิงว่าก่อนจับขางามแยกออกแล้วละเลงลิ้นชิมน้ำหวานจากกลีบกุหลาบงามอย่างอารมณ์ดี “อึก อ๊า อ๊ะ ท่านพี่ อ๊ะ อ๊า” เจียงอิ้งเย่วครางเสียงหวานอีกครั้ง เพราะปลายลิ้นของเข้านั้นแหย่เข้าไปถึงโพรงสวาทของนางจนนางไม่สามารถกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้ เขาเร่งจังหวะของลิ้นให้เร็วขึ้นจนรู้สึกได้ถุงน้ำหวานที่เอ่อล้นออกมาจากกุหลาบงาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองดูร่างเล็กที่ตอนนี้นางหลับตาพริ้ม แล้วก้มลงจูบที่แก้มเนียนที่ตอนนี้มีเหงื่อซึมออกมาประปราย “หมดแรงแล้วหรือ หืม” เขาถามก่อนดึงนางให้นั่งตักแล้วจัดเสื้อผ้าให้นางอย่างเรียบร้อย แล้วยิ้มอย่างพอใจที่ได้แกล้งนางอีกครั้ง “ท่านแกล้งข้า” นางต่อว่าเขาก่อนพยายามดันตัวเขาออก ทำไมเขาชอบยิ้มแบบนี้กันนะ ยิ้มทีไรนางแทบจะละลายอยู่แล้ว นี่นางเป็นอะไรไป เขาแกล้งนางอยู่นะ “หากเดินไม่ไหว ข้าจะอุ้มเจ้าเอง” โจวจื่อหมิงจ้องหน้านางอีกครั้ง แต่นางลุกออกจากตักเขาพร้อมทำหน้าไม่ชอบใจ “ข้าเดินเองได้” เจียงอิ้งเย่วบอก ขืนให้เขาอุ้มนางออกไปมีหวังพี่สาวทั้งห้าคงได้ล้อนางอย่างแน่นอน วันนี้เขาอนุญาตให้นางไม่ทำกับข้าวได้เพราะถูกเขารังแกจนแทบไม่มีแรง เสี่ยวถงจึงยกน้ำแกงบำรุงมาให้นางและท่านแม่ทัพ เจียงอิ้งเย่วทำหน้าแปลกใจที่เหตุใดอาหารเช้าถึงได้มีแต่น้ำแกง และไข่ลวกเล่า ด้านแม่ทัพก็ทำหน้านิ่ง ๆ คนในจวนของเขาช่างรู้ใจเสียจริงก่อนยกไข่ลวกขึ้นมาดื่ม “อิ่มหรือไม่ หากไม่อิ่มค่อยไปกินที่ป้อมต่อ” เขาบอก “ไปกินที่ป้อม หมายถึงให้ข้าไปด้วยหรือคะ” เจียงอิ้งเย่วทำตาโต นางอยากออกไปข้างนอกจนใจจะขาดแล้ว เขาพยักหน้าตอบ หลังจากกินเสร็จเขาก็พานางมายังหน้าจวน “รอรถม้ามาก่อน” โจวจื่อหมิงบอกก่อนดึงนางให้มายืนข้าง ๆ เขาที่หน้าจวน ทำให้ชาวบ้านต่างมองเจียงอิ้งเย่วด้วยความสนใจที่มีสตรีอยู่ข้าง ๆ เขา “เอ่อ” นางพยายามก้มหน้าเพื่อหลบสายตาที่สงสัยของชาวบ้าน โจวจื่อหมิงที่สังเกตเห็นรถม้าเข้ามาจอดเทียบที่หน้าจวนเขาก็ยื่นมือไปให้นางจับเพื่อขึ้นรถม้าไป “เร็วเถอะน้องหญิง เดี๋ยวพี่จะไปตรวจงานที่ป้อมสาย” โจวจื่อหมิงพูดเสียงดังทำให้ชาวบ้านต่างตกใจกับสรรพนามที่เขาเรียกนาง จนกระซิบกันต่อไปเรื่อย ๆ เจียงอิ้งเย่วรู้สึกประหม่าที่เขาเรียกนางแบบนั้น แต่ก็พยายามนั่งนิ่ง ๆ เมื่อรถม้าเคลื่อนที่ออกไป “อ๊ะ ท่านพี่” เขาดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกอดนางหลวม ๆ “อยู่นิ่ง ๆ” เมื่อถึงป้อมปราการที่มีค่ายทหารตั้งอยู่ เหล่าทหารล้วนแปลกใจที่วันนี้ท่านแม่ทัพนั่งรถม้ามา แต่ยิ่งแปลกใจมากกว่าที่มากับสตรีนางหนึ่งที่ดูน่ารักไม่น้อย “นี่พวกเจ้า ฝึกต่อไปได้แล้ว อยากโดนลงโทษหรือไง” จิ้นเล่อตะโกนสั่ง เพราะสายตาของเหล่าทหารล้วนจดจ้องอยู่แต่กับสตรีข้างกายแม่ทัพพยัคฆ์ “วันนี้งดฝึกได้ พวกเจ้าไปพักเถอะ" ก่อนหันไปมองทหารอีกคน "ข้าจะพานางไปหมู่บ้านนอกด่าน แล้วเตรียมม้าให้ข้าด้วย” โจวจื่อหมิงบอก เหล่าทหารต่างดีใจเพราะปกติแล้วท่านแม่ทัพไม่เคยสั่งให้พักในช่วงสัปดาห์แห่งการฝึก “เอาล่ะ ๆ ไปพักกันได้แล้ว” จิ้นเล่อพูด ก่อนหันมามองเจียงอิ้งเย่วที่ตอนนี้ถูกโจวจื่อหมิงบังนางไว้ “ไยจึงพานางมาที่นี่” “ข้าจะพานางไปหมู่บ้านนอกด่าน เผื่อว่านางจะช่วยอะไรได้บ้าง” โจวจื่อหมิงพูด เพราะเท่าที่เขาอ่านหนังสือที่นางพกมาด้วยนับว่านางสนใจการค้าขายแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมต่างจากบิดาของนางมาก “งั้นข้าไปด้วยแล้วกัน” จิ้นเล่อว่า มีเพียงเจียงอิ้งเย่วคนเดียวที่ไม่รู้ว่าคนตัวโตจะให้นางนั้นทำอะไร “จะให้นางขี่ม้าหรืออย่างไร” เขาถามสหายเพราะรถม้านั้นไม่สามารถเข้าไปยังหมู่บ้านนี้ได้ด้วยถนนที่ขรุขระ และเต็มไปด้วยน้ำแข็ง “นางจะไปกับข้าเอง” โจวจื่อหมิงตอบก่อนมองไปยังทหารที่เตรียมม้าไว้ให้เขาแล้ว เขาให้นางขี่ม้าตัวเดียวกันกับเขาโดยให้นางนั่งข้างหลัง “ขะ ข้ากลัว” เจียงอิ้งเย่วบอกเขาเพราะนางไม่เคยขี่ม้ามาก่อน เขาอุ้มนางให้ไปอยู่บนหลังม้าก่อนที่เขาจะตามขึ้นมา แล้วดึงมือนางให้กอดเอวเขาไว้ “กอดข้าไว้” โจวจื่อหมิงบอก เจียงอิ้งเย่วจึงซุกหน้าลงไปยังแผ่นหลังของเขา ยิ่งขี่ออกมาห่างจากตัวด่าน เขาจึงแกล้งนางให้กอดเขาไว้นาน ๆ ด้วยการขี่ม้าเร็ว ๆ เพื่อที่จะให้ร่างเล็กนั้นไม่ปล่อยมือออกจากเอวเขานั่นเอง ทำให้จิ้นเล่อได้แต่มองบนด้วยความหมั่นไส้สหายมาก แล้วคิดในใจว่า อีกไม่นานเขาคงมีหลานมาวิ่งเล่นแน่นอน จวนของผู้นำหมู่บ้านนอกด่าน “ท่านแม่ทัพ ท่านรองแม่ทัพแล้วเอ่อ แม่นางท่านนี้เชิญเข้ามาข้างในบ้านก่อนเถอะขอรับ อากาศหนาวมากนัก” ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยเชิญทั้งสามคนให้เขาไปในตัวบ้านที่ตอนนี้มีเหล่าตัวแทนของแต่ละบ้านมารออยู่ “เป็นอย่างไรบ้าง” โจวจื่อหมิงเอ่ยถามหัวหน้าหมู่บ้านก่อนนั่งลงที่พื้นบนศาลาที่ชาวบ้านนั่งรวมตัวกันอยู่ “แย่มากเลยเจ้าค่ะ ผลผลิตของชาวบ้านนั้นปลูกไม่ขึ้น ครั้นจะเข้าไปล่าสัตว์ก็อากาศหนาวเหลือเกิน” ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านตอบ “ข้าขอถามได้ไหมเจ้าคะว่า หากเราเลี้ยงไหมแล้วจะสามารถช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้พอที่จะเจือจุนครอบครัวในช่วงนี้หรือไม่” เจียงอิ้งเย่วบอก นางสังเกตเห็นชุมชนในด่านนั้นปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงไหม แต่ไม่ได้มีการแปรรูปใด ๆ “เลี้ยงไหมงั้นหรือแล้วเราจะเลี้ยงเพื่อทอผ้าหรือ” หญิงวัยกลางคนนางหนึ่งเอ่ย “เจ้าค่ะ หากทอผ้าอย่างน้อยก็มีพ่อค้าจากเมืองอื่น ๆ มารับซื้อในราคาที่สมเหตุสมผลได้ในระหว่างที่รออากาศดีขึ้น” เจียงอิ้งเย่วเสนอ เพราะในหมู่บ้านมีทรัพยากรที่คอยสนับสนุนได้ “ฟังแล้วน่าสนใจดี ใบหม่อน กับตัวไหมนั้นเราปลูกและเลี้ยงได้” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านว่า ก่อนหันไปขอความเห็นจากทุก ๆ คนซึ่งทุกคนก็ล้วนพยักหน้าเห็นด้วยทั้งหมด “แล้วหากเราทำลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน สินค้าของเราอาจจะเป็นที่นิยมมากจากคนในเมืองหลวงด้วยนะเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วเสนอต่อ “หากใช้หนังสัตว์มาผสมผสานกันดู น่าจะขายได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนะเจ้าคะ แล้วหากทำเครื่องประดับขายด้วยข้าก็คิดว่าน่าลอง” “แม่นางผู้นี้พูดถูก ที่หมู่บ้านของเรานั้นมีหนังสัตว์มากมาย ล้วนขายไม่ได้ทั้งนั้นเพราะคนในด่านไม่นิยมสวมหนังสัตว์หากลองดัดแปลงดูก็น่าทำดูไม่น้อย” หัวหน้าหมู่บ้านพูด ทุกคนล้วนคล้อยตาม ก่อนที่เจียงอิ้งเย่วจะเข้าไปเสนอความเห็นให้กับชาวบ้าน ในขณะที่โจวจื่อหมิงนั่งมองดูอย่างสบายใจ “ไม่น่าเชื่อว่านางจะทำอะไรแบบนี้ได้” จิ้นเล่อพูดก่อนมองสหายที่ดูภูมิใจจนน่าหมั่นไส้ “ภูมิใจในตัวภรรยาหรืออย่างไร” “หึ อย่างน้อยนางก็ทำตัวมีประโยชน์บ้าง” โจวจื่อหมิงบอกก่อนเดินไปหาเจียงอิ้งเย่วที่ลองวาดแบบเครื่องประดับให้คนในชุมชนดูหลายชั่วยามผ่านไปจนคนในหมู่บ้านเข้าใจว่าต้องทำอย่างไรแล้ว “ถ้าเช่นนั้นข้าจะพยายามมาหาพวกท่านบ่อย ๆ นะเจ้าคะเผื่อจะช่วยแนะนำอะไรเพิ่มเติม” เจียงอิ้งเย่วพูด ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านต่างยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “หิวหรือยัง” โจวจื่อหมิงถามคนตัวเล็กทันทีที่ขี่ม้ากลับด่าน “ข้าง่วงเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วตอบก่อนหลับไปในที่สุด โจวจื่อหมิงจึงยิ้มอย่างพอใจ สงสัยวันนี้นางจะเหนื่อยมากสินะ “นางหลับแล้วหรือ” ระหว่างทางจิ้นเล่อเอ่ยถามสหายทันทีเพราะเจียงอิ้งเย่วดูนิ่งไปแล้ว “อืม” โจวจื่อหมิงตอบสั้น ๆ เมื่อถึงค่ายทหารแล้วเขาก็อุ้มนางไปห้องพักของตนเพราะไม่อยากรบกวนคนตัวเล็ก เขาค่อย ๆ วางนางลงอย่างเบามือบนเตียงนอน ก่อนผละออกมาข้างนอกที่มีจิ้นเล่อนั่งดื่มสุราอยู่ “ข้าไม่ค่อยเข้าใจเจ้านัก ไหนว่าเกลียดนางอย่างไรเล่า” จิ้นเล่อถาม และรินสุราให้สหาย “แล้วเหตุใดเจ้าต้องมายุ่งเรื่องของนางกับข้าด้วย” โจวจื่อหมิงตอบก่อนมองจิ้นเล่ออย่างกวน ๆ จิ้นเล่อจึงส่ายหัวให้กับสหายที่ปากแข็งของตน เช้าวันต่อมา เจียงอิ้งเย่วตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เพราะนางได้นอนเต็มอิ่ม แต่ที่น่าแปลกใจคือนางตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่ใช่ห้องนอนของนาง ก่อนจะได้กลิ่นอาหารที่คนตัวโตยกเข้ามาพอดี “หอมจัง” เจียงอิ้งเย่วบอกก่อนนั่งลงบนโต๊ะด้วยความหิว “โจ๊กปลาน่ะ กินเถิด” โจวจื่อหมิงบอกก่อนคนตัวเล็กจะตักกินโจ๊กด้วยความหิว “กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงทำอย่างอื่น” โจวจื่อหมิงพูด ทำให้เจียงอิ้งเย่วสำลักทันทีที่ได้ยิน “แค่ก แค่ก” เจียงอิ้งเย่วไอก่อนจะจิบน้ำชาเพื่อช่วยให้ดีขึ้นก่อนมองคนตัวโตที่ทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็พานางนั่งรถม้ากลับจวนโดยที่จิ้นเล่ออาสาขี่รถม้าให้ “อ๊ะ ท่านพี่” เจียงอิ้งเย่วตกใจที่เขาใช้ฝ่ามือลูบล้วงเข้าไปใต้ชุดของนาง เกี่ยวชั้นในให้พ้นทางก่อนสอดแทรกนิ้วร้อนเข้าสู่โพรงกุหลาบงาม และถูไถติ่งไตที่อ่อนไหว “อ๊ะ อื้อ..” นางส่งเสียงหวานครางออกมาก่อนถูกคนตัวโตใช้ริมฝีปากบดเคล้าเข้าหา และสอดนิ้วเรียวเข้าไปในโพรงสวาทอย่างซาบซ่าน จนนางแทบทนไม่ไหว “อย่าร้องดังเล่า เดี๋ยวจิ้นเล่อได้ยิน” เขากระซิบบอกนางก่อนตักตวงความหวานอันคุ้นเคย เจียงอิ้งเย่วที่ขยับสะโพกรับนิ้วเรียวของเขาก่อนดึงนางเข้ามานั่งบนตัก ก่อนปลดปล่อยแก่นกายที่ขยายตัวออกมาสู่ภายนอก เจียงอิ้งเย่วสัมผัสถึงความร้อนที่บดเบียดนางอยู่ โจวจื่อหมิงช้อนสะโพกนางขึ้นมาก่อนจะจ่อแก่นกายเข้าไปในกลีบกุหลาบที่บอบบาง “อื้อออ..” นางร้องครางเพราะกุหลาบงามนั้นครอบครองกายแกร่งนั้นไว้จนหมด ช่องท้องวูบวาบ ก่อนที่จะถูกเขาเสยสะโพกนางขึ้นลงให้เป็นจังหวะ “จิ้นเล่อ เจ้าช่วยอ้อมไปอีกทางที” โจวจื่อหมิงสั่งเพราะไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเขาในตอนนี้ “แต่มันจะถึงจวนแล้ว” จิ้นเล่อตะโกนบอกสหาย “ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็จงทำตามคำสั่ง!” เสียงเข้มพูดก่อนจะกระแทกกายแกร่งเข้าไปในร่างเล็กที่ตอนนี้นางเกร็งและตอดรัดเขาอย่างดี “อ๊า อื้อ ท่ะ ท่าน” เจียงอิ้งเย่วที่นั่งบนตักแกร่งถูกเขาดูดดุนอกงามและฝังรอยรักไว้อีกครั้ง ส่วนล่างนั้นขยับเข้าออกจนนางแทบขาดใจเพราะทั้งจุก และเสียวซ่านไปหมด ร่างเล็กที่โยกไปมาตามจังหวะที่เขาจับตัวนางให้ขยับตามยิ่งเพิ่มแรงอารมณ์ “อ่าห์ เย่วเอ๋อร์” คนตัวโตครางเสียงหลงเพราะตอนนี้นางช่างดูยั่วยวนเขามาก เขากระแทกกายเข้าหากุหลาบงามอย่างบ้างคลั่งจนกระทั่งปลดปล่อยทุกอย่างเข้าไปในตัวนางจนหมดสิ้น แต่เขายังไม่ยอมถอนกายแกร่งนั้นออกมา “พะ พอเถอะเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วบอก นางกลัวว่าจิ้นเล่อจะได้ยินเสียงน่าอายนี้ แต่คนตัวโตกลับไม่สนใจก่อนก้มลงดูดดุนหน้าออกงามอีกครั้ง “ข้ายังไม่อิ่ม” เขาบอกก่อนมองหน้านางที่ส่งสายตาต่อว่าเขา “หากเจ้ายังมองข้าอยู่เช่นนี้ เห็นทีคงต้องให้จิ้นเล่อขี่รถม้าชมเมืองจนถึงตอนเย็นแล้วล่ะ” เจียงอิ้งเย่วจึงเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเขาอย่างเอาอกเอาใจอย่างยอมจำนน เขายิ้มที่มุมปากก่อนคิดในใจว่า กระต่ายน้อยรู้จักออดอ้อนแล้ว ก่อนเร่งจังหวะรักต่อจนกระทั่งเย็น ถึงกลับจวนทำให้จิ้นเล่อได้แต่คิดในใจว่า ไม่น่า ไม่น่าอาสาขี่รถม้ามาส่งเลยจริง ๆ เจียงอิ้งเย่วที่ถูกอุ้มเข้ามาในจวนด้วยสภาพที่อ่อนแรงทำให้เสี่ยวถงรีบเข้ามาดูแลนายหญิงอย่างเป็นห่วง แต่ก็พบว่าบนตัวของนายหญิงนั้นล้วนมีแต่ร่องรอยที่ถูกทำโดยท่านแม่ทัพทั้งสิ้นส่วนโจวจื่อหมิงหลังจากที่พานางมาส่งเขาก็กลับไปยังป้อมปราการทันที “ท่านแม่ทัพจะรังแกน้องเย่วเอ๋อร์เกินไปแล้ว” มี่จินบอก หลังจากเสี่ยวถงมาบอกนาง “ข้าว่าเราต้องหาทางที่จะแย่งตัวน้องเย่วเอ๋อร์ให้อยู่ห่างจากเขาดีไหม” เสี่ยวหนิงเสนอ ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นเราก็ช่วยน้องเย่วเอ๋อร์ดีหรือไม่” ฟาหวาว่า อินหย่งก็พยักหน้าเห็นด้วย เจียงอิ้งเย่วรู้สึกแปลกใจที่พี่สาวทั้งห้ามารอนางทันทีที่นางตื่นขึ้นมา “น้องเย่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” อินหย่งถามก่อนเข้ามาสำรวจตัวเจียงอิ้งเย่วแล้วส่ายหน้า “ท่านแม่ทัพนี่เกินไป ใช้งานเจ้าไม่ให้พักเลยหรืออย่างไร” ฟาหวาส่ายหัวกับความเอาแต่ใจของท่านแม่ทัพ “พวกเราจะปกป้องเจ้าเองดีหรือไม่” มี่จินบอก “เอ่อ พี่สาวทั้งห้าเจ้าคะ ข้าไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ แต่ข้าอยากจะชวนพวกท่านไปหมู่บ้านที่นอกด่าน..” เจียงอิ้งเย่วพูด ก่อนเล่าถึงงานที่เขาให้นางทำที่นอกด่านเลยเอ่ยปากชวนพี่สาวทั้งห้าให้ร่วมด้วย “ข้าชอบเครื่องประดับ งั้นเราไปช่วยน้องเย่วเอ๋อร์กัน” เสี่ยวหนิงบอกทุกคนจึงช่วยกันออกแบบเครื่องประดับและลายผ้าให้กับชาวบ้านที่อยู่นอกด่าน “ข้าว่าเราควรไปสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ด้วยดีไหม คนที่อยู่นอกด่านน่ะไม่ดีรับโอกาสให้เรียนหนังสือเฉกเช่นเด็กในตัวด่านด้วยนะเจ้าคะ” เจียงอิ้งเย่วเสนอ “น้องเย่วเอ๋อร์ของพวกเราช่างเก่ง และน่ารักเสียจริง เจ้าลองไปขออนุญาตท่านแม่ทัพดูนะ” มี่จินชมกับความคิดที่ดูมีประโยชน์ของเจียงอิ้งเย่ว แต่ติดอยู่ที่ท่านแม่ทัพจะอนุญาตหรือไม่ “เจ้าต้องอ้อนเข้าใจหรือไม่” อินหย่งบอก “ใช้สายตาออดอ้อน พร้อมเสียงหวาน ๆ นั่นอย่างไร” ฟาหวาพูดก่อนทำให้ดู ทุกคนต่างหัวเราะมีเพียงเจียงอิ้งเย่วที่หน้าแดงด้วยความอาย “ข้าจะอ้อนเขาได้จริงหรือคะ” เจียงอิ้งเย่วพูดอย่างไม่มั่นใจ “แค่เป็นเจ้า ท่านแม่ทัพก็ยอมแล้ว เชื่อข้า” เสี่ยวหนิงบอก ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย จนกระทั่งกลางดึก โจวจื่อหมิงกลับมาถึงจวนเหล่าบรรดาสาวงามจึงแยกย้ายกลับห้องของตน ทิ้งไว้แต่เจียงอิ้งเย่วที่นั่งมองเขาอยู่ที่ห้องโถงอย่างงง ๆ “ทำอะไรจนดึกดื่น” โจวจื่อหมิงถาม เขาตามเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของพวกนางมาจนมาเจอคนตัวเล็กที่นั่งคุยและเสนอความเห็นเรื่องช่วยชาวบ้านให้สตรีทั้งห้าฟังอย่างตั้งใจ จนเขาเข้ามาพวกนางจึงขอตัวกลับห้อง “ข้าแค่มาขอให้พี่สาวช่วยออกแบบลายและเครื่องประดับให้น่ะเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วตอบก่อนมองเขาอย่างเขิน ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่สาวทั้งห้า “มีอะไรอีกหรือหืม” เขาตรงเข้ามานั่งก่อนดึงนางให้นั่งตัก ใช้คางเกยไหล่บางแล้วหอมแก้มนางเบา ๆ “ข้าอยากจะขอท่านพี่ให้พวกเราไปสอนเด็ก ๆ ที่นอกด่านได้หรือไม่เจ้าคะ” นางหันหน้าเข้าหาเขาก่อนใช้ขาเกาะเกี่ยวเอวเขาไว้เพราะกลัวตก “หืมมม หากข้าอนุญาตให้ไปแล้วข้าจะได้อะไรหรือ” เขาว่าก่อนดึงนางลงมาจูบ รสจูบที่หวานละมุนทำให้เขาแทบอยากจะจับนางกินเสียให้ได้ในตอนนี้ “อื้อ ท่านพี่ข้าก็จะทำอาหารและแต่งตัวให้ท่านอย่างไรเจ้าคะ” นางบอก ก่อนพยายามสบตาเขาเพื่ออ้อน “นั่นมันเป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ แต่ก็มีบางอย่างที่อยากจะให้เจ้าทำ…หากเจ้าทำได้ ข้าก็ยินดีที่จะให้เจ้าไปนอกด่านได้” โจวจื่อหมิงว่า แล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์ โดยที่เจียงอิ้งเย่วไม่รู้เลยว่านางจะโดนเขาแกล้งอะไรอีก “หากข้าทำได้ ข้ายินดีเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วรับคำ ก่อนจะโดนเขาอุ้มขึ้นมาแล้วเดินกลับห้องนอน “ยอมให้ข้าจับกินได้ในทุกที่…” เขากระซิบเสียงพร่าก่อนก้มลงจูบนางอีกครั้ง และอีกครั้ง “ท่านพี่ ข้า ข้า เหนื่อยเจ้าค่ะ” เจียงอิ้งเย่วก้มหน้างุดก่อนซ่อนความอายไว้ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ นี่เขาจะจับนางกินทุกที่หรืออย่างไรไยจึงมีข้อเสนอเช่นนี้ “วันนี้เจ้าพักเถอะ ใยในหัวคิดแต่เรื่องลามกเล่า” เขาพูดก่อนวางนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนแล้วยีหัวนางด้วยความมันเขี้ยว เจียงอิ้งเย่วเถียงในใจ ผู้ใดกันแน่ที่สอนนางเรื่องพวกนี้กัน ท่านแม่ทัพบ้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD